เกิดเหตุโกลาหลวุ่นวายตั้งแต่วันแรกของซุปเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่จากอเมริกา Costco ที่เข้ามาเปิดให้บริการในเซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2019 ที่ผ่านมา ด้วยจุดชูโรงของห้างคือรายการสินค้ามากมายตั้งแต่ของกินของใช้ไปจนถึงสินค้าแบรนด์เนมอย่าง Hermès เบอร์กิ้นในราคาถูก ทำให้บรรดาขาช้อปชาวจีนแห่แหนไปที่ Costco กันอย่างแน่นขนัด ต่างจากร้านค้าเพื่อนบ้านอย่างคาร์ฟูร์และวอลมาร์ทที่ยอดขายตกอย่างต่อเนื่องจากการเข้ามามีบทบาทของร้านค้าออนไลน์

แม้ว่าการจะเข้าไปซื้อของที่ Costco ได้นั้นจะต้องทำการสมัครสมาชิกในราคา 299 หยวนต่อปีหรือประมาณ 1,200 บาท แต่ชาวเซี่ยงไฮ้มองว่ามันคุ้มค่ากับการที่พวกเขาจะได้รับสิทธิพิเศษในการซื้อข้าวของด้านในที่ราคาถูกสุดๆ เช่น เหล้าขาวพรีเมียมแบรนด์เหมาไถที่ขึ้นแท่นเป็นสุราเบอร์หนึ่งของโลก สนนราคา 1,498 หยวน(6,400 บาทโดยประมาณ) ถูกกว่าร้านค้าจากที่อื่นๆ ถึง 400 หยวนหรือประมาณ 1,700 บาท หรือกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดังจากเกาหลีใต้ MCM ก็มีขายที่ราคา 4,399 หยวน ถูกกว่าบนร้านค้าออนไลน์ของจีนเองอย่าง Tmall ไป 1,100 หยวน และใครจะไปคาดคิดว่าแม้แต่กระเป๋า Prada ก็ยังหาซื้อได้จากที่นี่ด้วยเช่นกันที่ราคา 13,999 หยวน จากภาพข่าวที่เหล่าขาช้อปแชร์ต่อกันบนโลกออนไลน์

ชาวบ้านแถวนั้นรายงานว่าตำรวจถึงขั้นต้องออกคำสั่งระงับการให้บริการของห้างโดยชั่วคราวเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยจากกลุ่มคนที่แห่แหนกันมาอย่างเนืองแน่น ในช่วงเวลาก่อนเที่ยงในวันเดียวกันนั้นเองก็มีการปล่อยภาพพนักงานของห้างยืนถือป้ายแจ้งลูกค้าที่กำลังเดินทางมาสู่ห้างว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามชั่วโมงในการวนหาที่จอดรถและอีกสองชั่วโมงในการต่อคิวออก และห้างประกาศปิดให้บริการตอนบ่ายโมงสี่สิบนาทีในที่สุด

รับชมวิดีโอห้างแตกได้ที่นี่ https://www.scmp.com/business/companies/article/3024579/birkin-bags-kweichow-moutai-how-costco-drew-huge-crowds-its

มีความเห็นมากมายจากผู้คนต่อปรากฏการณ์ห้างแตกนี้ เช่น นายเสี่ยวเล่ย คอลัมนิสต์ด้านการเงินในปักกิ่งมองว่า นี่คือตัวอย่างที่ดีที่พวกอเมริกันจะได้รู้รสของการพยายามเข้ามาตัดราคาในตลาดจีน เพราะที่จริงในตลาดจีนเองยังคงมีกำลังซื้อที่ดีอยู่โดยเฉพาะสินค้าคุณภาพสูง โดนัลด์ ทรัมป์จะต้องทบทวนตัวเองอีกครั้งในการที่จะเรียกตัวบริษัทสัญชาติอเมริกันทั้งหลายกลับประเทศ

ก่อนหน้านี้ทรัมป์ได้ขู่ว่าจะสั่งให้บริษัทอเมริกันทั้งหมดถอนตัวออกจากประเทศจีนภายใต้พระราชบัญญัติอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ หรือ 1977 International Emergency Economic Powers Act หลังจากที่จีนได้ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐมูลค่า 75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สถานการณ์ค้าปลีกที่เปลี่ยนแปลงไป

ซุปเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตจากต่างชาติได้รับความนิยมในจีนแผ่นดินใหญ่นับตั้งแต่ที่บุกตลาดเข้ามาเปิดให้บริการในช่วงปี 1990 แต่ในปัจจุบันการเข้ามาของอีคอมเมิร์ซก็เปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคไปเช่นกัน คนรุ่นใหม่หันมาใช้โทรศัพท์มือถือในการสั่งซื้อสินค้าตั้งแต่ของใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ตั๋วหนัง ไปจนถึงอาหาร

ข้อมูลจาก National Bureau of Statistic of China แสดงว่าแม้ยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคในภาพรวมจะโตขึ้น 8.4% เป็น 19.5 ล้านล้านหยวนในช่วงครึ่งปีแรก แต่เฉพาะยอดขายออนไลน์เองมีการโตขึ้นเร็วกว่ามากที่ 17.8% คิดเป็นเกือบ 1 ใน 4 ของทั้งหมด

ในขณะที่ข้อมูลล่าสุดจาก Kantar Worldpanel แสดงให้เห็นว่าร้านค้าปลีกต่างชาติคาร์ฟูร์และวอลมาร์ทยังคงเสียยอดขายในจีนอย่างต่อเนื่อง โดยคาร์ฟูร์ผู้มีร้านค้าไฮเปอร์มาร์เก็ต 210 แห่งในจีนเสียส่วนแบ่งการตลาดไป 0.3% เหลือเป็น 2.8% ในไตรมาสแรก ทางด้านร้านค้าปลีกยักษ์ใหญ่วอลมาร์ทมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 5.1% ลดลงจากปีที่แล้วที่มี 5.4%

แต่ Walmart ยังคงยิ้มได้เมื่อช่องทางการขายออนไลน์ที่ร่วมจับมือกับอีคอมเมิร์ซจีนอย่าง JD.com, JD Doajia และ Wechat ยังคงเติบโต Walmart ในจีนเป็นผู้ค้าปลีกรายแรกที่ใช้ Wechat scan และ Go mini เข้ามาร่วมเป็นตัวช่วยการขาย

ในขณะที่คาร์ฟูร์ได้ประกาศขายหุ้น 80% ให้กับทางบริษัทค้าปลีกจีน Suning เข้ามาควบคุมการดำเนินงานเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เข้ามาบุกตลาดในจีนเมื่อปี 1995 ของบริษัทสัญชาติฝรั่งเศสนี้

แหล่งข้อมูลและภาพ

https://www.scmp.com/business/companies/article/3024579/birkin-bags-kweichow-moutai-how-costco-drew-huge-crowds-its?fbclid=IwAR0-gC87M_suVlwaNTVJhuJFijQ7D_wLsn8My1vcwem1Gl3-l0XOwVbSOsM

https://storebrands.com/its-safe-say-they-costco-china

http://www.ecns.cn/cns-wire/2019-08-28/detail-ifznpqie3824268.shtml

https://www.bbc.com/news/business-49492326