เจาะลึกเส้นทาง จากการเป็นผู้ผลิตอากาศยาน สู่การเป็นผู้ผลิตออฟฟิศเฟอร์นิเจอร์ ของ OKAMURA แบรนด์เฟอร์นิเจอร์สัญชาติญี่ปุ่นที่ครองใจคนทั่วโลก
จากยุคสมัยที่สำนักงานขององค์กรต่างๆ นิยมใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันเป็นหลัก สู่ความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันที่นอกจากตอบโจทย์การใช้งานแล้ว ออฟฟิศเฟอร์นิเจอร์จะต้องผสมผสานงานดีไซน์ให้สอดคล้องกับฟังก์ชันและไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน รวมถึงสามารถจัดสรรพื้นที่ภายในสำนักงานได้อย่างลงตัว โอคามูระ (Okamura) แบรนด์เฟอร์นิเจอร์สำนักงานสัญชาติญี่ปุ่น ที่เติบโตมาจากยุคสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้ถ่ายทอด DNA จากรุ่นสู่รุ่น โดยเฉพาะประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม เทคโนโลยี และนวัตกรรม ที่ถูกนำมาปรับใช้เพื่อผลิตสินค้าให้ลูกค้าแต่ละยุคสมัย จนปัจจุบันกลายเป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ออฟฟิศระดับโลก ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของออฟฟิศทุกรูปแบบ
บนเส้นทาง 76 ปี ของโอคามูระ ภายใต้ความตั้งใจของ เคนชิโร โยชิวาร่า (Kenjiro Yoshiwara) วิศวกรอากาศยานจาก Japan Aircraft Manufacturing บริษัทผลิตเครื่องบินของญี่ปุ่นและคณะรวม 12 คน ซึ่งแต่ละคนล้วนมีจุดมุ่งหมายและประสบการณ์จากการทำงานในที่เดียวกัน ได้ร่วมมือกันสร้างโรงงานแห่งแรกขึ้นในเมืองโอคามูระ โยโกฮาม่า เมื่อปี 1945 ซึ่งขณะนั้นเป็นปีสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2
หากมองย้อนกลับไปในยุคนั้น ผู้คนญี่ปุ่นต่างต้องการอุปกรณ์ยังชีพต่างๆ เพื่อใช้ในช่วงหลังสงคราม โอคามูระ ได้นำดีมานด์เหล่านั้น มาผลิตเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านที่มีความทนทาน ได้แก่ กาต้มน้ำไฟฟ้า, กระทะ, เตาอบ, กล่องอาหาร, กล่องดินสอ, ที่เขี่ยบุหรี่ เรียกได้ว่า โอคามูระ เป็นโรงงานผลิตสินค้าจากเหล็กแบบ Everyday-Use จนกระทั่งฝีมือและความสามารถด้านวิศกรรมของเคนชิโร และคณะทั้งหมดที่มีความเชี่ยวชาญแตกต่างกันเป็นที่เลื่องลือ กองทัพสหรัฐฯ ซึ่งมีฐานทัพอยู่ในญี่ปุ่น จึงได้สั่งให้โรงงานผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กระโปรงรถ, ฝาปิดหม้อน้ำ, ป้ายทะเบียนรถ และโอกาสของเส้นทางการผลิตเฟอร์นิเจอร์ก็ได้เกิดขึ้นในช่วงนี้ เมื่อคลับของกองทัพสหรัฐฯ ได้สั่งผลิตโต๊ะทำงานเหล็กเพื่อนำมาใช้งานแทนโต๊ะทำงานไม้ที่นิยมใช้ในขณะนั้น แต่กลับดูแลยาก ไม่แข็งแรง และไม่ทนต่อความร้อนเหมือนโต๊ะที่ผลิตจากเหล็ก ทำให้โมเดลโต๊ะทำงานชิ้นแรกอย่าง “Office Master” ได้กำเนิดขึ้น
หลังจากนั้น โอคามูระ ก็เติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะด้วยหัวใจในความเป็นวิศวกร การทำงานที่เน้นความละเอียดและประสบการณ์ในการผลิตเครื่องบินของคณะผู้ก่อตั้ง ทำให้ในปี 1952 โอคามูระได้เข้าร่วมการผลิตเครื่องบินกับมหาวิทยาลัยญี่ปุ่น เพื่อผลิตเครื่องบิน N-52 ซึ่งเป็นเครื่องบินใบพัดลำแรกจนสำเร็จในปีถัดมา และด้วยผลงานในครั้งนี้เอง โอคามูระ จึงกลายเป็นผู้นำด้านวิศวกรรมของญี่ปุ่น
และไม่เพียงการผลิตเครื่องบินเท่านั้น โอคามูระ ได้เข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยการประสบความสำเร็จในการผลิตและพัฒนาชุดตัดต่อกำลังของรถยนต์ (ทอร์คคอนเวอร์เตอร์) และเป็นผู้นำในการผลิตชิ้นส่วนเรื่อยมา ระหว่างนั้นโอคามูระได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านวิศวกรรมยานยนต์ด้วยการผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า “Mikasa” ในปี 1955 และได้ก้าวเข้าสู่วงการรถยนต์เต็มขั้นด้วยการผลิตรถแวน 2 รุ่น ตามมาด้วยการสร้างโมเดลรถสปอร์ตอีกด้วย และถึงแม้ว่าภายหลัง โอคามูระ ต้องออกจากวงการการผลิตรถยนต์ แต่รถยนต์ ‘โอคามูระ’ ก็ได้อยู่ในระดับแถวหน้าของวงการยานยนต์ในยุคนั้น
หลังจากนั้น โอคามูระ ได้แตกไลน์ผลิตเฟอร์นิเจอร์สำนักงานอย่างจริงจัง พร้อมกับการขยายโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ไปยังทั่วเมืองใหญ่ในญี่ปุ่น ได้แก่ เมือง Osaka, Kanagawa, Ibaraki, Shizuoka ฯลฯ และเปิดโชว์รูมในฝั่งอเมริกาและยุโรป จวบจนปัจจุบันนี้
ถึงแม้วันเวลาจะผ่านไปในแต่ละยุคสมัย สิ่งที่ยังคงอยู่คือความพิถีพิถันในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ซึ่งคีย์หลักในการก้าวสู่การเป็นที่สุดของแบรนด์ออฟฟิศเฟอร์นิเจอร์ระดับโลกของ โอคามูระ คือการพัฒนาและต่อยอดให้ทันเทรนด์และเทคโนโลยี ภายใต้การดำเนินงานตาม DNA ที่ผู้ก่อตั้งได้หมายมั่นไว้เมื่อ 76 ปีก่อน และถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน
และในยุคปัจจุบัน ที่ผู้คนหันมาห่วงใยสุขภาพและสนใจไลฟ์สไตล์กันมากขึ้น โจทย์ความต้องการของคนออฟฟิศเริ่มแตกต่างกันออกไป จากเฟอร์นิเจอร์เหล็กในอดีตของโอคามูระ ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นออฟฟิศเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นจัดสรร Space เพื่อรองรับวิถีการทำงานยุคใหม่ที่ตอบโจทย์ทุกเวิร์กสไตล์ ภายใต้แนวคิด Activity Based Working (ABW) ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสิ่งแวดล้อมในออฟฟิศให้สอดคล้องกับกิจกรรมและพฤติกรรมของพนักงาน ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ก็ต้องมีฟังก์ชันและออปชันการใช้งานอย่างครบครัน ต้องใส่ใจกับงานดีไซน์และออกแบบให้รองรับกับสรีระร่างกายของผู้ใช้งานแต่ละคน สินค้าจึงถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นเฟอร์นิเจอร์เพื่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ของ โอคามูระ ยังได้สอดแทรกกลิ่นอายเอกลักษณ์งานดีไซน์ความเป็นญี่ปุ่น ที่คงความเรียบง่าย แต่ครบครันไปด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมควบคู่กับการใช้งานที่เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด