พิษโควิดระลอก 3 ฉุดธุรกิจอสังหาฯเข้าสู่วิกฤติ
ซีอีโอเซ็นจูรี่ 21 เผยโควิดระบาดรุนแรงในระลอกที่ 3 กระทบอสังหาฯถึงขั้นวิกฤติ จากกำลังซื้อที่ลดวูบทั้งในประเทศและต่างประเทศ แม้จะเริ่มคิกออฟเปิดประเทศแต่ยังไม่ช่วยอะไร ขณะที่ซัพพลายยังเหลือล้น ชี้ภาคอสังหาฯต้องรับความจริง ปรับตัวลดความเสี่ยงลงทุนรับตลาดซึมยาวไม่น้อยกว่า 2-3 ปี
นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานและผู้ก่อตั้ง บริษัท เซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 3 ได้ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยภาพรวมชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างน่าเป็นห่วงว่าจะไม่สามารถฟื้นตัวได้ในระยะ 1-2 ปี หรืออาจจะต้องใช้เวลาฟื้นตัวนานถึง 3 ปี หากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้คลี่คลายไปได้โดยเร็ว
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับประมาณการแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเหลือ 1.8% จากประมาณการเดิมในเดือนมีนาคมอยู่ที่ 3% ขณะที่ทุกสำนักก็ได้ปรับประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2564 ลงต่ำกว่า 2% เช่นเดียวกัน แม้ว่าภาคส่งออกจะขยายตัวดีขึ้น แต่การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัว การบริโภคภายในประเทศและการลงทุนภาคเอกชนยังมีแนวโน้มลดลง จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ขณะที่การลงทุนภาครัฐแม้จะปรับตัวดีขึ้นแต่ก็ยังถือว่าล่าช้ากว่าที่คาดหวังไว้
“แม้รัฐบาลจะตั้งเป้าหมายเปิดประเทศภายใน 120 วัน และเริ่มต้นโครงการนำร่อง Phuket Sandbox ไปเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่สามารถคาดหวังได้ว่านักท่องเที่ยวจะกลับมา เพราะไทยอยู่ในบัญชีประเทศที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 ของหลายๆ ประเทศทั่วโลก ทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ทั้งจากยุโรปและตะวันออกกลางยังไม่กล้าเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว
ขณะเดียวกันทางการจีนยังมี มาตรการห้ามไม่ให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศโดยวิธีการไม่ต่อพาสปอร์ต ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต และยังไม่ชัดเจนว่าจะผ่อนคลายเมื่อไร ในขณะเดียวกันยุโรปเองก็มีหลายประเทศที่ยังไม่มั่นใจในเรื่องของสถานการณ์การติดเชื้อในประเทศ โดยนักท่องเที่ยวเหล่านี้มองภาพรวมของประเทศมากกว่าแค่ภูเก็ต ซึ่งเป็นแค่ส่วนหนึ่งของประเทศเท่านั้น”