เมื่อเราเอ่ยถึงฝั่งธนบุรี หลายคนที่มีอายุเกิน 40 ขึ้นไป คงนึกถึงแถวย่านจรัญฯ-ปิ่นเกล้า เป็นลำดับแรก เนื่องจากย่านนี้เป็นย่าน Residential area แห่งแรกๆของชาวฝั่งธนฯ ที่ขยายถิ่นฐานมาจากฝั่งพระนครบริเวณเมืองเก่าบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ จนถึงย่านเยาวราช ในอดีตที่ผ่านมาเมื่อครั้งที่ยังไม่มีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินพาดผ่านถนนจรัญสนิทวงศ์ จะเห็นได้ชัดว่าการพัฒนาในเชิงอสังหาฯ ทั้งห้างสรรพสินค้า อาคารพาณิชย์ จนถึงโครงการคอนโดสูง จะอยู่ในบริเวณถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า ที่เชื่อมมาจากฝั่งพระนคร ผ่านสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า

แต่ในอนาคตรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสายบางซื่อ-ท่าพระ ที่วิ่งตามเส้นถนนจรัญสนิทวงศ์ คาดว่าจะเปิดใช้บริการภายในปี 2563 นั้นทำให้ย่านจรัญ-ปิ่นเกล้า จะกลับมาสู่ยุครุ่งเรืองอีกครั้ง เห็นได้จากโครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่จะพัฒนาตามแนวรถไฟฟ้ามากขึ้น แนวทางการพัฒนาคอนโดมิเนียมจะเข้ามาอยู่เส้นจรัญสนิทวงศ์เป็นส่วนใหญ่ จากแต่เดิมที่พัฒนาตามถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้าเป็นหลัก อีกทั้งทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ที่เปิดใช้งานเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้การเดินทางเข้าออกเมืองสะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะอยู่ใกล้ทางขึ้นลงตรงด่านบางบำหรุ-สิรินธร ที่สามารถเดินทางได้สะดวกผ่านทางถนนจรัญสนิทวงศ์เช่นกัน

ถนนจรัญสนิทวงศ์มีความสำคัญมากสำหรับชาวฝั่งธนฯ เพราะว่าเป็นถนนคู่ขนานแม่น้ำเจ้าพระยา ดังนั้นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาหลายแห่ง จึงเชื่อมต่อกับถนนจรัญสนิทวงศ์ เช่น สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า (เชื่อมกับฝั่งเขตพระนคร) สะพานพระราม 8 (เชื่อมกับทางยกระดับบรมราชชนนี) สะพานกรุงธน (เชื่อมกับถนนราชวิถี) สะพานพระราม 7 (เชื่อมกับถนนวงศ์สว่าง) ดังนั้นถนนจรัญสนิทวงศ์ถือเป็นถนนหัวใจ หลักของชาวฝั่งธนฯ หากจะเปรียบเทียบก็คงจะคล้ายถนนรัชดาภิเษกที่มีรถไฟฟ้าใต้ดินวิ่งอยู่ครับ

ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าการเดินทางข้ามมายังย่านฝั่งธนฯ นอกจากเดินทางโดยรถยนต์แล้ว การเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยาและเรือข้ามฟากยังคงเป็นที่นิยมอยู่ ซึ่งท่าเรือที่ใกล้กับตัวโครงการคือ ท่าเรือพระปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นท่าเรือสำคัญเพราะ มีเรือด่วนเส้นทางสำคัญรับ-ส่ง ผู้โดยสารที่ท่าเรือพระปิ่นเกล้า ทั้งเรือด่วนธงสีเขียว (ปากเกร็ด – สาทร), เรือด่วนธงสีเหลือง (นนทบุรี – สาทร) และ เรือด่วนธงสีส้ม (นนทบุรี – วัดราชสิงขร) โดยเฉพาะการเดินทางไปยังท่าเรือสาทร ค่าโดยสารจะอยู่ที่ 20 บาท สำหรับธงเขียวและธงเหลือง และ 15 บาท สำหรับธงส้ม สำหรับชาวฝั่งธนฯ แล้ว วิธีการเดินทางแบบนี้ถือว่ารวดเร็วเพราะสามารถเดินทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีสะพานตากสินได้เลย อีกทั้งท่าเรือพระปิ่นเกล้ายังมีส่วนท่าเรือข้ามฟากไปยังท่าพระอาทิตย์และท่าพระจันทร์ได้อีกด้วย ค่าโดยสารจะอยู่ที่ 3.50 บาท

อีกหนึ่งรูปแบบการเดินทางคือ รถตู้สาธารณะครับ จะจอดอยู่หน้าเซ็นทรัลปิ่นเกล้า และบริเวณหน้าพาต้าปิ่นเกล้า นอกจากจะเดินทางเข้าเมืองได้แล้ว สามารถเดินทางไปพื้นที่รอบนอก ที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มีทั้งหมด 7 จุดหมายปลายทาง ได้แก่ เซ็นทรัลพระราม 2, ม.มหิดล, วัดไร่ขิง, ม.ธุรกิจบัณฑิต, นครชัยศรี, ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ และบางบัวทอง ทั้งนี้จุดจอดรถตู้บริเวณนี้ค่อนข้างหนาแน่น อาจมีเส้นทางใหม่เปิดบริการเพิ่มและบางเส้นทางอาจถูกย้ายไปสถานีขนส่งสายใต้ แต่ถือว่าเป็นจุดนี้เป็นจุดจอดรถตู้ที่สำคัญและครบทุกเส้นทางในย่านฝั่งธนฯ ครับ

เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ–ท่าพระ ที่วิ่งบนถนนจรัญสนิทวงศ์นั้น มาตั้งแต่บางซื่อยาวไปจนถึงท่าพระ ตัดกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค ที่สถานีท่าพระ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจะวนครบลูปเป็นตามแนวถนนวงแหวนรอบในของกรุงเทพฯ ตัดผ่านเขตเมืองเก่าของกรุงเทพฯหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นย่านสนามไชย วังบูรพา และเยาวราช และข้ามมาที่ฝั่งธนฯ จากความสำคัญของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินดังกล่าว ทำให้เริ่มมีโครงการเปิดใหม่ในย่านจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งถือว่าเป็นถนนสายหลักของชาวฝั่งธนฯ อย่างเห็นได้ชัด โดยคอนโดที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ในย่านถนนจรัญฯ มีอยู่หลายโครงการในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา แต่โครงการที่ขายหมด 100% มีเพียง BRIX Condo เท่านั้น ซึ่งตั้งอยู่ใกล้สถานีสิรินธร เปิดตัวเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา

ส่วนโครงการ The Parkland Charan – Pinklao (เดอะ พาร์คแลนด์ จรัญ-ปิ่นเกล้า)  เป็นโครงการลำดับที่ 5 ในย่านจรัญ–ปิ่นเกล้า มีโครงการมาเปิดตัวบริเวณนี้แล้ว จำนวน 4 โครงการ คือ Life Pinklao, Thana Astoria, Plum Condo และรวมไปถึง Supalai Citi Resort Rama 8

ตัวโครงการอยู่ช่วงจรัญสนิทวงศ์ 42 ติดถนนใหญ่ ติดสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย บางซื่อ-ท่าพระ สถานีบางยี่ขัน  บนพื้นที่ดินกว่า 11-2-75 ไร่ จำนวน 1,784 ยูนิต จุดเด่นที่สุดของโครงการนี้คือจำนวนพื้นที่สวนมากที่สุดในบรรดาโครงการคอนโดภายใต้แบรนด์ The Parkland ทั้งหมด พื้นที่สวนกว่า 3 ไร่ถูกวางคอนเซปท์ให้เป็น Tropical landscape + Universal design นอกจากนี้หากรวมพื้นที่ใช้สอยของ facility ภายในโครงการทั้งหมด ก็จะพบว่าที่นี่คือโครงการคอนโดแห่งเดียวบนถนนจรัญสนิทวงศ์ ที่มีพื้นที่ส่วนกลางที่ครบเครื่องทั้งในด้านขนาด และประโยชน์ใช้สอย สอดรับกับสโลแกน “สุนทรียภาพในการใช้ชีวิต”

The Parkland เพชรเกษม-ท่าพระ

The Parkland เพชรเกษม–บางแค

The Parkland รัชดา–วงศ์สว่าง

หากเราลองสแกนหาโครงการคอนโดขนาดใหญ่ ติดสถานีรถไฟฟ้า ที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคต ก็จะพบว่าแทบจะทั้งหมดมักจะเป็นโครงการขนาดเล็กที่มีพื้นที่ไม่เกิน 3 ไร่ เน้นจำนวนยูนิตขนาดเล็ก และไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับขนาดของพื้นที่ส่วนกลางเท่าที่ควร…จากการแนวโน้มการขยายตัวของเมือง ที่มีการพัฒนาอย่างตลอดเวลา ทำให้พบว่า ปัจจุบันที่ดินผืนใหญ่ที่มีขนาดเกิน 10 ไร่ และอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า ในเขตเมืองนั้นหาแทบจะไม่ได้แล้ว และถึงแม้จะหาได้ ก็ไม่มีใครกล้านำมาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในราคาระดับนี้ ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.88 ล้านบาทเท่านั้น

ในทางกลับกัน ดีเวลลอปเปอร์ส่วนใหญ่ที่ได้แปลงที่ดินขนาดเล็กติดรถไฟฟ้ามา ก็มักจะไม่เน้นพื้นที่ส่วนกลางเท่าไหร่นัก เพราะต้องให้ Efficiency ที่น่าพอใจสำหรับดีเวลลอปเปอร์ และเป็นระดับราคาที่เหมาะสมสำหรับกำลังซื้อในแต่ละย่าน

The Parkland Charan – Pinklao มีพื้นที่ส่วนกลางที่ถือว่าเป็นจุดไฮไลท์ แตกต่างจากโครงการคอนโดอื่นๆโดยรอบ คือ ตัวอาคารสูง 22 ชั้น แบ่งออกเป็น 1 อาคาร  3 ทาวเวอร์ วางบน Podium เดียวกัน เป็นดีไซน์เอกลักษณ์ของคอนโด The Parkland ที่ให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้งานพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่หลายฟังก์ชั่นอย่างสระว่ายน้ำ และฟิตเนส ในแบบที่ไม่สะดุด

บริเวณทางเข้าหน้าโครงการ

พื้นที่ส่วนกลางชั้น Ground ขนาดกว่า 3 ไร่ ประกอบด้วย Garden, Playground, Jogging Track ภายใต้คอนเซปท์ Night Park

พื้นที่ส่วนกลางแต่ละทาวเวอร์จะแตกต่างกันออกไป โดยแยกออกเป็น 3 ส่วนหลัก คือ

• สำหรับทาวเวอร์ A ที่อยู่ริมถนนใหญ่ มีร้านค้าจำนวน 3 ยูนิตและ 7 ELEVEN Premium
• สำหรับทาวเวอร์ B พื้นที่ส่วนกลางบนทาวเวอร์ ถือเป็นจุดเด่นของที่นี่ อยู่ชั้น 4, 5 และ 6 แบบ Triple Floor Sport Facilities จำนวน 3 ชั้นต่อเนื่องกัน แบ่งเป็น ห้องน้ำและห้องซาวน่า แยกชาย–หญิง, Fitness, Lounge, Double Volume Yoga fly, Boxing corner
• สำหรับทาวเวอร์ C มีสระว่ายน้ำความยาว 50 เมตร ซึ่งใหญ่กว่า Half Olympic ถือเป็นจุดเด่นเช่นกัน และยังมีสระเด็ก, Jacuzzi แยกเป็นสัดส่วน และ Double Sky Lounge อยู่ชั้นบนยอดตึก ชั้น 21-22 ซึ่งประกอบไปด้วย Social club, Co-working & Creativity Space, Mini theater, Golf simulator และ Rooftop garden จะได้รับวิวเกาะรัตนโกสินทร์และสะพานพระราม 8 แบบ 360 องศาเลยทีเดียว

Tower A: Plaza & 7 ELEVEN Premium

Tower B: Garden & Shallow Pool on Podium FL.4 & Playground on Ground Floor

Ground Floor: Jogging track under concept Night Park

Tower B: Shallow pool & Sunken Seat

Tower C: Pavilion at Swimming pool  

Tower C: Double Sky Lounge Fl. 21, 22

Tower C: Social Club Fl. 21

Tower C: Rooftop Garden

เห็นได้ว่าโครงการจัดเต็มในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางทั้งสวนขนาดใหญ่กว่า 3 ไร่ ส่วนกลางที่ครบครันแถมยังให้มากกว่าโครงการอื่นที่เปิดมาในย่านนี้ เพราะติดสถานีรถไฟฟ้าที่สุดจากด้านหน้าโครงการ ทำให้เราใช้เวลาอยู่กับที่อยู่อาศัยมากขึ้น เพราะสิ่งอำนวยความสะดวก ตอบสนองการใช้ชีวิตของเราแบบครบวงจร โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปไหนให้เสียเวลา มีเวลากับคนรัก ครอบครัว องค์ประกอบเหล่านี้เองสามารถเพิ่มสุนทรียภาพในการใช้ชีวิตได้อย่างลงตัวและราคาสามารถจับต้องได้ สมเหตุสมผล โดยตัวโครงการขายห้องแบบ Partial fitted  ชุดครัว พร้อม Hood + Hob เครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง สำหรับ 1 ห้องนอนและเครื่องปรับอากาศ 3 เครื่อง สำหรับ 2 ห้องนอน พร้อมตู้เสื้อผ้าทุกห้องนอน เครื่องทำน้ำอุ่นทุกห้องน้ำ กระจก Temper สำหรับห้องน้ำ Master ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว

เมื่อเปรียบเทียบกับโครงการในย่านนี้ ถือว่าโครงการ The Parkland Charan – Pinklao ในแง่ของการลงทุน มีความคุ้มค่าที่สุดในย่านนี้แล้ว ทั้งในเรื่องของราคาต่อตรม.ที่ค่อนข้าง competitive กว่าทุกโครงการ และโอกาสในการทำราคาเช่าได้มากกว่า จากการที่มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ นอกจากนี้ตัวโครงการยังมีแต้มต่ออื่นๆที่น่าจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการได้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น ทำเลที่ติดสถานีรถไฟฟ้าสถานีบางยี่ขัน และรูปแบบของห้องที่ให้พื้นที่ประโยชน์ใช้สอยมากกว่า โดยเฉพาะห้องขนาด 34.5 ตร.ม. ที่มีฟังก์ชั่นห้องอเนกประสงค์ริมหน้าต่าง เชื่อมต่อฟังก์ชั่นการใช้งานกับห้องนั่งเล่น หรือจะสร้างความเป็นสัดส่วนด้วยบานเลื่อนกั้นห้องก็ได้ หรือ 1 Bedroom plus พื้นที่ที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งเชื่อว่าห้องรูปแบบนี้คาดว่าจะสามารถทำราคาปล่อยเช่าได้ราวๆตรม.ละ 450 – 500 บาท หรือได้รับผลตอบแทนราวๆ 6% กว่าๆต่อปี

เรามาดูรูปแบบของห้องโครงการนี้เมื่อเปรียบเทียบกับโครงการโดยรอบกันครับว่า จะมีจุดเด่นข้อแตกต่างจากโครงการอื่นๆ อย่างไรบ้าง โดยรูปแบบห้องของโครงการ The Parkland Charan – Pinklao มีทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่ ห้องสตูดิโอ ขนาด 24.0 ตร.ม., 1 ห้องนอน ขนาด 30.0 – 45.0 ตร.ม., 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 45.0 – 49.5 ตร.ม. และ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 60.0 – 75.0 ตร.ม.

ห้องสตูดิโอ ขนาด 24.0 ตร.ม.

รูปร่างของห้องจะเป็นยูนิตหน้าลึกตามฉบับการวาง layout ห้องสตูดิโอทั่วไป ให้ส่วนห้องน้ำและครัวอยู่ตรงทางเข้า มีขนาดของห้องที่ค่อนข้าง Compact มากสำหรับคอนโดเปิดใหม่ในย่าน จรัญ-ปิ่นเกล้า

1 ห้องนอน ขนาด 30.0 – 45.0 ตร.ม.

เลย์เอ้าท์ห้อง 1 ห้องนอนขนาด 30 ตารางเมตร Option 1

เลย์เอ้าท์ห้อง 1 ห้องนอนขนาด 30 ตารางเมตร Option 2

1 ห้องนอนของโครงการจะมี 2 ขนาดด้วยกัน คือ ขนาด 30.0 ตร.ม. และ 34.5 ตร.ม. โดย 1 ห้องนอนขนาดเล็กสุดจะมี 2 options ห้องที่น่าสนใจสำหรับขนาดนี้คือ 1 ห้องนอน option 1 ที่ให้ความยืดหยุ่นของ transition space ระหว่าง Living, Dining และ Kitchen ที่มากกว่า ส่วน option 2 จะเน้นการเชื่อมต่อระหว่างห้องน้ำ กับห้องนอนมากกว่า ตรงที่ระยะเดินจะสั้นกว่า option 1 ครับ โดยที่ห้องครัวจะถูกกั้นเป็นสัดส่วนติดระเบียง

ภาพ Interior perspective ของห้องขนาด 30 ตารางเมตร

Layout ที่น่าสนใจของโครงการนี้เห็นจะเป็นห้องขนาด 34.5 ตร.ม. ที่ให้พื้นที่ห้องอเนกประสงค์ริมหน้าต่าง เชื่อมต่อฟังก์ชั่นการใช้งานกับห้องนั่งเล่น หรือจะสร้างความเป็นสัดส่วนด้วยบานเลื่อนกั้นห้องก็ได้ มาให้ไว้สำหรับเพิ่มพื้นที่การใช้สอย โดยต่อเนื่องมากจากส่วน Living และที่สำคัญได้รับแสงธรรมชาติ เป็นห้องแบบใหม่ ซึ่งปกติแล้วทาง Parkland เองจะทำห้องขนาดนี้เป็น เลย์เอ้าท์ห้องหน้ากว้าง แต่ที่ The Parkland Charan – Pinklao เปลี่ยนแนวทางการออกแบบใหม่ จึงมีห้องอเนกประสงค์เพิ่มเข้ามาแทน โดยห้องแบบนี้จะคล้ายกับ 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตร.ม. ของ Life Pinklao แต่ดีกว่าตรงที่ Life เป็นห้องที่ต้องเดินผ่านห้องนอน ซึ่งมองว่าไม่ private และไม่ practical เท่าไหร่นัก

เลย์เอ้าท์ห้องขนาด 34.5 ตรม. Option 1

เลย์เอ้าท์ห้องขนาด 34.5 ตรม. Option 2

ภาพ Interior Perspective ของห้องขนาด 34.5 ตารางเมตร

2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 45.0 – 49.5 ตร.ม.

ห้องขนาด 47.0 ตร.ม. หน้ากว้าง 7.5 เมตร จุดเด่นคือตรงพื้นที่ครัวที่เป็นครัวปิดได้ ในขณะเดียวกันก็ยังมีพื้นเตรียมอาหาร เชื่อมต่อกับโต๊ะทานข้าวได้เลย

เลย์เอ้าท์ ห้องแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 47 ตรม.

ภาพ Interior Perspective ของห้อง 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำขนาด 47 ตารางเมตร

2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 60.0 – 75.0 ตร.ม.

เลย์เอ้าท์ ห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 62 ตรม.

จุดเด่นของสองห้องนอนขนาดใหญ่สุดคือแบ่งพื้นที่ใช้สอยชัดเจน ครึ่งหนึ่งเป็นส่วน Kitchen, Dining และ Living อีกครึ่งเป็นส่วน Private

ภาพ Interior Perspective ของห้อง 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 62 ตารางเมตร

ปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่กำลังก่อสร้างอยู่ และทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก มีบทบาทสำคัญมากในย่านจรัญ-ปิ่นเกล้า สังเกตได้จาก Developer รายใหญ่เริ่มเข้ามาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมบนถนนจรัญสนิทวงศ์ ที่เกาะแนวสถานีรถไฟฟ้า ประกอบกับทำเลนี้เป็นย่านเก่าแก่ซึ่งมีความเจริญถึงขีดสุดมาตั้งแต่ก่อนหน้าที่จะมีรถไฟฟ้าแล้ว

การมาของโครงการคอนมิเนียมต่างๆ ก็เพื่อสามารถรองรับการขยายตัวของประชากรในย่านนี้ ใกล้สถานที่สำคัญอย่าง โรงพยาบาลศิริราช เซนทรัลปิ่นเกล้า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วนักศึกษาจะเลือกที่อยู่อาศัยฝั่งนี้มากกว่าฝั่งเมืองเก่าแถวพระนคร ที่ไม่สามารถสร้างที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดได้ การเดินทางก็ค่อนข้างคล่องตัว สามารถใช้เรือข้ามฟาก หรือถ้าหากขับรถก็แค่ข้ามสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าเท่านั้น อีกทั้งบุคคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลศิริราช ส่วนใหญ่เลือกอาศัยอยู่ย่านนี้เช่นกัน

โครงการ The Parkland Charan – Pinklao ถึงแม้จะมีจำนวนยูนิตที่มากถึง 1,784 ยูนิต แต่ถ้าเทียบกับที่ตั้งของโครงการที่อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าบางยี่ขัน รูปแบบห้องที่ตอบโจทย์ มีพื้นที่อเนกประสงค์ภายในห้องสำหรับ 1 ห้องนอนและส่วนกลางที่ให้มากกว่าโครงการอื่น ด้วยพื้นที่สวนกว่า 3 ไร่ ที่จะเพิ่มสุนทรียภาพในการใช้ชีวิตให้มากกว่าใคร ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการที่ตอบโจทย์กับกิจกรรมในทุกด้าน ซึ่งแทบจะหาในคอนโดในระดับราคานี้ไม่ได้แล้ว ราคาเริ่มต้นในช่วงพรีเซลอยู่ที่ 1.88 ล้านบาท หรือราวๆตรม.ละ 78,000 บาท ถือว่าคุ้มค่าที่สุดในย่านนี้

หากต้องการลงทุนเพื่อปล่อยเช่าก็นับว่าคุ้มค่า กว่าโครงการใกล้เคียงอื่นๆ และเมื่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสายบางซื่อ-ท่าพระ สร้างเสร็จพร้อมเปิดบริการในปี 2563 ราคาของคอนโดในย่านนี้ก็น่าจะขยับขึ้นไปอีกอย่างเห็นได้ชัด

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และรับสิทธิพิเศษอื่นๆได้ที่ http://www.naraiproperty.com/project/PLCPregister หรือโทร 063 213 5265-7