Tag: Condo Review
เซ็นทริค ติวานนท์ สเตชั่น Centric Tiwanon Station: Completed design & facility
ที่ดินในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยหนึ่งที่เป็นแรงผลักราคาอย่างมีนัยสำคัญคงหนีไม่พ้นโปรเจครถไฟฟ้าสารพัดสี เพราะแค่เกริ่นถึงโปรเจคราคาที่ดินทำเลนั้นๆ ก็ทยอยปรับขึ้น ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมราคาคอนโดติดถนนใหญ่ตามแนวรถไฟฟ้านับวันจะยิ่งแพงขึ้นเรื่อยๆ ราคาเปิดตัวโครงการใหม่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต่ำกว่า 8-9 หมื่นบาท/ตร.ม. ไปแล้ว ขณะที่ไซส์ห้องก็หดมินิลงเหลือพื้นที่ใช้สอยแค่ 21-22 ตร.ม. เท่านั้นเพื่อคุมราคาต่อยูนิตให้ไม่เกิน 2-3 ล้านบาทซึ่งเป็นราคาที่คนชั้นกลางเอื้อมถึง
ไม่เว้นแม้แต่ทำเลส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าที่ดีเวลลอปเปอร์หลายค่ายทยอยขึ้นโครงการรองรับรถไฟฟ้าที่จะมีขึ้นในอนาคต ส่วนทำเลที่ฮอตและน่าจับตามองที่สุดในตอนนี้ต้องยกให้แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) ที่มีกำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการภายในปีหน้านี้ สถานีที่มาแรงที่สุดคงหนีไม่พ้นบางซื่อ-เตาปูนเพราะเป็นสถานีใหญ่และเป็นสถานีอินเตอร์เชนจ์หรือจุดตัดเปลี่ยนขบวนรถหลายสายนั่นเอง
โซนบางซื่อไม่ต้องพูดถึงเพราะที่ดินหายากมาก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นของการรถไฟฯ ดังนั้นโอกาสที่จะมีคอนโดมิเนียมในโซนนี้น้อยมากยกเว้นการรถไฟฯจะใจดีแบ่งที่ให้เอกชนพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบสถานีกลางบางซื่อ แต่แน่นอนว่ารูปแบบการขายจะต้องเป็น Lease Hold หรือขายสิทธิการเช่าระยะยาวแทนการขายขาดหรือ Free Hold ส่วนทำเลสถานีเตาปูนขณะนี้มีดีเวลอปเปอร์หลายค่ายเข้าไปพัฒนาโครงการค่อนข้างมาก แต่ละโครงการเรียกว่าขายดิบขายดีแม้ราคาคอนโดในโซนนี้จะพุ่งทะลุ 1.2 แสนบาทต่อตารางเมตรไปแล้ว ไม่ต่างกับโซนสถานีบางซ่อนและสถานีวงศ์สว่างที่ราคาขายโครงการคอนโดมิเนียมก็มาแรงไม่แพ้กันที่เห็นๆ ก็ไม่น้อยกว่า 9 หมื่น-1 แสนบาทต่อตารางเมตรกันแล้ว
สำหรับคนที่มีงบประมาณไม่เกิน 2.5 ล้านบาท แต่อยากอยู่ทำเลเหล่านี้คงจะลำบากหน่อย ดังนั้นถ้ามีงบจำกัดแต่ยังอยากอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าที่ไม่ห่างจากรถไฟฟ้าสายปัจจุบันที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว ทำเลถนนกรุงเทพ-นนทบุรีก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เป็นถนนที่เชื่อมแยกวงศ์สว่างเข้ากับแยกติวานนท์ เป็นทำเลที่มีรถไฟฟ้าสายสีม่วงตัดผ่าน สถานีหลักของย่านนี้อยู่ที่สถานีแยกติวานนท์ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีอินเตอร์เชนจ์ทั้งบางซื่อและเตาปูนในระยะ 3-4 สถานีเท่านั้น ขณะที่ราคาคอนโดมิเนียมที่อยู่รอบสถานีก็ต่ำกว่าราคาคอนโดรอบสถานีเตาปูน บางซ่อนและวงศ์สว่างทำเลถนนกรุงเทพ-นนท์จึงเป็นทำเลที่รองรับดีมานด์ที่อยู่อาศัยของคนที่มีบัดเจ็ตจำกัดแต่อยากอยู่ใกล้รถไฟฟ้า แถมยังมีโอกาสเป็นเจ้าของคอนโดไซส์ 30 ตารางเมตรได้ในราคาไม่เกิน 2.5 ล้านบาท… อย่างเช่น เซ็นทริค ติวานนท์ สเตชั่น (Centric Tiwanon Station)
เดินทางโดยรถยนต์ก็สามารถขึ้นทางด่วน และไปตามป้ายแจ้งวัฒนะครับ
ลงตรงป้ายที่เขียนว่าถนนรัชดาภิเษกครับ
ลงมาก็เจอ The Niche Mono กำลังสร้างอยู่ ก็ให้เลี้ยวซ้าย เพื่อไปแยกวงศ์สว่างครับ
พอเห็น The Parkland รัชดา วงศ์สว่าง แล้วก็เตรียมเลี้ยวขวาตรงแยกวงศ์สว่าง เข้าถนนกรุงเทพ – นนทบุรี
เลี้ยวขวามาแล้ว ก็ขับตรงมาจากสถานีรถไฟฟ้าวงศ์สว่าง แค่สถานีเดียวก็ถึงสถานีแยกติวานนท์แล้วครับ
Centric Tiwanon Station อยู่เลยทางขึ้นสถานีไปนิดเดียวครับ เห็นตัวตีกเด่นเป็นสง่ามาแต่ไกลครับ
รอบสถานีแยกติวานนท์มีโครงการให้เลือกซื้อเลือกอยู่เพียบ ส่วนใหญ่เป็นโครงการเปิดตัวใหม่ต้องรอก่อสร้าง 2-3 ปี กว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ จะมีเฉพาะโครงการเซ็นทริค ติวานนท์ สเตชั่นของค่าย SC Asset เท่านั้นที่เป็นโครงการพร้อมเข้าอยู่ โดยโครงการสร้างเสร็จเมื่อประมาณกลางปี 2557

โครงการเซ็นทริค ติวานนท์ สเตชั่น ออกแบบเป็นคอนโดไฮไรส์ 2 อาคาร ตึก A สูง 41 ชั้นและตึก B สูง 37 ชั้น มีห้องชุดรวม 1,063 ยูนิต และห้องชุดเพื่อการพาณิชย์ 17 ยูนิต มีพื้นที่ทั้งหมด 4-2-59.1 ไร่ ตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้แยกติวานนท์และอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีแยกติวานนท์ประมาณ 100 เมตร ปัจจุบันโครงการมีห้องเหลือขายประมาณ 11% โดยส่วนใหญ่เป็นห้องฝั่งตึก A
ห้องเหลือขายมีทั้งแบบ 1 นอนและ 2 ห้องนอนเริ่มต้นที่ชั้น 10 เป็นต้นไป ทุกยูนิตมาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์บิลด์อินแบรนด์โมเดิร์น ฟอร์มและเครื่องใช้ไฟฟ้า (แอร์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้าและไมโครเวฟ) ครบเซ็ท โดยโครงการแบ่งแพคเกจราคาออกเป็น 3 แบบ คือ 1.ห้องตกแต่งพิเศษ เป็นห้องตกแต่งครบมีทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและของตกแต่งครบเซ็ท (ได้ครบอย่างที่เห็น) 2. ห้อง One price เป็นแบบ 1 ห้องนอนทั้งหมด มีจำนวนจำกัดเพียง 8 ห้อง ราคาเริ่มต้นที่ 2.39 ล้านบาท และ 3. ห้องหลุดดาวน์ ราคาพิเศษ โปรนี้มีเฉพาะห้องแบบ 2 ห้องนอนเท่านั้น ราคาเริ่มต้นที่ 4.34 ล้านบาท
ทุกยูนิตที่ขาย (ยกเว้นแพคเกจ One price) จะมีโปรโมชั่นฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนซึ่งครอบคลุมค่าธรรมเนียมการโอน เงินกองทุนส่วนกลางและค่าส่วนกลาง (1 ปี) ด้วย
ห้องไฮไลท์ของโครงการ ณ เวลานี้เป็นห้องแบบ 2 ห้องนอนตกแต่งพิเศษ (ได้ครบอย่างที่เห็น) คือนอกจากจะมีเฟอร์นิเจอร์บิลด์อินและเครื่องใข้ไฟฟ้าให้แล้วยังมาพร้อมกับของตกแต่งอื่นๆ แบบที่เรียกได้ว่ามาแต่ตัว+กระเป๋าเสื้อผ้าก็เข้าอยู่ได้ทันที ห้องที่โครงการพาเข้าชมวันนี้คือห้องมุมชั้น 22 ของตึก A (โดยห้องแบบ 2 นอนที่นี่ถูกวางตำแหน่งให้เป็นห้องมุมทุกยูนิต)
ห้องที่ว่าเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 66.59 ตารางเมตร ราคาพร้อมตกแต่งครบเซ็ตอยู่ที่ 5 ล้านนิดๆ หรือตกตารางเมตรละ 75,200 บาท เทียบราคากับพื้นที่ใช้สอยแล้วถือว่าคุ้มค่ามาก การวางเลย์เอาท์ห้องก็ถือว่าลงตัวเหมาะกับการอยู่อาศัยของครอบครัวขนาดเล็ก
โถงลิฟท์ตึก A สามารถมองทะลุหน้าต่างไปยังห้องทางตึก B ได้
เริ่มกันตั้งแต่ทางเข้าห้อง ประตูทางเข้าของที่นี่สูง 2.20 เมตร กว้าง 90 เซนติเมตร ที่ประตูติดตาแมวและมือจับแบบก้านโยกจาก Hafele เมื่อเปิดประตู้เข้ามาจะพบกับพื้นที่นั่งเล่นเป็นส่วนแรก ตัวห้องให้ความรู้สึกโปร่งสบายด้วยเพดานที่สูงถึง 2.6 เมตร ขณะที่พื้นปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. พื้นที่โซนนั่งเล่นตกแต่งด้วยชั้นวางทีวีและโซฟาตามแบบมาตรฐานของโครงการแต่ห้องตกแต่งพิเศษจะมีการจัดวางพรมและวางโคมไฟเพิ่มลูกเล่นให้พื้นที่ ตรงมุมของห้องนั่งเล่นมีมุมขนาดใหญ่ตรงนี้สามารถวางชั้นวางของหรือจะบิลด์อินตู้เก็บของเพิ่มก็ยังได้ บริเวณห้องยังมีระเบียงขนาดใหญ่สำหรับออกไปยืนรับลมชมวิวสวยๆ ด้วย




ขณะที่ห้องน้ำอยู่บริเวณทางเดินที่เชื่อมส่วนของห้องนั่งเล่นไปสู่ห้องนอนทั้งสองห้อง โครงการออกแบบห้องน้ำแบบแยกส่วนคือแยกส่วนห้องน้ำและพื้นที่อาบน้ำออกจากกันและวางอ่างล้างหน้าอะคริลิคไว้ตรงกลางระหว่างทั้งสองห้อง การออกแบบถือว่าคิดเผื่อการอยู่อาศัยร่วมกันของคนหลายคนมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จุดนี้ถือว่าช่วยเพิ่มความคล่องตัวของการใช้ห้องน้ำในเวลาเร่งด่วนโดยเฉพาะช่วงเช้าวันทำงานได้ดีทีเดียว ทั้งห้องน้ำและห้องอาบน้ำปูกระเบื้องพื้นกันลื่นและปูกระเบื้องเต็มผนัง สุขภัณฑ์ ก็อกน้ำและราวแขวนใช้แบรนด์ COTTO ทั้งหมด ส่วนของอาบน้ำไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นแถมให้แต่โครงการเดินไฟสำหรับรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว
ขณะที่ห้องนอนหลักก็มีห้องน้ำในตัว (สเปคสุขภัณฑ์ ก็อกน้ำและกระเบื้องตกแต่งเป็นแบบเดียวกันกับห้องน้ำโซน living แต่มีกั้นบานสไลด์แยกโซนเปียก-แห้งไว้ให้เรียบร้อย) ตัวมาสเตอร์เบดรูมตกแต่งแบบเรียบๆ ตัวห้องออกแบบให้แสงธรรมชาติเข้าถึงได้ด้วยการกรุกระจกบานใหญ่ ตัวกระจกเป็นแบบเข้ามุมช่วยเพิ่มความโปร่งให้ห้องและมีบานกระทุ้ง 2 บานสำหรับเปิดให้อากาศหมุนเวียนเข้ามาบ้าง ส่วนเฟอร์นิเจอร์ในห้องเป็นแบบบิลด์อินมีให้ครบทั้งเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ตู้เสื้อผ้าพร้อมชั้นวางของรวมถึงโต๊เครื่องแป้งและชั้นวางทีวีด้วย… แต่ผมว่าตู้เสื้อผ้าบิลด์อินขนาดค่อนข้างเล็กสำหรับการอยู่อาศัย 2 คน ตรงนี้น่าจะบิลด์อินตู้เสื้อผ้าให้เต็มพื้นที่ผนังเลยมากกว่า ส่วนชั้นวางของที่อยู่ตรงมุมห้องนั้นก็น่าจะย้ายมาบิลด์อินไว้ตรงด้านข้างประตูทางเข้าเพราะจะได้ใช้ประโยชน์ทั้งวางของทั่วๆ ไปและตั้งโชว์กรอบรูปหรือของตกแต่งสวยๆ เพิ่มบรรยากาศในห้องนอนได้อีก


ส่วนห้องนอนเล็กถือว่าออกแบบได้ลงตัวบิลด์อินเตียงขนาด 3.5 ฟุตพร้อมโต๊ะข้างเตียง ตู้เสื้อผ้าและโต๊เครื่องแป้ง ขณะที่กระจกเป็นบานใหญ่ไม่เข้ามุมและให้บานกระทุ้ง 2 บานเหมือนกันกับมาสเตอร์เบดรูม
โซนครัวกั้นห้องเป็นสัดส่วนด้วยบานเลื่อนอลูมิเนียมสีขาว บริเวณห้องครัวไม่มีระเบียงแต่ติดตั้งบานกระทุ้งไว้สำหรับระบายอากาศแทน ใกล้ๆ บานกระทุ้งจะมีบานเปิดขนาดพอเหมาะสำหรับเปิดออกไปเพื่อตากผ้า โดยโครงการติดตั้งราวตากผ้าไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แต่ผมว่าคงไม่เหมาะกับการตากผ้าจำนวนมากสักเท่าไหร่ ส่วนเคาน์เตอร์ครัวบิลด์อินท็อปหินสังเคราะห์สีขาวจากค่ายโมเดิร์นฟอร์มมาพร้อมกับเตาไฟฟ้าและฮู้ดดูดควันของ Teka และอ่างล้างจาน-ก็อกน้ำจาก Hafele ในห้องครัว ให้ครบทั้งตู้เย็น ไมโครเวฟและเครื่องซักผ้าฝาหน้าจาก Electrolux


โซนรับประทานอาหารก็อยู่บริเวณด้านหน้าของห้องครัวพอดิบพอดี โต๊ะกินข้าวถือว่าขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่พอดีสำหรับ 4 ที่ พื้นที่ตรงนี้ออกแบบมาให้เชื่อมต่อกับโซนนั่งเล่น ซึ่งถือว่าตอบโจทย์กับการใช้งานจริงเพราะสามารถดูทีวีร่วมกับห้องนั่งเล่นได้เลย
นอกจากนี้โครงการยังพาไปชมห้องแบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 31.89 ตารางเมตร ที่อยู่บนชั้น 14 ของตึก A ด้วย โดยห้องแบบ 1 ห้องนอนนี้โครงการก็มีโปรโมชั่น One price ราคาเริ่มที่ 2.39 ล้านบาทหรือเฉลี่ยตารางเมตรละ 74,900 บาท (จำนวนจำกัดเพียง 8 ยูนิตเท่านั้น) ส่วนห้องที่ไม่ได้ร่วมโปรโมชั่นก็จะได้สเปคเดียวกันแต่มุมอาจจะสวยกว่าและอยู่ชั้นสูงกว่า ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.6 ล้านบาทหรือตกตารางเมตรละ 81,250 บาท เข้าใจว่าที่ราคาที่โดดเว่อร์นี่ นอกจากมุมและชั้นแล้วยังมีเรื่องพื้นที่ใช้สอยของห้องมาเป็นปัจจัยสำคัญด้วยเพราะโครงการก็มีห้องหลายเลย์เอาท์ให้เลือกอยู่พอสมควรแม้จะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนเหมือนกันก็ตาม อีกอย่างคือราคาของห้องที่ไม่ใช่ One price จะรวมค่าใช้จ่ายวันโอนไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นถ้าจะตัดสินใจซื้อจริงก็ต้องคำนวนดูให้ดีว่ายูนิตแบบไหนจะคุ้มค่ามากที่สุด
เข้ามาดูฟังก์ชั่นห้องกันบ้าง เลย์เอาท์ของห้องเริ่มจากโซนนั่งเล่น ส่วนนี้บิลด์อินชั้นวางทีวี ตู้ก็บรองเท้าและตู้ครอบกล่องไฟมาให้และตั้งโซฟาลอยให้ 1 ตัว ถัดจากโซนนั่งเล่นจะเป็นห้องครัวที่กันด้วยบานสไลด์ พื้นที่ค่อนข้างกว้างเพราะโครงการจับโต๊ะกินข้าวสำหรับ 2 ที่เข้ามาไว้ในห้องครัวด้วย ส่วนเคานต์เตอร์ครัวสเปคเดียวกับแบบ 2 ห้องนอน มาพร้อมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งไมโครเวฟ ตู้เย็นและเครื่องซักผ้า มีบานกระทุ้งสำหรับระบายอากาศและช่องเปิดสำหรับยื่นมือออกไปตากผ้าได้


ส่วนห้องนอนกั้นผนังออกเป็นสัดส่วนชัดเจน บิลด์อินเตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมตู้เสื้อผ้า โต๊เครื่องแป้งและชั้นวางของให้ครบ ตัวห้องนอนกรุกระจกบานใหญ่พร้อมบานกระทุ้ง 2 บาน ส่วนห้องน้ำอยู่เยื้องกับห้องนอน ตกแต่งด้วยการปูพื้นกระเบื้องกันลื่น ปูกระเบื้องผนังสีครีมจากพื้นจรดฝ้าเพดาน สุขภัณฑ์และก็อกน้ำใช้แบรนด์ของคอตโต้ มีบานสไลด์กั้นแบ่งโซนเปียกและแห้งให้เสร็จสรรพ

ห้องแบบ 1 ห้องนอนเป็นห้องแบบที่ไม่มีระเบียงเพราะเอาพื้นที่ระเบียงเข้ามาใช้เป็นพื้นที่อยู่อาศัยจริง บวกกับรีเสิร์ชของเอสซีพบว่าเป็นพื้นที่ที่คนอยู่อาศัยไม่ค่อยได้ออกมาใช้งานสักเท่าไหร่ อีกเหตุผลหนึ่งคือ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของโครงการด้วยเพราะถ้ามีระเบียงลูกบ้านก็จะตากผ้ากันที่ระเบียงก็คงไม่สวยงามเท่าไหร่ โครงการเลยทำช่องเปิดจากโซนครัวและติดตั้งราวตากผ้าไว้ให้ลูกบ้านเรียบร้อยแล้ว ส่วนใครที่กลัวว่าไม่มีระเบียงแล้วจะอึดอัดไม่ต้องกังวลไปเพราะโครงการเน้นการติดตั้งกระจกบานใหญ่ที่ช่วยให้เทควิวได้เหมือนออกไปยืนที่ระเบียงอยู่แล้ว
ส่วนกลางฟินๆ สไตล์เซ็นทริค
อีกอย่างหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการที่จัดเต็มให้ลูกบ้านสุดๆ เริ่มกันตั้งแต่บริเวณล็อบบี้ ตัวล็อบบี้เป็นแบบโอเพ่นแอร์ตกแต่งในสไตล์เรียบหรูด้วยการปูกระเบื้องลายหินแผ่นใหญ่ มีเคาน์เตอร์สำหรับรับแขกตั้งอยู่ให้ความรู้สึกเหมือนล็อบบี้โรงแรมนิดๆ บริเวณโดยรอบก็ตั้งชุดโต๊ะและเก้าอี้สำหรับรับแขกหรือนั่งพักคอยไว้ให้ แถมติดพัดลมสไตล์วินเทจเพื่อเพิ่มบรรยากาศและคลายร้อนให้ผู้ใช้ด้วย โถงทางขึ้นอาคาร A และอาคาร B ออกแบบเป็นสัดส่วนชัดเจนโดยกั้นบานกระจกขนาดใหญ่และควบคุมการผ่านเข้าออกด้วย Keycard Access บริเวณล็อบบี้ยังมีห้องสมุดอยู่ใกล้ๆ กับทางขึ้นตึก A ด้วย
ลานน้ำพุหน้าห้องสมุดตึก A
จากล้อบบี้เดินไปทางซ้ายจะเป็นทางขึ้นโถงลิฟท์ตึก A ด้านขวาจะเป็นโถงลิฟท์ตึก B
มาดูภายในห้องสมุดกันบ้าง
ภายในโถงลิฟต์ของแต่ละตึกติดแอร์เย็นฉ่ำ แต่ละตึกมีลิฟต์สำหรับใช้งาน 3 ตัวและเซอร์วิสลิฟต์อีก 1 ตัว โครงการใช้ลิฟต์ของมิตซูบิชิ ระบบลิฟต์เป็นแบบล็อกชั้น ลูกบ้านเข้าถึงได้แต่ชั้นที่ตนเองอยู่อาศัยและชั้นที่มีส่วนกลางสำหรับใช้ร่วมกันเท่านั้น เลยจากโถงลิฟต์ก็จะเป็นห้องจดหมาย บริเวณห้องจดหมายทางนิติบุคคลก็จัดหารถเข็นต่างๆ ไว้ให้บริการลูกบ้านสำหรับขนของจำนวนมากด้วย


ขณะที่ชั้น 6 เป็นสวนพักผ่อนของโครงการ พื้นที่ค่อนข้างใหญ่เพราะเป็น Common Area ที่ลูกบ้านทั้งสองตึกใช้ร่วมกัน มีการจัดพื้นที่สำหรับนั่งเล่นรับลมสบายๆ ไว้ให้ค่อนข้างเยอะ บริเวณนี้จะเน้นการปลูกต้นลีลาวดีและเพิ่มลูกเล่นที่ช่วยสร้างความผ่อนคลายด้วยน้ำพุและทางน้ำที่ไหลด้านล่าง สำหรับครอบครัวที่มีเด็กๆ วัยกำลังซนก็มีพื้นที่ที่เป็นสนามหญ้าโล่งๆ ไว้ให้วิ่งเล่นและมีหลุมทรายซี่งในอนาคตจะเอาเครื่องเล่นต่างๆ เข้ามาติดตั้งและจัดพื้นที่ให้เป็นสนามเด็กเล่นขนาดเล็กด้วย
ส่วนสระว่ายน้ำและฟิตเนส โครงการออกแบบไว้ที่ชั้นบนสุดของแต่ละตึกโดยตั้งอยู่บนชั้นที่ 41 ของตึก A และชั้นที่ 37 ของตึก B สระว่ายน้ำของที่นี่เป็น Infinity Edge Pool กว้าง 4 เมตร ยาว 15 เมตรและลึก 1.5 เมตร ขนาดถือว่าโอเคสำหรับคนที่เน้นออกกำลังการด้วยการว่ายน้ำ ตัวสระยังออกแบบให้มีส่วนนั่งเล่นชิลๆ สำหรับเทควิวสวยๆ จากภายในสระว่ายน้ำด้วย

ขณะที่ฟิตเนสเป็น Sky Fitness กรุกระจกใสจากพื้นถึงเพดานเพื่อให้ผู้เล่นสามารถเทควิวสวยๆ ได้ขณะออกกำลังกาย แม้ว่าขนาดของห้องฟิตเนสถือว่าเล็กไปนิดแต่ก็มีเครื่องออกกำลังการหลักๆ อย่างลู่วิ่ง จักรยานและเครื่องครอสเทรนนิ่งให้ครบ ส่วนเครื่องเทรนกล้ามเนื้ออื่นๆ ที่นี่ไม่ได้จัดไว้ให้แต่มีมุมเล็กๆ ที่มีเวทบางขนาด เสื่อและลูกบอลโยคะตั้งไว้ให้
นอกจากบนดาดฟ้าจะมีสระว่ายน้ำ ฟิตเนสและสวนดาดฟ้าแล้วก็ยังมีพื้นที่ไฮไลท์ที่เรียกว่า Sky Lounge อีกด้วย สกายเลาจ์ถือเป็นห้องเอนกประสงค์ที่เป็นไฮไลท์ของโครงการ (มีทั้งบนตึก A และตึก B) วันนี้โครงการพามาชมสกายเลาจ์บนตึก A ตัวห้องออกแบบให้โปร่ง โล่งแต่มีฉากกั้นเป็นระยะเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ลูกบ้านที่ขึ้นมาใช้บริการ ตัวห้องตกแต่งสไตล์ Modern Contemporary เน้นโทนสีน้ำตาล กรุกระจกโดยรอบและติดม่านม้วนบังแดดไว้ให้ ความพิเศษของห้องนี้อยู่ที่สามารถเทควิวได้เกือบ 360 องศา ถือว่าเป็นจุดชมวิวที่ฟินเว่อร์ของโครงการนี้
เพดานสูงมว้ากกกครับ

เมื่อขึ้นมาชมวิวจากพื้นที่สกายเลาจ์ของตึก A จะเห็นได้ว่าโครงการไม่ติดบล็อกวิวเลยแถมยังมองเห็นวิวได้ไกลแบบสุดลูกหูลูก ตาอีกต่างหาก ตรงนี้ถือเป็นจุดเด่นของโครงการเลยก็ว่าได้
โครงการหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ฝั่งนี้ระยะใกล้จะเห็ นสวนของโครงการที่อยู่บริเวณชั้ น 6 แนวถนนกรุงเทพ-นนท์ แยกติวานนท์และสถานีรถไฟฟ้ าแยกติวานนท์ที่อยู่ด้านหน้ าของโครงการ ถ้ามองขยายไปไกลหน่อยก็จะเห็ นแนวรางรถไฟฟ้าและตัวสถานี กระทรวงสาธาณสุข สวนของโรงพยาบาลศรีธั ญญายาวไปจนถึงโครงการคอนโดมิเนี ยมไฮไรส์ตามแนวถนนงามวงศ์วานด้ วย ขณะที่ทิศตะวันตกก็เป็นอีกทิศที ่วิวฟินมากเพราะเป็นฝั่งที่ สามารถเห็นวิวโค้งน้ำเจ้ าพระยาสะพานพระราม 5 และสะพานพระราม 7 ได้ ส่วนทิศเหนือเป็นทิศที่เห็ นแยกติวานนท์มีบิ๊กซีอยู่ใกล้ๆ ถ้ากวาดตามองให้กว้างขึ้นก็ จะเห็นวิวทางฝั่ งแยกแครายและถนนรัตนาธิเบศร์ด้ วย (แต่วิวฝั่งทิศเหนือหากมองจากตึ ก B แล้วก็มีโอกาสที่จะติดบล็ อกจากโครงการเพื่อนบ้านอย่างศุ ภาลัย วิสต้า ติวานนท์ที่เป็นคอนโดสูง 34 ชั้นอยู่บ้าง) ปิดท้ายด้วยทิศใต้ที่จะเห็นวิ วถนนกรุงเทพ-นนท์ มุ่งหน้าไปทางแยกวงศ์สว่าง เห็นแนวรางและสถานีรถไฟฟ้าได้ชั ดเจนมาก ถ้ามองให้ไกลกว่านั้นก็จะเทควิ วตึก SCB และย่านรัชดาภิ เษกแต่ไฮไลท์อยู่ที่สามารถเห็ นวิวเขตซีบีดีของกรุงเทพได้เกื อบทั้งหมด ทั้งยังเห็นแลนด์มาร์คอย่างตึ กใบหยกและตึกมหานครที่อยู่ระหว่ างก่อสร้างได้ด้วย
วิวทางฝั่งทิศใต้เห็นสถานีแยกติวานนท์อยู่แค่เอื้อมครับ มองไกลๆเห็น Parkland ในอนาคตฝั่งนี้ก็น่าจะมีเพื่อนบ้านใหม่อย่าง Amber, Bangkok Horizon, Aspire และ The Line
ฝั่งตะวันออกก็จะเห็นพื้นที่สวนของกระทรวงสาธารณสุขครับ
ฝั่งทิศตะวันตกวิวแม่น้ำแฮะ
ฝั่งทิศเหนือมองไกลไปย่านแคราย – รัตนาธิเบศร์
จุดเด่นของโครงการเซ็นทริค ติวานนท์ สเตชั่น อีกอย่างหนึ่งคือ การออกแบบพื้นที่ที่เรียกว่า Pocket Garden หรือสวนขนาดมินิที่อยู่บริเวณทางเชื่อมระหว่างตึก A และตึก B โดย Pocket Garden จะอยู่บริเวณทางเชื่อมของชั้นที่ 6, 12, 18, 24, 30 และ 37 (แต่บริเวณชั้น 6 ทำเป็นส่วนส่วนกลางขนาดใหญ่ ขณะที่ชั้น 37 จะเป็นสวนที่เป็นทางเชื่อมไปสู่ Facility บนดาดฟ้าของตึก B) ตัว Pocket Garden ก็ดีไซน์เป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดพอประมาณและก่อพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนรับลมให้ลูกบ้าน (ลมที่นี่แรงมาก) รอบที่นั่งก็ปลูกไม้ประดับที่ดูแลไม่ยากไว้สร้างความสดชื่นให้ลูกบ้านอีกทางหนึ่ง

ความครบครันของโครงการยังไม่หมดเพียงเท่านี้เพราะโครงการยังออกแบบ Shop หรือพื้นที่สำหรับร้านค้าไว้มากถึง 17 ยูนิต เนื่องจากพื้นที่โดยรอบโครงการที่อยู่ในระยะเดินไม่เกิน 500 เมตรค่อนข้างแห้งแม้จะเป็นย่านชุมชนและมีตึกแถวอยู่โดยรอบแต่ไม่มีร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่มีแต่ร้านขายของชำเล็กๆ ขณะเดียวกันร้านอาหารกับร้านกาแฟในละแวกดังกล่าวก็มีแค่ไม่กี่ร้านเท่านั้น จะมีก็แต่บิ๊กซี ติวานนท์ที่อยู่เลยแยกติวานนท์ไปนิดนึง ถ้าจะซื้อของกินของใช้จำนวนมากก็ถือว่าสะดวกมากแต่ถ้าจะเดินไปคงไม่สะดวกเท่าไหร่ โครงการจึงออกแบบพื้นที่เช่าไว้ ในอนาคตเชื่อว่าถ้ารถไฟฟ้าสร้างเสร็จเมื่อไหร่พื้นที่เช่าก็น่าจะมีผู้เช่าเต็มและโซนร้านค้าที่อยู่หน้าโครงการนี้ก็จะถือว่าสะดวกสบายมาก ตอนนี้ผู้เช่ารายใหญ่ของโครงการคือร้าน Family Mart ข้างในขายของครบและสะดวกมาก เร็วๆ นี้จะมีร้านซักผ้ามาเปิดให้บริการด้วย
การเดินทางเข้า-ออกโครงการสะดวกมากทั้งสำหรับคนที่ใช้รถยนต์เพราะโครงการมีที่จอดรถให้ 40% (ลานจอดรถอยู่บริเวณชั้น 2-5) แต่การจราจรถือว่าหนาแน่นพอสมควร แต่คิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาเพราะส่วนใหญ่คนที่เลือกอยู่ที่เซ็นทริค ติวานนท์ก็เป็นคนที่คุ้นเคยกับพื้นที่นี้อยู่แล้ว หลายๆ คนก็ทำงานในละแวกนี้ ส่วนคนที่ไม่ได้มีรถส่วนตัวก็เดินทางได้สะดวกเพราะมีรถเมล์หลายสายวิ่งผ่าน จะนั่งรถต่อเรือที่ท่าน้ำนนท์ฯ หรือจะไปขึ้นรถตู้จากเดอะมอลล์งามวงศ์วานก็สะดวก ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าเปิดให้บริการลูกบ้านคอนโดนี้ก็จะได้ประโยชน์ไปเต็มๆ
เปรียบเทียบกับโครงการข้างเคียง
ถ้าถามว่าซื้อที่นี่แล้วคุ้มค่าไหม? ขอให้ลองคิดถึง 3 เรื่องหลักๆ เรื่องแรกคือทำเล นอกจากโครงการจะอยู่ติดถนนใหญ่แล้วก็ยังอยู่ในระยะเดินจากสถานีรถไฟฟ้าแยกติวานนท์ชนิดที่เดินยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงโครงการแล้ว เรื่องที่ 2 คือโปรดักส์ดีไซน์ ตอนนี้โครงการสร้างเสร็จแล้ว มีลูกบ้านเข้าอยู่ เริ่มเห็นสังคมและพื้นที่การอยู่อาศัยจริง สิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการก็ครบครัน มีร้านสะดวกซื้อและร้านค้าต่างๆ รองรับความต้องการเชิงไลฟ์สไตล์อยู่แล้ว ดังนั้นถ้าชอบฟังก์ชั่นห้องของที่นี่ก็เชียร์ให้ซื้อเต็มที่
เรื่องสุดท้ายคือราคาที่เมื่อเทียบกับโครงการข้างเคียงแล้ว ถือว่าคุ้มค่ามากเพราะที่เซ็นทริค ติวานนท์ สเตชั่น ราคาต่อตารางเมตรจะอยู่ประมาณ 75,000-80,000 นิดๆ เท่านั้น ราคานี้อย่าลืมว่ารวมเฟอร์นิเจอร์บิลด์อินครบเซ็ทและเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกหลายรายการแล้ว ขณะที่โครงการข้างเคียงอย่างศุภาลัย วิสต้า แยกติวานนท์ ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง ยูนิตที่เหลือขายตอนนี้มีแค่ 2 ยูนิตแม้ราคาต่อตารางเมตรจะถูกกว่าเฉลี่ยตารางเมตรละ 51,000-58,000 บาทตามสไตล์ศุภาลัย แต่ราคานี้เป็นราคาของห้องเปล่านะครับ
ขณะที่โครงการบางกอก ฮอไรซอน ติวานนท์ ของค่ายเจ้าพระยามหานคร ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างเช่นเดียวกันก็ยูนิตเหลือขายเฉพาะแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 69 ตารางเมตรเท่านั้น ส่วนราคาขายอยู่ที่7 ล้านบาทต่อยูนิตหรือตกตารางเมตรละแสนนิดๆ แล้ว
ส่วนโครงการเปิดตัวใหม่ละแวกนี้ก็มี แอมเบอร์ ของบริษัทอีสเทิร์นสตาร์ ที่อยู่บริเวณตัวสถานีรถไฟฟ้าแยกติวานนท์เลย โครงการนี้เป็นไฮไรส์ตกแต่งครบพร้อมเข้าอยู่ก็จริง แต่ราคาขายก็ถือว่าล้ำกว่าเซ็นทริคไปมาก เพราะห้องแบบ 1 ห้องนอน 35 ตารางเมตร ราคาโปรโมชั่นอยู่ที่ 2.49 ล้านบาทแล้ว ส่วนราคาเต็มก็สตาร์ทที่ 2.79 ล้านบาท (เฉลี่ยตารางเมตรละประมาณ 71,000-79,000 บาท) ส่วนห้องแบบ 2 ห้องนอน ให้พื้นที่ 55 ตารางเมตร ราคาเริ่มที่ 4.3 ล้านบาท (ตกตารางเมตรละ 78,000 บาท)
ถัดไปยังสถานีกระทรวงสาธารณสุขมีโครงการเปิดตัวใหม่อีกโครงการหนึ่งคือ The Posh 12 ของบริษัท แปซิฟิค สตาร์ ประเทศไทย จำกัดหลังจากเปิดพรีเซลล์ขายให้กลุ่มลูกค้าเก่ากับลูกค้าขาประจำของโบรกเกอร์อย่างซีบีริชาร์ดและเซ็นจูรี่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาแล้วก็หยุดการขายชั่วคราวเพื่อปรับสเปคห้องใหม่เตรียมเปิดขายรอบแกรนด์โอเพ่นนิ่งอีกครั้งปลายปีนี้เหตุผลหลักก็มาจากขอดูแนวโน้มความชัดเจนของการเปิดให้บริการของรถไฟฟ้าสายสีม่วงอีกที สำหรับราคาขายโครงการนี้เฉลี่ยแล้วจะสตาร์ทที่ 80,000 บาทต่อตารางเมตร
ส่วนโครงการที่เซลล์บอกว่าลูกค้ามักจะเปรียบเทียบด้วยมากที่สุดเห็นทีจะหนีไม่พ้นโครงการเดอะ พาร์คแลนด์ รัชดา วงศ์สว่างของค่ายนารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ ตัวโครงการตั้งอยู่ตรงแยกวงศ์สว่างและติดรถไฟฟ้าสถานีวงศ์สว่างเลย ทำเลถือว่าได้เปรียบโครงการเซ็นทริคอยู่นิดหน่อยเพราะยังอยู่ในเขตการบริหารของ กทม. ทั้งยังเป็นโครงการที่เพิ่งสร้างเสร็จไปหมาดๆ กำลังทยอยโอน ตัวโครงการปิดการขายไปนานแล้ว ถ้าใครสนใจก็ต้องรอซื้อยูนิตหลุดดาวน์หรือไม่ก็ยูนิตรีเซลเอา เท่าที่เห็นราคาขายห้องรีเซลตอนนี้ก็สตาร์ทที่ 90,000 บาทต่อตารางเมตรอัพ
โดยรวมแล้วถ้าดูในแง่ราคาโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่อย่างเซ็นทริคก็ถือว่าสูสีกับคู่แข่งที่อยู่รอบๆ แถมตอนนี้โครงการยังจัด โปรโมชั่นให้ลูกค้าด้วย ได้แก่
1) โปรจอง 999 บาททุกยูนิต
2) โปร One Price ห้องราคาเดียว 2.39 ล้านบาท สำหรับห้องแบบ 1 ห้องนอน 31 ตารางเมตร (จำกัดเพียง 8 ห้องเท่านั้น) สำหรับคนที่ซื้อห้องชุดโดยใช้โปรนี้จะไม่ได้รับโปรฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนที่ประกอบด้วย 1) ค่าธรรมเนียมการโอน 2) เงินกองทุนส่วนกลางหรือ Sinking fund500 บาท/ตร.ม. และ3) ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง 35 บาท/ตร.ม./เดือน (1 ปี)
3) โปรสำหรับ 2 ห้องนอนทั้งห้องตกแต่งพิเศษและห้องทั่วไป มีส่วนลดพิเศษให้อยู่แล้ว (ตามที่โครงการกำหนด) แต่ที่ได้แน่ๆ คือโปรฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน (ค่าธรรมเนียมการโอน ค่ากองทุนส่วนกลางและค่าใช้จ่ายส่วนกลาง 1ปี)
สรุปสุดท้ายจริงๆ ขอบอกเลยว่าถ้าจะซื้ออยู่เองนี่ถือว่าคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มเพราะส่วนกลางจัดเต็มมาก ฟังก์ชั่นห้องก็โอเคตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้ ส่วนใครคิดจะซื้อลงทุนปล่อยเช่าก็ดีเพราะทำเลเดินทางสะดวก ใกล้แหล่งงานทั้งกระทรวงสาธาณสุข ศูนย์ราชการเมืองนนท์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ฯลฯ แถมทำเลยังติดรถไฟฟ้าที่มีกำหนดเปิดใช้เร็วๆ นี้ด้วย คงดึงดูดผู้เช่าได้พอสมควร ปัจจุบันอัตราค่าเช่าสำหรับห้อง 31 ตารางเมตรขั้นต่ำอยู่ที่ 12,000 บาท/เดือน แต่ถ้าใครกะซื้อลงทุนขายต่อ ตอนนี้ไม่แนะนำเพราะราคาไปไกลมากแล้วถ้าเทียบกับตอนเปิดตัว ตอนเปิดตัวราคาห้อง 1 นอน (ชั้น 6) เริ่มที่ 1.89 ล้าน แต่ราคาเริ่มต้นสำหรับ 1 นอน (ชั้น 14) ตอนนี้ก็อยู่ที่ 2.39 แล้ว ดังนั้นคงทำกำไรจากการขายต่อระยะสั้นได้ไม่มากสักเท่าไหร่ ต้องรอสักโอนไปแล้วสักพักครับ
เดินทางโดยรถยนต์ก็สามารถขึ้นทางด่วน และไปตามป้ายแจ้งวัฒนะครับ
ลงตรงป้ายที่เขียนว่าถนนรัชดาภิเษกครับ
ลงมาก็เจอ The Niche Mono กำลังสร้างอยู่ ก็ให้เลี้ยวซ้าย เพื่อไปแยกวงศ์สว่างครับ
พอเห็น The Parkland รัชดา วงศ์สว่าง แล้วก็เตรียมเลี้ยวขวาตรงแยกวงศ์สว่าง เข้าถนนกรุงเทพ – นนทบุรี
เลี้ยวขวามาแล้ว ก็ขับตรงมาจากสถานีรถไฟฟ้าวงศ์สว่าง แค่สถานีเดียวก็ถึงสถานีแยกติวานนท์แล้วครับ
Centric Tiwanon Station อยู่เลยทางขึ้นสถานีไปนิดเดียวครับ เห็นตัวตีกเด่นเป็นสง่ามาแต่ไกลครับ
รอบสถานีแยกติวานนท์มีโครงการให้เลือกซื้อเลือกอยู่เพียบ ส่วนใหญ่เป็นโครงการเปิดตัวใหม่ต้องรอก่อสร้าง 2-3 ปี กว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ จะมีเฉพาะโครงการเซ็นทริค ติวานนท์ สเตชั่นของค่าย SC Asset เท่านั้นที่เป็นโครงการพร้อมเข้าอยู่ โดยโครงการสร้างเสร็จเมื่อประมาณกลางปี 2557

โครงการเซ็นทริค ติวานนท์ สเตชั่น ออกแบบเป็นคอนโดไฮไรส์ 2 อาคาร ตึก A สูง 41 ชั้นและตึก B สูง 37 ชั้น มีห้องชุดรวม 1,063 ยูนิต และห้องชุดเพื่อการพาณิชย์ 17 ยูนิต มีพื้นที่ทั้งหมด 4-2-59.1 ไร่ ตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้แยกติวานนท์และอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีแยกติวานนท์ประมาณ 100 เมตร ปัจจุบันโครงการมีห้องเหลือขายประมาณ 11% โดยส่วนใหญ่เป็นห้องฝั่งตึก A
ห้องเหลือขายมีทั้งแบบ 1 นอนและ 2 ห้องนอนเริ่มต้นที่ชั้น 10 เป็นต้นไป ทุกยูนิตมาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์บิลด์อินแบรนด์โมเดิร์น ฟอร์มและเครื่องใช้ไฟฟ้า (แอร์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้าและไมโครเวฟ) ครบเซ็ท โดยโครงการแบ่งแพคเกจราคาออกเป็น 3 แบบ คือ 1.ห้องตกแต่งพิเศษ เป็นห้องตกแต่งครบมีทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและของตกแต่งครบเซ็ท (ได้ครบอย่างที่เห็น) 2. ห้อง One price เป็นแบบ 1 ห้องนอนทั้งหมด มีจำนวนจำกัดเพียง 8 ห้อง ราคาเริ่มต้นที่ 2.39 ล้านบาท และ 3. ห้องหลุดดาวน์ ราคาพิเศษ โปรนี้มีเฉพาะห้องแบบ 2 ห้องนอนเท่านั้น ราคาเริ่มต้นที่ 4.34 ล้านบาท
ทุกยูนิตที่ขาย (ยกเว้นแพคเกจ One price) จะมีโปรโมชั่นฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนซึ่งครอบคลุมค่าธรรมเนียมการโอน เงินกองทุนส่วนกลางและค่าส่วนกลาง (1 ปี) ด้วย
ห้องไฮไลท์ของโครงการ ณ เวลานี้เป็นห้องแบบ 2 ห้องนอนตกแต่งพิเศษ (ได้ครบอย่างที่เห็น) คือนอกจากจะมีเฟอร์นิเจอร์บิลด์อินและเครื่องใข้ไฟฟ้าให้แล้วยังมาพร้อมกับของตกแต่งอื่นๆ แบบที่เรียกได้ว่ามาแต่ตัว+กระเป๋าเสื้อผ้าก็เข้าอยู่ได้ทันที ห้องที่โครงการพาเข้าชมวันนี้คือห้องมุมชั้น 22 ของตึก A (โดยห้องแบบ 2 นอนที่นี่ถูกวางตำแหน่งให้เป็นห้องมุมทุกยูนิต)
ห้องที่ว่าเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 66.59 ตารางเมตร ราคาพร้อมตกแต่งครบเซ็ตอยู่ที่ 5 ล้านนิดๆ หรือตกตารางเมตรละ 75,200 บาท เทียบราคากับพื้นที่ใช้สอยแล้วถือว่าคุ้มค่ามาก การวางเลย์เอาท์ห้องก็ถือว่าลงตัวเหมาะกับการอยู่อาศัยของครอบครัวขนาดเล็ก
โถงลิฟท์ตึก A สามารถมองทะลุหน้าต่างไปยังห้องทางตึก B ได้
เริ่มกันตั้งแต่ทางเข้าห้อง ประตูทางเข้าของที่นี่สูง 2.20 เมตร กว้าง 90 เซนติเมตร ที่ประตูติดตาแมวและมือจับแบบก้านโยกจาก Hafele เมื่อเปิดประตู้เข้ามาจะพบกับพื้นที่นั่งเล่นเป็นส่วนแรก ตัวห้องให้ความรู้สึกโปร่งสบายด้วยเพดานที่สูงถึง 2.6 เมตร ขณะที่พื้นปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. พื้นที่โซนนั่งเล่นตกแต่งด้วยชั้นวางทีวีและโซฟาตามแบบมาตรฐานของโครงการแต่ห้องตกแต่งพิเศษจะมีการจัดวางพรมและวางโคมไฟเพิ่มลูกเล่นให้พื้นที่ ตรงมุมของห้องนั่งเล่นมีมุมขนาดใหญ่ตรงนี้สามารถวางชั้นวางของหรือจะบิลด์อินตู้เก็บของเพิ่มก็ยังได้ บริเวณห้องยังมีระเบียงขนาดใหญ่สำหรับออกไปยืนรับลมชมวิวสวยๆ ด้วย




ขณะที่ห้องน้ำอยู่บริเวณทางเดินที่เชื่อมส่วนของห้องนั่งเล่นไปสู่ห้องนอนทั้งสองห้อง โครงการออกแบบห้องน้ำแบบแยกส่วนคือแยกส่วนห้องน้ำและพื้นที่อาบน้ำออกจากกันและวางอ่างล้างหน้าอะคริลิคไว้ตรงกลางระหว่างทั้งสองห้อง การออกแบบถือว่าคิดเผื่อการอยู่อาศัยร่วมกันของคนหลายคนมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จุดนี้ถือว่าช่วยเพิ่มความคล่องตัวของการใช้ห้องน้ำในเวลาเร่งด่วนโดยเฉพาะช่วงเช้าวันทำงานได้ดีทีเดียว ทั้งห้องน้ำและห้องอาบน้ำปูกระเบื้องพื้นกันลื่นและปูกระเบื้องเต็มผนัง สุขภัณฑ์ ก็อกน้ำและราวแขวนใช้แบรนด์ COTTO ทั้งหมด ส่วนของอาบน้ำไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นแถมให้แต่โครงการเดินไฟสำหรับรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว
ขณะที่ห้องนอนหลักก็มีห้องน้ำในตัว (สเปคสุขภัณฑ์ ก็อกน้ำและกระเบื้องตกแต่งเป็นแบบเดียวกันกับห้องน้ำโซน living แต่มีกั้นบานสไลด์แยกโซนเปียก-แห้งไว้ให้เรียบร้อย) ตัวมาสเตอร์เบดรูมตกแต่งแบบเรียบๆ ตัวห้องออกแบบให้แสงธรรมชาติเข้าถึงได้ด้วยการกรุกระจกบานใหญ่ ตัวกระจกเป็นแบบเข้ามุมช่วยเพิ่มความโปร่งให้ห้องและมีบานกระทุ้ง 2 บานสำหรับเปิดให้อากาศหมุนเวียนเข้ามาบ้าง ส่วนเฟอร์นิเจอร์ในห้องเป็นแบบบิลด์อินมีให้ครบทั้งเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ตู้เสื้อผ้าพร้อมชั้นวางของรวมถึงโต๊เครื่องแป้งและชั้นวางทีวีด้วย… แต่ผมว่าตู้เสื้อผ้าบิลด์อินขนาดค่อนข้างเล็กสำหรับการอยู่อาศัย 2 คน ตรงนี้น่าจะบิลด์อินตู้เสื้อผ้าให้เต็มพื้นที่ผนังเลยมากกว่า ส่วนชั้นวางของที่อยู่ตรงมุมห้องนั้นก็น่าจะย้ายมาบิลด์อินไว้ตรงด้านข้างประตูทางเข้าเพราะจะได้ใช้ประโยชน์ทั้งวางของทั่วๆ ไปและตั้งโชว์กรอบรูปหรือของตกแต่งสวยๆ เพิ่มบรรยากาศในห้องนอนได้อีก


ส่วนห้องนอนเล็กถือว่าออกแบบได้ลงตัวบิลด์อินเตียงขนาด 3.5 ฟุตพร้อมโต๊ะข้างเตียง ตู้เสื้อผ้าและโต๊เครื่องแป้ง ขณะที่กระจกเป็นบานใหญ่ไม่เข้ามุมและให้บานกระทุ้ง 2 บานเหมือนกันกับมาสเตอร์เบดรูม
โซนครัวกั้นห้องเป็นสัดส่วนด้วยบานเลื่อนอลูมิเนียมสีขาว บริเวณห้องครัวไม่มีระเบียงแต่ติดตั้งบานกระทุ้งไว้สำหรับระบายอากาศแทน ใกล้ๆ บานกระทุ้งจะมีบานเปิดขนาดพอเหมาะสำหรับเปิดออกไปเพื่อตากผ้า โดยโครงการติดตั้งราวตากผ้าไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แต่ผมว่าคงไม่เหมาะกับการตากผ้าจำนวนมากสักเท่าไหร่ ส่วนเคาน์เตอร์ครัวบิลด์อินท็อปหินสังเคราะห์สีขาวจากค่ายโมเดิร์นฟอร์มมาพร้อมกับเตาไฟฟ้าและฮู้ดดูดควันของ Teka และอ่างล้างจาน-ก็อกน้ำจาก Hafele ในห้องครัว ให้ครบทั้งตู้เย็น ไมโครเวฟและเครื่องซักผ้าฝาหน้าจาก Electrolux


โซนรับประทานอาหารก็อยู่บริเวณด้านหน้าของห้องครัวพอดิบพอดี โต๊ะกินข้าวถือว่าขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่พอดีสำหรับ 4 ที่ พื้นที่ตรงนี้ออกแบบมาให้เชื่อมต่อกับโซนนั่งเล่น ซึ่งถือว่าตอบโจทย์กับการใช้งานจริงเพราะสามารถดูทีวีร่วมกับห้องนั่งเล่นได้เลย
นอกจากนี้โครงการยังพาไปชมห้องแบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 31.89 ตารางเมตร ที่อยู่บนชั้น 14 ของตึก A ด้วย โดยห้องแบบ 1 ห้องนอนนี้โครงการก็มีโปรโมชั่น One price ราคาเริ่มที่ 2.39 ล้านบาทหรือเฉลี่ยตารางเมตรละ 74,900 บาท (จำนวนจำกัดเพียง 8 ยูนิตเท่านั้น) ส่วนห้องที่ไม่ได้ร่วมโปรโมชั่นก็จะได้สเปคเดียวกันแต่มุมอาจจะสวยกว่าและอยู่ชั้นสูงกว่า ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.6 ล้านบาทหรือตกตารางเมตรละ 81,250 บาท เข้าใจว่าที่ราคาที่โดดเว่อร์นี่ นอกจากมุมและชั้นแล้วยังมีเรื่องพื้นที่ใช้สอยของห้องมาเป็นปัจจัยสำคัญด้วยเพราะโครงการก็มีห้องหลายเลย์เอาท์ให้เลือกอยู่พอสมควรแม้จะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนเหมือนกันก็ตาม อีกอย่างคือราคาของห้องที่ไม่ใช่ One price จะรวมค่าใช้จ่ายวันโอนไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นถ้าจะตัดสินใจซื้อจริงก็ต้องคำนวนดูให้ดีว่ายูนิตแบบไหนจะคุ้มค่ามากที่สุด
เข้ามาดูฟังก์ชั่นห้องกันบ้าง เลย์เอาท์ของห้องเริ่มจากโซนนั่งเล่น ส่วนนี้บิลด์อินชั้นวางทีวี ตู้ก็บรองเท้าและตู้ครอบกล่องไฟมาให้และตั้งโซฟาลอยให้ 1 ตัว ถัดจากโซนนั่งเล่นจะเป็นห้องครัวที่กันด้วยบานสไลด์ พื้นที่ค่อนข้างกว้างเพราะโครงการจับโต๊ะกินข้าวสำหรับ 2 ที่เข้ามาไว้ในห้องครัวด้วย ส่วนเคานต์เตอร์ครัวสเปคเดียวกับแบบ 2 ห้องนอน มาพร้อมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งไมโครเวฟ ตู้เย็นและเครื่องซักผ้า มีบานกระทุ้งสำหรับระบายอากาศและช่องเปิดสำหรับยื่นมือออกไปตากผ้าได้


ส่วนห้องนอนกั้นผนังออกเป็นสัดส่วนชัดเจน บิลด์อินเตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมตู้เสื้อผ้า โต๊เครื่องแป้งและชั้นวางของให้ครบ ตัวห้องนอนกรุกระจกบานใหญ่พร้อมบานกระทุ้ง 2 บาน ส่วนห้องน้ำอยู่เยื้องกับห้องนอน ตกแต่งด้วยการปูพื้นกระเบื้องกันลื่น ปูกระเบื้องผนังสีครีมจากพื้นจรดฝ้าเพดาน สุขภัณฑ์และก็อกน้ำใช้แบรนด์ของคอตโต้ มีบานสไลด์กั้นแบ่งโซนเปียกและแห้งให้เสร็จสรรพ

ห้องแบบ 1 ห้องนอนเป็นห้องแบบที่ไม่มีระเบียงเพราะเอาพื้นที่ระเบียงเข้ามาใช้เป็นพื้นที่อยู่อาศัยจริง บวกกับรีเสิร์ชของเอสซีพบว่าเป็นพื้นที่ที่คนอยู่อาศัยไม่ค่อยได้ออกมาใช้งานสักเท่าไหร่ อีกเหตุผลหนึ่งคือ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของโครงการด้วยเพราะถ้ามีระเบียงลูกบ้านก็จะตากผ้ากันที่ระเบียงก็คงไม่สวยงามเท่าไหร่ โครงการเลยทำช่องเปิดจากโซนครัวและติดตั้งราวตากผ้าไว้ให้ลูกบ้านเรียบร้อยแล้ว ส่วนใครที่กลัวว่าไม่มีระเบียงแล้วจะอึดอัดไม่ต้องกังวลไปเพราะโครงการเน้นการติดตั้งกระจกบานใหญ่ที่ช่วยให้เทควิวได้เหมือนออกไปยืนที่ระเบียงอยู่แล้ว
ส่วนกลางฟินๆ สไตล์เซ็นทริค
อีกอย่างหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการที่จัดเต็มให้ลูกบ้านสุดๆ เริ่มกันตั้งแต่บริเวณล็อบบี้ ตัวล็อบบี้เป็นแบบโอเพ่นแอร์ตกแต่งในสไตล์เรียบหรูด้วยการปูกระเบื้องลายหินแผ่นใหญ่ มีเคาน์เตอร์สำหรับรับแขกตั้งอยู่ให้ความรู้สึกเหมือนล็อบบี้โรงแรมนิดๆ บริเวณโดยรอบก็ตั้งชุดโต๊ะและเก้าอี้สำหรับรับแขกหรือนั่งพักคอยไว้ให้ แถมติดพัดลมสไตล์วินเทจเพื่อเพิ่มบรรยากาศและคลายร้อนให้ผู้ใช้ด้วย โถงทางขึ้นอาคาร A และอาคาร B ออกแบบเป็นสัดส่วนชัดเจนโดยกั้นบานกระจกขนาดใหญ่และควบคุมการผ่านเข้าออกด้วย Keycard Access บริเวณล็อบบี้ยังมีห้องสมุดอยู่ใกล้ๆ กับทางขึ้นตึก A ด้วย
ลานน้ำพุหน้าห้องสมุดตึก A
จากล้อบบี้เดินไปทางซ้ายจะเป็นทางขึ้นโถงลิฟท์ตึก A ด้านขวาจะเป็นโถงลิฟท์ตึก B
มาดูภายในห้องสมุดกันบ้าง
ภายในโถงลิฟต์ของแต่ละตึกติดแอร์เย็นฉ่ำ แต่ละตึกมีลิฟต์สำหรับใช้งาน 3 ตัวและเซอร์วิสลิฟต์อีก 1 ตัว โครงการใช้ลิฟต์ของมิตซูบิชิ ระบบลิฟต์เป็นแบบล็อกชั้น ลูกบ้านเข้าถึงได้แต่ชั้นที่ตนเองอยู่อาศัยและชั้นที่มีส่วนกลางสำหรับใช้ร่วมกันเท่านั้น เลยจากโถงลิฟต์ก็จะเป็นห้องจดหมาย บริเวณห้องจดหมายทางนิติบุคคลก็จัดหารถเข็นต่างๆ ไว้ให้บริการลูกบ้านสำหรับขนของจำนวนมากด้วย


ขณะที่ชั้น 6 เป็นสวนพักผ่อนของโครงการ พื้นที่ค่อนข้างใหญ่เพราะเป็น Common Area ที่ลูกบ้านทั้งสองตึกใช้ร่วมกัน มีการจัดพื้นที่สำหรับนั่งเล่นรับลมสบายๆ ไว้ให้ค่อนข้างเยอะ บริเวณนี้จะเน้นการปลูกต้นลีลาวดีและเพิ่มลูกเล่นที่ช่วยสร้างความผ่อนคลายด้วยน้ำพุและทางน้ำที่ไหลด้านล่าง สำหรับครอบครัวที่มีเด็กๆ วัยกำลังซนก็มีพื้นที่ที่เป็นสนามหญ้าโล่งๆ ไว้ให้วิ่งเล่นและมีหลุมทรายซี่งในอนาคตจะเอาเครื่องเล่นต่างๆ เข้ามาติดตั้งและจัดพื้นที่ให้เป็นสนามเด็กเล่นขนาดเล็กด้วย
ส่วนสระว่ายน้ำและฟิตเนส โครงการออกแบบไว้ที่ชั้นบนสุดของแต่ละตึกโดยตั้งอยู่บนชั้นที่ 41 ของตึก A และชั้นที่ 37 ของตึก B สระว่ายน้ำของที่นี่เป็น Infinity Edge Pool กว้าง 4 เมตร ยาว 15 เมตรและลึก 1.5 เมตร ขนาดถือว่าโอเคสำหรับคนที่เน้นออกกำลังการด้วยการว่ายน้ำ ตัวสระยังออกแบบให้มีส่วนนั่งเล่นชิลๆ สำหรับเทควิวสวยๆ จากภายในสระว่ายน้ำด้วย

ขณะที่ฟิตเนสเป็น Sky Fitness กรุกระจกใสจากพื้นถึงเพดานเพื่อให้ผู้เล่นสามารถเทควิวสวยๆ ได้ขณะออกกำลังกาย แม้ว่าขนาดของห้องฟิตเนสถือว่าเล็กไปนิดแต่ก็มีเครื่องออกกำลังการหลักๆ อย่างลู่วิ่ง จักรยานและเครื่องครอสเทรนนิ่งให้ครบ ส่วนเครื่องเทรนกล้ามเนื้ออื่นๆ ที่นี่ไม่ได้จัดไว้ให้แต่มีมุมเล็กๆ ที่มีเวทบางขนาด เสื่อและลูกบอลโยคะตั้งไว้ให้
นอกจากบนดาดฟ้าจะมีสระว่ายน้ำ ฟิตเนสและสวนดาดฟ้าแล้วก็ยังมีพื้นที่ไฮไลท์ที่เรียกว่า Sky Lounge อีกด้วย สกายเลาจ์ถือเป็นห้องเอนกประสงค์ที่เป็นไฮไลท์ของโครงการ (มีทั้งบนตึก A และตึก B) วันนี้โครงการพามาชมสกายเลาจ์บนตึก A ตัวห้องออกแบบให้โปร่ง โล่งแต่มีฉากกั้นเป็นระยะเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ลูกบ้านที่ขึ้นมาใช้บริการ ตัวห้องตกแต่งสไตล์ Modern Contemporary เน้นโทนสีน้ำตาล กรุกระจกโดยรอบและติดม่านม้วนบังแดดไว้ให้ ความพิเศษของห้องนี้อยู่ที่สามารถเทควิวได้เกือบ 360 องศา ถือว่าเป็นจุดชมวิวที่ฟินเว่อร์ของโครงการนี้
เพดานสูงมว้ากกกครับ

เมื่อขึ้นมาชมวิวจากพื้นที่สกายเลาจ์ของตึก A จะเห็นได้ว่าโครงการไม่ติดบล็อกวิวเลยแถมยังมองเห็นวิวได้ไกลแบบสุดลูกหูลูก ตาอีกต่างหาก ตรงนี้ถือเป็นจุดเด่นของโครงการเลยก็ว่าได้
โครงการหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ฝั่งนี้ระยะใกล้จะเห็
ฝั่งตะวันออกก็จะเห็นพื้นที่สวนของกระทรวงสาธารณสุขครับ
ฝั่งทิศตะวันตกวิวแม่น้ำแฮะ
ฝั่งทิศเหนือมองไกลไปย่านแคราย – รัตนาธิเบศร์
จุดเด่นของโครงการเซ็นทริค ติวานนท์ สเตชั่น อีกอย่างหนึ่งคือ การออกแบบพื้นที่ที่เรียกว่า Pocket Garden หรือสวนขนาดมินิที่อยู่บริเวณทางเชื่อมระหว่างตึก A และตึก B โดย Pocket Garden จะอยู่บริเวณทางเชื่อมของชั้นที่ 6, 12, 18, 24, 30 และ 37 (แต่บริเวณชั้น 6 ทำเป็นส่วนส่วนกลางขนาดใหญ่ ขณะที่ชั้น 37 จะเป็นสวนที่เป็นทางเชื่อมไปสู่ Facility บนดาดฟ้าของตึก B) ตัว Pocket Garden ก็ดีไซน์เป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดพอประมาณและก่อพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนรับลมให้ลูกบ้าน (ลมที่นี่แรงมาก) รอบที่นั่งก็ปลูกไม้ประดับที่ดูแลไม่ยากไว้สร้างความสดชื่นให้ลูกบ้านอีกทางหนึ่ง

ความครบครันของโครงการยังไม่หมดเพียงเท่านี้เพราะโครงการยังออกแบบ Shop หรือพื้นที่สำหรับร้านค้าไว้มากถึง 17 ยูนิต เนื่องจากพื้นที่โดยรอบโครงการที่อยู่ในระยะเดินไม่เกิน 500 เมตรค่อนข้างแห้งแม้จะเป็นย่านชุมชนและมีตึกแถวอยู่โดยรอบแต่ไม่มีร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่มีแต่ร้านขายของชำเล็กๆ ขณะเดียวกันร้านอาหารกับร้านกาแฟในละแวกดังกล่าวก็มีแค่ไม่กี่ร้านเท่านั้น จะมีก็แต่บิ๊กซี ติวานนท์ที่อยู่เลยแยกติวานนท์ไปนิดนึง ถ้าจะซื้อของกินของใช้จำนวนมากก็ถือว่าสะดวกมากแต่ถ้าจะเดินไปคงไม่สะดวกเท่าไหร่ โครงการจึงออกแบบพื้นที่เช่าไว้ ในอนาคตเชื่อว่าถ้ารถไฟฟ้าสร้างเสร็จเมื่อไหร่พื้นที่เช่าก็น่าจะมีผู้เช่าเต็มและโซนร้านค้าที่อยู่หน้าโครงการนี้ก็จะถือว่าสะดวกสบายมาก ตอนนี้ผู้เช่ารายใหญ่ของโครงการคือร้าน Family Mart ข้างในขายของครบและสะดวกมาก เร็วๆ นี้จะมีร้านซักผ้ามาเปิดให้บริการด้วย
การเดินทางเข้า-ออกโครงการสะดวกมากทั้งสำหรับคนที่ใช้รถยนต์เพราะโครงการมีที่จอดรถให้ 40% (ลานจอดรถอยู่บริเวณชั้น 2-5) แต่การจราจรถือว่าหนาแน่นพอสมควร แต่คิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาเพราะส่วนใหญ่คนที่เลือกอยู่ที่เซ็นทริค ติวานนท์ก็เป็นคนที่คุ้นเคยกับพื้นที่นี้อยู่แล้ว หลายๆ คนก็ทำงานในละแวกนี้ ส่วนคนที่ไม่ได้มีรถส่วนตัวก็เดินทางได้สะดวกเพราะมีรถเมล์หลายสายวิ่งผ่าน จะนั่งรถต่อเรือที่ท่าน้ำนนท์ฯ หรือจะไปขึ้นรถตู้จากเดอะมอลล์งามวงศ์วานก็สะดวก ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าเปิดให้บริการลูกบ้านคอนโดนี้ก็จะได้ประโยชน์ไปเต็มๆ
เปรียบเทียบกับโครงการข้างเคียง
ถ้าถามว่าซื้อที่นี่แล้วคุ้มค่าไหม? ขอให้ลองคิดถึง 3 เรื่องหลักๆ เรื่องแรกคือทำเล นอกจากโครงการจะอยู่ติดถนนใหญ่แล้วก็ยังอยู่ในระยะเดินจากสถานีรถไฟฟ้าแยกติวานนท์ชนิดที่เดินยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงโครงการแล้ว เรื่องที่ 2 คือโปรดักส์ดีไซน์ ตอนนี้โครงการสร้างเสร็จแล้ว มีลูกบ้านเข้าอยู่ เริ่มเห็นสังคมและพื้นที่การอยู่อาศัยจริง สิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการก็ครบครัน มีร้านสะดวกซื้อและร้านค้าต่างๆ รองรับความต้องการเชิงไลฟ์สไตล์อยู่แล้ว ดังนั้นถ้าชอบฟังก์ชั่นห้องของที่นี่ก็เชียร์ให้ซื้อเต็มที่
เรื่องสุดท้ายคือราคาที่เมื่อเทียบกับโครงการข้างเคียงแล้ว ถือว่าคุ้มค่ามากเพราะที่เซ็นทริค ติวานนท์ สเตชั่น ราคาต่อตารางเมตรจะอยู่ประมาณ 75,000-80,000 นิดๆ เท่านั้น ราคานี้อย่าลืมว่ารวมเฟอร์นิเจอร์บิลด์อินครบเซ็ทและเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกหลายรายการแล้ว ขณะที่โครงการข้างเคียงอย่างศุภาลัย วิสต้า แยกติวานนท์ ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง ยูนิตที่เหลือขายตอนนี้มีแค่ 2 ยูนิตแม้ราคาต่อตารางเมตรจะถูกกว่าเฉลี่ยตารางเมตรละ 51,000-58,000 บาทตามสไตล์ศุภาลัย แต่ราคานี้เป็นราคาของห้องเปล่านะครับ
ขณะที่โครงการบางกอก ฮอไรซอน ติวานนท์ ของค่ายเจ้าพระยามหานคร ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างเช่นเดียวกันก็ยูนิตเหลือขายเฉพาะแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 69 ตารางเมตรเท่านั้น ส่วนราคาขายอยู่ที่7 ล้านบาทต่อยูนิตหรือตกตารางเมตรละแสนนิดๆ แล้ว
ส่วนโครงการเปิดตัวใหม่ละแวกนี้ก็มี แอมเบอร์ ของบริษัทอีสเทิร์นสตาร์ ที่อยู่บริเวณตัวสถานีรถไฟฟ้าแยกติวานนท์เลย โครงการนี้เป็นไฮไรส์ตกแต่งครบพร้อมเข้าอยู่ก็จริง แต่ราคาขายก็ถือว่าล้ำกว่าเซ็นทริคไปมาก เพราะห้องแบบ 1 ห้องนอน 35 ตารางเมตร ราคาโปรโมชั่นอยู่ที่ 2.49 ล้านบาทแล้ว ส่วนราคาเต็มก็สตาร์ทที่ 2.79 ล้านบาท (เฉลี่ยตารางเมตรละประมาณ 71,000-79,000 บาท) ส่วนห้องแบบ 2 ห้องนอน ให้พื้นที่ 55 ตารางเมตร ราคาเริ่มที่ 4.3 ล้านบาท (ตกตารางเมตรละ 78,000 บาท)
ถัดไปยังสถานีกระทรวงสาธารณสุขมีโครงการเปิดตัวใหม่อีกโครงการหนึ่งคือ The Posh 12 ของบริษัท แปซิฟิค สตาร์ ประเทศไทย จำกัดหลังจากเปิดพรีเซลล์ขายให้กลุ่มลูกค้าเก่ากับลูกค้าขาประจำของโบรกเกอร์อย่างซีบีริชาร์ดและเซ็นจูรี่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาแล้วก็หยุดการขายชั่วคราวเพื่อปรับสเปคห้องใหม่เตรียมเปิดขายรอบแกรนด์โอเพ่นนิ่งอีกครั้งปลายปีนี้เหตุผลหลักก็มาจากขอดูแนวโน้มความชัดเจนของการเปิดให้บริการของรถไฟฟ้าสายสีม่วงอีกที สำหรับราคาขายโครงการนี้เฉลี่ยแล้วจะสตาร์ทที่ 80,000 บาทต่อตารางเมตร
ส่วนโครงการที่เซลล์บอกว่าลูกค้ามักจะเปรียบเทียบด้วยมากที่สุดเห็นทีจะหนีไม่พ้นโครงการเดอะ พาร์คแลนด์ รัชดา วงศ์สว่างของค่ายนารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ ตัวโครงการตั้งอยู่ตรงแยกวงศ์สว่างและติดรถไฟฟ้าสถานีวงศ์สว่างเลย ทำเลถือว่าได้เปรียบโครงการเซ็นทริคอยู่นิดหน่อยเพราะยังอยู่ในเขตการบริหารของ กทม. ทั้งยังเป็นโครงการที่เพิ่งสร้างเสร็จไปหมาดๆ กำลังทยอยโอน ตัวโครงการปิดการขายไปนานแล้ว ถ้าใครสนใจก็ต้องรอซื้อยูนิตหลุดดาวน์หรือไม่ก็ยูนิตรีเซลเอา เท่าที่เห็นราคาขายห้องรีเซลตอนนี้ก็สตาร์ทที่ 90,000 บาทต่อตารางเมตรอัพ
โดยรวมแล้วถ้าดูในแง่ราคาโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่อย่างเซ็นทริคก็ถือว่าสูสีกับคู่แข่งที่อยู่รอบๆ แถมตอนนี้โครงการยังจัด โปรโมชั่นให้ลูกค้าด้วย ได้แก่
1) โปรจอง 999 บาททุกยูนิต
2) โปร One Price ห้องราคาเดียว 2.39 ล้านบาท สำหรับห้องแบบ 1 ห้องนอน 31 ตารางเมตร (จำกัดเพียง 8 ห้องเท่านั้น) สำหรับคนที่ซื้อห้องชุดโดยใช้โปรนี้จะไม่ได้รับโปรฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนที่ประกอบด้วย 1) ค่าธรรมเนียมการโอน 2) เงินกองทุนส่วนกลางหรือ Sinking fund500 บาท/ตร.ม. และ3) ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง 35 บาท/ตร.ม./เดือน (1 ปี)
3) โปรสำหรับ 2 ห้องนอนทั้งห้องตกแต่งพิเศษและห้องทั่วไป มีส่วนลดพิเศษให้อยู่แล้ว (ตามที่โครงการกำหนด) แต่ที่ได้แน่ๆ คือโปรฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน (ค่าธรรมเนียมการโอน ค่ากองทุนส่วนกลางและค่าใช้จ่ายส่วนกลาง 1ปี)
สรุปสุดท้ายจริงๆ ขอบอกเลยว่าถ้าจะซื้ออยู่เองนี่ถือว่าคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มเพราะส่วนกลางจัดเต็มมาก ฟังก์ชั่นห้องก็โอเคตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้ ส่วนใครคิดจะซื้อลงทุนปล่อยเช่าก็ดีเพราะทำเลเดินทางสะดวก ใกล้แหล่งงานทั้งกระทรวงสาธาณสุข ศูนย์ราชการเมืองนนท์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ฯลฯ แถมทำเลยังติดรถไฟฟ้าที่มีกำหนดเปิดใช้เร็วๆ นี้ด้วย คงดึงดูดผู้เช่าได้พอสมควร ปัจจุบันอัตราค่าเช่าสำหรับห้อง 31 ตารางเมตรขั้นต่ำอยู่ที่ 12,000 บาท/เดือน แต่ถ้าใครกะซื้อลงทุนขายต่อ ตอนนี้ไม่แนะนำเพราะราคาไปไกลมากแล้วถ้าเทียบกับตอนเปิดตัว ตอนเปิดตัวราคาห้อง 1 นอน (ชั้น 6) เริ่มที่ 1.89 ล้าน แต่ราคาเริ่มต้นสำหรับ 1 นอน (ชั้น 14) ตอนนี้ก็อยู่ที่ 2.39 แล้ว ดังนั้นคงทำกำไรจากการขายต่อระยะสั้นได้ไม่มากสักเท่าไหร่ ต้องรอสักโอนไปแล้วสักพักครับ
Condo man จัดหนัก!!! พาดูห้องตัวอย่างคอนโดแห่งทศวรรษ อโศก และ รางน้ำ
สวัสดีครับพี่น้อง ช่วงนี้ผมเดินสายออกงานหลายที่ เลยได้มีโอกาสเจอเพื่อนๆที่ติดตามอ่านบทความมากมายหลายคน
มีเพื่อนคนนึงบอกว่า…ผมเขียน soft เกินไปอยากให้จัดหนักกว่านี้ แหม๊!!!!ผมก็เขียนตามความเป็นจริงในมุมมองของผม ไหนๆก็ไหนๆละ ลองมาดู 2 ที่นี้ละกันเผื่อจะมีโอกาสจัดหนัก เอาใจคนอ่านที่น่ารัก service เต็ม 100 ครับคนอย่างผม ^^
AP เพิ่งเปิดตัวคอนโดอย่างยิ่งใหญ่หลายโครงการ โดยโครงการที่น่าสนใจใน lot นี้คือ 2 โครงการลูกครึ่งญี่ปุ่นอย่าง Rhythm Rangnam และ Life Asoke วันนี้ห้องตัวอย่างแล้วเสร็จ พร้อมแล้วที่จะเปิดให้ชมความสวยงามครับ
เริ่มจาก Rhythm Rangnam ผมเป็นคนแรกในโลก online ที่ชี้เป้าทำเล ซึ่งเป็นบทความแรกๆที่เขียนให้ พร็อพฮอลิค Rhythm รางน้ำอยู่ตรงไหนเอ่ย? มาดูกัน เลยรู้สึกพิเศษกับที่นี่ อยากเห็นห้องตัวอย่างมากว่าจะสมราคา 180K รึเปล่า
ภาพจำลองตึกครับเมื่อสร้างเสร็จ สวยเด่นใช้ได้ ตึกอะไรหายไปอย่าใส่ใจครับ ^^
แปลน 35 ตรม.ที่รางน้ำเป็นแบบนี้ครับ เกือบจะเหมือน Life อโศก สิ่งที่แตกต่างคือมีปล่อง shaft ตรงหน้าห้อง เพดาน 2.60
ของที่ได้ในห้องตัวอย่างห้องจริงแทบไม่ได้เลยนะครับ ลองตรวจสอบกับเซลล์ดูอีกทีในรายละเอียด
งวดนี้ผมใช้กล้องมือถือถ่าย ภาพออกมาไม่ค่อยสวย เลยขอยืมภาพของพี่ tom saroj มาร่วมด้วย ขอบคุณนะฮ้าฟฟฟฟฟ ภาพไหนสวยของพี่เค้า ภาพไหนไม่สวยของผม 5555
เข้ามาในห้องก็รู้สึกได้ถึงปล่องช่อง shaft ละครับมีมาทำไมหว่า เกะกะอ่ะ ><
เข้ามาด้านในพอพ้นโซนดูทีวีแล้ว รู้สึกกว้างใช้ได้เลยครับ เป็นจุดเด่นของแปลน 35 ตรม แบบใหม่นี้ โอเคเลย
เฟรมบานเลื่อนอลูมิเนียมกั้นโซนห้องนอนสูงเต็มพื้นถึงฝ้าครับ เป็น powder coated สัมผัสใช้ได้ แต่เสียดายครับแบ่ง 2 บาน ทำให้เวลาเปิดบานเลื่อนไปได้ไม่กว้างเท่าที่ควรครับ ลำบากตอนเข้าออก ราคานี้น่าจะแบ่ง 3 บานนะครับ (ลองไปเปรียบเทียบกับ The Line Sukhumvit 71 ที่ผมพาไปดูคราวก่อนได้ครับ )
มาดูจุดขายของงวดนี้กันบ้าง เชื่อมต่อ kitchen กับ walkin closet กันด้วยกระจกใสที่เปิดไม่ได้ ถ้าเปิดได้กลิ่นเข้า walkin closet แน่ๆ แต่คิดอีกทีเปิดได้ก็ระบายกลิ่นอาหารดีกว่านะ ดีกว่าระบายผ่านห้องนอน
เดินเข้าไปส่องจากทาง walkin closet บ้าง คิดว่าไงครับ ผมลองวางของไว้จำลองสถานการณ์จริง ก็เป็นแบบนี้ละ ถ้าหนักๆแบบ จานชามกองใหญ่ค้างไว้ 2 วันยังไม่ล้าง คงจะดูไม่ดียิ่งกว่านี้
พื้นโซนครัวนี้ต่างระดับกับพื้นโซน living นะครับ เดินแล้วสะดุดเล็กน้อย
ให้พื้นไม้ลามิเนทมาครับ สัมผัสไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ลายก็โอเคนะ ความเห็นส่วนตัวนะครับผมว่า The Line พื้นลามิเนทเหมือนกันแต่ดูดีกว่าอ่ะ
เข้าห้องน้ำกันครับ อ๊ะๆระวังสะดุด


ในห้องนอน Rhythm Rangnam ให้หน้าต่างบานสูงกว่า Life ครับแบบเริ่มจากพื้นเลย แม้จะไม่ชนฝ้า แต่ก็จัดว่าดีใช้ได้
เลื่อนมู่ลี่ไม้ลงมาปิดก็เนียนละ หลอกตาว่า floor to ceiling
เดินเข้าไปที่ walkin closet ….ไม่ได้อะไรเลยนะครับ พวกนี้แต่งให้ดูเฉยๆ


ตรง walkin closet นี้จะเชื่อมต่อไปที่ระเบียงด้วย แต่แปลกๆนะครับเครื่องซักผ้าดันอยู่ตรงครัว แถมหน้าต่างก็เปิดเชื่อมต่อกันไม่ได้ ยังไงก็ต้องเดินผ่านโซนนอนครับถ้าจะตากผ้า (ใช้แบบอบในตัวแก้ปัญหาได้)
คอมแอร์เป่าเข้าครับ

ที่นี่ใช้ digital doorlock แบบนี้ แบรนด์ Alfa ของญี่ปุ่น แปลกดีครับไม่ค่อยเห็นที่ไหน ที่ใส่ถ่านอยู่ด้านนอกห้องเลย
ไปดูอโศกคอนโดแห่งทศวรรษกันบ้างครับบบบบบ
เดินทางสะดวกมากมาย ติด APL และ MRT แต่สภาพแวดล้อมเป็นเครื่องหมายคำถามครับ อีกทั้งทางที่เข้าออกได้หลายทางก็มีประเด็นความเป็นเจ้าของทั้งสิ้น ซึ่งผมขออนุญาตไม่เอ่ยถึงในที่นี้นะฮะ นะฮะ
นี่มุมมองจากทางเชื่อม APL อีกหน่อยเดินลงมาเข้าโครงการได้เบย AP เช่าที่การรถไฟให้ละ
มุมมองจากทางเข้าหลักด้านอโศก รัชดา ครับป้ายต้อนรับ hardcore เล็กน้อย
feeling เมื่อมองจากด้านในโครงการไปที่ป้าย คันยิกๆๆเลยครับ
ห้องตัวอย่างก็ 35 ตรมเช่นกันมีแบบเดียว แต่ที่นี่ไม่มีช่อง shaft ด้านในครับ โล่งไปเลยอ่ะ
เพดาน 2.60 เท่า Rhythm Rangnam เลยครับ ที่นี่ก็ให้ห้องเกือบจะเป็นห้องเปล่าเช่นเดียวกัน รูปแบบก็คล้ายๆ รางน้ำครับ
ห้องตัวอย่างจะสลับซ้ายขวากับของรางน้ำครับ วัสดุก็คนละแบบ ผมเป็นคนที่มองแบบรางน้ำกว้างกว่าแบบอโศก คือพื้นที่เปิดโล่งอยู่ซ้ายมือ อันนี้เท่าที่ถามมาจะแล้วแต่คนนะครับ บางคนก็มองแบบอโศกกว้างกว่า
ภาพนี้เครดิตคุณ Mae ครับ
บานเลื่อนกั้นโซนนอนแบ่งสองเช่นกัน แต่เฟรมที่ใช้เป็นสีดำธรรมดาครับ ไม่ได้ powder coated สัมผัสเลยลื่นๆ แต่อย่าเข้าใจผิดว่าไม่ดีนะครับ ผมว่าโอเคไม่เลว สัมผัสดีกว่าตัว Rhythm Sathorn Narathiwas ที่เป็นสีธรรมชาติ
ขนาดหน้าต่างเป็นสิ่งที่ผมอยากเห็นมาก เพราะถ่ายรูปออกมามันเล็กซะเหลือเกิน มาดูของจริงก็เล็กครับ แต่น่าแปลก รู้สึกว่ามันโอเคกว่าที่เห็นในภาพถ่ายอ่ะ อาจเป็นเพราะเฟรมซอยมาน้อยก็ได้มั๊ง เลยได้เนื้อกระจกเยอะหน่อย (ถึงจะไม่เลวร้ายเท่าที่คิด แต่ถ้าให้เลือก ผมก็อยากให้ AP จัดบานใหญ่ๆมาให้นะครับ ดูดีกว่าเยอะ)
เฟรมรมดำธรรมดา
เหมือนมีคนบอกว่า top ครัวเป็นแผ่นเดียวกันไร้รอยต่อ ผมมาดูแล้วก็เห็นรอยต่อนะครับ ไม่รู้ผมเข้าใจผิดรึเปล่า
ทั้ง step ต่างระดับครัวกับ living ทั้งธรณีประตูห้องน้ำ เหมือนรางน้ำเด๊ะๆๆๆ
นี่ในห้องน้ำครับ ผมดูไม่เป็นอ่ะ แบบนี้เค้าเรียกของดี spec จัดหนัก Life ที่ไม่ใช่ Life หรือครับ
ประตูออก walk-in closet ครับ ของจริงเป็นกล่องฝ้าธรรมดานะ ตรงรางอ่ะ
อันนี้ประตูระเบียง
พูดถึง Life อโศก สิ่งที่ผมเป็นห่วงอย่างหนึ่งในหลายสิ่งอย่างคือ สระน้ำที่ชั้น 7 จะสูงพ้นอาคาร โรงพยาบาลผิวหนึงรึเปล่า น้องเซลล์เอาภาพ presentation มาให้ดูครับ เค้าว่าระดับความสูงประมาณชั้น 4 ของ Life Asoke
ผมเคยมีประสบการณ์ตอนที่ แสนสิริขาย Nye แล้วบอกว่าพ้นตึกด้านหน้า ผมเลยไม่เชื่อใครง่ายๆ ปีนดูเลยละกัน
โรงพยาบาลผิวหนัง มีระดับเพดานที่สูงพอสมควรครับ และมีถึง 7 ชั้น ผมปีนบันไดขึ้นไปถึงชั้นดาดฟ้า ตำแหน่งที่ใกล้กับสระของ Life กันเลยทีเดียว
ผมเจองานระบบเยอะเลยครับ เสียงดังมากด้วย รบกวนยิ่งกว่าเสียงรถไฟ หรือเสียงแม่ค้ากับพี่วิน ตะโกนใส่กันที่ด้านล่าง ซะอีก
มองไปที่ที่ดินโครงการ แนวที่กั้นรั้วไม่ใช่แนวอาคารนะครับ ดูจากแปลนจะชิดเข้ามาหาตึกมากกว่านี้
นี่คือวิวที่ทาง AP ถ่ายมาครับ บอกว่าเป็นวิวชั้น 15..ขนาด 15 ยังชัดแบบนี้ 7 จะเป็นแบบไหน
เรื่องนี้จะไม่ต้องเอามาเป็นประเด็นเลย ถ้า AP รักษาไว้ซึ่งจุดแข็งที่สร้างชื่อมา เรื่องสระชั้นบนสุด ผมนึกแล้วก็เสียดายครับ มูลค่าเพิ่มระยะยาวจะดีกว่านี้มาก
นี่คือวิวจากชั้น 35 ครับ ลองจินตนาการว่าว่ายน้ำบนสระ Top Floor เสพย์วิวนี้แล้ว ฟินสุดๆ
อ่านแล้วตัดสินกันเองนะครับ ว่าเป็นยังไง AP เป็นแบรนด์ที่ผมผูกพันครับ สิ่งที่พูดมาตลอดเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดี อยากฟังแต่แง่บวกหรือเลือกจะฟังในอีกมุมมองด้วย สุดแล้วแต่นะครับ
ขอบคุณครับ
แปลน 35 ตรม.ที่รางน้ำเป็นแบบนี้ครับ เกือบจะเหมือน Life อโศก สิ่งที่แตกต่างคือมีปล่อง shaft ตรงหน้าห้อง เพดาน 2.60
ของที่ได้ในห้องตัวอย่างห้องจริงแทบไม่ได้เลยนะครับ ลองตรวจสอบกับเซลล์ดูอีกทีในรายละเอียด
งวดนี้ผมใช้กล้องมือถือถ่าย ภาพออกมาไม่ค่อยสวย เลยขอยืมภาพของพี่ tom saroj มาร่วมด้วย ขอบคุณนะฮ้าฟฟฟฟฟ ภาพไหนสวยของพี่เค้า ภาพไหนไม่สวยของผม 5555
เข้ามาในห้องก็รู้สึกได้ถึงปล่องช่อง shaft ละครับมีมาทำไมหว่า เกะกะอ่ะ ><
เข้ามาด้านในพอพ้นโซนดูทีวีแล้ว รู้สึกกว้างใช้ได้เลยครับ เป็นจุดเด่นของแปลน 35 ตรม แบบใหม่นี้ โอเคเลย
เฟรมบานเลื่อนอลูมิเนียมกั้นโซนห้องนอนสูงเต็มพื้นถึงฝ้าครับ เป็น powder coated สัมผัสใช้ได้ แต่เสียดายครับแบ่ง 2 บาน ทำให้เวลาเปิดบานเลื่อนไปได้ไม่กว้างเท่าที่ควรครับ ลำบากตอนเข้าออก ราคานี้น่าจะแบ่ง 3 บานนะครับ (ลองไปเปรียบเทียบกับ The Line Sukhumvit 71 ที่ผมพาไปดูคราวก่อนได้ครับ )
มาดูจุดขายของงวดนี้กันบ้าง เชื่อมต่อ kitchen กับ walkin closet กันด้วยกระจกใสที่เปิดไม่ได้ ถ้าเปิดได้กลิ่นเข้า walkin closet แน่ๆ แต่คิดอีกทีเปิดได้ก็ระบายกลิ่นอาหารดีกว่านะ ดีกว่าระบายผ่านห้องนอน
เดินเข้าไปส่องจากทาง walkin closet บ้าง คิดว่าไงครับ ผมลองวางของไว้จำลองสถานการณ์จริง ก็เป็นแบบนี้ละ ถ้าหนักๆแบบ จานชามกองใหญ่ค้างไว้ 2 วันยังไม่ล้าง คงจะดูไม่ดียิ่งกว่านี้
พื้นโซนครัวนี้ต่างระดับกับพื้นโซน living นะครับ เดินแล้วสะดุดเล็กน้อย
ให้พื้นไม้ลามิเนทมาครับ สัมผัสไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ลายก็โอเคนะ ความเห็นส่วนตัวนะครับผมว่า The Line พื้นลามิเนทเหมือนกันแต่ดูดีกว่าอ่ะ
เข้าห้องน้ำกันครับ อ๊ะๆระวังสะดุด


ในห้องนอน Rhythm Rangnam ให้หน้าต่างบานสูงกว่า Life ครับแบบเริ่มจากพื้นเลย แม้จะไม่ชนฝ้า แต่ก็จัดว่าดีใช้ได้
เลื่อนมู่ลี่ไม้ลงมาปิดก็เนียนละ หลอกตาว่า floor to ceiling
เดินเข้าไปที่ walkin closet ….ไม่ได้อะไรเลยนะครับ พวกนี้แต่งให้ดูเฉยๆ


ตรง walkin closet นี้จะเชื่อมต่อไปที่ระเบียงด้วย แต่แปลกๆนะครับเครื่องซักผ้าดันอยู่ตรงครัว แถมหน้าต่างก็เปิดเชื่อมต่อกันไม่ได้ ยังไงก็ต้องเดินผ่านโซนนอนครับถ้าจะตากผ้า (ใช้แบบอบในตัวแก้ปัญหาได้)
คอมแอร์เป่าเข้าครับ

ที่นี่ใช้ digital doorlock แบบนี้ แบรนด์ Alfa ของญี่ปุ่น แปลกดีครับไม่ค่อยเห็นที่ไหน ที่ใส่ถ่านอยู่ด้านนอกห้องเลย
ไปดูอโศกคอนโดแห่งทศวรรษกันบ้างครับบบบบบ
เดินทางสะดวกมากมาย ติด APL และ MRT แต่สภาพแวดล้อมเป็นเครื่องหมายคำถามครับ อีกทั้งทางที่เข้าออกได้หลายทางก็มีประเด็นความเป็นเจ้าของทั้งสิ้น ซึ่งผมขออนุญาตไม่เอ่ยถึงในที่นี้นะฮะ นะฮะ
นี่มุมมองจากทางเชื่อม APL อีกหน่อยเดินลงมาเข้าโครงการได้เบย AP เช่าที่การรถไฟให้ละ
มุมมองจากทางเข้าหลักด้านอโศก รัชดา ครับป้ายต้อนรับ hardcore เล็กน้อย
feeling เมื่อมองจากด้านในโครงการไปที่ป้าย คันยิกๆๆเลยครับ
ห้องตัวอย่างก็ 35 ตรมเช่นกันมีแบบเดียว แต่ที่นี่ไม่มีช่อง shaft ด้านในครับ โล่งไปเลยอ่ะ
เพดาน 2.60 เท่า Rhythm Rangnam เลยครับ ที่นี่ก็ให้ห้องเกือบจะเป็นห้องเปล่าเช่นเดียวกัน รูปแบบก็คล้ายๆ รางน้ำครับ
ห้องตัวอย่างจะสลับซ้ายขวากับของรางน้ำครับ วัสดุก็คนละแบบ ผมเป็นคนที่มองแบบรางน้ำกว้างกว่าแบบอโศก คือพื้นที่เปิดโล่งอยู่ซ้ายมือ อันนี้เท่าที่ถามมาจะแล้วแต่คนนะครับ บางคนก็มองแบบอโศกกว้างกว่า
ภาพนี้เครดิตคุณ Mae ครับ
บานเลื่อนกั้นโซนนอนแบ่งสองเช่นกัน แต่เฟรมที่ใช้เป็นสีดำธรรมดาครับ ไม่ได้ powder coated สัมผัสเลยลื่นๆ แต่อย่าเข้าใจผิดว่าไม่ดีนะครับ ผมว่าโอเคไม่เลว สัมผัสดีกว่าตัว Rhythm Sathorn Narathiwas ที่เป็นสีธรรมชาติ
ขนาดหน้าต่างเป็นสิ่งที่ผมอยากเห็นมาก เพราะถ่ายรูปออกมามันเล็กซะเหลือเกิน มาดูของจริงก็เล็กครับ แต่น่าแปลก รู้สึกว่ามันโอเคกว่าที่เห็นในภาพถ่ายอ่ะ อาจเป็นเพราะเฟรมซอยมาน้อยก็ได้มั๊ง เลยได้เนื้อกระจกเยอะหน่อย (ถึงจะไม่เลวร้ายเท่าที่คิด แต่ถ้าให้เลือก ผมก็อยากให้ AP จัดบานใหญ่ๆมาให้นะครับ ดูดีกว่าเยอะ)
เฟรมรมดำธรรมดา
เหมือนมีคนบอกว่า top ครัวเป็นแผ่นเดียวกันไร้รอยต่อ ผมมาดูแล้วก็เห็นรอยต่อนะครับ ไม่รู้ผมเข้าใจผิดรึเปล่า
ทั้ง step ต่างระดับครัวกับ living ทั้งธรณีประตูห้องน้ำ เหมือนรางน้ำเด๊ะๆๆๆ
นี่ในห้องน้ำครับ ผมดูไม่เป็นอ่ะ แบบนี้เค้าเรียกของดี spec จัดหนัก Life ที่ไม่ใช่ Life หรือครับ
ประตูออก walk-in closet ครับ ของจริงเป็นกล่องฝ้าธรรมดานะ ตรงรางอ่ะ
อันนี้ประตูระเบียง
พูดถึง Life อโศก สิ่งที่ผมเป็นห่วงอย่างหนึ่งในหลายสิ่งอย่างคือ สระน้ำที่ชั้น 7 จะสูงพ้นอาคาร โรงพยาบาลผิวหนึงรึเปล่า น้องเซลล์เอาภาพ presentation มาให้ดูครับ เค้าว่าระดับความสูงประมาณชั้น 4 ของ Life Asoke
ผมเคยมีประสบการณ์ตอนที่ แสนสิริขาย Nye แล้วบอกว่าพ้นตึกด้านหน้า ผมเลยไม่เชื่อใครง่ายๆ ปีนดูเลยละกัน
โรงพยาบาลผิวหนัง มีระดับเพดานที่สูงพอสมควรครับ และมีถึง 7 ชั้น ผมปีนบันไดขึ้นไปถึงชั้นดาดฟ้า ตำแหน่งที่ใกล้กับสระของ Life กันเลยทีเดียว
ผมเจองานระบบเยอะเลยครับ เสียงดังมากด้วย รบกวนยิ่งกว่าเสียงรถไฟ หรือเสียงแม่ค้ากับพี่วิน ตะโกนใส่กันที่ด้านล่าง ซะอีก
มองไปที่ที่ดินโครงการ แนวที่กั้นรั้วไม่ใช่แนวอาคารนะครับ ดูจากแปลนจะชิดเข้ามาหาตึกมากกว่านี้
นี่คือวิวที่ทาง AP ถ่ายมาครับ บอกว่าเป็นวิวชั้น 15..ขนาด 15 ยังชัดแบบนี้ 7 จะเป็นแบบไหน
เรื่องนี้จะไม่ต้องเอามาเป็นประเด็นเลย ถ้า AP รักษาไว้ซึ่งจุดแข็งที่สร้างชื่อมา เรื่องสระชั้นบนสุด ผมนึกแล้วก็เสียดายครับ มูลค่าเพิ่มระยะยาวจะดีกว่านี้มาก
นี่คือวิวจากชั้น 35 ครับ ลองจินตนาการว่าว่ายน้ำบนสระ Top Floor เสพย์วิวนี้แล้ว ฟินสุดๆ
อ่านแล้วตัดสินกันเองนะครับ ว่าเป็นยังไง AP เป็นแบรนด์ที่ผมผูกพันครับ สิ่งที่พูดมาตลอดเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดี อยากฟังแต่แง่บวกหรือเลือกจะฟังในอีกมุมมองด้วย สุดแล้วแต่นะครับ
ขอบคุณครับ
หลุด!!! Q 31
ผมได้ข่าวเรื่องอนันดามีที่ดินที่ซอยสุขุมวิท 31 ตั้งแต่ต้นปีครับ แต่ก็ไม่รู้จริงๆว่าแปลงไหน จนไม่นานมานี้ อนันดาได้เคลียร์ผู้อยู่อาศัยเก่าเรียบร้อยจึงได้ทราบตำแหน่งที่ชัดเจน แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลอื่นอะไรมากนัก
ต่อมาได้เห็นทีเซอร์งาน Ananda Urban Pulse งานใหญ่ประจำปีที่พารากอน มีโครงการนี้รวมอยู่ด้วย ก็ตื่นเต้นดีใจว่าจะได้เห็นหน้าตาตึกละ
(งาน Ananda Urban Pulse ที่จะจัดที่พารากอนวันที่ 12-16 สิงหาคมนี้ อนันดาจะเปิดตัว 4 โครงการใหม่ )โดยวันที่ 8/8/2558 ตามธรรมเนียมคือ อนันดาจะจัดรอบเปิดตัวพิเศษ AMC (ลูกค้าเก่า) ให้ลูกค้าเก่าได้ข้อมูลและจองก่อน
ผมเฝ้านับวันรอคอยให้ถึงวันนัดครับ แต่แล้วก็ฝันสลาย
Q31 ก็ไม่มีข้อมูลอะไรเลยนอกจากภาพเดิมคือ คุณแม่ยังสวยและคุณลูกวัยน่ารักที่นอนหนุนตัก ซึ่งก็สื่อได้ถึงทำเลที่ใกล้โรงเรียนมากๆนั่นเอง ใครที่สนใจโครงการนี้ทำได้แค่ลงทะเบียนกับน้องเซลล์ไว้เท่านั้น
แต่ เพื่อเป็นข้อมูลให้ทุกคน ผมเลยขอรวบรวม info เท่าที่มีมาไว้ที่ตรงนี้นะครับ เผื่อใครสนใจจะได้รอคอยต่อไป ไม่หลวมตัวไปกับคอนโดอื่นไปก่อน
ทำเลที่ตั้งคอนโดนี้จะอยู่เยื้องๆประตูหลังฝั่งซอยสุขุมวิท 31 ของ มศว ครับ (ประตู3)
พอออกจากประตูไปจนถึงถนนก็เลี้ยวซ้ายไปนิดนึงก็ถึงละครับ
ที่ดิน เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีคลองอยู่ฝั่งที่ดิน คลองก็เป็นคลองทั่วไปของ กทม ครับ คือมองแล้วไม่สะอาดเท่าไหร่ แต่ผมไปยืนดมๆกลิ่นดูก็ไม่ได้รู้สึกเหม็นอะไรนะครับ คลองแสนแสบเหม็นกว่า
แปลงที่มีผ้าใบสีน้ำเงินครับ ถ่ายจากถนนทางเข้า มศว
การเดินทางไปยังโครงการหลักๆคือการเข้าทางสุขุมวิท 31 โดยมีระยะห่างจาก BTS พร้อมพงษ์ ประมาณ 1.6 กิโครับ
ถ้า มศว เปิดจะสามารถเดินทะลุไป MRT เพชรบุรีได้มีระยะทางไม่ถึง1 กิโล พอเดินไหวครับ (แหะๆเดินผ่านดงหนุ่ม สาว นักศึกษา ไกลนิดนึงก็เหมือนใกล้ )
ข้อมูล โครงการคร่าวๆคือ Q31 เป็นคอนโด lowrise 8 ชั้น มีที่จอดใต้ดิน 2 ชั้น ที่ดินประมาณ 1 ไร่ และมีไม่ถึง 80 ยูนิต (ผมเดาว่าน่าจะเน้นห้องใหญ่ แบบ Ashton 41)และนี่คือหน้าตาตึกที่หลุดมาครับ ท๊าด๊าาาาา (เครดิตคุณ วีระพงษ์ ทัม นักลงทุนชื่อดัง)
กระจกโค้งเต็มๆบาน กลายเป็น signature คอนโดอนันดาตัวบน ยุคหลังๆไปแล้ว
ข้อมูลมีแค่นี้ครับ ที่เหลือรอปลายปีมาแน่ๆๆๆๆๆๆๆ
เบื้องต้นคือเหมาะกับผู้ปกครองเด็ก มศว ครับจะรุ่นอนุบาลหรือรุ่นมหาวิทยาลัย ซื้อคอนโดไว้ใกล้สถานศึกษาคุณลูกที่น่ารัก ช่วยสร้างชีวิตดีๆ ไม่ต้องเดินทางไกลผจญมลพิษร้าย ให้พวกเค้าได้ครับ
ถ้าจะซื้อปล่อยเช่า กลุ่มชาวต่างชาติที่เป็นตลาดกลุ่มหลัก ของ mid sukhumvit ผมว่าทำเลออกจะเงียบไปซักหน่อย ไม่ค่อยมีแหล่ง Lifestyle ที่ตอบสนองลูกค้าต่างชาติ แต่ก็ไม่แน่นะครับ ผมเห็นแม่บ้านญี่ปุ่นชอบพาลูกน้อยมา hang out ที่มศว ชมสวนเขียวๆ มากันเป็นกลุ่มเลยครับ
ไซมิสฯ เปิดขาย Siamese Exclusive พร้อมเดินหน้าเปิดอีกโครงการใหม่ตค.นี้
หลังจากที่คุณคอนโดแมนได้บอกเล่าเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับโครงการ Siamese Exclusive มาแล้วใน siamese-exclusive-by-condoman … เมื่อวานนี้ผมได้มีโอกาสไปร่วมงานแถลงข่าวของโครงการมาครับเลยเก็บข้อมูล รวมถึงภาพห้องตัวอย่างจริงมาฝากกันครับ (ห้องตัวอย่างมี 3 แบบ แต่ทาง Siamese Asset อนุญาตให้ถ่ายรูปได้แค่แบบเดียวคือขนาดสองนอน 70 ตรม. แบบปกติที่มีเพดานสูง 3.2 เมตรครับ น่าเสียดายมากที่ไม่ได้เอารูปห้องเพดานสูงขนาด 4.45 เมตรมาฝากครับ สวยมว้ากกกก แต่ไว้วันหลังจะไปถ่ายรูปมาให้ดูใหม่ครับ)
“ไซมิส แอสเสท” แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “Siamese Exclusive” คอนโดมิเนียมหรู บนถนนสุขุมวิท 31 ในเดือนสิงหาคมนี้ มั่นใจทำยอดพรีเซลได้ตามเป้าหมาย ซึ่งขณะนี้มีลูกค้ากลุ่ม Exclusive Member ของบริษัทฯ ลงชื่อจองสิทธิ์แล้วกว่า 190 ราย จากทั้งโครงการที่มีจำนวนทั้งหมด 192 ยูนิต ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อโครงการ โดยไซมิส แอสแสทนั้น ให้ความสำคัญทางด้านความโดดเด่นของการออกแบบที่เหมาะกับการใช้งาน ด้านทำเลของโครงการที่อยุ่ใจกลางเมืองเดินทางสะดวก คุณภาพงานก่อสร้างระดับสูง ขณะที่กำหนดราคาขายต่ำกว่าโครงการอื่น ๆ ที่อยู่ในบริเวณทำเลเดียวกัน
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานกรรมการ และรักษาการณ์กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (SA) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ กล่าวในงานแถลงข่าวว่า โครงการ Siamese Exclusive เป็นคอนโดมิเนียมสูง 21 ชั้น มูลค่าโครงการประมาณ 2,450 ล้านบาท ถือเป็นโครงการ Flagship ของบริษัทในปีนี้ เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ด้วยราคาเริ่มต้นประมาณ 8 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งมั่นใจและขอบคุณลูกค้าที่ให้การตอบรับที่ดีเช่นเดียวกับโครงการอื่น ๆ ของไซมิส แอสเสท ที่เปิดขายไปก่อนหน้านี้
เพดานสูงสุดถึง 4.45 เมตร
นอกจาก Siamese Exclusive จะตั้งอยู่ใจกลางสุขุมวิท 31 ซึ่งการคมนาคมสะดวกทุกเส้นทางเข้า-ออก ทั้งสุขุมวิท อโศก เพชรบุรีตัดใหม่และทองหล่อ รวมถึงใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS และ MRT กลุ่มห้างสรรพสินค้าชั้นนําระดับโลก โรงเรียนและมหาวิทยาลัยชั้นนํา รวมถึงโรงพยาบาลมาตรฐานระดับโลก และทองหล่อย่านไลฟ์สไตล์คนเมืองแล้ว ยังมีจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์คือ ห้องชุดมีความสูง 3.20 เมตร และ 4.45 เมตร ในขนาด 1 ห้องนอน 46-65 ตารางเมตร หรือห้องชุดแบบ 2 ห้องนอนที่ขนาด 69-85 ตารางเมตร และพิเศษกับห้องชุดแบบ 3 ห้องนอนขนาด 115-135 ตารางเมตร และห้องชุดแบบ Penthouse 3 ชั้น เริ่มต้นที่ 181-207 ตารางเมตร (ชั้นที่มีเพดานสูง 4.45 เมตรจะอยู่ที่ชั้น 3-9 และ 18 ส่วนชั้นอื่นๆจะมีความสูงที่ 3.2 เมตร)
สำหรับห้องตัวอย่างมีขนาดประมาณ 70 ตรม. ครับ เป็นแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ตามแปลน 2B1-2-B ด้านล่างครับ มีความสูงของเพดาน 3.2 เมตร มีไฮไลท์คือลิฟท์ส่วนตัว ที่มีพื้นที่ storage และ Foyer ส่วนตัว และระเบียงที่มีต้นไม้ส่วนตัวด้วยครับ ด้วยชื่อเฉพาะตัวอันเป็นเอกลักษณ์ว่า “Retreat Balcony”… ที่ออกแบบให้ความหรูหราและธรรมชาติมาบรรจบกันอย่างลงตัว ผ่านการดีไซน์โดยบริษัท สถาปนิกสมดุล จํากัด ภายใต้แนวความคิด “Living in the garden” ภายใน Retreat Balcony ประกอบด้วยพื้นที่สีเขียวส่วนตัวบริเวณระเบียงของห้องพัก ที่ออกแบบให้การอยู่อาศัยเปี่ยมไปด้วยความร่มรื่นภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่และ ไม้เลื้อยสลับสี สะท้อนออกมาเป็น รูปแบบสถาปัตยกรรมที่มีการสลับกันของสีสันพรรณไม้และรูปด้านอาคาร ซึ่งช่วยทําให้ระเบียงมีความสูงเพิ่มขึ้นรองรับการเจริญเติบโตของต้นไม้ใหญ่ในอนาคต
ยืนเทียบให้ดูเพดานสูง 3.2 เมตร แหม่ถ้ากระจกได้สูงถึงเพดานก็จะเลอค่ามากสุดๆเลยนะครับ
พื้นระเบียงเป็นไม้สังเคราะห์ครับ ดูสวยงามธรรมชาติมากครับ
ขออภัยถ่ายติดช่างภาพคนอื่นมาด้วยครับ ^^ อันนี้มองจาก compressor แอร์ไปที่มุมนั่งเล่นพร้อมต้นไม้ส่วนตัว ราวกันตกเป็นกระจกใส
ดูบรรยากาศส่วนอื่นๆของห้องกันบ้าง…ออกจากโถงลิฟท์ส่วนตัวมาก็จะเลือกได้ครับว่าจะเข้าห้องเลย หรือจะเดินไปส่วนของห้องเก็บเครื่องซักผ้า และในส่วน storage
เปิดให้ดูครับว่ามีเครื่องซักผ้าพร้อมอบในตัว และหม้อต้มน้ำขนาดใหญ่ครับ (ไม่แน่ใจว่าเครื่องซักผ้าอันนี้ให้หรือเปล่านะครับ แต่น่าจะไม่แถมให้)

ประตูเป็นมือจับก้านโยกและมี sub lock เป็นคีย์การ์ดครับ
เข้ามาในห้องก็จะมีช่องเสียบคีย์การ์ดเพื่อเป็น master power controller ครับ
โครงการให้เป็นแบบ partly furnished นะครับ เฟอร์นิเจอร์ได้บางอย่าง แต่ก็เกือบครบ พวกโซฟา โต๊ะทานข้าว ครัวอะไรพวกนี้ได้หมด ยกเว้นตู้เย็น และ Prop ส่วน wallpapaer ได้เป็นลายสีขาวธรรมดา และงานไม้ด้านขวานั้น ของจริงเป็นปูนและปิดทับด้วย wallpaper สีขาวครับ (ถ้าอยากทราบ spec จริงที่ได้ทั้งหมด สอบถามทางพนักงานผู้ใจดีได้เลยครับ)
โซนครัวและห้องรับแขกเป็นแอร์แบบฝังฝ้าครับ… ชุดครัวยี่ห้อ Starmark เป็นแบบ Full Function เตาไฟฟ้า 4 หัว พร้อมที่ดูดควันยี่ห้อ Teka…Top เป็นหินสังเคราะห์เชื่อมต่อทำเป็น back splash ไปเลยครับ สวยงามเนี้ยบมาก

ห้องนอนเล็กครับมีกระจกใสแทนผนังปูนทึบ หัวเตียงมีหน้าต่างนิดนึง แต่โครงการทำผ้าม่านปิดไว้ครับ
ตู้เสื้อผ้าโครงการก็ให้นะครับ ส่วนของห้องนอนเป็นแอร์แบบติดผนัง
มาดูห้องน้ำกันครับ สวยงามสมฐานะมากกกก…ผมสอบถามพนักงานดูพบว่าเป็นแกรนิตโต้ลายหินอ่อนครับ ไม่ได้ให้หินอ่อนจริง (ผิดถูกประการใดรบกวนผู้รู้แจ้งมาได้นะครับ)
ตู้เก็บของใต้อ่างล้างมือของจริงได้เป็นลายไม้ธรรมดาครับ ไม่ใช่กระจกแบบในห้องตัวอย่าง
มีตู้เก็บของในห้องน้ำให้ด้วยครับ ใหญ่มาก (ของจริงเป็นลายไม้เหมือนอย่างชุดครัวครับ) ไว้เก็บพวกผ้าเช็ดตัวและอุปกรณ์ต่างๆ
Auto washlet ยี่ห้อ Toto ครับ
เปิดกระจกออกมาเป็นชั้นวางของได้
อ่างอาบน้ำตามสไตล์นั่งอาบของคนญี่ปุ่นครับ
ชุดฝักบัวของ American Standard
มาดูห้อง master bedroom กันบ้างครับ…ห้องนี้แอร์เป็นฝังฝ้าแบบห้องรับแขกครับ หัวเตียงของจริงเป็นปูนติดด้วย wallpapaer สีขาวครับ
มาดูภาพ perspective กันบ้างครับ

จุดเด่นอีกจุดคือด้วย Exclusive Lift ที่สามารถเข้าถึงห้องพักอาศัยโดยตรง ทีละครอบครัวเท่านั้น พร้อม Intelligent Parking ที่จอดรถอัจฉริยะที่สะดวกสบาย และตอบสนองการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัว และยังมี Library Loft ห้องสมุดพร้อมมุมทํางานบริเวณชั้นลอยด้วย รวมถึง Naturalux Pool สระว่ายน้ำพร้อมระบบจากุซซี่ หรือ Exclusive Gym ห้องออกกําลังกายพร้อมอุปกรณ์ครบครัน ชมพระอาทิตย์ตกดินที่เส้นขอบฟ้าใจกลางสุขุมวิทบน Sky Garden ชั้นสูงสุด สวนดาดฟ้าเพื่อการพักผ่อนพร้อม พื้นที่สําหรับกิจกรรมสังสรรค์ต่าง ๆ




Floor Plan ชั้นส่วนกลาง
Typical Floor Plan โซนชั้นเตี้ย…จะเห็นว่านอกจาก Private Lift แล้วก็จะมี Lift ส่วนกลาง 1 ตัวครับ
ส่วน High Zone ก็จะมีพวกห้องใหญ่ๆแบบสามนอน – Penthouse ครับ
ห้องนี้สุดอ่ะครับ Triplex 3 ชั้น 19 – 21 ทั้งตึกมีแค่สองห้อง 206.44 ตรม.!!!
โครงการน่าสนใจโครงการอื่นๆในปีนี้ของ Siamese Asset
ภายในงานแถลงข่าวทางคุณขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ได้ให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการเปิดตัวโครงการอื่นๆในปีนี้ได้แก่ Siamese สาทร เจริญราษฎร์ / Siamese อ่อนนุช/ Siamese Queen ด้วยเช่นกัน ซึ่งผมค่อนข้างจะสนใจโครงการ Siamese สาทร เจริญราษฎร์เป็นพิเศษครับ…โครงการนี้ทาง Siamese Asset เพิ่งควักเงิน 500 ล้านบาทมาซื้อที่ดินเมื่อไม่นานมานี้ ตั้งอยู่บริเวณถนนเจริญราษฎร์ใกล้ถนนสาทรชนิดที่ว่าลงมาจากทางด่วน ก็จะเจอเลย และอยู่ห่างจาก BTS สถานีสุรศักดิ์ประมาณ 900 เมตร… คุณขจรศิษฐ์บอกว่าโครงการนี้จะขายแบบจัดเต็ม Fully Furnished ในราคาตรม.ละ 68,000 บาท สำหรับห้องที่มีขนาดเริ่มต้นที่ 35 ตรม.
สิ่งที่พิเศษก็คือโครงการ Siamese สาทร เจริญราษฎร์ มีพื้นที่โครงการ 7 ไร่ 1 งาน มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท (พื้นที่ขาย 50,000 ตรม)…จริงๆสามารถใช้ FAR ได้ 1-8 แต่ทางโครงการเลือกที่จะสร้างเพียงแค่ FAR 1-5 เป็นตึก Low rise 8 ชั้น จำนวน 5 ตึก (เป็นคอนโด 4 ตึกประมาณ 700 ยูนิต และ Condo Office 1 ตึกครับ) โดยจะสร้างเป็นคอนเซปท์เดียวกับโครงการสุดฮิตในการปล่อยเช่าชาวญี่ปุ่นอย่าง Siamese Gioia (แสดงว่าชั้น Ground จะเป็นห้อง type duplex และก็จะมีห้อง penthouse ที่มี rooftop access แน่นอนครับ ว้าวๆๆๆๆ) แต่โครงการนี้น่าจะเปลี่ยนเป็นจับกลุ่มลูกค้าคนจีนแทนครับ เนื่องจากว่าทางคุณขจรศิษฐ์ เตรียมที่จะเปิดขายในวันที่ 1 ตค. นี้ซึ่งเป็นวันชาติจีนครับ!!! ไม่ต้องแปลกใจครับเพราะว่าโครงการนี้ถูกนักลงทุนชาวจีนเหมาซื้อไปแล้วถึง 2 ตึก 1,200 ล้านบาท (ประมาณ 40% ของโควต้าต่างชาติทั้งหมด)
ทาง Siamese Asset เล็งเห็นถึง supply ที่ค่อนข้างขาดแคลนสำหรับตลาด Condo Office ใจกลางเมืองครับ…ถึงได้แยกตึก Condo Office ไว้อีกตึกนึงในโครงการ… โดยคุณขจรศิษฐ์ได้เล่าถึง case ของส่วน Condo Office ที่โครงการ Siamese ราชครูว่าขายดีมากจนตอนนี้เหลือเพียงแค่ห้องสุดท้าย นอกนั้นต้องไปหาเช่าต่อ หรือไม่ก็ซื้อรีเซลกันเอาเอง…และ feedback ในการบริหารส่วนกลางของทาง Siamese Asset ค่อนข้างดี ลูกบ้านส่วนใหญ่ค่อนข้างพอใจในการดูแลรักษาส่วนกลางของนิติบุคคลฯ โดยราคาขายของส่วน Condo Office ก็จะเริ่มต้นเท่ากันกับคอนโดคือตรม.ละ 68,000 บาท (ซื้อแบบ bareshell ก็ได้นะครับ โดยที่ราคาจะถูกลงอีก!!!) มีขนาดตั้งแต่ 30 – 70 ตรม. สามารถ combined ห้องได้
ส่วนโครงการ Siamese อ่อนนุช ซื้อที่ดินมาในราคา 400 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ถนนสุขุมวิท เยื้องๆกับทางเข้าถนนอ่อนนุช ลงจากสะพานข้ามคลองพระโขนงจะอยู่ทางขวามือข้างๆคอนโด Diamond สุขุมวิท มูลค่าโครงการประมาณ 1,400 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยตรม.ละ 120,000 บาท สำหรับห้องขนาด 45 ตรม. คาดว่าจะเปิดขายปีหน้า
ส่วนโครงการสุดท้ายที่รอมานานถึง 3 ปีคือ Siamese Queen ติดรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีศูนย์สิริกิต์ มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท บนพื้นที่ 2 ไร่ กลับมาขายพร้อมกับความสูง 35 ชั้น ประมาณ 300 ยูนิต ขายราคาเฉลี่ยที่ตรม.ละ 130,000 – 140,000 บาท พร้อมเปิดขายปลายปีนี้ หรืออย่างช้าสุดต้นปีหน้า
….พิเศษกับการเป็นเจ้าของห้องชุดของโครงการไซมิส เอ๊กซ์คลูซีพ จองสิทธิ์ 50,000 บาท เพื่อรับสิทธิ์เข้าเลือกห้องเลือกห้องชุด ทำเลสวยก่อนใครในงาน Exclusive Day สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 08-9202-1411 และ
09-3584-1411 หรือ www.siameseasset.co.th
บริษัท ไซมิส แอสเสท ก่อตั้งขึ้นในปี 2553 โดยกลุ่มบริษัทฤทธา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญในงานรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ในไทย ด้วยประสบการณ์ยาวนานถึง 26 ปี โดยไซมิสฯ ได้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยย่าน CBD อย่างมาก อาทิเช่น Siamese Gioia, Siamese Thirty-Nine, Siamese Ratchakru, Siamese Nanglinchee, Siamese Blossom@Fashion เป็นต้น

นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานกรรมการ และรักษาการณ์กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (SA) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ กล่าวในงานแถลงข่าวว่า โครงการ Siamese Exclusive เป็นคอนโดมิเนียมสูง 21 ชั้น มูลค่าโครงการประมาณ 2,450 ล้านบาท ถือเป็นโครงการ Flagship ของบริษัทในปีนี้ เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ด้วยราคาเริ่มต้นประมาณ 8 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งมั่นใจและขอบคุณลูกค้าที่ให้การตอบรับที่ดีเช่นเดียวกับโครงการอื่น ๆ ของไซมิส แอสเสท ที่เปิดขายไปก่อนหน้านี้
เพดานสูงสุดถึง 4.45 เมตร
นอกจาก Siamese Exclusive จะตั้งอยู่ใจกลางสุขุมวิท 31 ซึ่งการคมนาคมสะดวกทุกเส้นทางเข้า-ออก ทั้งสุขุมวิท อโศก เพชรบุรีตัดใหม่และทองหล่อ รวมถึงใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS และ MRT กลุ่มห้างสรรพสินค้าชั้นนําระดับโลก โรงเรียนและมหาวิทยาลัยชั้นนํา รวมถึงโรงพยาบาลมาตรฐานระดับโลก และทองหล่อย่านไลฟ์สไตล์คนเมืองแล้ว ยังมีจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์คือ ห้องชุดมีความสูง 3.20 เมตร และ 4.45 เมตร ในขนาด 1 ห้องนอน 46-65 ตารางเมตร หรือห้องชุดแบบ 2 ห้องนอนที่ขนาด 69-85 ตารางเมตร และพิเศษกับห้องชุดแบบ 3 ห้องนอนขนาด 115-135 ตารางเมตร และห้องชุดแบบ Penthouse 3 ชั้น เริ่มต้นที่ 181-207 ตารางเมตร (ชั้นที่มีเพดานสูง 4.45 เมตรจะอยู่ที่ชั้น 3-9 และ 18 ส่วนชั้นอื่นๆจะมีความสูงที่ 3.2 เมตร)
สำหรับห้องตัวอย่างมีขนาดประมาณ 70 ตรม. ครับ เป็นแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ตามแปลน 2B1-2-B ด้านล่างครับ มีความสูงของเพดาน 3.2 เมตร มีไฮไลท์คือลิฟท์ส่วนตัว ที่มีพื้นที่ storage และ Foyer ส่วนตัว และระเบียงที่มีต้นไม้ส่วนตัวด้วยครับ ด้วยชื่อเฉพาะตัวอันเป็นเอกลักษณ์ว่า “Retreat Balcony”… ที่ออกแบบให้ความหรูหราและธรรมชาติมาบรรจบกันอย่างลงตัว ผ่านการดีไซน์โดยบริษัท สถาปนิกสมดุล จํากัด ภายใต้แนวความคิด “Living in the garden” ภายใน Retreat Balcony ประกอบด้วยพื้นที่สีเขียวส่วนตัวบริเวณระเบียงของห้องพัก ที่ออกแบบให้การอยู่อาศัยเปี่ยมไปด้วยความร่มรื่นภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่และ ไม้เลื้อยสลับสี สะท้อนออกมาเป็น รูปแบบสถาปัตยกรรมที่มีการสลับกันของสีสันพรรณไม้และรูปด้านอาคาร ซึ่งช่วยทําให้ระเบียงมีความสูงเพิ่มขึ้นรองรับการเจริญเติบโตของต้นไม้ใหญ่ในอนาคต
ยืนเทียบให้ดูเพดานสูง 3.2 เมตร แหม่ถ้ากระจกได้สูงถึงเพดานก็จะเลอค่ามากสุดๆเลยนะครับ
พื้นระเบียงเป็นไม้สังเคราะห์ครับ ดูสวยงามธรรมชาติมากครับ
ขออภัยถ่ายติดช่างภาพคนอื่นมาด้วยครับ ^^ อันนี้มองจาก compressor แอร์ไปที่มุมนั่งเล่นพร้อมต้นไม้ส่วนตัว ราวกันตกเป็นกระจกใส
ดูบรรยากาศส่วนอื่นๆของห้องกันบ้าง…ออกจากโถงลิฟท์ส่วนตัวมาก็จะเลือกได้ครับว่าจะเข้าห้องเลย หรือจะเดินไปส่วนของห้องเก็บเครื่องซักผ้า และในส่วน storage
เปิดให้ดูครับว่ามีเครื่องซักผ้าพร้อมอบในตัว และหม้อต้มน้ำขนาดใหญ่ครับ (ไม่แน่ใจว่าเครื่องซักผ้าอันนี้ให้หรือเปล่านะครับ แต่น่าจะไม่แถมให้)

ประตูเป็นมือจับก้านโยกและมี sub lock เป็นคีย์การ์ดครับ
เข้ามาในห้องก็จะมีช่องเสียบคีย์การ์ดเพื่อเป็น master power controller ครับ
โครงการให้เป็นแบบ partly furnished นะครับ เฟอร์นิเจอร์ได้บางอย่าง แต่ก็เกือบครบ พวกโซฟา โต๊ะทานข้าว ครัวอะไรพวกนี้ได้หมด ยกเว้นตู้เย็น และ Prop ส่วน wallpapaer ได้เป็นลายสีขาวธรรมดา และงานไม้ด้านขวานั้น ของจริงเป็นปูนและปิดทับด้วย wallpaper สีขาวครับ (ถ้าอยากทราบ spec จริงที่ได้ทั้งหมด สอบถามทางพนักงานผู้ใจดีได้เลยครับ)
โซนครัวและห้องรับแขกเป็นแอร์แบบฝังฝ้าครับ… ชุดครัวยี่ห้อ Starmark เป็นแบบ Full Function เตาไฟฟ้า 4 หัว พร้อมที่ดูดควันยี่ห้อ Teka…Top เป็นหินสังเคราะห์เชื่อมต่อทำเป็น back splash ไปเลยครับ สวยงามเนี้ยบมาก

ห้องนอนเล็กครับมีกระจกใสแทนผนังปูนทึบ หัวเตียงมีหน้าต่างนิดนึง แต่โครงการทำผ้าม่านปิดไว้ครับ
ตู้เสื้อผ้าโครงการก็ให้นะครับ ส่วนของห้องนอนเป็นแอร์แบบติดผนัง
มาดูห้องน้ำกันครับ สวยงามสมฐานะมากกกก…ผมสอบถามพนักงานดูพบว่าเป็นแกรนิตโต้ลายหินอ่อนครับ ไม่ได้ให้หินอ่อนจริง (ผิดถูกประการใดรบกวนผู้รู้แจ้งมาได้นะครับ)
ตู้เก็บของใต้อ่างล้างมือของจริงได้เป็นลายไม้ธรรมดาครับ ไม่ใช่กระจกแบบในห้องตัวอย่าง
มีตู้เก็บของในห้องน้ำให้ด้วยครับ ใหญ่มาก (ของจริงเป็นลายไม้เหมือนอย่างชุดครัวครับ) ไว้เก็บพวกผ้าเช็ดตัวและอุปกรณ์ต่างๆ
Auto washlet ยี่ห้อ Toto ครับ
เปิดกระจกออกมาเป็นชั้นวางของได้
อ่างอาบน้ำตามสไตล์นั่งอาบของคนญี่ปุ่นครับ
ชุดฝักบัวของ American Standard
มาดูห้อง master bedroom กันบ้างครับ…ห้องนี้แอร์เป็นฝังฝ้าแบบห้องรับแขกครับ หัวเตียงของจริงเป็นปูนติดด้วย wallpapaer สีขาวครับ
มาดูภาพ perspective กันบ้างครับ

จุดเด่นอีกจุดคือด้วย Exclusive Lift ที่สามารถเข้าถึงห้องพักอาศัยโดยตรง ทีละครอบครัวเท่านั้น พร้อม Intelligent Parking ที่จอดรถอัจฉริยะที่สะดวกสบาย และตอบสนองการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัว และยังมี Library Loft ห้องสมุดพร้อมมุมทํางานบริเวณชั้นลอยด้วย รวมถึง Naturalux Pool สระว่ายน้ำพร้อมระบบจากุซซี่ หรือ Exclusive Gym ห้องออกกําลังกายพร้อมอุปกรณ์ครบครัน ชมพระอาทิตย์ตกดินที่เส้นขอบฟ้าใจกลางสุขุมวิทบน Sky Garden ชั้นสูงสุด สวนดาดฟ้าเพื่อการพักผ่อนพร้อม พื้นที่สําหรับกิจกรรมสังสรรค์ต่าง ๆ




Floor Plan ชั้นส่วนกลาง
Typical Floor Plan โซนชั้นเตี้ย…จะเห็นว่านอกจาก Private Lift แล้วก็จะมี Lift ส่วนกลาง 1 ตัวครับ
ส่วน High Zone ก็จะมีพวกห้องใหญ่ๆแบบสามนอน – Penthouse ครับ
ห้องนี้สุดอ่ะครับ Triplex 3 ชั้น 19 – 21 ทั้งตึกมีแค่สองห้อง 206.44 ตรม.!!!
โครงการน่าสนใจโครงการอื่นๆในปีนี้ของ Siamese Asset
ภายในงานแถลงข่าวทางคุณขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ได้ให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการเปิดตัวโครงการอื่นๆในปีนี้ได้แก่ Siamese สาทร เจริญราษฎร์ / Siamese อ่อนนุช/ Siamese Queen ด้วยเช่นกัน ซึ่งผมค่อนข้างจะสนใจโครงการ Siamese สาทร เจริญราษฎร์เป็นพิเศษครับ…โครงการนี้ทาง Siamese Asset เพิ่งควักเงิน 500 ล้านบาทมาซื้อที่ดินเมื่อไม่นานมานี้ ตั้งอยู่บริเวณถนนเจริญราษฎร์ใกล้ถนนสาทรชนิดที่ว่าลงมาจากทางด่วน ก็จะเจอเลย และอยู่ห่างจาก BTS สถานีสุรศักดิ์ประมาณ 900 เมตร… คุณขจรศิษฐ์บอกว่าโครงการนี้จะขายแบบจัดเต็ม Fully Furnished ในราคาตรม.ละ 68,000 บาท สำหรับห้องที่มีขนาดเริ่มต้นที่ 35 ตรม.
สิ่งที่พิเศษก็คือโครงการ Siamese สาทร เจริญราษฎร์ มีพื้นที่โครงการ 7 ไร่ 1 งาน มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท (พื้นที่ขาย 50,000 ตรม)…จริงๆสามารถใช้ FAR ได้ 1-8 แต่ทางโครงการเลือกที่จะสร้างเพียงแค่ FAR 1-5 เป็นตึก Low rise 8 ชั้น จำนวน 5 ตึก (เป็นคอนโด 4 ตึกประมาณ 700 ยูนิต และ Condo Office 1 ตึกครับ) โดยจะสร้างเป็นคอนเซปท์เดียวกับโครงการสุดฮิตในการปล่อยเช่าชาวญี่ปุ่นอย่าง Siamese Gioia (แสดงว่าชั้น Ground จะเป็นห้อง type duplex และก็จะมีห้อง penthouse ที่มี rooftop access แน่นอนครับ ว้าวๆๆๆๆ) แต่โครงการนี้น่าจะเปลี่ยนเป็นจับกลุ่มลูกค้าคนจีนแทนครับ เนื่องจากว่าทางคุณขจรศิษฐ์ เตรียมที่จะเปิดขายในวันที่ 1 ตค. นี้ซึ่งเป็นวันชาติจีนครับ!!! ไม่ต้องแปลกใจครับเพราะว่าโครงการนี้ถูกนักลงทุนชาวจีนเหมาซื้อไปแล้วถึง 2 ตึก 1,200 ล้านบาท (ประมาณ 40% ของโควต้าต่างชาติทั้งหมด)
ทาง Siamese Asset เล็งเห็นถึง supply ที่ค่อนข้างขาดแคลนสำหรับตลาด Condo Office ใจกลางเมืองครับ…ถึงได้แยกตึก Condo Office ไว้อีกตึกนึงในโครงการ… โดยคุณขจรศิษฐ์ได้เล่าถึง case ของส่วน Condo Office ที่โครงการ Siamese ราชครูว่าขายดีมากจนตอนนี้เหลือเพียงแค่ห้องสุดท้าย นอกนั้นต้องไปหาเช่าต่อ หรือไม่ก็ซื้อรีเซลกันเอาเอง…และ feedback ในการบริหารส่วนกลางของทาง Siamese Asset ค่อนข้างดี ลูกบ้านส่วนใหญ่ค่อนข้างพอใจในการดูแลรักษาส่วนกลางของนิติบุคคลฯ โดยราคาขายของส่วน Condo Office ก็จะเริ่มต้นเท่ากันกับคอนโดคือตรม.ละ 68,000 บาท (ซื้อแบบ bareshell ก็ได้นะครับ โดยที่ราคาจะถูกลงอีก!!!) มีขนาดตั้งแต่ 30 – 70 ตรม. สามารถ combined ห้องได้
ส่วนโครงการ Siamese อ่อนนุช ซื้อที่ดินมาในราคา 400 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ถนนสุขุมวิท เยื้องๆกับทางเข้าถนนอ่อนนุช ลงจากสะพานข้ามคลองพระโขนงจะอยู่ทางขวามือข้างๆคอนโด Diamond สุขุมวิท มูลค่าโครงการประมาณ 1,400 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยตรม.ละ 120,000 บาท สำหรับห้องขนาด 45 ตรม. คาดว่าจะเปิดขายปีหน้า
ส่วนโครงการสุดท้ายที่รอมานานถึง 3 ปีคือ Siamese Queen ติดรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีศูนย์สิริกิต์ มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท บนพื้นที่ 2 ไร่ กลับมาขายพร้อมกับความสูง 35 ชั้น ประมาณ 300 ยูนิต ขายราคาเฉลี่ยที่ตรม.ละ 130,000 – 140,000 บาท พร้อมเปิดขายปลายปีนี้ หรืออย่างช้าสุดต้นปีหน้า
….พิเศษกับการเป็นเจ้าของห้องชุดของโครงการไซมิส เอ๊กซ์คลูซีพ จองสิทธิ์ 50,000 บาท เพื่อรับสิทธิ์เข้าเลือกห้องเลือกห้องชุด ทำเลสวยก่อนใครในงาน Exclusive Day สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 08-9202-1411 และ
09-3584-1411 หรือ www.siameseasset.co.th
บริษัท ไซมิส แอสเสท ก่อตั้งขึ้นในปี 2553 โดยกลุ่มบริษัทฤทธา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญในงานรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ในไทย ด้วยประสบการณ์ยาวนานถึง 26 ปี โดยไซมิสฯ ได้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยย่าน CBD อย่างมาก อาทิเช่น Siamese Gioia, Siamese Thirty-Nine, Siamese Ratchakru, Siamese Nanglinchee, Siamese Blossom@Fashion เป็นต้น








