เมื่อช่วงต้นปี 2559 ที่ผ่านมา มีการเปิดตัวโครงการดีไซน์สุดเท่ห์ มีการออกแบบเฉียบคมลึกถึงรายละเอียดในย่านสุขุมวิทตอนกลาง ที่ได้เสียงตอบรับว่าเป็นโครงการที่มีความโดดเด่น ในแง่ของการให้ความสำคัญกับการออกแบบสถาปัตยกรรม ที่ช่วยฉายภาพอันชัดเจนในอัตลักษณ์ของแบรนด์ เพราะทาง Developer เองใส่ใจ เข้าถึงแก่นแท้ของคอนเซ็ปต์ เรื่องราวของแบรนด์ และลงรายรายละเอียดไว้ในโครงการไว้อย่างงดงาม โครงการ BEATNIQ จาก SC Asset คือโครงการดังกล่าว

อ่านรีวิวโครงการได้ที่นี่

BEATNIQ เอกลักษณ์ความสง่างามแห่ง MCM ที่เดียวใจกลาง Mid Sukhmvit

“เราอยากให้ได้อารมณ์เหมือนขับรถผ่านสุขุมวิท แล้วเห็นแต่ละคอนโดมีดีไซน์จัดๆ

พอมาถึง BEATNIQ ปุ๊ป จะเห็นความนิ่ง…นิ่งจนต้องหันมาดู”

– ป๊อก คบคงสันติ Designer Director บริษัท T.R.O.P. จำกัด ผู้ออกแบบ –

หลังจากที่ BEATNIQ เริ่มชิมลางในการเปิดขายแบบ Soft Launch ให้กับกลุ่มคนที่สนใจมาสักพัก จนสร้างยอดขายให้กับทาง SC Asset ได้พอสมควร และการก่อสร้างก็เริ่มต้นมาได้ราวๆครึ่งปีแล้ว ในที่สุดวันที่ 17-18 กันยายน นี้ก็ถึงคราวที่ BEATNIQ จะเปิดตัว Grand Opening อย่างเป็นทางการเสียที ภายใต้คอนเซปท์ “Less is Luxury” ที่ทาง SC Asset มั่นใจว่าจะช่วยตอกย้ำให้กลุ่มเป้าหมายเห็นถึงความแตกต่างที่ชัดเจนของแบรนด์ ท่ามกลางตลาดคอนโด Super Luxury ในย่านทองหล่อ ที่นับวันจะยิ่งมีการแข่งขัน แย่งชิงยอดขายกันอย่างดุเดือด

ถ้าหากจะพูดถึงความหรูหรา หลายคนอาจคิดว่าความหรูหราต้องเป็นสไตล์ Modern Classic  ที่เน้นสีทอง สีเงิน ใช้วัสดุแวววาว แต่ความหรูหราในสไตล์คนเมืองนั้น ไม่จำเป็นต้องแวววาวหรือเหลืองทองอีกต่อไป เมื่อความหรูหราในแบบ “LESS IS LUXURY” กำลังจะมา ความเรียบง่ายแต่ดูดี ในแบบมินิมอล ที่เน้นความพิถีพิถันในฟังก์ชั่น ดีไซน์ และใช้ประโยชน์ได้จริง ซึ่งนั่นเป็นแนวคิดในการสร้างคอนโดแห่งใหม่ใจกลางสุขุมวิทอย่าง BEATNIQ เองที่ถูกรังสรรค์มาอย่างพิถีพิถัน สะท้อนความหรูหราที่สัมผัสได้ ไม่ได้เพียงแต่รูปลักษณ์เท่านั้น

“LUXURY มีหลายความหมายถ้าตีความง่ายๆ ก็คือทองๆ เงินๆ

แต่มุมมอง LUXURY ของเราคือ Best ที่ได้พื้นที่สวนขนาดใหญ่ใจกลางสุขุมวิท

และใช้งานได้จริง ซึ่งเป็น LUXURY ที่หาได้ยากขึ้นทุกที”

– ป๊อก คบคงสันติ Designer Director บริษัท T.R.O.P. จำกัด ผู้ออกแบบ –

BEATNIQ สุขุมวิท32  จาก  SC Asset เป็นคอนโดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมในศตวรรษที่ 20 ที่มีการออกแบบเป็นเอกลักษณ์ คือมีกลิ่นอายสถาปัตยกรรมในยุค Mid-century modern (MCM) ผสมผสานไปกับแนวความคิดยุคสมัยใหม่ กล่าวคือเป็นการต่อยอดสถาปัตยกรรมจาก  REX Hotel เดิม ในนิยามใหม่ของความหรูหราอย่าง “LESS IS LUXURY” ซึ่งเป็นความหรูหราในรายละเอียด ฟังก์ชั่น และดีไซน์ ถูกตีความหมายใหม่ในรูปแบบของ ที่มีการ Interlock กันระหว่างส่วนที่เป็นงานเหล็กกับกระจก ตัว grill และ fin ถูกพาดยาวสูงขึ้นไปตั้งแต่ยูนิตชั้นล่างสุดไปถึงชั้นที่เป็น Penthouse เหมือนตึกซีแกรม ในมหานครนิวยอร์กซึ่งสะท้อนความ Less is more ในภาษาทางสถาปัตยกรรมได้อย่างชัดเจน เป็นต้นแบบของ การออกแบบตึกสูงที่ให้ความสำคัญกับการใช้พื้นที่ และการออกแบบโครงสร้างยังทรงอิทธิพลอย่างมากสำหรับงานสถาปัตยกรรมในอเมริกา เป็นการออกแบบที่สากลจนถูกนำมาปรับใช้ในอาคารระฟ้าทั่วโลกจวบจนปัจจุบันนี้

“คาแรคเตอร์ LUXURY ของเรา เน้น Quality of Space, Quality of Life, Quality of Material

ในแบบ LESS IS LUXURY ซึ่งความยากในการออกแบบนั้นอยู่ที่ความนิ่ง

ยิ่งน้อยยิ่งสวยได้ Details จะต้องคมมากๆ”

หากดูตัวสถาปัตยกรรมของ REX hotel จะเกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 1933 – 1965 ในยุค MCM เช่นกัน โดยลักษณะอาคารจะเรียบนิ่ง มีสัดส่วนที่สวยงาม มีการจัดองค์ประกอบที่ชัดเจน เน้นการใช้ประโยชน์จากพื้นที่สูงสุด โดย details ที่ BEATNIQ หยิบมาใช้ได้เด่นชัด ที่สุดจาก REX hotel คือ ส่วนกรอบปูนทรงเรขาคณิตที่เรียกว่า Block ลม บริเวณ podium ชั้นจอดรถเป็นช่องสี่เหลี่ยมมีมิติ ที่ทำหน้าที่รับแสงธรรมชาติและถ่ายเทอากาศ เหมาะกับสถาปัตยกรรมเขตร้อนชื้นในบ้านเรา อีกทั้งสร้างความแตกต่างจากอาคารทั่วไปอย่างมีเอกลักษณ์ โดยช่องเหลี่ยมเฉียงนั้นเอง เมื่อแสงตกกระทบจะเกิดเงาส่งผลให้แต่ละช่องมีความงามของแสงในแต่ละช่วง

การใช้โทนสีขาวสีเทาและสีเทาเข้ม ส่วนประกอบของหินและลวดลาย ที่เผยให้เห็นถึงแก่นแท้ของวัสดุอย่างบริสุทธิ์ รวมไปถึงการสอดแทรกรูปทรง Organic sculpture ผ่านการใช้บันไดเวียน spiral สำหรับเชื่อมพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ต่างระดับกัน และหากจะลงลึกเขาไปอีกดูเหมือนว่า shape ของบันไดเวียนถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของโลโก้ BEATNIQ ตรงรูปตัว N ด้วย เห็นไหมครับว่าลงรายละเอียดได้ลึก เฉียบ คม ขนาดไหน

Spiral staircase

Facilities ที่โดดเด่น

สำหรับส่วนกลางของโครงการถือว่าให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อการใช้ชีวิตที่เรียกว่าได้ใช้ชีวิตที่เรียบหรู แต่แฝงด้วยรายละเอียดไว้อย่างถี่ถ้วน ทุกพื้นที่ในโครงการ BEATNIQ นั้น จะคงแนวคิด Design with Function คือ นอกจากดีไซน์ที่เรียบ แต่สวยงามสะดุดตาแล้ว ยังคำนึงประโยชน์ใช้สอยต่างๆ ด้วย เรียกได้ว่าตอบโจทย์ความต้องการของผู้พักอาศัยได้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Lobby ที่มีการตกแต่ง โดยใช้วัสดุเป็นหินอ่อนอลาเบสกาโต้สีขาวลายงดงามจากธรรมชาติ และใช้การดีไซน์ Façade รูปทรงเรขาคณิตมาเรียบเรียงให้เป็นพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัว

Landscaped Garden with Dipping Pool ถูกออกแบบโดย TROP เป็นสวนเล่นระดับที่ดึงความลงตัวของสายน้ำ เนินหญ้า และร่มไม้เข้าไว้ด้วยกัน มีสิ่งที่น่าสนใจคือ Movable Wall เลื่อนเปิด – ปิดได้ เพื่อสร้างบรรยากาศความเป็นส่วนตัวให้เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับผู้พักอาศัย และให้ผู้มาเยือนได้มีความรู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่งเมื่อได้ก้าวผ่านประตูเข้ามา

บริเวณด้านหน้าอาคารจะเป็น Even Full Landscape Garden ผสานความร่มรื่นของพันธุ์ไม้ สายธาร และสนามหญ้า อีกทั้งยังมีสระว่ายน้ำ สำหรับเด็กท่ามกลางธรรมชาติและอากาศที่บริสุทธิ์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้พักอาศัยรู้สึกถึงความผ่อนคลาย อีกทั้งยังมี Reading Lounge with Meeting Room ให้ผู้พักอาศัยได้เข้ามาอ่านหนังสือหรือนั่งทำงานงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ชั้น Ground จะพบว่าทาง BEATNIQ ออกแบบพื้นที่ Drop off  พื้นที่โหลดของขึ้นลิฟท์ ห้องแม่บ้าน แยกส่วนกันอย่างชัดเจน เพื่อให้การใช้ตรงตามฟังก์ชั่นมากขึ้น กล่าวคือหากมีคนมาส่งของก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเดินเข้ามาใน Lobby เพื่อขึ้นลิฟต์ แต่สามารถนำของลงจากรถและ Loading ขึ้น Freight lift ได้เลย

พื้นที่ส่วนกลางที่โดดเด่นไม่แพ้กัน คือ ส่วน Swimming Pool with Floating Pool Pavilion บริเวณชั้น 7-8 ของโครงการ เป็นพื้นที่ให้ผ่อนคลายและออกกำลังกาย โดยใช้ตกแต่งด้วยวัสดุหินอ่อนสีขาวให้รู้สึกถึงความหรูหรา อีกทั้งยังมีความพิเศษในโซน Hanging Pavilion ที่ลอยอยู่เหนือพื้นน้ำ ให้ผู้พักอาศัยได้เปิดรับมุมมองใหม่ๆ ของการชมวิวยามค่ำคืน ในแบบที่ไม่เหมือนใคร

สำหรับคนรักการออกกำลังกาย ในโซน Double Volume Fitness จะตอบสนองทุกกิจกรรมให้ตรงกับสไตล์ของผู้พักอาศัย ไม่ว่าจะเป็น Fully-Equipped Gym with Boxing Area บนชั้น 7

ให้ความใส่ใจการใช้เวลาร่วมกันสำหรับทุกคนในครอบครัวกับพื้นที่ Yoga Studio และ Kid’s Lounge บนชั้น 8

บริเวณชั้น 32 จะมี Landscape Sky Garden ที่ไม่เพียงมอบความชุ่มชื่นของธรรมชาติสีเขียวชอุ่ม แต่ยังใส่เอกลักษณ์ที่สะท้อน ความเป็นสถาปัตยกรรมยุค 60s ด้วย Spiral Staircase บันไดวนดีไซน์พิถีพิถัน เพื่อสร้างการเชื่อมต่อส่วน Penthouse Residential เป็นพื้นที่สีเขียวที่มอบความเป็นส่วนตัวพร้อมรสนิยมในการสูดรับธรรมชาติและแสงแดดบนตึกสูงใจกลางเมือง

โดยรายละเอียดส่วนกลางในแต่ละชั้นก็แสดงให้เห้นถึงความเอาใจใส่ในการออกแบบอย่างละเอียดไปพอสมควร ทีนี้เราลองมาดูยูนิตที่น่าสนใจของ BEATNIQ กันครับว่า ยูนิตที่มีความน่าสนใจในตอนนี้ จะเป็นยูนิตใดบ้าง ซึ่งทางโครงการขายแบบ Fully fitted ให้อุปกรณ์ครัวครบ ห้องที่น่าสนใจนี้จะมีพื้นที่ Semi-balcony อยู่เชื่อมต่อกับส่วน Living ใน segment คอนโดในระดับ super luxury แล้ว พื้นที่นี้ถือว่าจำเป็น

เพราะพื้นที่นี้สามารถให้บรรยากาศของคำว่าบ้านได้มากกว่า สามารถใช้พื้นที่นี้เสพย์วิวยามค่ำคืน เรียกได้ว่าใช้ชีวิตให้คนอื่นอิจฉา จากจำนวนยูนิตทั้งหมดจะมีเพียงห้อง 2 แบบเท่านั้น ที่มีพื้นที่ Semi-balcony ได้แก่ Type 2A – 2 ห้องนอน 108 ตร.ม. และ Type 1B – 1 ห้องนอน 57 ตร.ม.

Type 2A – 2 ห้องนอน 108 ตารางเมตร

ห้อง type นี้จะอยู่หัวมุมด้านทิศเหนือ (ถนนสุขุมวิท) และจะมีพื้นที่ Semi-balcony เพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้สอย ในขณะเดียวกันก็สามารถทำเป็นพื้นที่ปิดได้ เพราะมีบานเฟี้ยมกระจกอยู่นอกราวระเบียง ถ้าเป็นโครงการสมัยใหม่โครงการอื่น ด้วยห้อง Size ขนาดนี้ สามารถทำได้ 3-4 ห้องนอนเลยครับ แต่นี่คือ BEATNIQ ที่ซึ่งยึดมั่นในปรัชญา Form Follows Function (Life) เราจึงได้เห็นห้องขนาดใหญ่ แต่มีฟังก์ชั่นครบทั้ง semi outdoor, ห้อง Yard, ห้องน้ำ 3 ห้อง ภายในห้องขนาด 2 ห้องนอนครับ เมื่อก้าวเข้ามาในห้องแล้วจะมีพื้นที่ Foyer เล็กๆ โดยด้านขวาจะเป็นห้อง Powder room

พื้นที่ Living ขนาดใหญ่ แยกส่วน Dining ชัดเจน ส่วนไฮไลท์น่าจะเป็นส่วนของ Semi-balcony ด้านซ้ายบนที่สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่นี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ทำงาน พื้นที่ Chill out เสพย์วิวเมืองตอนกลางคืน ถนนสุขุมวิทและรถไฟฟ้าบีทีเอส หรืออาจจะปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่อื่นขึ้นอยู่กับ Lifestyle ของแต่ละบุคคล

พื้นที่ Semi outdoor ของห้องนี้ใหญ่พอๆ กับห้องนอนเลยครับ สังเกตที่ลายของหิน ยิ่งกว่าห้องน้ำอีกครับ มีชื่อเฉพาะว่า Portoro Gold โครงการให้แบบนี้เลย ยกเว้นชุดโต๊ะและเก้าอี้ครับ

พื้นที่ครัวถูกออกแบบมาอย่างปราณีต พื้นที่ใหญ่กว่า 1 ห้องนอนเป็น 2 เท่า Top เค้านท์เตอร์ครัวเป็น Composite Quartz หน้าบานตู้ด้านบนเป็น Hi gross สีขาว ด้านล่างเป็นลายไม้ ตู้เย็นแบบ Built in ทำให้ส่วน kitchen จึงเป็นระเบียบ ทำให้ห้องดูเรียบร้อย

ห้องนอนเล็ก จุดเด่นคือมีพื้นที่ห้องน้ำในตัว แตกต่างจากห้องแบบ 2 ห้องนอนทั่วไป ที่ต้องมาใช้ห้องน้ำบริเวณส่วน Living ครับ

ห้อง Master bedroom มีอ่างอาบน้ำให้ และเป็นแบบ see through เช่นเดียวกันครับ

Type 1B – 1 ห้องนอน 57 ตารางเมตร

ห้องรูปแบบนี้จะอยู่ด้านทิศใต้ของโครงการ ตั้งแต่ชั้น 7-24 ซึ่งมีพื้นที่ Semi-balcony เพิ่มเข้ามาเช่นเดียวกับ Type 2 ห้องนอนที่ผ่านมา ห้องแบบนี้ไม่มีห้องตัวอย่างให้ดูนะครับ เพราะที่โครงการจะเป็น Type 1A (54 ตารางเมตร) คือจะเป็นพื้นที่ระเบียงปกติ

พื้นส่วนครัวเป็น Composite Marble ส่วนห้องนั่งเล่น และห้องนอนเป็น Engineered wood สี white oak โครงการ Drop ฝ้าไว้ทำรางผ้าม่านให้ ระบบไฟเป็น LED ทั้งหมด สามารถควบคุมได้ผ่าน Remote ครับ

Top เค้านท์เตอร์ครัวเป็น Composite Quartz หน้าบานตู้ด้านบนเป็น Hi Gross สีขาว ด้านล่างเป็นลายไม้ ตู้เก็บของ และตู้เก็บเครื่องซักผ้า

ทางด้านขวา ตู้เย็นเป็นแบบ Built in

ประตูบานสไลด์ กระจก และหน้าต่างของ BEATNIQ ให้เป็น Full Height ครับ จึงให้ความรู้สึกสูงโปร่ง เปิดรับทุกมุมมองการใช้งานราวกันตกก็เป็นกระจกครับ ถ้าตามห้องตัวอย่างเราจะเห็นว่าจะมีพื้นที่ที่เป็นหินกรวดยื่นออกไปจนถึงบานกระจกหน้าต่าง นั่นแหละครับ

เป็นพื้นที่ส่วน Semi-balcony (พื้นที่สีเหลือง) ที่ห้อง Type นี้เพิ่มเข้ามา โดยพื้นที่ที่เพิ่มเข้ามาสามารถทำเป็น Multipurpose area ได้อย่างสบาย แบ่งพื้นที่การใช้งานจากส่วน Living ชัดเจนด้วยประตูบานกระจกสไลด์

ส่วนของห้องนอน ไฮไลท์ของห้องก็คือ ส่วนของตู้เสื้อผ้าและโซนแต่งหน้าของคุณผู้หญิง ออกแบบมาเพื่อเอาใจกลุ่มคน BEATNIQ ที่ใส่ใจในเรื่องของแฟชั่น การแต่งกายมากครับ เพราะมี Dressing Table Built-in พื้นที่โต๊ะแต่งตัว ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิพันในการจัดวาง เพื่อรับแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาให้การแต่งตัว และแต่งหน้าของผู้พักอาศัยง่ายขึ้น และการวาง Layout ของโต๊ะแต่งตัว ไม่เพียงแต่สะดวกกับการใช้งานที่เชื่อมต่อมาจากห้องน้ำ และ Walk in Closet แต่ยังไม่เกะกะสายตา ทำให้ขนาดห้องดูกว้างขึ้น หินที่ใช้ทำ Dressing Table นั่นเรียกว่า Black Lauren

จากตอนต้นที่ตั้งคำถามว่า  SC Asset จะนำเสนอความ “Less is Luxury” ได้ออกมามากน้อยเพียงใด ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็เห็นได้จากสิ่งที่  SC Asset มีความตั้งใจนำเสนอความหรูหราตามฉบับของตัวเองคือ ความละเมียดในการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางพื้นที่ใช้สอยในห้อง การเลือกใช้วัสดุ และการใส่งานดีไซน์เรียบแต่หรูเป็นหลัก สอดแทรกไปในทุกอณูพื้นที่ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นสิ่งสะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยที่จะเข้ามาเป็นเจ้าของในอนาคต เพราะการที่เราจะเลือกซื้อของชิ้นใด ย่อมสะท้อนตัวตน lifestyle ออกมาได้เป็นอย่างดี

Less is Luxury ถูกตีความมาใช้กับ BEATNIQ ในทุกรูปแบบ ทั้งการออกแบบสถาปัตยกรรม ที่นำเอาความเรียบง่ายของสถาปัตยกรรมในอดีตมาตีความหมายใหม่ สื่อให้เห็นถึงความเรียบและหรู แฝงอรรถประโยชน์จากการออกแบบ ตัวภูมิสถาปัตยกรรมเองก็เช่นกัน เด่นชัดที่สุดคือ ทางเข้าของโครงการที่เมื่อเข้ามาแล้วจะเสมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง สร้างความเป็นส่วนตัวแก่ผู้พักอาศัย และการตกแต่งภายในที่ไม่เพียงแต่หรูหราเท่านั้น แต่ยังเน้นฟังก์ชั่นการใช้งาน เรียบหรู สะท้อนไปยังการใช้ชีวิตที่จะเกิดขึ้นภายในห้องที่ลงตัวแบบพอดี อย่างมีเสน่ห์ตามฉบับของ BEATNIQ ที่ดึงเอา main concept ในยุค MCM ออกมาใช้ได้อย่างชัดเจน

ส่วนเรื่องราคานั้น ถ้าเอาราคานี้ไปเปรียบเทียบกับคอนโดใหม่ในเซกเมนต์เดียวกัน เฉพาะในทำเลพร้อมพงษ์-ทองหล่อนี้ ก็นับว่า BEATNIQ มีราคาที่ค่อนข้างโอเคกว่าโครงการอื่นๆ ที่กำลังจะเปิดตัวในช่วงใกล้ๆนี้

ครับ ไม่ว่าจะเป็นโครงการอย่าง The Bangkok Sukhumvit 38 และ The Bangkok Thonglor 5 ก็ล้วนแล้วแต่มีราคาเฉลี่ยเกิน 3 แสนบาทต่อตรม.และเป็นห้องขนาดใหญ่ ที่มีราคาเกิน 22 ล้านทั้งสิ้น นี่ยังไม่นับรวมโครงการอีกอย่างน้อย 3 โครงการที่อยู่ลึกเข้าไปในซอยทองหล่อ เช่น TELA, Laviq, The Monument Thong Lo และอีกหนึ่งโครงการจากแสนสิริที่ซอยทองหล่อ 12 ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีราคาสูงพอๆ หรือมากกว่า BEATNIQ ทั้งสิ้น มากไปกว่านั้น BEATNIQ เป็นคอนโดมิเนียมอยู่ริมถนนเส้นหลัก และมี exposure ที่โดดเด่นกว่าโครงการคอนโด Super luxury อื่นๆ ในย่านพร้อมพงษ์และทองหล่อ และโดยส่วนใหญ่แล้วโครงการเหล่านี้อยู่ไม่ได้อยู่ริมถนนเส้นหลัก

เพราะฉะนั้นหากเราเอาราคานี้ไปถามกลุ่มคนที่มองหาคอนโดระดับนี้ และซื้อเก็บเป็น Collection อยู่แล้ว BEATNIQ ก็เลยกลายเป็นของที่หยิบจับได้ง่ายกว่าสำหรับกลุ่ม Hipster มหาเศรษฐีครับ ผมมองว่า BEATNIQ นั้นกล้ามากที่จะ Focus กลุ่มเป้าหมายของโครงการให้แคบเข้าไปอีก โดยการวางคอนเซปท์ของโครงการที่ไม่ได้อิงตามกระแสนิยม ตามรอยคอนโด Super Luxury ที่อื่นๆ บางทีการ Focus ที่ชัดเจนแบบนี้ ก็อาจจะเป็นข้อดีในการ filter กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้ครับ เพราะเวลานี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหน คอนโดไฮเอนท์ก็ไม่ค่อยจะมีความแตกต่างในรูปลักษณ์ และประโยชน์การใช้สอยที่ไม่ค่อยตอบโจทย์เท่าไหร่นัก

ในแง่การซื้อเพื่อลงทุนระยะสั้น ตอนนี้ตลาดไม่เป็นใจเท่าไหร่ แต่มีประเด็นที่สำคัญคือโครงการ BEATNIQ มีห้องพิเศษ อยู่ประมาณไม่ถึง 10 ห้องครับ ไม่ว่าจะเป็นห้องเพดานสูง 3.5 เมตร เพียงแค่ 2 ยูนิต ห้อง Pool Villa หรือว่าจะเป็นห้อง 3 นอน Duplex หน้ากว้างเพียงห้องเดียวในตึก และห้องชั้น 8 ที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ซึ่งมองว่าห้องเหล่านี้จะมี Value เพิ่มขึ้นมากกว่าห้องโหมดปกติมาก เมื่อถึงเวลาที่ตึกสร้างเสร็จแล้ว ส่วนระยะยาวผมค่อนข้างมั่นใจว่า ราคายังสามารถไปต่อได้อีก เนื่องจาก Gap ราคาของโครงการที่กำลังจะเปิดใหม่ในปีนี้ ยังสูงกว่า BEATNIQ อยู่ พอสมควร ที่สำคัญก็คือตอนนี้ทางเริ่มโครงการก่อสร้างไปเมื่อเดือนมีนาคม 2559 ที่ผ่านมา

ทางโครงการได้จัดงาน Grand opening ภายใต้คอนเซ็ปต์ Less is Luxury ขึ้นในวันที่ 17-18 กันยายน นี้ ที่ Sales galley BEATNIQ สุขุมวิท 32 โดยมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า 20 ท่านแรกที่จองภายในงาน รับฟรี package เฟอร์นิเจอร์จากอิตาลี มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท หรือลงทะเบียนออนไลน์ที่ http://www.beatniq32.com/register/ เพื่อรับ Cash back สูงถึง 300,000 บาท