มั่นคงฯ เผยผลประกอบการไตรมาส 1/2564 มีรายได้รวมกว่า 500 ลบ. ธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่ามาแรง สร้างอัตราเช่าได้สูงถึง 93% ยันแนวคิดการทำธุรกิจต้อง Balance Port ให้ดีเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน
บมจ.มั่นคงเคหะการ (MK) มีรายได้รวมไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 571.53 ล้านบาท มาจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 448 ล้านบาท, ธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการ (Recurring Income) 74.44 ล้านบาท ธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่ายังคงไปได้ดี แม้ภาพรวมตลาดจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่กลับมีอัตราการเช่าสูงถึง 93% พร้อมเดินหน้าตามแผน เตรียมเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่อีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,347 ล้านบาท และขยายธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน หรือ BFTZ เพิ่มอีก 2 แห่ง จำนวน 120,000 ตารางเมตร ภายในสิ้นปีนี้
นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) (Mr. Vorasit Pokachaiyapat Chief Executive Officer of M.K. Real Estate Development Public Company Limited) หรือ MK บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย เพื่อเช่าและเพื่อการบริการ เผยผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปี 2564 (สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564) บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมทั้งสิ้นจำนวน 571.53 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 448 ล้านบาท ลดลง 48.92 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับ ช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2563 ที่มีจำนวน 496.92 ล้านบาท ผลเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่วนธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการ (Recurring Income) จำนวน 74.44 ล้านบาท เป็นรายได้จากโครงการ “บางกอกฟรีเทรดโซน” (Bangkok Free Trade Zone : BFTZ) 57.44 ล้านบาท โดยมีอัตราการเช่า (Occupancy rate) สูงถึง 93% ส่วนรายได้จากธุรกิจสนามกอล์ฟ และธุรกิจบริหารอสังหาริมทรัพย์ มีจำนวน 44.61 ล้านบาท ซึ่งนับว่าธุรกิจฝั่งเพื่อเช่าและการบริการแทบไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว
“สำหรับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสนี้แม้จะมีรายได้ลดลง 9.85% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่หากมองในแง่ของอัตราส่วนกำไรขั้นต้นนั้น ในปีนี้อยู่ที่ 27.25% มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงสิ้นปี 2563 ที่มีอยู่ที่ 24.4% ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีในการดำเนินธุรกิจ ส่วนธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการ แม้ว่าจะมีรายได้ลดลงซึ่งเป็นผลมาจากเมื่อไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ได้ขายทรัพย์สินประมาณ 45% ของโครงการทั้งหมดเข้าทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล (กองทรัสต์) โดยรับรู้กำไรจากการขายทรัพย์สินดังกล่าวจำนวน 263.3 ล้านบาท อย่างไรก็ดีหากเปรียบเทียบรายได้ภายหลังการขายทรัพย์สินบางส่วน บริษัทย่อยได้กลับมามีรายได้เพิ่มขึ้น 13% จากจำนวน 51 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 4 ของปีก่อน จากการพัฒนาพื้นที่ในโครงการที่เหลืออยู่และสามารถเริ่มเปิดให้เช่าพื้นที่เพิ่มเติมโดยมีอัตราการเช่า (Occupancy rate) ณ สิ้นไตรมาสสูงถึง 93% ทำให้รายได้จากการให้เช่าและบริการมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องตามแผนธุรกิจที่วางไว้ ทั้งนี้สำหรับในส่วน บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด คาดการณ์ว่าจะใช้ระยะเวลาอีกประมาณ 1 ปี ที่จะทำให้กลับมามีมูลค่าทรัพย์สินเท่าเดิมก่อนขายเข้าให้กองทรัสต์ฯ”