แล้วเราจะอยู่ตรงไหนของลอนดอนดี?
อันนี้เป็นคำถามยอดฮิตที่ผมถูกถามอยู่เรื่อยๆ ก่อนที่จะตอบคำถาม ผมขออธิบายเมืองลอนดอนคร่าวๆโดยอ้างอิงจากแผนที่ London Tube นะครับ จะเห็นได้ว่าตามแผนที่นั้นลอนดอนได้ถูกแบ่งเป็น 6 โซน โดยที่โซน 1 เป็นย่านใจกลางเมืองและโซนต่อมาจะขยับห่างออกมาเรื่อยๆจนถึงโซน 6 ตามในรูปครับ
London Tube Map
โดยที่โซน 1 จะเป็นทำเลใจกลางเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานต่างๆ และเป็นที่ตั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่เราคุ้นเคยหรือได้ยินชื่อกันบ่อยๆ เช่น Buckingham Palace, Big Ben, London Eye, Tower of London, Harrod’s, Covent Garden, British Museum รวมถึงมหาวิทยาลัยดังๆที่กล่าวไว้ด้านบนนั้นก็ตั้งอยู่ที่โซนนี้เช่นเดียวกัน เดาได้ไม่ยากเลยว่าทุกอย่างในโซนนี้จะแพงมาก โดยมากคนที่อาศัยอยู่ในโซนนี้จะไม่ค่อยขับรถกันเพราะที่ลอนดอนคิดเงินค่าขับรถภายในโซน 1 ด้วยนะครับ ซึ่งเรียกว่า London Congestion Charge คิดวันละ £11.50 (ประมาณ 520 บาท) กันเลยทีเดียว แล้วยังมีค่าที่จอดรถซึ่งแพงมากอีกด้วย ดังนั้นที่พักในบริเวณนี้จะเห็นได้ว่าเป็นอพาร์ทเมนท์ซะส่วนใหญ่ สมัยผมเรียนผมได้เช่าห้องเล็กๆ (ประมาณ 20 ตรม) อยู่ที่โซน 1 เพราะอยู่ติดกับมหาวิทยาลัย ค่าเช่าตกเดือนละประมาณ 80,000 บาท ใจจริงผมก็อยากอยู่ห้องใหญ่กว่านี้ แต่สู้ราคาค่าเช่าไม่ไหว พอลองคิดย้อนกลับไปเดือนละ 80,000 บาทนี่ถือว่าแพงมากครับ ขนาดเป็นตึกที่เก่าแล้ว ไม่มีบริเวณส่วนกลาง ปีนึงเฉพาะค่าเช่าห้องก็เกือบ 1 ล้านบาทครับ แต่ในตอนนั้นก็จำเป็นต้องอยู่ เพราะเรียนหนักมากทีเดียวครับ อยู่ห้องสมุดเกือบทุกคืน คิดแล้วก็ยังสยองไม่หาย (นอกเรื่องละ) ไม่แปลกใจเลยครับที่น้องๆหลายคนที่ทางบ้านมีฐานะหน่อย ทางผู้ปกครองจึงเลือกที่จะซื้อที่พักแทนที่จะเช่า เพราะต้องเรียน 3-4 ปี ซึ่งถือเป็นการลงทุนไปในตัว
หลายคนคงอยากรู้ว่า ราคาอพาร์ทเมนท์ดีๆของโซน 1 นี่อยู่ที่ประมาณเท่าไร ผมเลือกทำเลที่ผมชอบมาให้ทำเลนึงครับ เป็นห้องขนาด 1-Bedroom 68 ตรม อยู่แถว Covent Garden ที่พวกเราชอบไปนั่นแหละครับ ชื่อตึก The Strand ราคาอยู่ที่ £1,800,000 (ประมาณ 75 ล้านบาท) ก็ตกตารางเมตรละ 1.1 ล้านเอง!
The Strand Convert Garden: https://www.foxtons.co.uk
ข้อดีของการอยู่ในโซน 1 ก็คืออยู่ใกล้ทุกอย่าง แต่ข้อเสียนอกจากค่าใช้จ่ายที่สูงแล้ว ก็ยังมีเรื่องความหนาแน่นในการใช้ Public Transport ครับ ถ้าจะเทียบกับกรุงเทพฯก็เหมือนเราเริ่มขึ้น BTS จากสถานีศาลาแดงตอนเช้า ถ้าหวังว่าจะมีที่นั่งก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ หลายคนที่ต้องการอยู่ห้องใหญ่หน่อยหรืออยู่กันเป็นครอบครัว ก็เลือกที่จะอยู่โซน 2-4 แทนเพราะใช้เวลาเพียงแค่ 15-30 นาทีเพื่อเข้าโซน 1 ส่วนโซน 5-6 ก็ออกจะไกลเกินไปนิดนึงสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่นจากสนามบิน Heathrow ที่อยู่ในโซน 6 ถ้าหากนั่ง รถไฟ Piccadilly Line เข้ามาโซน 1 ก็จะใช้เวลาประมาณ 50-60 นาทีครับ
ถ้าพูดถึงการอยู่อาศัยในโซน 2-4 ส่วนตัวผมจะชอบแถว West หรือ North West ของลอนดอนครับ ที่ชอบเป็นพิเศษเลยก็จะเป็นทำเลแถว Hammersmith, Camden, Finsbury Park หรือ Wembley Park ทำเลโซนนี้จะดูน่าอยู่และคนอยู่จะมีกำลังซื้อมากกว่าทาง East End ของลอนดอนครับ สภาพแวดล้อมจะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ในส่วนการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในลอนดอนนั้นมีมานานแล้วครับ เนื่องจากลอนดอนมีผู้คนต้องการเข้าไปอยู่อาศัยจำนวนมากในแต่ละปี แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาลอนดอนเป็นที่น่าสนใจมากขึ้นไปอีก โดยความต้องการซื้อจากประเทศไทยเองนั้นก็มีเพิ่มสูงขึ้นอย่างเป็นได้ชัด เพราะนักลงทุนต่างมองว่าเป็นการลงทุนในระยะยาวทั้งเรื่องค่าเงินที่ลดลงและมูลค่าของตัวอสังหาฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังสามารถใช้เป็นที่พักให้ลูกหลานเวลาที่ไปศึกษาต่อในอังกฤษได้อีกด้วย
นอกจากนี้ผมจะขออธิบายเหตุผลเพิ่มเติมในมุมมองของผมดังนี้ครับ
1. ค่าเงินปอนด์ที่อ่อนลงมากในช่วงนี้ เนื่องจากอังกฤษเตรียมการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป หรือ Brexit ทำให้ค่าเงินปอนด์ลดลงทันทีประมาณ 15% ในช่วงกลางปี 2016 ถ้าหากผมเทียบย้อนหลังไป 10 ปี จากที่เคยอยู่ที่ 60 บาทต่อ 1 ปอนด์ ในปี 2008 ตอนนี้เหลือแค่ประมาณ 45 บาทต่อ 1 ปอนด์ ลดลงถึง 30% เลยทีเดียว ซึ่งเรื่องค่าเงินนี้มีผลเยอะมากครับ เป็นแรงดึงดูดอย่างดีให้นักลงทุนให้เข้ามาซื้ออสังหาฯมากขึ้น เพราะสามารถซื้อได้ในราคาที่ถูกลงนั่นเอง
ค่าเงินปอนด์เทียบกับเงินบาท ย้อนหลัง 10 ปี
ข้อมูลจาก: https://www.xe.com/currencycharts
แต่ถึงแม้ว่าค่าเงินปอนด์จะอ่อนลง ราคาอสังหาริมทรัพย์ในลอนดอนก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนะครับ ตอนนี้ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ £500,000 – £700,000 ซึ่งถ้าดูย้อนหลังไป 5 ปี ถือว่าเพิ่มขึ้นมาประมาณ 15% ก็ตกปีละประมาณ 3% ถือได้ว่าขึ้นเรื่อยๆครับ โดยทาง The Telegraph ซึ่งเป็นสื่อรายใหญ่ของประเทศอังกฤษได้คาดการณ์เอาไว้ว่า ราคาเฉลี่ยบ้านในกรุงลอนดอนจะขึ้นไปแตะที่ £1,000,000 ภายในปี 2030 ครับ
ราคาเฉลี่ยของอสังหาริมทรัพย์ในลอนดอน
2. ลอนดอนเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจของประเทศอังกฤษ จึงทำให้จำนวนประชากรที่อาศัยในลอนดอนมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เฉลี่ยปีละ 5% ทำให้มีการคาดการณ์ว่าจำนวนประชากรจะเพิ่มเป็น 10 ล้านคนในปี 2030
การที่ประชากรในลอนดอนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น ทำให้ความต้องการมีมากกว่าปริมาณอสังหาฯที่มีขายในตลาด หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วทำไมไม่รีบสร้างให้พอกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นล่ะ ซึ่งเรื่องนี้เองก็เป็นปัญหาของทางรัฐบาลอังกฤษอยู่ครับ กับการที่อพาร์ทเมนท์ที่ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างมีจำนวนไม่เพียงพอ เพราะที่อังกฤษนั้นการขอใบอนุญาตทำได้ยากมากครับ เพราะทางรัฐบาลเองก็ค่อนข้างกังวลกับปัญหาสิ่งแวดล้อม และนอกจากเรื่องการขอใบอนุญาตแล้ว การก่อสร้างของหลายๆที่ก็ประสบความล่าช้าเนื่องจากขาดแคลนแรงงานในการก่อสร้างอีกด้วยครับ
3. นอกจากราคาซื้อขายที่นับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและค่าเงินที่อ่อนลง ตลาดเช่าเองก็โตขึ้นเรื่อยๆอีกด้วยครับ เนื่องจากชาวอังกฤษเริ่มมีพฤติกรรมเช่ามากกว่าซื้อในช่วงหลังๆมานี้ เนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆในกรุงลอนดอน
Trend การซื้อและเช่าอสังหาริมทรัพย์ในลอนดอน
อีกทั้งการที่มีจำนวนนักเรียนต่างชาติเข้ามาเรียนที่ลอนดอนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ตลาดเช่าโตมากยิ่งขึ้นไปอีก จากการศึกษาข้อมูลในปี 2016 พบว่ามีนักเรียนต่างชาติทั้งหมดในลอนดอนประมาณ 100,000 คน โดยส่วนนึงมีผลมาจากค่าเงินปอนด์ที่อ่อนลง หากดูเฉพาะในส่วนของคนไทยนั้นได้ส่งบุตรหลานไปเรียนที่สหราชอาณาจักรเป็นอันดับ 7 จากทั่วโลก การที่ใช้เวลาเรียน 4-5 ปี กลายเป็นแรงจูงใจในการซื้อที่อยู่อาศัยเพราะคุ้มค่ากว่าการเช่าหอพัก และหลังจากสำเร็จการศึกษาแล้วยังสามารถปล่อยเช่าเพื่อรับผลตอบแทนระยะยาวก็ได้อีกด้วย ยกตัวอย่างโครงการใหม่ๆอย่าง 9Elvaston Place ก็เป็นอพาร์ทเมนท์หรูในย่าน High Street Kensington ซึ่งเป็นย่านที่อยู่ใน Conservation Area และนับเป็นย่านที่มีราคาแพงที่สุดในลอนดอน โดยเป็นอาคารชุด 6 ยูนิต มีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 1-3 ห้องนอน มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ประมาณ 60-160 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 60-160 ล้านบาท โดยทางแสนสิริได้ซื้อไป Refurbished ใหม่ ก็ขายจนหมดแล้วเช่นกัน
4. และข้อสุดท้ายคือไม่มีข้อห้ามสำหรับชาวต่างชาติในการเป็นเจ้าของ กฎหมายของอังกฤษที่เอื้ออำนวยให้คนต่างชาติสามารถถือครองกรรมสิทธิ์แบบเช่าซื้อได้นานถึง 999 ปี เรียกได้ว่านานมากจนแทบจะไม่มีอิทธิพลอะไรต่อคนซื้อว่านี่คือการเช่าซื้อเลย
Wembley Palace by Anthology โครงการใหม่ในทำเล West End ของลอนดอน
จากทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ในวันนี้ผมจะขอมาแนะนำโครงการ Wembley Parade ซึ่งเป็นโครงการของบริษัท Anthology ตั้งอยู่ที่สถานี Wembley Park นะครับ โดยทำเลนี้เป็นทำเลที่ผมมีความคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ซึ่งผมจะขอเริ่มอธิบายในด้านของทำเลก่อนนะครับ
สถานี Wembley Park อยู่ในบริเวณโซน 4 ก็จริง แต่เป็นโซน 4 ที่มีความใกล้กับโซน 1 มากที่สุดครับ ถ้าเทียบกันจริงๆแล้วนั้นสะดวกกว่าโซน 2 หลายๆทำเลอีกด้วย เวลาผมไปสถานีนี้ผมจะนั่งรถไฟใต้ดินสาย Metropolitan (สายสีม่วงเข้ม) หรือไม่ก็สาย Jubilee (สายสีเทา) ครับ ถ้าเป็นสาย Metropolitan ใช้เวลาแค่ 12 นาทีก็ถึงสถานี Baker Street ซึ่งเป็นสถานีที่มีร้านค้ามากมาย โดยเฉพาะถนน Marylebone High Street นั้นเรียกได้ว่าเป็นถนนสายแฟชั่นถนนหนึ่งของลอนดอนเลย และยังมีร้านอาหารรวมไปถึง Pub ดีๆอีกหลายแห่ง ถ้าใครได้ผ่านไปบริเวณนี้อยากให้ไปลองที่ร้าน Beehive กันครับ เป็นกึ่งๆ Pub and Restaurant ซึ่งมีกลิ่นอายความเป็นอังกฤษสูง
London Tube Map สีเขียวที่ Highlight คือ Wembley Park
ถ้าหากนั่งรถไฟใต้ดินจาก Baker Street ต่อไปอีก 7 นาทีก็จะถึงสถานี King’s Cross St Pancras ซึ่งเป็นสถานี Interchange ที่ใหญ่มากสถานีนึงของลอนดอน และยังมี St Pancras International Station ซึ่งเป็นสถานีของรถไฟ Eurostar ที่สามารถนั่งต่อไปเมืองใหญ่ๆในยุโรปอย่างปารีสหรือบรัสเซลล์
หรือจากสถานี Wembley Park นั่งสาย Jubilee ไปเพียงไม่นานก็จะถึงสถานี Bond Street ที่อยู่บน Oxford Street ซึ่งเป็นถนนสายช้อปปิ้งชื่อดังที่สุดในโลกอีกเส้นหนึ่ง หรือเลยไปอีกนิดนึงก็จะถึงสถานี Green Park ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับ Hyde Park และ Green Park สวนสาธารณะขนาดใหญ่ของลอนดอน
St Pancras International Station: https://blog.eurail.com
เมื่อพูดถึงการเดินทางที่สะดวกไปแล้ว เรามาลองดูถึงตัวทำเลที่ตั้งของตัวโครงการกันบ้าง อย่างที่แจ้งไปตอนต้นครับว่าโครงการ Wembley Parade นั้นอยู่ใกล้กับสถานี Wembley Park และโครงการตั้งอยู่ใน Brent Borough ซึ่งเป็นทำเลที่ใกล้ใจกลางลอนดอน นอกจากการเดินทางที่สะดวกแล้ว ผมยังชอบอีกหลายอย่างในทำเลนี้ครับ เพราะผมว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพครบทุกอย่าง อย่างแรกเลยคือมีสถานศึกษาจำนวนมาก มีตั้งแต่โรงเรียนท้องถิ่นและโรงเรียนนานาชาติ ที่มีชื่อเสียงก็คือโรงเรียน Lycee International de Londres โดย Winston Churchill ที่บรรดาชาวต่างชาติส่งลูกหลานมาเรียนเพื่อเตรียมเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย และโรงเรียนที่คนไทยรู้จักกันดีอย่าง Harrow School ที่เป็นโรงเรียนที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดโรงเรียนหนึ่งของอังกฤษ นอกจากนี้ในทำเลนี้ก็ยังมีมหาวิทยาลัยอย่าง Regent College อีกด้วยครับ ซึ่งจริงๆแล้วจาก Wembley Park นี่ไปได้ถึงทุกมหาวิทยาลัยชื่อดังในลอนดอนได้ในเวลาประมาณ 30 นาทีครับ
Lycee International de Londres
ที่มา: https://www.lyceeinternational.london
Harrow School
นอกจากสถานศึกษาแล้ว แถวๆ Wembley Park เองก็ยังมี London Designer Outlet ซึ่งมีร้านค้ามากมาย มีโรงหนัง ร้านอาหาร รวมไปถึง IKEA ก็อยู่ใกล้ๆ อีกทั้งยังมีสวนสาธารณะที่เป็นพื้นที่สีเขียวที่สำคัญของที่นี่ สามารถออกกำลังกายหรือพักผ่อนหลังการทำงาน หากพูดถึงโรงพยาบาลก็มีที่อยู่ใกล้ๆเผื่อกรณีฉุกเฉินอย่าง Wembley Centre for Health and Care หรือ Central Middlesex Hospital
อีกเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือสนาม Wembley Stadium ที่พึ่งมีการปรับปรุงใหม่ให้มีความจุได้ถึง 90,000 คน สนามนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สนามฟุตบอลประจำชาติของอังกฤษ แต่ยังเป็นสถานที่จัดงานแสดงใหญ่ๆที่สำคัญระดับประเทศอีกด้วย
London Designer Outlet
อีกอย่างที่ผมสังเกตได้เห็นจากการที่ไปแถว Wembley Park บ่อยๆคือคนที่อยู่แถวนั้นมีกิจกรรมร่วมกันบ่อยมากครับ มีแทบจะทุกอาทิตย์ มีชมรมต่างๆมากมาย ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะจัดที่ Yellow Pavilion ใน Wembley Park เองเลย มีชมรมต่างๆ ตั้งแต่ชมรมวิ่ง ชมรมแม่บ้าน รวมถึงการสอนทำ Workshops ต่างๆมากมาย ผมเคยไปเข้าชมรมทำงานฝีมือด้วยนะครับ จากที่กล่าวมาผมมองว่าทำเล Wembley Park นี่เป็นทำเลที่มีทุกอย่างครบจริงๆครับ
Yellow Pavilion: http://wembleypark.com/news/yellow-pavilions-acitivities/
อีกทั้ง Wembley Park เป็นทำเลที่เติบโตค่อนข้างเร็ว จากทำเลที่ไม่ค่อยมีอะไรเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ตอนนี้แทบจะกลายเป็นเมืองที่มีครบทุกอย่าง มีทั้งสถานศึกษา มีแหล่งงาน ทำให้ราคาเฉลี่ยบ้านในทำเลนี้เพิ่มขึ้นด้วยความรวดเร็วในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา นอกจากนั้นทางรัฐบาลอังกฤษเองได้มองภาพว่า Wembley Park นั้นเป็น Opportunity Area ของลอนดอน จึงได้เตรียมงบลงทุนมากกว่า 3,800 ล้านปอนด์หรือประมาณ 170,000 ล้านบาทในการพัฒนาทำเลนี้ต่อไปอีก โดยใช้ชื่อว่า Wembley Regeneration Project ซึ่งงบประมาณนี้จะทำให้เกิดที่พักอาศัยเพิ่มขึ้นอีก 11,500 ยูนิต มีพื้นที่ออฟฟิตเพิ่มขึ้นอีก 63,000 ตารางเมตร และจะเป็นบริเวณที่สร้างงานเพิ่มขึ้นอีกถึง 10,000 งาน
การพัฒนาของทำเลรอบๆ Wembley
Wembley Regeneration Project
โดยในตอนนี้ราคาเฉลี่ยบ้านที่ทำเลนี้คือ £890,000 ซึ่งขึ้นมาจากปีที่แล้วประมาณ 6% และเป็นที่คาดการณ์ว่าจะขึ้นต่อไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็วในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ด้วยปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมด ผมเลยอยากจะแนะนำโครงการ Wembley Parade ครับ ซึ่งนับเป็นโครงการที่ขนาดไม่ใหญ่มากที่ พัฒนาโดยบริษัท Anthology ซึ่งเป็นบริษัทมีชื่อเสียงที่ทำโครงการใหญ่ๆมาแล้วหลายโครงการทั่วลอนดอน
Wembley Parade ตั้งอยู่บนถนน North End Road เดินแค่ 4 นาทีถึงสถานี Wembley Park หรือถ้าจะเดินไป สนาม Wembley หรือ London Designer Outlet ก็ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีครับ ตัวโครงการมีทั้งหมด 5 อาคาร จำนวน 195 ยูนิต แต่จะมีแค่ 80 ยูนิตจาก 3 อาคารที่เปิดขายให้แก่ชาวต่างชาติ ได้แก่อาคาร Simpson Court, Ayrton Apartments และ Watkins Tower โดยที่นี่เป็นโครงการที่เน้นพื้นที่สีเขียว และมีคลองผ่านด้านหลังของโครงการอีกด้วย
ทำเลที่ตั้งของ Wembley Palace
ทำเลที่ตั้งของ Wembley Palace และ 3 อาคารที่เปิดขายให้ชาวต่างชาติ
โดยยูนิตที่นี่มีตั้งแต่ 1-3 ห้องนอน มีระเบียงทุกห้อง ขายแบบ Fully fitted มีชุดครัวพร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว รวมถึงเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าด้วยครับ มีการเดินระบบแอร์และระบบทำความร้อนไว้ให้แล้ว เพื่อเตรียมพร้อมให้ผู้อยู่อาศัยทั้งหน้าร้อนและหน้าหนาว พวกตู้เก็บของและตู้เสื้อผ้าก็มีให้แล้วครับ เรียกได้ว่าซื้อเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวอีกนิดหน่อยก็พร้อมอยู่ได้เลยครับ
ในส่วนของห้องนั่งเล่น (Lounge Area) ที่นี่จะให้เป็นพื้นไม้ Vinyl Flooring โดยสีไม้นั้นจะเหมือนกับในรูปครับ ตัวพื้น Vinyl จะสามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้ดีกว่า Engineering Wood ที่พวกเราคุ้นเคยกันที่เมืองไทย และที่นี่จะเน้นห้องนั่งเล่นที่มีขนาดใหญ่และเป็นพื้นที่เปิด โดยโซนพักผ่อนกับโซนกินข้าวจะแยกกันอย่างชัดเจน ระเบียงจะเป็นระเบียงขนาดใช้งานได้จริง เพื่อให้ได้รับวิวจากทำเลรอบๆ ซึ่งหลายๆห้องจะเห็นวิวของสนาม Wembley ได้ด้วยนะครับ
โครงการ Wembley Palace: ห้องนั่งเล่น
ในส่วนของห้องครัวจะเป็นแนว Contemporary Handle less Kitchen ก็คือเป็นครัวเปิด โดยลิ้นชักจะไม่มีบานจับ เพื่อให้ดู Modern เข้ากับยุคสมัย สีจะเน้นโทนสีอ่อน ท้อปของชุดครัวจะทำจาก Composite Stone และมีอุปกรณ์ไฟฟ้าบิลท์อินให้ครบ โดยใช้ของ Siemens ครับ มีให้ทั้งตู้เย็น เตาอบ รวมไปถึงเครื่องล้างจาน เป็นครัวที่เรียบหรูมากที่นึงที่เคยเห็นมาเลยครับ
ในส่วนของห้องนอน พื้นจะเป็นพรมหน้ากว้าง (Broadloom Carpet) ผืนใหญ่ไม่มีรอยต่อ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของประเทศอังกฤษครับ มีตู้เสื้อผ้าให้ครบ เน้นหน้าต่างบานใหญ่เพื่อให้ห้องไม่อับ ในส่วนของห้องน้ำทางโครงการจะทำตู้ปิด ชั้นวางและกระจกไว้ให้แล้ว มีระบบน้ำร้อนเตรียมไว้ให้ พื้นและผนังห้องน้ำจะเป็นพอร์ซเลน (Porcelain)หรือเซรามิกเนื้อขาว โดยที่เนื้อเซรามิกชนิดนี้มีค่าการดูดซึมน้ำต่ำ เพียง 0.05% ทำให้ไม่เก็บกลิ่น มีความแข็งแรง สามาถรองรับน้ำหนักได้ดี ทนทานต่อการเสียดสีและขูดขีด
สำหรับห้องที่น่าสนใจของโครงการนี้ผมขอเลือกห้องมาให้ดูแปลนกันสามแบบนะครับ ห้องแรกจะเป็นแบบ 1-Bedroom ที่อาคาร Watkins Tower ขนาด 538 sq.ft หรือประมาณ 50 ตารางเมตร โดยราคาจะอยู่ที่ £438,000 หรือประมาณ 19.7 ล้านบาท ห้องนี้จะเหมาะกับคนที่เน้นพื้นที่ห้องนั่งเล่นมากกว่าห้องนอนครับ
ส่วนห้องที่สองจะเป็น 2-Bedroom ที่อาคาร Simpsons Building ราคาจะอยู่ที่ £613,000 หรือประมาณ 27.5 ล้านบาท ขนาด 857 sq.ft หรือประมาณ 80 ตารางเมตร ส่วนตัวผมชอบ Layout ห้องนี้มากที่สุด เป็นสองห้องนอนที่ Layout ดีที่สุดในตึก เป็นห้องหน้ากว้าง ทุกอย่างเป็นสัดส่วนสามารถใช้งานได้จริง ผมเชียร์ห้องนี้เป็นการส่วนตัวครับ
ในส่วนของห้องที่สามจะเป็น 3-Bedroom ที่อาคาร Artyon Apartments ขนาด 926 sq.ft หรือประมาณ 86 ตารางเมตร ราคาจะอยู่ที่ £741,500 หรือประมาณ 33.4 ล้านบาท ห้องนี้จะเหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ขึ้นจากห้องที่สองครับ
ในมุมของการซื้อลงทุนปล่อยเช่าถือว่าน่าสนใจอยู่นะครับ ถ้าอิงมูลจาก Foxtons UK ที่เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของอังกฤษ ค่าเช่าปัจจุบันในทำเล Wembley Park จะอยู่ที่ £312, £485 และ £577 ต่อสัปดาห์สำหรับ 1-Bedroom, 2-Bedroom และ 3-Bedroom ตามลำดับ ถ้าเรานำมาเทียบกับราคาห้องที่ Wembley Parade แล้ว จะได้ยิลด์ประมาณ 4% ถ้าเราหักค่าใช่จ่ายต่างๆทุกอย่างแล้ว ก็จะได้ยิลด์อยู่ประมาณ 3% ซึ่งผมมองว่าเป็นตัวเลขที่ดีนะครับ เมื่อเทียบกับ Capital Gain ที่จะได้ นอกจากนี้ยังมีโอกาสเรื่องค่าเงินปอนด์ที่ตอนนี้อ่อนตัวอยู่ เหมือนลงทุนครั้งเดียว ได้โอกาสทำกำไรทั้งทางอสังหาริมทรัพย์และค่าเงินไปในตัว
ค่าเช่าในทำเล Wembley Park
อีกจุดนึงที่น่าสนใจคือ ผมลองดูคร่าวๆแล้วพบว่า ราคาขายของ Wembley Parade ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับอพาร์ทเมนท์ ในย่านใกล้เคียง อย่าง 1-Bedroom ที่ลองหาดู ถ้าสเป็คห้องใกล้เคียงกัน ผมหาที่ราคาต่ำกว่า £500,000 ไม่ค่อยเจอครับ
ตัวโครงการนี้จะสร้างเสร็จประมาณกลางปี 2020 หรืออีกประมาณสองปี สำหรับในมุมมองของผม การลงทุนที่นี่ ผู้ซื้อควรมองถึงประโยชน์ในการใช้สอยและการลงทุนในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น ผู้ซื้อควรจะคาดหวังผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า 3% ต่อปี และอัตรา Capital Gain ที่ประมาณ 4-6% อย่างที่กล่าวไปตอนต้น และอีกส่วนนึงที่จะได้ก็คือการลงทุนในค่าเงิน ซึ่งถ้าเรามองว่าค่าเงินปอนด์ที่อ่อนตัวลงถึง 15% ในตอนนี้ จะสามารถกลับขึ้นมายืนได้ที่ระดับเดิม เราก็จะได้กำไรเพิ่มขึ้นไปอีก 15% ครับ
สำหรับผู้ที่สนใจโครงการ Wembley Parade ไม่ต้องด่วนบินไปที่ลอนดอนตอนนี้ครับ เพราะทางโครงการจะมา Roadshow ถึงที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 15-16 กันยายนนี้ ที่โรงแรม Anantara Siam Hotel Ratchadamri โดยโครงการ Wembley Parade จะมีตัวแทนขายที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการคือบริษัท แลนด์สโคป ประเทศไทย ครับ
ลงชื่อเข้าร่วมสัมนาได้ที่ https://goo.gl/forms/1vocGefxE2NMdT2i1
หรือโทร 063- 429- 6546 ติดต่อ คุณก้าว