แม้เศรษฐกิจจะไม่ดี ยอดขายที่อยู่อาศัยยังไม่ฟื้นตัว แต่ยังมีหุ้นอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ตัวหนึ่งที่ราคาหุ้นขึ้นมาท้าทายมรสุมทางเศรษฐกิจได้อย่างน่าสนใจนั่นคือ หุ้นแสนสิริ (SIRI) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เคยสร้างยอดขายที่อยู่อาศัยสูงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ

ในส่วนของกราฟราคาหุ้น ราคาตอนนี้อยู่ในระดับสูงสุดในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2558 แม้ราคาก่อนหน้านี้จะค่อนข้างผันผวน แต่นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีนี้ ราคาหุ้น SIRI เป็นขาขึ้นมาโดยตลอด

เริ่มต้นที่ผลประกอบการในปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายพรีเซล 28,512 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 222% จากปีก่อน ขณะที่มีรายได้รวม  38,500 ล้านบาท เกินจากเป้าหมายที่วางไว้ 37,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่กำไรสุทธิ 3,500 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี 2557 ที่มีกำไรสุทธิ 3,393 ล้านบาท

เป้าหมายทางธุรกิจในปีนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ เปิดเผย ว่าปี 2559 บริษัทมีแผน เปิด 21 โครงการใหม่ มูลค่า รวม 50,500 ล้านบาท แบ่ง เป็นคอนโดมิเนียม 11 โครงการ บ้านเดี่ยว 7 โครงการ และทาวน์เฮาส์ 3 โครงการ โดยมูลค่าโครงการใหม่จะสูงกว่าปีก่อน 128% และยอดพรีเซลล์

โดยโครงการที่เปิดใหม่อยู่ใน กทม.และปริมณฑล 92% และต่างจังหวัด 8% นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศ ตั้งเป้ายอดขายลูกค้าต่างชาติปีนี้ 5,000 ล้านบาท

บริษัทคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมียอดขายประมาณ 42,000 ล้านบาท จากปี 2558 ที่มียอดขาย 28,500 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมตั้งเป้าไว้ที่ 36,000 ล้านบาท ขณะที่อัตราเติบโตของกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 9-10%

นอกจากนี้ ได้เตรียมงบซื้อที่ดินไว้ 9,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 2558 ที่ใช้ไป 13,000 ล้านบาท และเตรียมออกหุ้นกู้ราว 2,000 ล้านบาท

ความคืบหน้าทางธุรกิจของแสนสิริในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้

มิถุนายน

–ปิดการขายโครงการ เดอะ ไลน์ อโศก-รัชดา ภายใต้ความร่วมมือกับ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำนวน 473 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,900 ล้านบาท

– คาดว่ายอดขายโครงการคอนโดมิเนียมในครึ่งแรกปีนี้จะอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายคอนโดมิเนียมทั้งปีนี้ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท ขณะที่คาดการณ์รายได้ของโครงการคอนโดมิเนียมในปีนี้ยังมั่นใจทำได้ตามเป้าหมายที่ 2 หมื่นล้านบาท

พฤษภาคม

– บริษัทสามารถสร้างยอดขายจากการเปิดตัวโครงการประมาณ 2,500 ล้านบาท ส่งผลให้ช่วง 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) ทำยอดขายได้แล้วประมาณ 9,000 ล้านบาท

– เตรียมเปิดขายโครงการแนวราบอีก 7 โครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง รวมมูลค่าโครงการประมาณ 8 พันล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกเปิดขายไปแล้ว 3 โครงการ พร้อมทั้งคาดว่าราคาขายโครงการแนวราบในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับขึ้นราว 5-10% ตามทิศทางราคาที่ดิน ขณะที่ปัจจุบันมียอดขายรอโอน (backlog) สำหรับโครงการแนวราบ 400-500 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดในปีนี้

ขณะที่ผลการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 บริษัทมียอดขายพรีเซล แล้ว 13,000 ล้านบาท รวมมียอดรอรับรู้รายได้ (Presale Backlog) กว่า 21,517 ล้านบาท

โดยแผนธุรกิจครึ่งหลังปีเตรียมที่จะเปิดตัว 13 โครงการใหม่ มูลค่า 37,450 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม 7 โครงการ แนวราบอีก 6 โครงการ

กลยุทธ์ทางธุรกิจที่น่าสนใจของแสนสิริคือความร่วมมือกับกลุ่มบีทีเอสตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมในแนวเส้นทางระบบขนส่งมวลชนจำนวน 25 โครงการมูลค่าโครงการรวม 1 แสนล้านในช่วง 5 ปี หลังจากนี้ รวมถึงแผนที่จะจับกลุ่มลูกค้าต่างชาติมากขึ้น แต่ก็ต้องเผชิญความเสี่ยงจากปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลก จะมีผลทำให้กำลังซื้อของชาวต่างชาติลดลงหรือไม่

ในแง่ราคาหุ้น SIRI แม้ว่าราคาจะขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ถือว่าราคา “แพง” มากนัก เพราะ P/E Ratio ที่ระดับ 7.5 เท่า ขณะที่ค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 15 เท่า ถือว่าราคาสมเหตุสมผล รวมถึงมูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้นหรือ P/BV อยู่ที่ระดับไม่เกิน 1 เท่า แปลว่าราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงมาก

สำหรับนักลงทุนที่สนใจหุ้นปันผลงามๆ SIRI ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีอัตราส่วนเงินปันผลอยู่ที่ 6.49% เทียบกับดอกเบี้ยเงินฝากที่ตอนนี้ใกล้เคียง 0% ถือว่าน่าสนใจ

ประเด็นที่น่าสนใจคือ นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของแสนสิริได้ทำการซื้อหุ้น SIRI จำนวน 20 ล้านหุ้น ในราคาเฉลี่ย 1.52-1.60 บาท คิดเป็นจำนวนเงินกว่า 30 ล้านบาท

กล่าวโดยสรุป หุ้น SIRI น่าสนใจที่อัตราการปันผลสูง ราคาหุ้นยังไม่แพงมากนัก ถามว่ามีโอกาสขึ้นต่อได้ไหม? คงต้องขึ้นอยู่กับแผนธุรกิจที่ผู้บริหารวางไว้ว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่

ปล.การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุน และบทความนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะชี้นำ แต่นำข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงแล้วมาวิเคราะห์ต่อ

**ข้อมูลทั้งหมด ณ วันที่ 5 กรกฎาคม 2559**