Monthly Roundup ส.ค. 64
New Product
บริษัท แอสทิน เอสเตท จำกัด
เตรียมปิด 2 โครงการ เดอะพณา (The Pana) เพชรเกษม-สาย 3 และ บิซ แกลเลอเรีย (Biz Galleria) นวลจันทร์-เกษตรนวมินทร์ นำเสนอโปรเด็ดปิดโครงการสำหรับ 3 ยูนิตสุดท้าย รับข้อเสนอพิเศษสุดช่วยลูกค้าช่วงโควิด ด้วยส่วนลดสูงสุด 1-2 ล้านบาท คาดปิดการขาย 2 โครงการ มูลค่ารวมกันกว่า 2,250 ล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้
สำหรับโครงการที่เข้าร่วมแคมเปญประกอบด้วย เดอะพณา (The Pana) เพชรเกษม-สาย 3 มูลค่าโครงการ 850 ล้านบาท บนเนื้อที่โครงการ 37 ไร่ บ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น โดยเป็นแบบบ้าน Autumn บ้านเดี่ยวขนาด 100.8 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 195 ตารางเมตร ขนาด 4 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น 2 ที่จอดรถ 3 ห้องน้ำ และ 1 ห้องพักผ่อน เฟสสุดท้ายโซนหน้าสวน จำนวน 1 หลัง ราคา 8.7 ล้านบาท รับส่วนลดสำหรับปิดโครงการสูงสุด 1 ล้านบาท เหลือเพียง 7.74 ล้านบาท ส่วนโครงการ บิซ แกลเลอเรีย (Biz Galleria) นวลจันทร์-เกษตรนวมินทร์ ออฟฟิศเรสซิเดนซ์ มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท เป็นออฟฟิศสไตล์โมเดิร์นลักชัวรี่ที่ใหญ่ที่สุดบนถนนเกษตร-นวมินทร์ ขนาด 4 ชั้น จำนวน 2 ยูนิตสุดท้าย แบบหน้ากว้าง 8 เมตร พื้นที่ใช้สอย 475 ตารางเมตร ขนาด 2 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ และที่จอดรถ 6 คัน ที่ดินเริ่มต้น 50 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 13.6 ล้านบาท พร้อมรับสิทธิพิเศษสูงสุด 2 ล้านบาท ลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.astinestate.com
บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
พร้อมเปิดตัวโครงการ “ลุมพินี มิกซ์ นราธิวาส-รัชดา” คอนโดมิเนียมภายใต้แนวคิด “ชีวิตที่ลงตัว : Work – life Balance” ในไตรมาส 4/2564 มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท หลังจากที่รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
โครงการ ลุมพินี มิกซ์ นราธิวาส-รัชดา เป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัยขนาด 30 ชั้น ที่ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “ชีวิตที่ลงตัว : Work – life Balance” เป็นอาคารในรูปแบบผสมผสาน (Mixed-use) ที่มีทั้งส่วนของห้องชุดพักอาศัย ประมาณ 253 ยูนิต และพื้นที่ในส่วนของอาคารสำนักงานประมาณ 116 ยูนิต โดยมีพื้นที่ใช้สอยรวมประมาณ 45,106 ตารางเมตร เพื่อตอบโจทย์กับการสร้างความสมดุลในการใช้ชีวิต ให้พื้นที่อยู่อาศัยและทำงานอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และเพิ่มเวลาแห่งการพักผ่อนเพื่อให้ชีวิตมีความสมดุลมากขึ้น
New Project
บริษัท นายเลิศ ปาร์ค หัวหิน จำกัด
โรงแรม + บ้านเจ้าของ “นายเลิศ BEACH HOUSE HUAHIN” อาคารโรงแรม 11 ห้อง + บ้านเจ้าของ 9 ห้อง รวมทั้งหมด 4 อาคาร.ใหม่ + 2 อาคารเดิม บนที่ดินเกือบ 5 ไร่ ติดชายหาดหัวหินช่วงที่ว่ากันว่าสวยที่สุด ข้างๆ MARRRAKESH อาคาร A อยู่ริมถนนสูง 6 ชั้น เป็นบ้านพักตระกูลนายเลิศ (โพธิรัตนังกูร) อาคาร B, C, D สูง 2-3 ชั้น เป็นโรงแรมรวมได้ 11 ห้อง อาคารเดิม คือ ครัวและร้านอาหาร
บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
คอนโด 750 เมตร จากศิริราช by AP 5 ชั้น 2 อาคาร 395 ยูนิต บนที่ดิน 4 ไร่ 270 ตารางวา ทางเข้าอยู่ติดถนนอรุณอมรินทร์ก่อนขึ้นสะพาน แต่เป็นซองลึกเข้าด้านใน รูปแบบเหมือนอพาร์ทเมนท์ จอดรถชั้น 1 ชั้น 2-5 เป็นห้องพัก ความสูงไม่เกิน 15 เมตร
บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
เป็นอาคาร Mixed use 7 ชั้น พร้อมที่จอดรถใต้ดิน ริมถนนสุขุมวิท ใกล้ BTS อโศก (โรงแรม PREME เก่า) โดยชั้น 1-2 คือพื้นที่ร้านค้าให้เช่า ชั้น 3-7 เป็นออฟฟิศขนาดใหญ่พื้นที่ชั้นละ 1,000 ตารางเมตร // สถาปัตยกรรมออกแบบสไตล์ญี่ปุ่น //ดาดฟ้าเป็น ROOF TOP BAR เก๋ๆ อีกต่างหาก เตรียมจับกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ ที่อยากมีอออฟฟิศบนทำเลสุดพรีเมียมแบบ ไพรเวทนิดๆ ไม่อยู่ร่วมกับใครมากๆ
บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
LPN เผยแผนงาน เตรียมปัดฝุ่นแบรนด์ในตำนานที่หลายๆคนประทับใจในคุณภาพ อย่าง THE LUMPINI กลับมาใหม่ โดยครั้งนี้มาที่ทำเลสาทร ((คาดว่าเป็นแปลงที่ดินด้านหน้าโครงการตัวเองที่ถนนนราธิวาส (ตามที่ผู้บริหารเคยให้ข่าวไว้)) ส่วนที่น่าสนใจอีกที่ คือ LPN SELECTED RAMA9 การกลับมาทำเลพระราม 9 อีกครั้งของ LPN
Real Estate Hi-Light
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
โดยในช่วง 7 เดือน บริษัทสร้างยอดขายรวมไปได้ถึง 20,600 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 70% จากเป้าหมายยอดขาย 31,000 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบถึง 13,700 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 6,900 ล้านบาท สัดส่วนยอดขายจากโครงการแนวราบพุ่งเป็น 67% โดยบ้านเดี่ยวแบรนด์ เศรษฐสิริได้รับการตอบรับที่ดี อาทิ โครงการ เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา2, เศรษฐสิริ พระราม 5 และเศรษฐสิริ จรัญฯ – ปิ่นเกล้า2 เป็นต้น รวมทั้งทาวน์โฮมในราคาเข้าถึงง่าย “สิริ เพลส” ซีรี่ย์ล่าสุด Dream Destination ทั้ง สิริ เพลส บางนา – เทพารักษ์ และ สิริ เพลส วงแหวน – ลำลูกกา ที่กวาดยอดขายไปกว่า 80% ของยูนิตที่เปิดขายเพียง 2 วันในรอบพรีเซลล์
นอกจากนี้ แสนสิริยังมีผลงานการโอนที่โดดเด่นในช่วง 7 เดือน โดยมียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วถึง 18,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 60% จากเป้าหมายยอดโอน 31,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม ในสัดส่วน 55 : 45 โดยครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังเตรียมโอนคอนโดมิเนียม เอดจ์ เซ็นทรัล – พัทยา คอนโดไลฟ์สไตล์สุดพีคใจกลางพัทยา และดีคอนโด ไฮด์อเวย์ – รังสิตรองรับการรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ตามเป้าหมายรายได้จากการขายที่วางไว้ 27,600 ล้านบาท โดยล่าสุด แสนสิริมี Secured Revenue หรือรายได้ในมือที่รองรับแล้วถึง 22,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 83% เหลืออีกเพียง 17% เท่านั้น ก็จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จึงคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้ารายได้ที่วางไว้อย่างแน่นอน
บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)
รายงานผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2564 มีรายได้รวม 3,018 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้รายได้รวมดังกล่าวแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจที่พักอาศัย (Residential development) 1,133 ล้านบาท, ธุรกิจอาคารสำนักงาน (Commercial) 489 ล้านบาท, ธุรกิจโรงแรม (Hospitality) 1,347 ล้านบาท, และธุรกิจอื่นๆ 49 ล้านบาท
ในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา ธุรกิจที่พักอาศัยเผชิญกับความท้าทายสำคัญจากรายได้ของ NVD ที่หายไปตั้งแต่ต้นปี 2564 ซึ่งที่ผ่านมารายได้จาก NVD คิดเป็นประมาณกึ่งหนึ่งของรายได้รวมของธุรกิจนี้ อย่างไรก็ดี สัญญาณฟื้นตัวที่น่าพอใจของโครงการคอนโดมิเนียมสะท้อนผ่านมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ที่สูงสุดในรอบ 3 ไตรมาสที่ผ่านมา กอปรกับการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องจาก โครงการ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ส่งผลให้รายได้ของธุรกิจที่พักอาศัยลดลงเพียงร้อยละ 17 ในส่วนของธุรกิจอาคารสำนักงาน สิงห์ เอสเตท สามารถต่อสัญญากับผู้เช่าเดิมได้อย่างต่อเนื่อง และปล่อยเช่าพื้นที่เพิ่มเติมได้กว่า 2,100 ตารางเมตร ส่งผลให้อัตราปล่อยเช่าเฉลี่ยโดยรวมแตะระดับร้อยละ 88 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
เปิดตัว “ORI เงินติดดิน” บริการรับขายฝากที่ดิน สำหรับที่ดินมูลค่า 10 ล้านบาทขึ้นไป ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลและ EEC เปลี่ยนที่ดินเป็นเงินก้อนงาม สำหรับผู้ที่ต้องการสภาพคล่องในช่วงวิกฤติ ด้วยการแปลงที่ดินให้กลายเป็นเงินก้อน แต่ยังสามารถใช้ประโยชน์ที่ได้ อนุมัติไว อัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน พร้อมประเมินราคาที่ดินให้ฟรี และไม่ต้องเช็คเครดิตบูโร สามารถไถ่ถอนได้เมื่อครบระยะสัญญา โดยมีระยะเวลาขายฝากขั้นต่ำอยู่ที่ 1 ปี
สำหรับ “ORI เงินติดดิน” เป็นธุรกิจรับขายฝาก ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงิน เช่นเดียวกับ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company หรือ AMC) หนึ่งในกลุ่มธุรกิจใหม่ที่รองรับการการเติบโตของเครือออริจิ้น ภายใต้แนวคิด “ORIGIN NEXT LEVEL” ผู้สนใจสามารถส่งรายละเอียดหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.origin.co.th/เสนอขายที่ดิน หรือ โทร.062-598-5222
บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 ด้านรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100% JV) และธุรกิจอื่นๆ นับเป็นนิวเรคคอร์ดครั้งใหม่ โดยบริษัทฯ สามารถทำรายได้รวมที่สูงถึง 20,506 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านๆ มา ด้านกำไรสุทธิมากกว่า 2,518 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 1,832 ล้านบาท ด้านสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ในระดับต่ำมากเพียง 0.61 เท่า ซึ่งทั้งหมดล้วนสะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการภายในองค์กร ควบคู่ไปกับการบริหารพอร์ตสินค้า และการบริหารกระแสเงินสดที่รัดกุมและมีประสิทธิภาพท่ามกลางสภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้น
สำหรับแผนครึ่งปีหลัง บริษัทฯ เตรียมรุกเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 26 โครงการ มูลค่ารวม 33,440 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบจำนวน 22 โครงการ มูลค่าประมาณ 20,440 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่าประมาณ 13,000 ล้านบาท และแผนการโอนกรรมสิทธิ์ 2 คอนโดใหม่ LIFE ลาดพร้าว แวลลีย์ และ LIFE อโศก ไฮป์ มูลค่าโครงการรวม 12,300 ล้านบาท ซึ่ง ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 64 บริษัทฯ สามารถทำยอดขายรวม (Net Pre-Sale) ได้มากถึง 20,662 ล้านบาท คิดเป็น 58% จากเป้ายอดขายที่ 35,500 ล้านบาท
บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน)
เผยผลประกอบการไตรมาส 2/2564 ซึ่งบริษัทได้เปลี่ยนเเปลงนโยบายบัญชี ในการวัดมูลค่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน เป็นวิธีมูลค่ายุติธรรม เพื่อสะท้อนมูลค่าที่เเท้จริงยิ่งขึ้น โดยไตรมาส 2 บริษัทมีรายได้รวม 1,546 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 94.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขาดทุน 198 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 2 ปีนี้ ภาครัฐอนุญาตให้เดินทางช่วงสงกรานต์ได้ ทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น ต่างจากช่วงเทศกาลปีก่อนที่รัฐจำกัดการเดินทาง
โดยในครึ่งปีเเรก กลุ่มธุรกิจบริการเเละโรงเเรม ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศได้ อย่างไรก็ตามบริษัทสามารถรักษาระดับอัตราการเข้าพัก ได้ในระดับน่าพอใจ เท่ากับ 15.91% ในไตรมาส 2/2564 ซึ่งสูงกว่าไตรมาส 2/2563 ที่ระดับ 5.71% และรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก อยู่ที่ 125.3 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดในระดับเดียวกันได้ โดยเฉพาะอย่างเช่น โรงแรม เลอ เมอริเดียน กรุงเทพ มีค่า RGI อยู่ที่ 322.4 โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ มีค่า RGI อยู่ที่ 249.6 โรงแรม บันยันทรี กระบี่ มีค่า RGI อยู่ที่ 217.3 และโรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์ ซึ่งมีค่า RGI เท่ากับ 216.3 ในขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ประกอบไปด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าเเละธุรกิจอาคารสำนักงาน อัตราการเช่าพื้นที่ของอาคารสำนักงานเกรด A ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ EBITDA ของกลุ่มธุรกิจ Retail & Commercial ในไตรมาส 2/2564 เท่ากับ 1,094 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 101.5 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2563 ทำให้บริษัทสามารถสร้างโอกาส และรักษาการเติบโตของ EBITDA ได้อย่างมั่นคง
บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
เผยตัวเลขผลประกอบการครึ่งปีแรก 2564 ชูสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง กวาดยอดขาย 13,005 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% โกยรายได้รวม 11,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60 % กำไรสุทธิ 2,472 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111% เตรียมแผนรุกตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีหลัง เดินหน้าเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่องทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม รวม 22 โครงการ ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค ขับเคลื่อนสู่เป้าหมายยอดขาย 27,000 ล้านบาท
สำหรับแผนงานครึ่งปีหลัง 2564 บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นการเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่อง ทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม รวม 22 โครงการ มูลค่า 24,820 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ จำนวน 18 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ พร้อมทั้งเดินหน้าสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อให้ทันสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ และเพิ่มช่องทางการตลาดในรูปแบบ Virtual Tour รับชมโครงการเสมือนจริง และ Online Booking จองยูนิตที่สนใจ เพิ่มความสะดวก สบาย ปลอดภัย และรูปแบบ Supalai Private Tours เป็นการสื่อสารและชมโครงการได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อลดการสัมผัสให้เหมาะสมกับเหตุการณ์โควิด -19
บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ครึ่งปีแรก บริษัทมีรายได้รวม 8,726 ล้านบาท เติบโต 11% โดยที่รายได้จากการดำเนินงานทำนิวไฮ 8,715 ล้านบาท แบ่งเป็น 95% จากรายได้จากการขาย และ 5% จากรายได้ค่าเช่า โดยในส่วนรายได้จากการขาย มาจากรายได้แนวราบทำนิวไฮ 6,825 ล้านบาท เติบโต 23% มีกำไรสุทธิ 937 ล้านบาท เติบโต 24% ขณะที่ยอดขายรวมทำนิวไฮ 11,338 ล้านบาท เติบโต 38% แบ่งเป็นยอดขายแนวราบ 83% และยอดขายแนวสูง 17%
โดย ณ 30 มิ.ย. 64 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 46,827 ล้านบาท และหนี้สินรวม 27,952 ล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สิน/ทุน (D/E) เท่ากับ 1.48 นอกจากนี้ภายใต้งบซื้อที่ดินใหม่รวมทั้งปี 10,000 ล้านบาท บริษัทจะจัดซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลัก สำหรับรองรับการเติบโตในปี 2565-2567 บริษัทมั่นใจว่า ผลการดำเนินงานปีนี้จะทำได้สำเร็จตามเป้าหมายจาก 61 โครงการเพื่อขายทั้งหมดในครึ่งปีหลัง ซึ่งมีมูลค่าโครงการวมกว่า 43,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการที่ขายต่อเนื่อง จำนวน 53 โครงการ มูลค่า 31,600 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 45 โครงการ มูลค่า 19,900 ล้านบาท และคอนโด 8 โครงการ มูลค่า 11,700 ล้านบาท และโครงการเปิดใหม่ 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 11,400 ล้านบาท