[1st Impression] Noble TERRA Rama 9 – Ekamai แตกต่างอย่างมีชั้นเชิง กับประสบการณ์การใช้ชีวิตใจกลางเมืองที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
เริ่ม 39-80 ล้านบาท* เปิดชมบ้านตัวอย่างและเปิดจะขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 – 3 กันยายนนี้ ลงทะเบียนพร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษ https://bit.ly/3QRVtAM
เป็นที่ทราบกันดีว่าปีนี้โนเบิล มีโครงการแนวราบน่าสนใจเยอะเลยครับ โดยที่ผ่านๆมาเราก็ทยอยเห็นโครงการใหม่มาหลายโครงการ บนทำเลที่ต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นโครงการแนว Urban Home ดีไซน์เด่น ที่ให้ประโยชน์ใช้สอยในรูปแบบทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศครับ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ Nue Connex Bizz Don Mueang, Nue Hybe Suksawat, Nue Verse กรุงเทพกรีฑา โดยที่โครงการในสไตล์บ้านเดี่ยวก็น่าจะเตรียมเปิดขายเต็มทีแล้วกับ Nue Shade ราชพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ และ Noble Norse กรุงเทพกรีฑา แต่ไฮไลท์ที่เป็น Big Move ที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่งก็คือ โครงการ Noble TERRA Rama 9 – Ekamai (โนเบิล เทอร์รา พระราม 9 – เอกมัย) และ NOBLE AQUA RIVERFRONT RATBURANA (โนเบิล เอควา ริเวอร์ฟรอนท์ ราษฎร์บูรณะ) ซึ่งเป็น 2 โครงการในกลุ่มตลาด Ultra Luxury Home ซึ่งฮอตปรอทแตกมากๆในรอบปีที่ผ่านมาจากการที่ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ทุกรายพากันส่งโครงการเข้ามาชิงชัยความเป็นหนึ่งในใจกลุ่ม Real Demand แบบครอบครัวที่มีกำลังซื้อสูงบนทำเล Extension Business District รอบกรุงเทพฯครับ โดย 2 โครงการดังกล่าวจากโนเบิลนั้นได้มอบความหรูหราในแบบฉบับที่แตกต่างออกไปจากโครงการที่เราเห็นทั่วไปในตลาด ตามปรัชญา be different, be noble และมีชื่อเรียกเฉพาะซีรีส์ว่าเป็น “The Rare Selection by Noble” ซึ่งวันนี้ผมได้มีโอกาสได้มาพิสูจน์ถึงความ “Rare” ด้วยตาตัวเองถึงโครงการ Noble TERRA Rama 9 – Ekamai ที่เค้าสร้างเสร็จสมบูรณ์เป็นแห่งแรกครับ
“…เพราะเราเชื่อว่า คนที่แตกต่างย่อมมองหาสิ่งที่ไม่เหมือนใคร จึงเกิดเป็นบ้านเดี่ยวระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี่ภายใต้คอลเลคชัน “THE RARE SELECTION BY NOBLE” คัดสรรที่สุดของทำเลหายากของกรุงเทพฯ ผสานการออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในแต่ละทำเล เพื่อให้เกิดประสบการณ์ในการอยู่อาศัยแบบไม่ซ้ำใคร การมีบ้านในเมืองอาจถูกจำกัดด้วยขนาดของที่ดิน ทำให้การที่จะมีพื้นที่สวนขนาดใหญ่ภายในบ้านอาจเป็นไปได้ยาก โจทย์หลักก็คือทำอย่างไรให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการได้สัมผัสกับธรรมชาติให้ได้มากที่สุด โครงการโนเบิล เทอร์รา พระราม 9 – เอกมัย ตั้งอยู่ใจกลางพระราม 9 ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจใหม่ของกรุงเทพ เดินทางสะดวกเพราะเชื่อมต่อกับถนนสายหลักหลากหลายสาย ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน และรถไฟฟ้าถึง 3 สาย แวดล้อมไปด้วยอาคารสำนักงาน โรงพยาบาลขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นย่านที่เป็นศูนย์รวมโรงเรียนนานาชาติถึง 7 โรงเรียนด้วยกัน…” คุณอรนุช อิติโกศิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
สำหรับแนวคิดในการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว Ultra Luxury ในคอลเลคชัน ‘THE RARE SELECTION BY NOBLE’ นั้นมีจุดประสงค์เพื่อให้ Fit in กับความต้องการของกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยที่สะท้อนรสนิยมอันแตกต่างไม่เหมือนใคร ทั้งในแง่อัตลักษณ์ของการดีไซน์ และประสบการณ์ในการอยู่อาศัย ที่ถ่ายทอดผ่านองค์ประกอบของความหายากต่างๆ ได้แก่
– RARE LOCATION การคัดสรรที่ดินที่มีความพิเศษมาใช้ในการพัฒนาโครงการ ซึ่งนอกเหนือจากจะต้องเป็นทำเลที่เดินทางสะดวกและแวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันแล้ว ยังต้องเป็นที่ดินที่มีอยู่เพียงจำกัด เป็นที่ต้องการ และยากที่จะครอบครองเท่านั้น
– RARE DESIGN การออกแบบที่มุ่งเน้นการสร้างอัตลักษณ์แตกต่าง ทั้งในแง่ของความสวยงามของอาคารภายนอก และฟังก์ชั่นพิเศษภายใน ที่มีเฉพาะในแต่ละโครงการและไม่สามารถพบเห็นได้จากโครงการอื่นๆ
– RARE EXPERIENCE การส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่แตกต่าง ผ่านการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมภายในโครงการ ที่ให้ผู้อยู่อาศัยได้เป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติ ทำให้เกิดประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สะดวกสบายและยั่งยืน”
สำหรับโครงการ โนเบิล เทอร์รา พระราม 9 – เอกมัย (Noble TERRA Rama 9 – Ekamai) บ้านเดี่ยว 3 ชั้น บนที่ดินขนาด 50 – 88 ตารางวา มอบพื้นที่ใช้สอยขนาด 382 – 498 ตรม. มีจำนวนเพียง 29 หลัง บนที่ดิน 8 ไร่ มอบความเป็น Rare Location คือ ตั้งอยู่บนย่านเลียบด่วน เอกมัย – รามอินทรา ช่วงต้น (ซอยจำเนียรเสริม) เชื่อมต่อทั้งฝั่งเลียบด่วนจากทางซอยประดิษฐ์มนูธรรม 1 และฝั่งพระราม 9 จากถนนพระราม 9 ซอย 17 ที่ลัดเลาะออกถนนเทียมร่วมมิตรได้ จึงนับว่าเป็นย่าน Residential Area ที่แทบจะเป็นหนึ่งเดียวกับ CBD พระราม 9 – รัชดาภิเษก และด้วยความที่อยู่บนถนนประดิษฐ์มนูธรรมช่วงต้นมากๆ จึงทำให้เชื่อมต่อสู่เอกมัย-ทองหล่อ และอโศก-เพชรบุรี และพื้นที่อื่นๆ ของกรุงเทพมหานครฯผ่านทางพิเศษฉลองรัช ได้อย่างสะดวกสบาย รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และสถานที่สำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้า โรงเรียนนานาชาติ และโรงพยาบาล อีกทั้งยังไม่ไกลจากสถานีรถไฟใต้ดินสายสีส้มอย่างสถานีรฟม. รวมถึงสถานีร่วมในอนาคตอย่างสถานีรถไฟใต้ดินศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และยังมีแนวโน้มที่จะมีโครงการขนาดใหญ่เกิดขึ้นอีกมากมายในอนาคต
ในส่วนของ Rare Design ทางโครงการได้นำ Pain Point ของการพัฒนาบ้านเดี่ยวในเมืองที่ อาจถูกจำกัดด้วยขนาดของที่ดิน ทำให้การที่จะมีพื้นที่สวนขนาดใหญ่ภายในบ้านอาจเป็นไปได้ยาก มาเป็นโจทย์หลักในการพัฒนางานดีไซน์ให้ได้สัมผัสกับธรรมชาติให้ได้มากที่สุด บนแนวคิด “Oneness with Nature” หรือการหลอมรวมชีวิตเข้ากับธรรมชาติ จากการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัท แอนโนนีม จำกัด (ANONYM) บริษัทสถาปนิกซึ่งมีประสบการณ์ในการออกแบบบ้านแบบ Private Residence หลายแห่ง ซึ่งให้ความสำคัญกับการนำเอาองค์ประกอบของธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการอยู่อาศัย จนออกมาเป็น 3 องค์ประกอบหลัก เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และแตกต่างจากโครงการอื่นคือ
– CONNECTING การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติ สเปซ และผู้อยู่อาศัย ผ่านโถงต้นไม้กลางบ้าน (Triple-Volume Connecting Tree Court ) สูง 11 เมตร ซึ่งเป็นไฮไลท์ฟังก์ชัน ที่ดึงธรรมชาติจากภายนอกสู่ภายใน ด้วยต้นไม้ใหญ่บริเวณคอร์ทกลางบ้านแบบอินดอร์ เปิดรับแสงธรรมชาติ ลม อากาศ และความผ่อนคลายจากพื้นที่สีเขียวสู่ตัวบ้านได้อย่างเต็มที่ตลอดทั้งวัน เป็นจุดศูนย์กลางที่เชื่อมต่อทุกคนในบ้านกับต้นไม้ สายลม และแสงแดด รวมถึงเป็นพื้นที่ที่ทำให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวมองเห็นกันได้ตลอดเวลาแม้ไม่ได้อยู่ในจุดเดียวกัน
– GROUNDING สร้างสิ่งแวดล้อมให้ผู้อยู่อาศัยสงบและกลับมาสู่จุดสมดุลเหมือนได้กลับมาชาร์จพลังชีวิตทุกครั้งที่กลับบ้าน ผ่านธรรมชาติ ความเงียบสงบเป็นส่วนตัว ที่ซ่อนไว้ในการออกแบบองค์ประกอบต่างๆ เช่น การจัดวางผังบ้านให้มีพื้นที่สีเขียวเชื่อมต่อถึงกันตลอดทั้งบ้าน พร้อม Outdoor terrace ระเบียงกึ่งเอ้าท์ดอร์ที่สามารถใกล้ชิดกับธรรมชาติยิ่งขึ้น
– SELF SUFFICIENT การอยู่อาศัยแบบพึ่งพาตัวเอง ด้วยการออกแบบให้ใช้พลังงานน้อยลง พึ่งพาธรรมชาติมากขึ้น เพราะสามารถเปิดรับแสงแดดจาก Sky Roof และช่องแสงขนาดใหญ่ ทำให่ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟตลอดเวลา รวมทั้งสามารถเปิดรับลม และเพิ่มการถ่ายเทอากาศได้จากทุกมุมของบ้าน รวมถึงติดตั้ง ระบบ Air Quality System เพิ่มอากาศบริสุทธิ์ภายในบ้านให้ได้มากยิ่งขึ้น
ในส่วนของการออกแบบประสบการณ์ในการอยู่อาศัย (Rare Experience) โครงการมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Double-Gate Security และ ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง Private Sanctuary Clubhouse ประกอบไปด้วย ฟิตเนส สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ ผนังน้ำตกที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศผ่อนคลาย Guest Lounge สำหรับรับรองแขกหรือเพื่อนฝูงจากภายนอก Co – Kitchen Space รวมไปถึง Sensory Garden สวนกลางสีเขียวด้านในโครงการ