ASHTON Asoke – Rama 9

  

แอชตัน อโศก-พระราม 9


ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาหากใครได้มีโอกาสผ่านไปมาที่บริเวณย่าน new CBD สี่แยกพระรามเก้า ย่อมไม่พลาดที่จะหยุดจ้องมองมายังอาคารแฝดสีดำสูงตระหง่าน โดดเด่น แตกต่าง ดึงดูดสายตาจากตึกโดยรอบ ที่พร้อมจะมาเป็น The New Iconic Building แห่งใหม่ในย่านพระรามเก้านับแต่นี้ต่อไป กับ ASHTON Asoke - Rama 9 (แอชตัน อโศก - พระรามเก้า)

เกริก บุณยโยธิน เมื่อ 5 October, 2020 เวลา 11.41 am

Prop score™: 4.1

คะแนนรีวิว: 0.0

0 รีวิว


ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา



    ข้อมูลโครงการ

ชื่อโครงการ

ASHTON Asoke - Rama 9

บริษัทผู้สร้าง

Ananda Development PLC

สถานที่

ถนนอโศก-ดินแดง

สถานีรถไฟ BTS

-

สถานีรถไฟใต้ดิน

MRT พระราม 9 Distance 230 m.

Airport Rail Link

-

สถานี BRT

-

พื้นที่

3-3- 77 ไร่

ชั้น

Building ALPHA 46 ชั้น, Building OMEGA 50 ชั้น

ยูนิต

ALPHA 1 อาคาร 46 ชั้น รวม 353 ยูนิต ห้องเพื่อการพาณิชย์ 4 ยูนิต, OMEGA 1 อาคาร 50 ชั้น รวม 240 ยูนิต ห้องชุดเพื่อการพาณิชย์ 2 ยูนิต

ที่จอดรถ

396 คัน

ลิฟท์

Building ALPHA 3 ตัว และ Service Lift 1 ตัว, Building OMEGA 3 ตัว และ Service Lift 1 ตัว

สิ่งอำนวยความสดวก

Building Alpha: Swimming Pool, Jacuzzi, Fitness, Changing Rooms & WC, Sauna Room, Boxing*, Bike Simulator*, Functional Training Studio*, Sky Social Club, Balcony - Building Omega: Swimming Pool, Jacuzzi, Fitness, Changing Rooms & WC, Steam Room, Yoga Room**, Massage Room**, Cinema Room**, Co-Kitchen**, Co-Working Space, Balcony


    ประเภทยูนิต

ประเภท

CONDO/คอนโด High Rise/Luxury Condo

studio

-

1 bedroom

31.5- 49.50 ตร.ม., 1 bedroom plus 40.5 – 56 ตร.ม.

2 bedroom

58 – 114 ตร.ม.

3 bedroom

-

Duplex

-

Penthouse

120 – 175.5 ตร.ม.

ประเภทอื่นๆ

-

ความสูงจากพื้นถึงเพดาน

2.85 เมตร

ราคาเริ่มต้น / ตรม.

240,000 บาท/ตร.ม.

ราคาเริ่มต้น / ยูนิต

7.59 ล้านบาท

ค่าส่วนกลาง

85 บาท/ตร.ม./เดือน

Sinking Fund fee

1,000 บาท/ตร.ม.

สร้างเสร็จ

2020

เว็บไซต์

http://www.ananda.co.th/register/ashton-asoke-rama9/

02-316-2222


เพื่อนบ้าน Street View


รีวิวตึกจริง ASHTON Asoke – Rama 9 คอนโดหรูที่เป็น The New Iconic แห่งแรก และแห่งสุดท้าย บนหัวมุมสี่แยกพระรามเก้า

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาหากใครได้มีโอกาสผ่านไปมาที่บริเวณย่าน new CBD สี่แยกพระรามเก้า ย่อมไม่พลาดที่จะหยุดจ้องมองมายังอาคารแฝดสีดำสูงตระหง่าน โดดเด่น แตกต่าง ดึงดูดสายตาจากตึกโดยรอบ ที่พร้อมจะมาเป็น The New Iconic Building แห่งใหม่ในย่านพระรามเก้านับแต่นี้ต่อไป กับ ASHTON Asoke – Rama 9 (แอชตัน อโศก – พระรามเก้า) โครงการที่ไม่เพียงแต่ตั้งอยู่บน Super Prime Area แต่ยังตั้งอยู่บนจุดศูนย์กลางของทำเลอย่างบริเวณหัวมุม ซึ่งทางอนันดามองว่าเป็น Blue Chip Location ซึ่งไม่อาจจะหาที่หัวมุมสี่แยกใหญ่เพื่อพัฒนาคอนโดแบบนี้ได้อีกแล้วในย่าน inner CBD

ASHTON Asoke – Rama 9 มีความเป็น The New Iconic ที่ครบทุกองค์ประกอบ 4 ถึงมิติ ไม่ว่าจะเป็น Location, Building, Facilities และ Living ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต และการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเมืองให้ดีขึ้น

Iconic Location กับทำเลที่ตั้งโครงการที่ตั้งอยู่บน Prime Location ของแยกอโศก – พระราม 9 ที่ถือว่าเป็น Golden Corner แห่งหนึ่งของกรุงเทพ ทำให้ผู้พักอาศัยได้ใช้ชีวิตอยู่บนพื้นที่ที่มีศักยภาพทั้งการใช้ชีวิตเมือง และศักยภาพด้านมูลค่า “Blue Chip Location”

Iconic Building กับการออกแบบตึกคู่ภายใต้แนวคิด Alpha & Omega ตัวอาคารถูกออกแบบให้มีเอกลักษณ์การออกแบบด้านสถาปัตยกรรม โดดเด่น ดึงดูดสายตา ไม่เหมือนใคร เสมือนดั่ง Sculpture ของเมือง ที่สร้างความสวยงามให้กับ Skyline ของเมือง และยังสามารถสะท้อนตัวตนและสร้างความภูมิใจให้กับผู้อยู่อาศัยได้อีกด้วย

รวมทั้งการออกแบบการจัดวางอาคารแบบเฉียง 45 องศากับตัวถนน ทำให้ภายในห้องพักอาศัยเปิดรับวิวที่ดีที่สุดของแต่ด้านของโครงการ ทำให้ไม่รู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางคอนโดหลายสิบโครงการ หลายพันยูนิต

Iconic Facility การออกแบบส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน และกระจายอยู่ทั่วโครงการทั้ง 2 อาคาร ให้คุณได้เลือกใช้ได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น สวน The O Plaza ด้านหน้าโครงการ ที่ออกแบบให้เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนหลากหลายมุม fitness  สระว่ายน้ำที่ยื่นออกจากตัวอาคาร 6 เมตร 2 สระ theatre co-living co-kitchen เป็นต้น

Iconic Living ตอบโจทย์การใช้ชีวิตเมืองได้ครบทุกโหมดการใช้ชีวิต ให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ 24 ชม. และรูปแบบการใช้ชีวิตแบบ New Normal ที่เพิ่มความมั่นใจให้คุณไร้กังวลจาก Covid-19 ด้วยระบบไร้สัมผัสในการเข้าพื้นที่อาคาร และการใช้พื้นที่ส่วนกลางที่ออกแบบให้มีระยะห่าง รวมถึงมาตรการรองรับมาตรฐานด้านสุขอนามัยต่างๆ

เช่นเดียวกับ การออกแบบให้ทุกห้องเป็นห้องหัวมุม มีเลย์เอ้าท์เป็นร้อยแบบให้เลือกว่าจะเป็นหัวมุมที่ Living หรือห้องนอน มี Open Atrium พร้อม  Atrium Ventilation Corridor ที่มากกว่า Single Loaded Corridor ทั่วไป เพื่อมอบคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า

ดังนั้นจึงพูดได้ว่าที่นี่คือ The New Iconic และเป็น Luxury Condo ที่มีความโดดเด่น แตกต่างจากคอนโดรอบข้างและแบรนด์ Ashton อื่นๆอย่างเห็นได้ชัด

 

นอกจากตัวอาคารแล้ว พื้นที่ส่วนกลางก็ยังตอกย้ำความเป็น Luxury Iconic Residences กับพื้นที่ Public green space แห่งเดียวใจกลางหัวมุมถนนพระราม 9 ที่จะช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้กับโครงการและพื้นที่รอบโครงการ บริเวณด้านหน้าทางเข้าโครงการติดหัวมุมแยกพระราม 9 ที่ออกแบบ The O Plaza ด้วย O seating คือมุมพื้นที่นั่งที่ลดระดับพื้นเพื่อให้เกิดพื้นที่ส่วนตัวในการใช้งานในแต่ละมุม ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวและร่มเงาของต้นไม้

รวมทั้งมีการออกแบบที่สามารถเป็นพื้นที่รองรับน้ำของโครงการได้ด้วย อีกทั้งยังเชื่อมไปกับพื้นที่ร้านค้าที่ชั้น 1 เป็น City Oasis & Urban Lifestyle Retail อีกด้วย

และที่สำคัญคือนำลูกเล่นของลำรางสาธารณะเดิม ระหว่าง Tower A และ Tower B มาออกแบบเป็น The Green Ditch คือพื้นที่จุดรับน้ำฝนและ Run off ประจำโครงการด้วยการปรับคืนสภาพพื้นที่ให้เป็นคลองเดิม

นอกจากพื้นที่สีเขียวหน้าโครงการที่จัดเต็มแล้ว ยังมี Green Stack Garden คือการนำประโยชน์ของหลังคาที่ถูกร่นระยะตามกฎหมาย มาใช้เป็นส่วนของพื้นที่สีเขียว เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับอาคารทั้งมุมมองจากภายนอก เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีและเพิ่มพื้นที่ใช้งานให้กับผู้อาศัยภายในอาคาร

 

Ashton Asoke – Rama9 หันหน้าโครงการออกสู่ทิศเหนือ เป็นถนนพระรามที่ 9 ซึ่งมีสวนติดหัวมุมแยก และทางเข้าออกโครงการที่ถนนเส้นนี้ มีชื่อเรียกอาคารคือ The Omega อยู่ติดทางเข้าโครงการ จะมีความสูงอยู่ที่ 50 ชั้น สูงกว่า The Alpha ที่สูง 46 ชั้น อยู่ติดด้านถนนอโศก ที่มีทางเข้าออกเป็นทางเดิน

ชั้น Basement , ชั้น 3-8 ของตึก The Alpha เป็น Automatic parking

ส่วนตึก The Omega อยู่ที่ชั้น 3-11

Facilities หลักของโครงการอย่างฟิตเนส สระว่ายน้ำ ถูกยกขึ้นไปอยู่ที่ชั้น 40-41 และ Roof Deck ที่ชั้น 46 ที่ตึก The Alpha

 

ส่วนตึก The Omega อยู่ที่ชั้น 41-42 ที่ตึก และ Roof Deck ที่ชั้น 50 สูงพอให้หลบหลีกความวุ่นวายจากท้องถนน ได้พักผ่อนอย่างส่วนตัว แต่ยังได้วิวเมืองที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของที่นี่

โดยพื้นที่ส่วนกลางทั้งสองอาคาร  มีการตกแต่ง mood & tone แตกต่างกันโดยตึกThe Alpha ตกแต่งด้วยสีโทนดำๆ เทาๆ ดูหนักแน่น แข็งแกร่งแบบผู้ชาย มีความเป็น masculine

มากกว่าตึก The Omega ที่จะเน้นสีคู่ตรงข้ามอย่างสีขาว ทอง ที่ดูสว่างๆ ดูอ่อนโยน หรูหราแบบผู้หญิง

ผู้อยู่อาศัยสามารถเข้าใช้งานได้ทั้งสองอาคาร ด้วยระบบคีย์การ์ดเพื่อความปลอดภัย

รวมทั้งลิฟท์ล็อคชั้น

โดยที่ชั้น G ของทั้งสองอาคารเป็นพื้นที่ Lobby ที่มีพื้นที่นั่งพักผ่อน หรือเป็นที่พักรอสำหรับคนมาติดต่อประสานงานลูกบ้าน (ในภาพเป็นตึก The Alpha)

(ตึกThe Omega)

แต่ละอาคารมีพื้นที่ mail box และนิติบุคคลแยกสำหรับลูกบ้านแต่ละตึก

(ตึก The Alpha)

(ตึกThe Omega)

ส่วนกลางแต่ละอาคารมีความแตกต่างกันในเรื่องของ function ดังนี้

ที่ตึก The Omega ส่วนกลางที่ชั้น 41 แบ่งพื้นที่เป็นภายในอาคารและภายนอกอาคาร

ภายนอกอาคารประกอบด้วย สระว่ายน้ำ ที่มากับคอนเซป Double panoramic Pool ที่ถูกออกแบบให้ยื่นออกจากตัวอาคาร 6 เมตรเป็นรูปทรงแหลมยื่นไปในอากาศ ทำให้ได้บรรยากาศที่น่าตื่นเต้นกับขอบสระแบบ infinity edge swimming pool เหมือนกับเราได้ว่ายน้ำอยู่ในสระที่ลอยอยู่กลางอากาศจริงๆ มาพร้อมกับ function ที่ครบครันทั้ง Day bed, Jacuzzi

พร้อม Relaxing deck มุมชมวิวเมืองเหนือสระ

และมีมุมห้อง private yoga สำหรับจ้าง yoga trainer ส่วนตัวมาให้บริการ

แถมยังมีวิวสระว่ายน้ำ และวิวแยกพระราม 9 เป็นฉากหน้าสำหรับพักสายตาเวลาใช้งานได้โดยรอบห้อง

มีห้องน้ำและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า พร้อมห้อง stream แยกชายหญิง

ที่ชั้น 42 เชื่อมกันด้วยบันได และลิฟท์

ส่วนกลางชั้นนี้เน้นกิจกรรมเชิง passive

อย่าง พื้นที่ CO-WORKING SPACE

ที่มีมุมให้นั่งทำงาน หลากหลายมุม หลากหลายสไตล์ ทั้งโต๊ะประชุม ชุดโซฟา หรือเก้าอี้บาร์

ที่โอบล้อมด้วยวิวเมือง 180 องศา

ติดกันเป็น CO-KITCHEN ที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อน สามารถเปิดเชื่อมเป็นพื้นที่เดียวกันกับ CO-WORKING SPACE ได้

โดยที่ CO-KITCHEN มีพื้นที่ pantry ไมโครเวฟ อ่างล้างจาน เคาท์เตอร์เตรียมอาหาร พร้อมตู้เย็น ไว้ให้บริการ

 

 

รวมทั้งโต๊ะทานอาหาร ที่สามารถปิดเป็นพื้นที่จัด party ในวันสำคัญๆ ได้

และที่ชั้นนี้ยังมี massage room ที่สามารถเรียกใช้บริการแบบส่วนตัวๆ โดยไม่ต้องเดินทางไปถึงร้าน

รวมทั้งใครที่ชอบดูหนัง ก็มีห้อง Theatre ไว้ให้ใช้บริการ เปิดหนังเรื่องโปรดไว้ดูกับครอบครัวได้

ส่วนที่ตึกThe Alpha พื้นที่ส่วนกลางมีขนาดสัดส่วนพื้นที่จะเล็กกว่าที่ตึกThe Omega เล็กน้อย แต่ก็มีการใช้งานที่อัดแน่นครบครัน อาทิ

 

ที่ชั้น 40 เป็นพื้นที่สระว่ายน้ำ ที่ยื่นออกจากตัวอาคาร 6 เมตร ได้บรรยากาศที่น่าตื่นเต้นกับขอบสระแบบ infinity edge กับวิว Double panoramic Poolเหมือนกับเราได้ว่ายน้ำอยู่ในสระที่ลอยอยู่กลางอากาศ และ jacuzzi, Day bed

พร้อม Relaxing deck ที่สามารถใช้ชมวิวเมืองเหนือสระได้

ภายในอาคารเป็น fitness room ที่เน้นเครื่องเล่นสำหรับออกกำลังกายได้ครบทุกสัดส่วน

ที่โอบล้อมด้วยวิวสวนและวิวสระ

และที่ห้องน้ำและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ตึกนี้ ด้านในเป็น SAUNA แยกหญิงชาย

ส่วนที่ชั้น 41 ชั้นนี้จะต่างกับที่ตึก The Omega ที่เน้นกิจกรรม passive แต่ตึกThe Alpha จะเน้นพื้นที่สำหรับกิจกรรม active อย่าง social club ที่ไว้นั่งพูดคุย เอกเขนก ประชุม หรือใช้งานแบบไม่เป็นทางการ

พร้อมห้อง Boxing ที่มีอุปกรณ์ต่างๆไว้รองรับการใช้งาน

ติดกันเป็นห้อง Bike Simulator

ที่มีอุปกรณ์รองรับมากถึง 8 ตัว

และ Functional Training ที่เปิดไว้เป็นห้องว่างๆ ไว้ปรับใช้งานตามความต้องการของลูกบ้าน อาทิ คลาสซุมบ้า คลาสเต้น เป็นต้น

เรียกว่าเป็นส่วนกลางที่ออกแบบมาอย่างครบครัน ครอบคลุมทุกความต้องการ ทุกกิจกรรมที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งเป็นการเล่นระดับพื้นที่ใช้งานกับมุมมอง ที่ยังสามารถเชื่อมโยงทางสายตา และเปิดรับกับวิวเปิดโล่งที่ทิ้งระยะห่างจากตึกโดยรอบในระยะที่โปร่ง โล่ง ไม่รู้สึกอึดอัด เหมาะสำหรับการใช้งานเป็นพื้นที่พักผ่อนอย่างแท้จริง

 

ในส่วนของพื้นที่พักอาศัย ตึก The Alpha เริ่มที่ชั้น 10-38 และ 42-43 ส่วนที่ตึกThe Omega เริ่มที่ชั้น 12-39 และ 43-47 โดยการออกแบบแปลนอาคารมีการออกแบบตามคอนเซปท์ Atrium Ventilation Corridor คือการออกแบบโถงทางเดินระหว่างทางไปห้องพักภายในอาคาร ให้มี Atrium โถงโล่งต่อเนื่องกันทุกๆ 10 ชั้น เพื่อเพิ่มการถ่ายเท ระบายอากาศ และเพิ่มความโปร่งโล่ง สร้างภาวะน่าสบายให้กับอาคาร

ส่วนรูปแบบห้อง ออกแบบภายใต้แนวคิด All Corner Window unit with bay window คือ ห้องพักทุกห้องเป็นห้องมุมทุกห้อง เพื่อเพิ่มพื้นที่หน้าต่างและเปิดมุมมองสู่ภายนอก รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มพื้นที่การหมุนเวียนถ่ายเทอากาศภายในห้อง และช่วยนำแสงธรรมชาติมาสู่ชีวิตประจำวัน ซึ่งจากการออกแบบให้ทุกห้องเป็นห้องมุม ทำให้มี detail ห้องทั้งสองตึกที่แตกต่างกัน

 

ห้องตัวอย่างที่โครงการจริง ที่ตกแต่งให้พร้อมเข้าชม มี 3 ห้อง ตั้งอยู่ที่ตึก The Alpha ชั้น 20 ที่ด้านหน้ามี Atrium Ventilation Corridor

โดย Ashton Asoke-Rama9 ขายแบบ Fully fitted ให้ครัว ห้องน้ำแบบห้องตัวอย่าง ให้ม่านตาม spec ของโครงการ และแอร์ VRV Inverter พื้นห้องปูด้วย engineered wood ปูกระเบื้องบริเวณครัว แยกพื้นที่ใช้งาน

ห้องแรกคือห้อง Type B9 ขนาด 38.5 Sq.m. ห้องเลขที่ 469/152 ห้องนี้ราคาขายอยู่ที่ประมาณ 7 ลบ.

เป็นห้องที่อยู่ตำแหน่งติดสวน มีพื้นที่เข้าออกอยู่ด้านหลังผนังโถง Atrium Ventilation Corridor และติดทางหนีไฟ

โดยพื้นที่ living & dinning area แบ่งพื้นที่ติดประตูทางเข้า เป็นครัว ที่โครงการให้ครัว built-in ติดผนังด้านขวาของทางเข้า

Top เคาท์เตอร์ครัวโครงการปูเป็น composite quartz เจาะช่องฝังเตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว พร้อมที่ดูดควัน และอ่างล้างจาน

ด้านบนและด้านล่างเคาท์เตอร์เป็นตู้และลิ้นชักเก็บอุปกรณ์ทำครัว พร้อมผนัง backsplash

สำหรับห้องนี้ตู้เย็นต้องนำมาวางที่ผนังฝั่งตรงข้ามเคาท์เตอร์ครัว

ติดกันเป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้า ที่โครงการให้บานเปิดปิดมาเพื่อความเป็นระเบียบ

และอีกฝั่งเป็นทางเข้าห้องน้ำที่เป็น double access สามารถเข้าได้ทั้งจากบริเวณครัวและภายในห้องนอน

 

ถัดจากพื้นที่ครัวเป็นส่วนของ living area ที่สามารถวางโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งในโซนติดครัว

ถัดเข้าไปเป็นพื้นที่สำหรับวางชุดโซฟา 2-3 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง และชั้นวางทีวีที่ผนังปลายสุดของห้อง

ด้านผนังซ้ายมือ มีพื้นที่กว้างพอให้วางโต๊ะทำงาน ชั้นวางหนังสือ/ของ

ติดกันเป็นทางเข้าห้องนอน กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน

ติดทางเข้าเป็นประตูทางออกระเบียง ที่มีขนาด compact แยกการใช้งานและที่วางคอมแอร์แบบแขวนผนัง

ภายในห้องนอนเปิดรับด้วยกระจกเข้ามุมบานสูงเกือบ 2.8 เมตร ตามความสูงของห้อง

พื้นที่ห้องนอนกว้างพอให้วางเตียง queen size พร้อมโต๊ะหัวเตียง แต่ถ้าใครชอบเตียงใหญ่อาจเพิ่มขนาดเตียงได้แต่พื้นที่รอบเตียงอาจเหลือน้อยลง

หัวเตียงสามารถวางติดผนังทึบ เปิดมุมมองขณะนอนกับกระจกเข้ามุม เชื่อมวิวเมืองให้ได้นอนชมวิวในทุกค่ำคืน

ด้านซ้ายของเตียง เป็นทางเข้าห้องน้ำจากภายในห้องนอน ที่มีพื้นที่ไว้ตั้งตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง เป็นพื้นที่แต่งตัวที่เป็นสัดส่วน

ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ส่วนแห้งติดทางเข้า และพื้นที่ส่วนเปียกด้านใน กั้นแบ่งพื้นที่ใช้งานด้วย glass shower บานผลัก

พื้นที่ส่วนแห้ง โครงการให้อ่างล้างหน้าลอยตัว พร้อมกระจกบานใหญ่ และโถสุขภัณฑ์ พร้อมที่วางอุปกรณ์ใช้งาน

พื้นที่ส่วนเปียกโครงการให้ rain shower แบบติดเพดาน และ hand shower ติดผนัง พร้อมที่วางอุปกรณ์อาบน้ำ

โดยสรุปแล้วห้องนี้เป็นห้องทรงลึก ได้บรรยากาศของความเป็นห้องพัวมุมบริเวณห้องนอน มี function รองรับการใช้งานครบครัน และน่าจะเหมาะกับคนที่ชอบห้องนอนเปิดโล่ง กับกระจกเข้ามุม ที่สามารถนอนดูวิวยามค่ำคืนได้ทุกๆ คืน

 

แต่ถ้าใครยังไม่ถูกใจ ก็อาจเพิ่มขนาดห้องและงบประมาณขึ้นอีกนิด กับห้อง Type B7 ขนาด 40 Sq.m. เลขห้อง 469/150 ราคาอยู่ที่ประมาณ 9 ลบ.

โครงการให้ digital door lock ของ YALE

ห้องนี้เป็นห้องหน้ากว้างขึ้นมาอีกนิด ทุกห้องติดอากาศ แบ่งพื้นที่ใช้งานเป็น dinning & sky living area ที่ด้านขวาของยูนิต เปิดมุมมองในแบบห้องหัวมุมที่บริเวณพื้นที่ Sky Living โดยมีห้องนอนที่ด้านซ้ายของยูนิต

เมื่อเปิดเข้าสู่ภายในห้อง จะเป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้า

ที่ยาวเชื่อมพื้นที่ dinning เชื่อมต่อไปกับพื้นที่ living เข้ามุมเปิดรับวิวภายนอก

พื้นที่ส่วนแรกเป็นครัว ที่โครงการให้ครัว built-in ติดผนังด้านขวาของทางเข้า

Top เคาท์เตอร์ครัวโครงการปูเป็น composite quartz เจาะช่องฝังเตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว พร้อมที่ดูดควัน และอ่างล้างจาน

ด้านบนและด้านล่างเคาท์เตอร์เป็นตู้และลิ้นชักเก็บอุปกรณ์ทำครัว พร้อมผนัง backplash

ปลายสุดเคาท์เตอร์เป็นที่วางตู้เย็น

ถัดจากครัวเป็นพื้นที่ living ที่สามารถวางโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งติดพื้นที่ครัว

ถัดไปปลายสุดของยูนิต เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนที่มาพร้อมกับกระจกเข้ามุม

กว้างพอให้วางชุดโซฟา 3-4 ที่นั่งพร้อมโต๊ะรับแขกหันออกไปทางกระจกเข้ามุม

สามารถนั่งดูทีวีและชมวิวได้ในเวลาเดียวกัน

และมีพื้นที่มากพอให้ตั้งโต๊ะทำงานหันไปทางวิวเมือง

ด้านซ้ายของยูนิตเป็นห้องนอน ติดทางเข้าเป็นทางออกระเบียง

ภายในห้องนอนกว้างพอให้วางเตียงqueen size พร้อมโต๊ะหัวเตียงติดริมหน้าต่างบานใหญ่ ที่เปิดมุมมองเชื่อมห้องนั่งเล่น

ผนังด้านซ้ายสามารถ built-in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง ขนานทางเข้าห้องน้ำ

ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ส่วนแห้งติดทางเข้า และพื้นที่ส่วนเปียกด้านใน กั้นแบ่งพื้นที่ใช้งานด้วย glass shower บานผลัก

พื้นที่ส่วนแห้ง โครงการให้อ่างล้างหน้าลอยตัวเหนือเคาท์เตอร์ พร้อมกระจกบานใหญ่ และโถสุขภัณฑ์ที่ด้านซ้าย

พื้นที่ส่วนเปียกที่ด้านขวาโครงการให้ rain shower แบบติดเพดาน และ hand shower ติดผนัง พร้อมที่วางอุปกรณ์อาบน้ำ

ห้องนี้น่าจะเหมาะกับคนเน้นพื้นที่ living ที่มีขนาดใหญ่กว่า type แรก และได้พื้นที่กระจกเข้ามุม เปิดรับกับวิวโดยรอบ และด้วยหน้าต่างบานสูง และโอบล้อมเป็น L shape ทำให้แสงส่องเข้าถึงในพื้นที่ รวมทั้งที่ห้องนอน ก็ยังได้กระจกบานใหญ่ติดอากาศ และมีพื้นที่ใช้งานเป็นสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น

 

 

หรือถ้าใครอยากพื้นที่เอนกประสงค์เพิ่มเติมก็น่าจะดูเป็นห้อง Type สุดท้ายที่โครงการตกต่างห้องตัวอย่างในพื้นที่จริงให้ชม คือ ห้อง Type B3 ขนาด 46 Sq.m. ห้องเลขที่ 469/142 ราคาประมาณ 10 ลบ.

เป็นห้องหน้ากว้าง Type ที่ได้พื้นที่ multi-function ทำให้พื้นที่ living & dinning เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ที่สามารถเปิดใช้งานร่วมกัน หรือแยกเป็นสัดส่วนได้ตามความต้องการ

ห้องนี้เปิดรับด้วย พื้นที่ช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้า หรือ built เป็นที่เก็บของหลังประตู

เชื่อมต่อกับช่องวางตู้เย็น และต่อด้วยพื้นที่ครัว built-in สูงจรดเพดาน

Top เคาท์เตอร์ครัวโครงการปูเป็น composite quartz เจาะช่องฝังเตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว พร้อมที่ดูดควัน และอ่างล้างจาน

ด้านบนและด้านล่างเคาท์เตอร์เป็นตู้และลิ้นชักเก็บอุปกรณ์ทำครัว พร้อมผนัง backplash

ถัดจากครัวเป็นพื้นที่ living area ที่กว้างมากพอให้วางโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งที่ปลายเคาท์เตอร์ครัว

ถัดเข้าไปเป็นส่วน living area เข้ามุมด้วยกระจกบานใหญ่ เปิดรับแสงธรรมชาติ ที่กว้างพอสำหรับโซฟา พร้อมโต๊ะกลาง 2-3 ที่นั่ง

และชั้นวางทีวี ติดหน้าต่างกระจก ไว้นั่งดูหนัง และพักสายตาไปกับวิวรอบตัวเป็นครั้งคราว

ปลายสุดของยูนิตเป็นห้องนอนที่มาพร้อมกับกระจกเข้ามุมบานใหญ่

ภายในห้องนอนกว้างพอให้วางเตียงqueen size พร้อมโต๊ะหัวเตียง

ให้นอนชมวิวเมือง พักสายตา กับวิวเมืองโดยรอบ และสวน The O Plaza ด้านล่าง

ติดหัวเตียงเป็นพื้นที่สำหรับมุมแต่งตัว ตั้งโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า เชื่อมต่อไปกับพื้นที่ทางเข้าห้องน้ำ

ติดหัวเตียงเป็นพื้นที่สำหรับมุมแต่งตัว ตั้งโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า เชื่อมต่อไปกับพื้นที่ทางเข้าห้องน้ำ

พื้นที่ส่วนแห้ง โครงการให้อ่างล้างหน้าลอยตัวเหนือเคาท์เตอร์ พร้อมกระจกบานใหญ่ และโถสุขภัณฑ์

พื้นที่ส่วนเปียกที่ด้านขวาโครงการให้ rain shower แบบติดเพดาน และ hand shower ติดผนัง พร้อมที่วางอุปกรณ์อาบน้ำ

และพื้นที่สุดท้ายของยูนิตนี้คือ ห้อง multi-function ที่อยู่ติดทางเข้า ตรงข้ามครัว

ที่มีพื้นที่กว้างพอให้เป็นห้องทำกิจกรรม ไม่ว่าจะห้องทำงาน ห้องหนังสือ หรือห้องกิจกรรมเฉพาะบุคคลตามความต้องการ ที่มาพร้อมกับประตูกระจกบานเลื่อน ให้ได้เปิดใช้งานเชื่อมต่อกับพื้นที่ครัวและliving หรือปิดเมื่อต้องการพื้นที่ใช้งานส่วนตัว

ห้องนี้จึงน่าจะเหมาะกับคนที่ต้องการพื้นที่ใช้งานเฉพาะกิจกรรม ต้องการแยกการใช้งานที่ชัดเจน เน้นพื้นที่ส่วนกลางของยูนิตขนาดใหญ่ และยังได้พื้นที่ห้องนอนเข้ามุมอีกด้วย

 

สรุปภาพรวม ASHTON Asoke – Rama 9: จะผ่านไปอีกกี่สิบปีก็หา Iconic Building นี้ บนสี่แยกพระรามเก้าไม่ได้!

เมื่อตอนที่ทางโครงการ ASHTON  Asoke – Rama 9 เปิดขายในช่วงแรกๆ ผมยังจำได้ดีว่าเคยถามทางทีมผู้พัฒนาโครงการว่าทำไมโครงการนี้จึงขายในราคาที่ค่อนข้างสูงกว่ามาตรฐานคอนโดทุกโครงการในย่านพระรามเก้า คำตอบที่ได้รับก็แน่นอนว่ามาจาก 2 ส่วนด้วยกันก็คือ 1. ค่าที่ดินที่แพงสมกับเป็นที่ตั้งที่เป็นจุดศูนย์กลางของย่านพระรามเก้า และ 2. ก็คือรู้ไหมว่าตึกนี้มันสร้างยากมากนะ มี Detail อะไรหลายๆอย่าง ที่ค่อนข้างท้าทายเทคโนโลยีในการก่อสร้าง ที่ทำให้ Cost ก่อสร้างค่อนข้างสูง ซึ่งหากว่าเป็น Developer รายอื่นทำให้มีหน้าตา และฟังก์ชั่นแบบนี้เป๊ะเลย ยังไงราคาขายก็ไม่หนีไปจากนี้…ซึ่งแน่นอนว่าในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัย บนทำเลที่เป็น Blue Chip Location แบบนี้ ดีเวลลอปเปอร์ทุกรายย่อมมี dilemma อยู่ในใจครับว่า ที่ดินที่ค่อนข้างหายาก ทรงคุณค่า อยู่บนหัวมุม Super Prime Area แบบนี้ จะให้พัฒนาโครงการที่มีราคาถูกไปเลย ก็คงทำให้ถูกกว่าโครงการรอบข้างไม่ได้ ดังนั้นทางออกจึงมีอยู่ 2 Choices ด้วยกันคือ จะเลือกพัฒนาแบบ Economy of Scale ทำคอนโดหน้าตาธรรมดา ยูนิตเยอะหน่อย ไม่มีส่วนกลาง ฟังก์ชั่นอะไรที่มันดูล้ำๆ ขายในราคาที่แพงกว่าชาวบ้านสัก 20% ก็พอแล้ว หรือจะเลือกพัฒนาโครงการที่ดูแหวกแนวจากอาคารข้างเคียง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนกัน เป็น Iconic Building ให้สมกับทำเลที่ได้มา วาง Positioning ให้ฉีกออกจากตำแหน่งของทุกคู่แข่ง แล้วขายในราคาที่สูงที่สุดของย่านนี้เลย เพราะยังไงการซื้อคอนโดของกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงในสมัยนี้ก็มักที่จะเลือกซื้อโครงการที่ match กับภาพลักษณ์ taste ของตัวเองอยู่แล้ว ที่สำคัญก็คือในย่านพระรามเก้าเอง ยังไม่มีโครงการคอนโดอะไรเลยที่สะท้อนภาพลักษณ์ของความหรูหรา มีดีไซน์ที่โดดเด่น แปลกตากว่าใคร เหมาะมากสำหรับบรรดาเหล่าเซเลป คนดังที่ชื่นชอบการถ่ายรูป หรือพาเพื่อนๆมาปาร์ตี้อัพโหลดรูปสวยๆกันบนสระแบบ Double Panoramic Pool ที่ยื่นออกจากตัวอาคาร 6 เมตร ให้ทุกคนในโลกอิจฉาเล่นๆ…เมื่อทางเลือกมาจบลงที่ข้อ 2 ดังนั้นเราจึงได้เห็นแบรนด์ระดับ Top of Hierarchy ของอนันดาอย่าง ASHTON มาลงที่หัวมุมสี่แยกพระรามเก้าแบบนี้ครับ

 

แน่นอนว่าการใช้แบรนด์ ASHTON ย่อมต้องมาพร้อมกับความเป็นหนึ่ง ที่มักจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับตลาดในทุกๆครั้งที่เปิดตัวแบรนด์ ASHTON ทั้ง ASHTON Sukhumvit 38, ASHTON Asoke, ASHTON Chula – Silom, ASHTON Residences 41, ASHTON Silom และตัวล่าสุดคือ ASHTON Asoke – Rama 9 ที่รวบรวมเอาความเป็นที่สุดของทุกด้านเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งเรื่องของงานดีไซน์ ฟังก์ชั่นการใช้งาน พื้นที่ส่วนกลางแบบล้ำๆ รวมไปถึงที่ตั้งของโครงการที่มักจะอยู่ในจุดที่โดดเด่นที่สุดเหนือโครงการใกล้เคียง ให้ผู้ที่ได้อยู่อาศัยที่นี่ได้มีสุนทรียะแห่งการอยู่อาศัยที่ไม่เป็นสองรองใคร

 

ASHTON Asoke – Rama 9 (แอชตัน อโศก–พระราม 9) คือคอนโดระดับ Luxury Iconic Residences แห่งแรกและแห่งเดียวในแยก ที่มาพร้อมสโลแกนประจำตัว “The Alpha and Omega” ที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์อันเป็นที่หนึ่งของ ASHTON Asoke – Rama 9 ตึกแฝดรูปทรงสุดล้ำสมัย แต่แฝงไว้ซึ่งสุนทรียภาพแห่งการใช้ชีวิตเหนือระดับ ที่ไม่ว่าใครก็ต่างถวิลหา บ่งบอกถึงความเป็นนิรันด์ของตึกทั้งสอง อันสื่อถึงจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุด เพื่อนำมาใช้ในการออกแบบตัวอาคาร ที่ออกแบบงานสถาปัตยกรรมโดย A49 ซึ่งเป็นดีไซน์ล่าสุดที่ไม่เคยนำมาใช้กับโครงการอื่น เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับแบรนด์ ASHTON ความเป็น The First & The Last ของ ASHTON Asoke – Rama 9 ถูกถอดรหัสออกมา ด้วยการวางตัวอาคารเป็นตึกคู่ สะท้อนสัจจะวัสดุผ่านโทนสี และการคัดเลือกวัสดุในการก่อสร้างและตกแต่ง มีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ที่ชั้นบนของทั้งสองอาคาร นับเป็นโครงการแรกที่มีส่วนกลางอยู่บนชั้นสูงที่สุดในย่านพระรามเก้า และยังมีจุดเด่นที่ห้องพักทุกห้องเป็นห้องมุม ที่มาพร้อม Bay Window ทำให้ได้  Function แบบ 2 Style  “SKY LIVING ROOM ” และ “SKY BEDROOM” พร้อมมุมมองเปิดแบบ PANORAMIC  VIEW สูงสุด 270 องศา กับห้อง หน้ากว้างสูงสุด 13.5 เมตร ที่เปิดมุมมองสู่ทิวทัศน์เมืองภายนอก ได้มากที่สุด นอกจากนี้ยังมี Open Atrium โถงโล่งต่อเนื่องกันทุกๆ 10 ชั้นเพื่อถ่ายเทอากาศให้หมุนเวียนและสร้างสภาวะน่าสบายให้เกิดขึ้นภายในโถงอย่างมาก

 

ในขณะที่ผสานการออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม ที่ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด THE FIRST URBAN OASIS ON RAMA 9 โดยบริษัท T.R.O.P ที่เนรมิตรพื้นที่สวนมากกว่า 1 ไร่ภายในโครงการ พร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร โดดเด่นทั้งผู้ใช้ภายใน และโดดเด่นจากมุมมองภายนอก โดยเฉพาะ The O Plaza และ The Green Ditch เมื่อรวมกับพื้นที่ Retail Shop อีกเกือบ 1,000 ตรม.ที่อาคาร The Alpha (ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเป็นแบรนด์อะไร แต่มีกำลังดีลอยู่หลายราย และเป็นแบรนด์ระดับโลก) ยิ่งทำให้โครงการนี้มีจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ที่นอกเหนือจากทำเลที่ดีที่สุดอยู่แล้วมากมาย ที่พร้อมจะสร้างมูลค่าเพิ่มได้ต่อไปอีกมากเมื่อเวลาผ่านพ้นไป ไม่ต้องห่วงเรื่อง Exposure เลย เพราะอาคารนี้ยังไงก็ขายได้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องแปะป้ายโฆษณาที่อาคารด้วยซ้ำไป รับประกันได้เลยว่านี่จะเป็นอาคารที่จะต้องสะกดทุกสายตาของคนที่ผ่านไปมาในย่านนี้ได้ไปอีกนานแสนนาน…หากเปรียบเทียบกับแบรนด์ ASHTON ด้วยกันเอง ผมมองว่าที่นี่มีงานดีไซน์สถาปัตยกรรม เลย์เอ้าท์ห้องหัวมุม และโถงทางเดินที่ดีที่สุดในบรรดาทุกโครงการของ ASHTON ด้วยซ้ำไป!

สำหรับคนทั่วไปที่มีกำลังซื้ออยู่อย่างจำกัด ต้องใช้ Logic ในการเปรียบเทียบสเปค ราคา ความคุ้มค่าต่อตรม.ในแต่ละโครงการค่อนข้างเยอะ ที่นี่อาจจะไม่ได้เป็นตัวเลือกที่ใช่มากที่สุดสำหรับคุณ ในทางกลับกันหากคุณเป็นคนที่มองการเลือกซื้อคอนโดว่าเป็นการสะท้อนถึงสถานะทางสังคม และสุนทรียภาพในการอยู่อาศัย ที่มอบความภาคภูมิใจให้คุณทุกครั้งที่มีคนถามว่าคุณอยู่ที่ไหน ที่ ASHTON Asoke – Rama 9 ก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ไม่แพ้คอนโดหรูแห่งอื่นในย่านอโศก – สุขุมวิท, หรือทองหล่อ แต่อย่างใด โดยข้อแตกต่างก็คือจะได้ Unit Package ที่มีขนาดค่อนข้าง Compact กว่าคอนโดหรูในย่านไลฟ์สไตล์อื่นๆ เหมาะกับการซื้อไว้เพื่อเดินทางไปทำงาน หรือทำธุระใกล้ๆคอนโดในย่านอโศก – พระรามเก้า…ถ้าคุณมีงบประมาณไม่จำกัด และชอบที่จะใช้จ่ายเงินเพื่อปรนนิบัติตัวเอง และครอบครัวที่คุณรัก การมี ASHTON Asoke – Rama 9 ติดไม้ติดมือเอาไว้เล่นๆสักห้อง ก็เหมือนกับเป็นการซื้อ Millionaire Toys ราคาแพงที่แม้จะไม่ค่อยได้ใช้งาน แต่ก็มีคุณค่าต่อจิตใจ ต้องหามาเป็นเจ้าของให้ได้ ไม่งั้นเดี๋ยวจะคุยกับคนกลุ่มเดียวกันไม่รู้เรื่องครับ

และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของ ASHTON Asoke – Rama 9  โครงการที่เป็น The New Iconic เซกเมนท์ Luxury เพียงโครงการเดียวในย่านพระราม 9 จากอนันดา ที่พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของคุณให้เหนือกว่าใคร โดยโครงการสร้างเสร็จ พร้อมเข้าอยู่แล้ววันนี้ สามารถนัดหมายเพื่อเข้าชมโครงการ หรือลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษได้ที่ http://anan.ly/Propholic



เกริก บุณยโยธิน

เกริก บุณยโยธิน

ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ

เว็บไซต์


PropScore™ 4.1

SCORE:
0.0
From : 0 รีวิว


ยังไม่มีการให้คะแนนและ Comment โครงการนี้


NUE Ren Changwattana คอนโดใหม่ อยู่สบาย ใจกลางแจ้งวัฒนะ

Ren หากเป็นในภาษาญี่ปุ่น จะเป็นศัพท์ที่สื่อความหมายได้ทั้ง ดอกบัว ความสง่างาม แต่หากเป็นภาษาอังกฤษก็จะพ้องเสียงกับ Rain ที่สื่อถึงสายฝน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นความหมายใดก็เป็นคำที่สะท้อนภาพของการเป็นธาตุน้ำ อ่านต่อ

21 January, 2025



12 ปี กรุงเทพมหานครเปลี่ยนไปแค่ไหน?

เริ่มต้นปี 2025 กับเดือนมกราคมที่ใครหลายคนรู้สึกว่าเป็นเดือนที่ยาวที่สุด บทความต้นปีอย่... อ่านต่อ
20 January, 2025

EURO ยกระดับ Design District ใจกลางทองหล่อ เปิดตัว Poltrona Frau Monobrand Store แห่งใหม่! ส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้า

‘Poltrona Frau’ แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ระดับโลกจากประเทศอิตาลี นำเข้าโดย บริษัท ยูโร ครีเอชั... อ่านต่อ
20 January, 2025

นิว อีโว พัฒนาการ คอนโดฟีลบ้าน สเปซกว้าง เลี้ยงสัตว์ได้* ใกล้ทองหล่อ และรถไฟฟ้า 2 สาย เริ่ม 2.95 ล้าน*

ดูเหมือนว่าโครงการภายใต้แบรนด์ Nue (นิว) ในระยะหลัง เริ่มเข้ามาพัฒนาอยู่ในย่านใจกลางเมื... อ่านต่อ
15 January, 2025

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง