GARDENS OF EDEN เปิดตัวเฟสสอง ชูที่อยู่อาศัยเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม และการใช้ชีวิตสีเขียวสำหรับกลุ่มครอบครัว
Gardens of Eden (การ์เด้น ออฟ อีเดน) มิกซ์ยูสระดับลักชัวรี่ แลนมาร์คแห่งล่าสุดบนหาดบางเทา ภูเก็ต ภายใต้การพัฒนาของ กลุ่มบริษัทอมอล (Amal Group of Companies) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ระดับนานาชาติ เปิดตัวเฟสที่สอง “Park Residences” (ปาร์ค เรสซิเดนเซส) ที่อยู่อาศัยแนวคิดการใช้ชีวิตสีเขียว โอบล้อมด้วยสวนธรรมชาติและความยั่งยืน ตั้งเป้าดึงกลุ่มครอบครัวไฮเอนด์จากทั่วทุกมุมโลกที่วางแผนย้ายมาอยู่บนเกาะภูเก็ตในอนาคต
“Park Residences” จะเป็นที่อยู่อาศัยที่ชูคอนเซปต์การใช้ชีวิตสีเขียวและความเป็นอยู่ที่ดีที่สมดุลมาสู่ชีวิตรุ่นต่อไปอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นโครงการที่ดึงดูดความสนใจในระดับไฮเอนด์จากผู้ซื้อจากต่างประเทศอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวที่มีความตั้งใจอยากมาอยู่อาศัยบนเกาะภูเก็ตในอนาคต
ความพิเศษของโปรเจกต์ที่อยู่อาศัยเฟสใหม่นี้ คือการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการรับรองในระดับสากล เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนด้วยการสร้างชีวมณฑลทางธรรมชาติที่ยั่งยืนอย่างระมัดระวัง ตลอดทั้งการพัฒนาได้รับการสนับสนุนจากแนวทางปฏิบัติด้านการอนุรักษ์พลังงานระดับแนวหน้า และมีพื้นที่ธรรมชาติอันสมบูรณ์ เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เจริญเติบโตในชุมชนที่ปลอดภัย โดยโซนที่อยู่อาศัยจะถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นที่เพียง 30% ในขณะที่ 70% จะเป็นพื้นที่สีเขียว และที่จอดรถทั้งหมดจะอยู่ชั้นใต้ดิน
ราวี จันดราน (Ravi Chandran) ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการองค์กร กล่าวว่า “เป็นเรื่องสำคัญมากที่ Gardens of Eden ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตสีเขียว เนื่องจากผู้ซื้อต้องการซื้อวิถีชีวิตบนเกาะภูเก็ตซึ่งเกี่ยวกับธรรมชาติและความสวยงาม วิสัยทัศน์คือการมีสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับครอบครัว ซึ่งเราจะเป็นผู้นำในเรื่องที่สำคัญที่สุดของโลกบนเกาะนี้”
ด้าน คุณจีรวรรณ ศรีเพ็ชรดานนท์ ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการ Intrinsics บริษัทที่ปรึกษาด้านความยั่งยืนและความเป็นอยู่ที่ดี ในฐานะผู้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาภูมิทัศน์ของโครงการ Gardens of Eden เผยว่า “Gardens of Eden นับเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยในจังหวัดภูเก็ตให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความยั่งยืนและความจำเป็นในการสร้างความตระหนักรู้ถึงความรับผิดชอบร่วมกันในโครงการริเริ่มสีเขียว ความยั่งยืน และวิถีชีวิตที่กระฉับกระเฉงมีสุขภาพดี ซึ่งโครงการนี้ทำให้เรามีโอกาสที่จะฟื้นฟูค่าความหนาแน่นของชีวมวลของที่ดิน ซึ่งจะมีประสิทธิภาพสูงในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่เป็นอันตราย และสร้างความยั่งยืนผ่านสิ่งอำนวยความสะดวกที่ผู้อยู่อาศัย ที่ยั่งสามารถเพลิดเพลินได้ในขณะเดียวกับการรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น การสร้างสระว่ายน้ำธรรมชาติที่ใช้น้ำฝนที่ได้รับการบำบัดตามธรรมชาติจากพื้นที่ชุ่มน้ำ และผ่านการบำบัดน้ำเพิ่มเติมเพื่อให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น”