Dusit Central Park เผยภาพแลนด์มาร์กใหม่ของคนเมือง Thailand’s Largest Urban Roof Park สวนลอยฟ้าใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ชวนคนไทยทั่วโลกร่วมแคมเปญ ‘Roof Park at Dusit Central Park: The Landmark of Thai Pride’
บริษัท วิมานสุริยา จำกัด ผู้พัฒนา Dusit Central Park โครงการมิกซ์ยูส ระดับโลก ภายใต้คอนเซ็ปต์ Here for Bangkok และผู้พัฒนา The Residences at Dusit Central Park โครงการที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ที่ดีที่สุดใน Super Core CBD โชว์รายละเอียดองค์ประกอบสำคัญของ Thailand’s Largest Urban Roof Park สวนลอยฟ้าใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่ตั้งอยู่ภายในโครงการฯ ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 7 ไร่ (11,200 ตารางเมตร) สมบูรณ์ไปด้วยไลฟ์สไตล์ฟังก์ชั่นผสานธรรมชาติวิทยา ทั้งต้นไม้ สัตว์ และแมลงตัวเล็กตัวน้อย ปักหมุดเป็นแลนด์มาร์กแห่งความสุขแห่งใหม่ที่รองรับไลฟ์สไตล์ของทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมชวนคนไทยทั่วโลกร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์หน้าใหม่ใน ‘Roof Park at Dusit Central Park: The Landmark of Thai Pride’ แคมเปญประกวดตั้งชื่อสวนลอยฟ้า Roof Park ชิงรางวัลแพ็คเกจตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พักโรงแรมดุสิตธานี เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น และอื่นๆ เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 15 สิงหาคมนี้
คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “Roof Park แห่งนี้เกิดจากวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของทีมผู้บริหารที่ต้องการพัฒนาพื้นที่มิกซ์ยูสของโครงการ Dusit Central Park ให้เป็นมากกว่าพื้นที่เชิงธุรกิจบน Prime Location แต่เป็นพื้นที่ที่ตอบแทนสังคม ต้อนรับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย รองรับทุกความต้องการและทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อมอบความสุขพร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตและคุณภาพเมืองที่ดีให้แก่คนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลก ผ่านการสร้างพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ 7 ไร่ (11,200 ตารางเมตร) ครอบคลุมพื้นที่ชั้น 4 ต่อเนื่องถึงชั้น 7 ซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจที่เชื่อมต่อองค์ประกอบทุกส่วนของโครงการ Dusit Central Park เข้าไว้ด้วยกัน และนับเป็นครั้งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ที่โครงการขนาดใหญ่ใจกลางเมืองได้สร้างสรรค์พื้นที่สีเขียว เพื่อสาธารณประโยชน์ พร้อมทั้งมอบความสวยงามด้านภูมิสถาปัตย์ให้กับโครงการฯ ควบคู่กับการมอบทิวทัศน์แบบ Extended Park View ที่เชื่อมกับสวนลุมพินีแบบไร้รอยต่ออีกด้วย ซึ่งการนำเสนอพื้นที่สีเขียว Roof Park ต่อสังคม ในครั้งนี้ ยังเป็นการเสริมภาพลักษณ์ในระดับประเทศทั้ง มิติทางเศรษฐกิจ ผ่านการเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ดึงดูดทั้งชาวไทยและคนจากทั่วโลกให้มาเยือน มิติทางด้านสังคม ผ่านการมอบพื้นที่สีเขียวที่ทุกคนสามารถเข้ามาใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์ของตนเอง และมิติด้านระบบนิเวศเมือง ผ่านการปลูกพันธุ์ไม้ที่ช่วยเพิ่มออกซิเจน ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ดักจับและลดฝุ่น PM10 และ PM2.5 ลดอุณหภูมิและเพิ่มความชุ่มชื้นให้อากาศเย็นสบายด้วยน้ำตกที่กระจายตามจุดต่าง ๆ
การสร้างสรรค์ Roof Park ไม่ได้เพียงตอบสนองด้านฟังก์ชั่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ที่เข้ามาใช้พื้นที่ได้สัมผัสใกล้ชิดธรรมชาติที่พร้อมช่วยเสริมสร้างสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ผ่านการออกแบบให้สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ ที่แตกต่างกัน โดยเป็นทั้งจุดชมวิว พื้นที่สำหรับพบปะสังสรรค์ พื้นที่รับประทานอาหาร สนามเด็กเล่น และ Amphitheatre ที่สามารถรองรับกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การแสดงงานศิลปะ ดนตรี และการจัดมินิอีเว้นต์ในวาระต่าง ๆ ควบคู่กับการพัฒนาให้พื้นที่สามารถสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์เป็นของตัวเอง ผ่านการคัดเลือกต้นไม้อย่างพิถีพิถัน พื้นที่นี้จึงกลายเป็นบ้านของนก แมลงที่เป็นประโยชน์ และสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่เกื้อหนุนการดำรงอยู่ของธรรมชาติได้อย่างแท้จริง ตอบโจทย์ทั้งในด้านความยั่งยืนผ่านการสร้างระบบนิเวศเมืองที่มีคุณภาพสำหรับทุกคน โดยเราได้วางเป้าหมายให้ Roof Park เป็น “สวนลอยฟ้าใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย (Thailand’s Largest Urban Roof Park)” และสามารถให้ผู้คนเข้าถึงได้ง่ายเพราะเชื่อมต่อทั้งจากระบบขนส่งมวลชน รถไฟฟ้า BTS สถานีศาลาแดง และรถไฟใต้ดิน MRT สถานีสีลม อย่างไร้รอยต่อ เทียบเคียงสวนสาธารณะระดับโลกอย่าง Central Park ในมหานครนิวยอร์ก และ Hyde Park ในมหานครลอนดอน ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานของทุกคนที่ตั้งอยู่บน Prime Location ใจกลางเมือง
คุณศุภจี กล่าวเสริมว่า “นอกจากสร้างประโยชน์ในมิติของด้านสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่นำไปสู่การยกระดับของระบบนิเวศเมือง (Urban Ecology) ทำให้กรุงเทพฯ มีพื้นที่สีเขียวที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้น และเสริมสร้างให้สังคมได้ตระหนักถึงความสำคัญและการรักษาพื้นที่สีเขียว เพราะมีประโยชน์ต่อมนุษย์เป็นอย่างยิ่งในมิติทางด้านจิตใจ และอารมณ์ โดยให้ธรรมชาติเข้ามาเติมเต็มในทุก ๆ องค์ประกอบ อาทิ รูปร่าง ลวดลาย และพื้นผิวของธรรมชาติ รวมถึงสร้างภูมิทัศน์สีเขียวจากวัสดุธรรมชาติ บรรยากาศของเสียงนก เสียงน้ำตก และความเย็น เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ทำให้ผู้ที่เข้ามาเยือนรู้สึกเชื่อมโยงกับธรรมชาติได้ลึกซึ้ง ด้านมุมมองต่อการทำงาน จะช่วยบำบัดให้เกิดความสงบ ผ่อนคลาย และยังส่งผลดีต่อประสิทธิภาพในการทำงาน กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ สร้างมิติสัมพันธ์ในการบริหารจัดการ ทั้งการแก้ไขปัญหา การให้เหตุผล และการวางแผนกลยุทธ์ที่เกิดประสิทธิผล ทำให้ Roof Park แห่งนี้ จึงเป็นพื้นที่ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตควบคู่คุณภาพเมือง และสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระดับโลก”