บอร์ด “โนเบิล” ไฟเขียว ขาย 2 เงินลงทุนในโครงการ “นิว ดิสทริค อาร์ 9 – นิว ครอส คูคต สเตชัน” จ่อปิดดีลก.ค.นี้
บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (“NOBLE”) บอร์ดไฟเขียวขายเงินลงทุนใน 2 โครงการร่วมทุน ได้แก่ โครงการ นิว ดิสทริค อาร์ 9 และโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน ให้แก่ บริษัท พราว เรียว เอสเตท จำกัด (มหาชน) (”PROUD”) โดยคิดเป็นมูลค่า 867.57 ล้านบาทตามสัดส่วนที่ NOBLE ถือหุ้น 50% ร่วมกับ บริษัททีเอ็นแอล อัลไลแอนซ์ จำกัด (“TNLA” บริษัท ร่วมทุนระหว่าง กลุ่มบริษัท บีทีเอส และ กลุ่มบริษัทในเครือสหพัฒน์) ระบุกระบวนการขายจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนก.ค.นี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเห็นชอบของที่ประชุมผู้ถือหุ้น บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) ที่จะมีการพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนสามัญ เพื่อรองรับการลงทุนดังกล่าว
นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)“NOBLE” ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลชั้นนำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ จำหน่ายหุ้นสามัญทั้งหมดที่บริษัทฯ ถืออยู่ในบริษัทร่วมทุน 2 แห่ง ได้แก่ (1) บริษัท พระราม 9 อัลไลแอนซ์ จำกัด (“PA9”) เป็นผู้พัฒนาโครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 (Nue District R9) และ(2) บริษัท คูคต สเตชัน อัลไลแอนซ์ จำกัด (“KK”) เป็นผู้พัฒนาโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน (Nue Cross Khu Khot Station ) พร้อมโอนสิทธิเรียกร้องของบริษัทฯ ในหนี้เงินกู้ยืมบางส่วนที่บริษัทร่วมทุนมีอยู่ต่อบริษัทฯ ให้แก่บริษัท พราว เรียล เอสเตล จำกัด (มหาชน) (“PROUD”) โดยคิดเป็นมูลค่า 867.57 ล้านบาทตามสัดส่วนที่ NOBLE ถือหุ้น 50%
“สาเหตุที่บริษัทฯ ทำรายการขายในโครงการดังกล่าว เป็นไปตามกลยุทธ์ในการดำเนินการของบริษัทฯ ที่มีความต้องการสร้างอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นและผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงที่สุด (Maximize Return on Equity (ROE) & Internal Rate of Return (IRR) ) จากการลดระยะเวลาการถือครองและรับรู้กำไรที่สมเหตุสมผล ซึ่งโครงการร่วมทุนทั้ง 2 โครงการเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จในการขายอย่างสูง โดยโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน ซึ่งปัจจุบันได้ sold out ไปที่เรียบร้อย ส่วนโครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 83% อีกทั้งมูลค่าการขายของทั้ง 2 โครงการยังถือเป็นการขายในมูลค่าที่สร้างผลตอบแทนที่ดีทั้งในแง่ของกำไรที่รับรู้ได้และกระแสเงินสดที่ได้กลับมา รวมถึงค่าธรรมเนียมต่างๆที่จะได้รับในฐานะเป็นผู้บริหารโครงการร่วมทุน ดังนั้นบริษัทฯ จึงมองว่าการขายทั้ง 2 โครงการในช่วงจังหวะนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม และสามารถนำเงินสดมาหมุนเวียนเพื่อนำไปลงทุนในโครงการใหม่ๆที่ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น รวมถึงยังเป็นการปรับปรุงโครงสร้างเงินทุนของบริษัทฯ อีกด้วย นอกจากนี้การขายโครงการดังกล่าวยังเป็นการปรับ Portfolio ของโครงการร่วมทุนเพื่อที่จะเพิ่มโครงการร่วมทุนใหม่ๆในอนาคต ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการร่วมทุนกับบริษัท ทีเอ็นแอล อัลไลแอนซ์ จำกัด (“TNLA”) ที่เปิดโครงการทั้งหมดแล้ว 9 โครงการ มูลค่ารวม 28,400 ล้านบาท