“ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” เพิ่มพื้นที่ปอดแห่งใหม่ให้กรุงเทพฯ เปิดภาพอลังการ “รูฟพาร์ค” สวนสาธารณะลอยฟ้า 7 ไร่ใจกลางย่านธุรกิจสีลม

เกริก บุณยโยธิน 05 August, 2020 at 13.41 pm

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


ครั้งแรกของการเปิดเผยงานดีไซน์ “รูฟพาร์ค (Roof Park)” ในโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่บริเวณหัวมุมถนนสีลม ของโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ภายใต้แนวคิด Here for Bangkok ให้กลายเป็นพื้นที่สีเขียวที่สร้างทัศนียภาพร่มรื่นไล่ระดับตามความสูงอาคารจากดาดฟ้าชั้น 3 ต่อเนื่องถึงชั้น 7 ประมาณความสูงของพื้นที่ 20 เมตร สร้างสรรค์เป็นสวนสาธารณะลอยฟ้าพื้นที่รวมทั้งสิ้น 7 ไร่ พลิกโฉมวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยด้านระบบนิเวศและนับเป็นครั้ง

 

พื้นที่ขนาด 7 ไร่ของโครงการนี้แท้จริงแล้ว สามารถพัฒนาให้เกิดมูลค่าและผลตอบแทนทางธุรกิจที่มีมูลค่าสูงได้ไม่ยาก แต่วิมานสุริยากลับมองต่างออกไป  นางศุภจี  สุธรรมพันธุ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า ‘รูฟพาร์ค’ เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่เกิดจากแนวคิดการพัฒนาที่ดินทำเลดีที่สุดของกรุงเทพฯ สู่พื้นที่สีเขียวที่มอบประโยชน์คืนสู่ชุมชน สู่สังคมและสาธารณะ ที่ไม่ว่าใครก็สามารถเข้ามาใช้พื้นที่นี้ได้อย่างเต็มที่

นางศุภจี กล่าวว่า การพัฒนาที่ดินของกลุ่มดุสิตธานี ต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาเมืองและชุมชนอยู่อาศัยโดยรอบเพื่อยกระดับความเป็นมหานครยุคใหม่เช่นเดียวกับเทรนด์การเติบโตของเมืองใหญ่ในต่างประเทศ การออกแบบพื้นที่สีเขียวในรูปแบบเฉพาะตัวจึงเป็นการเปิดมุมมองธรรมชาติเชื่อมโยงทัศนียภาพสีเขียวจากสวนลุมพินีได้กว้างไกล เพิ่มพื้นที่ปอดให้กรุงเทพฯ สร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) และนิเวศเมือง (Urban Ecology) อย่างยั่งยืน เป็นการส่งเสริมสุขภาพคนและคุณภาพเมืองไปด้วยกัน  ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่า การปรากฏโฉมของรูฟพาร์คจะทำให้โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ได้รับการจดจำในระดับสากลในฐานะตึกไอคอนิคแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร สามารถดึงดูดคนจากทั่วโลกให้ต้องมาเยือน เพราะเป็นได้ทั้งจุดหมายการท่องเที่ยว และเป็นพื้นที่สาธารณะที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ใหม่ของคนกรุงเทพฯ

พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่บนอาคารสูงใจกลางเมืองแห่งนี้ มีโจทย์สำหรับงานดีไซน์ 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 1.ดีไซน์ที่ยังคงอัตลักษณ์และจิตวิญญาณความเป็นดุสิตธานีที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยมีความโดดเด่นของพรรณไม้และน้ำตก 2. ดีไซน์สำหรับชุมชนและสาธารณะเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้และใช้เป็นพื้นที่เพื่อการพักผ่อนและสันทนาการตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล และ 3.ดีไซน์ให้มีความเฉพาะตัวของระบบนิเวศในกรุงเทพมหานคร สร้างความเป็นธรรมชาติที่มีความสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์เฉพาะในท้องถิ่น

มีการศึกษาและคัดสรรพันธุ์ไม้พื้นถิ่นเดิมของกรุงเทพฯ จากการศึกษาผ่านทางนิราศภูเขาทองและนิราศสุพรรณบุรี  โดยจะนำต้นกล้ามาปลูกในสวนดาดฟ้าแห่งนี้  นับเป็นความพิถีพิถันอย่างที่สุดในการเลือกพันธุ์ไม้ใหญ่น้อยที่เหมาะสมเข้ากันทั้งโครงการโดยผสมผสานทั้งไม้ใหญ่ และไม้พุ่มเตี้ย เช่น เตย แว่นแก้ว เสน่ห์จันทร์แดง เดหลี ไม้ใบเขียวหนา เช่น บอนดำ พัดโบก ไม้ลำต้นสูง เช่น ลำพู ไม้แผง เช่น หญ้าถอดปล้อง รวมทั้งไม้น้ำอย่างกกอเมซอน ลานไพลิน เป็นต้น

 “บริษัท วิมานสุริยา จำกัด ได้มอบหมายให้บริษัท แลนด์สเคป คอลลาบอเรชั่น จำกัด เป็นผู้ออกแบบงานภูมิสถาปัตยกรรมในส่วนรูฟพาร์คทั้งหมด ซึ่งทางโครงการฯ มีความปรารถนาที่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กรุงเทพฯ ช่วยในเรื่องของการลดอุณหภูมิเมือง เป็นพื้นที่ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ทั้งยังเสริมสร้างระบบนิเวศและเป็นมิตรแก่สิ่งแวดล้อม”  นางศุภจีกล่าว ทั้งนี้ลักษณะทางกายภาพของสวนสาธารณะลอยฟ้าขนาด 7 ไร่นี้ถูกออกแบบให้คล้ายเนินเขาที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง โดยมีกลุ่มอาคารสูงของโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค โอบล้อมไว้โดยรอบ บรรยากาศภายในสวนแห่งนี้จึงมีความร่มรื่นจากการปลูกต้นไม้ผสมผสานทั้งไม้ใหญ่ยืนต้น ไม้ขนาดกลาง ไม้พุ่ม ไม้ประดับ และชั้นน้ำตกไล่ระดับความสูงเริ่มจากชั้น 3  ของอาคารศูนย์การค้าไล่ความสูงต่อเนื่องขึ้นไปถึงชั้น 6 และชั้น 7 ของกลุ่มอาคารสูงภายในโครงการ

ความพิเศษของงานออกแบบสร้างสรรค์บรรยากาศและสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติอย่างสมบูรณ์  ยามเมื่อทอดสายตาจากสวนดาดฟ้าไม่ว่าจะอยู่ ณ จุดใดก็จะพบความต่อเนื่องของทัศนียภาพเชื่อมโยงกับสวนลุมพินี ทำให้เกิดมุมมองธรรมชาติแบบไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งเป็นมุมมองรูปแบบเดียวกับเซ็นทรัล พาร์ค ในมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาพื้นที่ส่วนนี้ของโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ช่วยขยายทัศนียภาพของปอดใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นสถานที่แห่งแรกและแห่งเดียวในกรุงเทพฯ ที่สามารถเรียงร้อยเรื่องราวความเขียวขจีของทั้งสองสวนเข้าด้วยกัน

 

สำหรับการออกแบบพื้นที่ใช้สอยได้มุ่งเน้นไปที่การใช้งานได้อย่างเต็มประโยชน์และตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตของคนในเมืองที่ต้องการความใกล้ชิดกับธรรมชาติ รูฟพาร์คจะเป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถใช้งานได้จริงตามไลฟ์สไตล์และความชื่นชอบ ไม่ว่าจะมาเป็นกลุ่มครอบครัว หนุ่มสาว วัยรุ่น  วัยทำงาน เด็กและผู้สูงวัย สามารถมีความสุขไปกับกิจกรรมของตัวเองได้ในพื้นที่ต่างๆ ที่จัดสรรไว้อย่างเหมาะสมและร่มรื่น อาทิ  Food Passage  พื้นที่สำหรับการรับประทานอาหาร  การปิกนิกของครอบครัว  มีสนามเด็กเล่น  มีลู่วิ่งและเส้นทางขี่จักรยาน  มีทางเดินธรรมชาติ ทั้งเพื่อความเพลิดเพลินและการออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยังจัดพื้นที่สำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน เช่น แสดงงานศิลปะ ดนตรี งานแสดงภาพยนตร์กลางแจ้ง เวิร์คช้อป และการจัดมินิอีเว้นท์ในวาระต่างๆ กล่าวได้ว่าเป็นการออกแบบสวนที่สามารถทำให้คนเมืองออกแบบชีวิตได้ตามที่ต้องการ

เปิดแนวคิดและการออกแบบ “รูฟพาร์ค” ในโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค สวนสาธารณะพื้นที่ 7 ไร่บนอาคารสูงแห่งแรกของไทย

การออกแบบรูฟพาร์ค สวนสาธารณะขนาดใหญ่รวมพื้นที่ 7 ไร่บนชั้นดาดฟ้าของกลุ่มอาคารสูงในโครงการมิกซ์ยูส  “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” บริเวณหัวมุมถนนสีลม ย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ เป็นผลงานท้าทายชิ้นสำคัญของบริษัท แลนด์สเคป คอลลาบอเรชั่น จำกัด เมื่อได้รับโจทย์จากบริษัท วิมานสุริยา จำกัด ให้ออกแบบพื้นที่สีเขียวภายในโครงการให้เป็นพื้นที่ที่มอบประโยชน์คืนกลับสู่ชุมชนและสาธารณะ ที่ไม่ว่าใครก็สามารถเข้ามาใช้พื้นที่ส่วนนี้ได้อย่างเต็มที่

ความสร้างสรรค์และความท้าทายของการออกแบบภูมิสถาปัตย์ของโครงการมิกซ์ยูส ขนาดใหญ่มูลค่ากว่าสามหมื่นล้านบาทโครงการนี้อยู่ที่การออกแบบและปรับพื้นที่ทั้งหมดให้มีการเชื่อมต่อของชั้นดาดฟ้าเริ่มที่ดาดฟ้าชั้น 3 ไล่ไปถึงชั้น 6 และต่อเนื่องถึงชั้น 7 ประมาณความสูงของพื้นที่ 20 เมตร จึงทำให้พื้นที่ 7 ไร่ของรูฟพาร์ค คือการสร้างสรรค์พื้นที่แนวสูงใจกลางเมือง ให้แวดล้อมด้วยสภาพธรรมชาติที่เอื้อให้เกิดระบบนิเวศ (Ecosystem) และนิเวศเมือง (Urban Ecology) ยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อมเมืองที่สร้างความสุขความร่มรื่นให้กับการใช้ชีวิตของผู้คนยุคนี้

คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “เรามีความตั้งใจที่จะอุทิศพื้นที่ส่วนหนึ่งของโครงการให้มีความใกล้ชิดกับธรรมชาติ เปรียบเสมือนสวนสาธารณะอีกแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่ทุกคนสามารถเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจ หรือทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันได้ เราจึงได้นำโจทย์นี้ไปคุยกับทางแลนด์สเคป คอลลาบอเรชั่น เพื่อให้ทางผู้เชี่ยวชาญได้สร้างสรรค์พื้นที่ส่วนนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกคนที่มาเยือน ซึ่งโจทย์ที่เราให้ไปนั้นมิใช่เพียงแค่การสร้างสวนสีเขียว หรือการปลูกต้นไม้เท่านั้น แต่ต้องพิจารณาไปถึงรายละเอียดของแต่ละพรรณไม้ที่จะนำมาปลูกในโครงการ รวมไปถึงองค์ประกอบต่างๆ ที่จะนำมาจัดวางร่วมกัน เพื่อให้สามารถงานได้จริง สวยงาม และเกิดประโยชน์ที่ยั่งยืนต่อสังคม

นายธัชพล สุนทราจารย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์สเคป คอลลาบอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงลักษณะด้านกายภาพของรูฟพาร์คที่คาดว่าจะเผยโฉมให้เห็นได้จริงและเปิดให้บริการได้ภายในปี 2567 พร้อมสรุปแนวคิดสำคัญของการออกแบบพื้นที่สีเขียวให้เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมืองว่า มี 3 แนวคิดที่ประกอบกันทำให้เกิดเป็นงานดีไซน์พื้นที่สีเขียวที่มีความพิเศษเฉพาะตัวเป็นแห่งแรกของไทย

1. การสร้างสรรค์ทัศนียภาพแบบไม่มีที่สิ้นสุด โดยยังคงทุกรายละเอียดการออกแบบที่สืบสานตำนานความเป็นโรงแรมดุสิตธานีที่มีอัตลักษณ์ความเป็นไทย ความเป็นธรรมชาติอันสมบูรณ์ ความสวยงามและการสืบทอดความเป็นมรดกทางวัฒนธรรมมาตลอดระยะเวลายาวนานกว่า 50 ปี

2. ดีไซน์สำหรับชุมชนและสาธารณะเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และใช้เป็นพื้นที่เพื่อการพักผ่อนและสันทนาการที่ตอบโจทย์การใช้งานและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล

3. ดีไซน์ให้มีความเฉพาะตัวของระบบนิเวศในกรุงเทพมหานคร สร้างความเป็นธรรมชาติที่มีความสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์เฉพาะในท้องถิ่น

เบื้องหลังงานออกแบบรูฟพาร์คทั้งหมดนี้ จึงไม่ใช่การออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมที่ทำไว้ให้ชมเพียงแค่ความงามตามธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดพื้นที่สร้างสรรค์พลังขับเคลื่อนชีวิตให้กับผู้คนและสังคมได้อีกด้วย การออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในสวนรูฟพาร์ค มุ่งเน้นไปที่การใช้งานได้อย่างเต็มประโยชน์และตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตของคนในเมืองที่ต้องการความใกล้ชิดกับธรรมชาติ เป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์และความชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครอบครัว คู่รัก หนุ่มสาว วัยรุ่น  เด็กและผู้สูงวัย สามารถมีความสุขไปกับกิจกรรมของตัวเองได้ในพื้นที่ต่างๆ ที่จัดสรรไว้อย่างเหมาะสมและร่มรื่น อาทิ  Food Passage พื้นที่สำหรับการรับประทานอาหาร การปิกนิกของครอบครัว  มีสนามเด็กเล่น  มีลู่วิ่งและเส้นทางขี่จักรยาน  มีทางเดินธรรมชาติ (Natural Trail) เพื่อความเพลิดเพลินและการออกกำลังกาย

นอกจากนี้ ยังจัดพื้นที่สำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน  เช่น  สวนสำหรับสุนัข (dog park) สวนประติมากรรม ระเบียงชมวิว ทางเดินลอยฟ้า บ่อน้ำประดับ บ้านต้นไม้ แปลงพืชผักสวนครัว แสดงงานศิลปะ ดนตรี งานแสดงภาพยนตร์กลางแจ้ง เวิร์คช้อป  และการจัดมินิอีเว้นท์ในวาระต่างๆ  ฯลฯ  กล่าวได้ว่าเป็นการออกแบบสวนที่สามารถทำให้คนเมืองออกแบบชีวิตได้ตามที่ต้องการ

“งานออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมโครงการนี้ ต้องคำนึงถึงความเป็นยูนิเวอร์ซอลดีไซน์เพื่อไม่ให้มีข้อจำกัดสำหรับคนทุกเพศทุกวัย  เส้นทางสัญจรภายในรูฟพาร์คจึงมีทางลาด  มีขั้นบันได  มีลานอเนกประสงค์  มีจ๊อกกิ้งแทร็ค  มีทางสำหรับขี่จักรยาน มีทางเดินธรรมชาติซึ่งใช้เป็นจุดชมวิว เมื่อทอดสายตาจากรูฟพาร์คไม่ว่าจะอยู่ ณ จุดใดก็จะพบความต่อเนื่องของทัศนียภาพเชื่อมโยงกับสวนลุมพินี ซึ่งเป็นมุมมองแบบเดียวกับเซ็นทรัล พาร์ค ในมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ทำให้การสร้างสรรค์รูฟพาร์คช่วยเพิ่มพื้นที่ปอดให้กรุงเทพฯ  ถือเป็นสถานที่แห่งแรกและแห่งเดียวในกรุงเทพฯ ที่สามารถเรียงร้อยเรื่องราวของทัศนียภาพความเขียวขจีของทั้งสองสวนเข้าด้วยกัน” นายธัชพลกล่าวเพิ่มเติม

แน่นอนว่า การปลูกต้นไม้ให้ร่มเงาในพื้นที่ 7 ไร่บนชั้นดาดฟ้ากลุ่มอาคารสูงยังสามารถช่วยลดอุณหภูมิเมืองและลดฝุ่นควันลงได้อย่างมีนัยสำคัญ  “เราจะปลูกต้นไม้ให้เยอะที่สุดและทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงทุกพื้นที่ของสวนได้ทั้งหมด” นายธัชพลกล่าว และเมื่อพูดถึงประเด็นการคัดสรรและดูแลพรรณไม้ นายธัชพลเพิ่มเติมว่า ความยั่งยืนของสภาพธรรมชาติที่มนุษย์สร้างขึ้นคือหัวใจสำคัญ ทีมออกแบบจึงได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับพรรณพืชหลากหลายประเภทที่ช่วยลดฝุ่นละอองในอากาศ ต้นไม้ที่ให้ร่มเงา ต้นไม้ที่ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์และเพิ่มปริมาณก๊าซออกซิเจน ต้นไม้ที่ไล่ยุง รวมไปถึงต้นไม้มงคลต่างๆ ที่สามารถนำมาผสมผสานในสวนรูฟพาร์คทำให้เมืองดูร่มรื่นและมีคุณภาพ

ความพิเศษอีกประการคือ การศึกษาข้อมูลพรรณไม้ประจำถิ่นของกรุงเทพฯ ผ่านการศึกษาจากนิราศภูเขาทองและนิราศสุพรรณบุรี  และคัดสรรพันธุ์ต้นกล้านำมาปลูกในสวนดาดฟ้าแห่งนี้ด้วย  นับเป็นความพิถีพิถันอย่างที่สุดในการเลือกสรรพันธุ์ไม้ใหญ่น้อยที่เหมาะสมเข้ากันทั้งโครงการโดยผสมผสานทั้งไม้ใหญ่ และไม้พุ่มเตี้ย เช่น เตย แว่นแก้ว เสน่ห์จันทร์แดง เดหลี ไม้ใบเขียวหนา เช่น บอนดำ พัดโบก ไม้ลำต้นสูง เช่น ลำพู ไม้แผง เช่น หญ้าถอดปล้อง รวมทั้งไม้น้ำอย่างกกอะเมซอล ลานไพลินหรือกก เป็นต้น

 

ข้อมูล รูฟพาร์ค สวนพฤกษชาติ 7 ไร่ ในดุสิต เซ็นทรัลพาร์ค

ที่มาของรูฟพาร์ค

จากโรงแรมที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 50 ปี ในวันนี้ ดุสิตธานีได้เปลี่ยนโฉมจากโรงแรมที่ให้ความสะดวกสบาย และการบริการที่เป็นเลิศสู่โครงการมิกซ์ยูสที่เพียบพร้อมในทุกด้านทั้งการใช้ชีวิตการทำงานและเป็นที่พักอาศัย นอกจากนี้ยังตระหนักในเรื่องสิ่งแวดล้อมในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวขนาด 7 ไร่ไว้ในโครงการที่เรียกว่า รูฟพาร์ค (Roof Park) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากสวนไม้เมืองร้อนเดิมของโรงแรมดุสิต ธานี กรุงเทพ ที่มีการตกแต่งด้วยน้ำตกทรงเหลี่ยมเป็นขั้นบันไดตั้งอยู่ใจกลางโรงแรม ติดกับล็อบบี้และห้องอาหารเบญจรงค์ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของดุสิตธานี กรุงเทพ โดยสวนสาธารณะแห่งใหม่นี้สร้างขึ้นเพื่อให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการใกล้ชิดธรรมชาติ พร้อมนำนวัตกรรมใหม่สมัยใหม่มาใช้ 

จากดุสิต เซ็นทรัล พาร์คสู่สวนลุมพินี ทัศนียภาพสีเขียวแบบไม่สิ้นสุด

รูฟพาร์คในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์คได้รับการออกแบบให้เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ด้วยลักษณะการออกแบบลดหลั่นแบบขั้นบันได เชื่อมโยงกลุ่มอาคารทั้งสี่ของโครงการให้สามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ในเชิงสันทนาการไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย วิ่ง ขี่จักรยาน เดิน ลานกิจกรรม ที่สามารถจัดงานแสดงนิทรรศการ ดนตรี กีฬา ตลอดจนการพักผ่อนหย่อนใจในพื้นที่สวนร่มรื่นที่มีพันธุ์ไม้นานาชนิด มุมน้ำตกที่ไหลลงมาจากชั้นบนสู่ชั้นล่าง สร้างสรรค์บรรยากาศให้โครงการและกรุงเทพฯ มีความร่มรื่นมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เมื่อมองจากโครงการออกไปจะเห็นเป็นสวนสีเขียวที่เชื่อมต่อกับสวนลุมพินี ซึ่งเป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่หรือปอดของกรุงเทพฯ ได้อย่างลงตัว ทำให้เกิดทัศนียภาพของสวนสาธารณะแบบไม่มีที่สิ้นสุด

 

บริเวณส่วนตัวและสาธารณะ

ภายในบริเวณรูฟพาร์ค แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 

1. โซนส่วนตัว เปิดให้บริการแก่แขกที่พักอาศัยในโรงแรม ผู้พักอาศัยในดุสิต เรสซิเดนเซส และดุสิต พาร์คไซด์ เพื่อความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวแก่ผู้พักอาศัย 

2. โซนสาธารณะ เปิดให้บริการแก่บุคคลทั่วไปที่เข้ามาใช้บริการภายในโครงการ ทั้งโรงแรม เรสซิเดนเซสศูนย์การค้าเซ็นทรัล พาร์ค และเซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศเซส 

 

ลักษณะอันโดดเด่น

 

บริเวณน้ำตก

– การนำน้ำตกทรงเหลี่ยมขั้นบันไดที่เป็นเอกลักษณ์ของโรงแรม ดุสิตธานี กรุงเทพ มาเป็นแรงบันดาลใจในการตกแต่งให้เข้ากับสวน โดยขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นตามสัดส่วน ทั้งยังปรับรูปลักษณ์ให้ร่วมสมัยสอดคล้อง กลมกลืนกับทัศนียภาพทั้งหมด 

สวนสีเขียว

– ทัศนียภาพสีเขียวแบบไม่สิ้นสุด (Infinity Park) เมื่อทอดสายตาจากสวนลอยฟ้าจะพบความต่อเนื่องเชื่อมโยงระหว่างสวนลอยฟ้ากับสวนลุมพินี ซึ่งเป็นสถานที่แห่งแรกและแห่งเดียวในกรุงเทพฯ ที่สามารถควบรวมทัศนียภาพความงามของสวนสาธารณะสีเขียวขนาดใหญ่ทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน

– การออกแบบพื้นที่สีเขียวให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตของคนในเมืองที่ต้องการความใกล้ชิดกับธรรมชาติในด้านพื้นที่ใช้สอย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ครอบครัว คู่รัก หนุ่มสาว วัยรุ่น ผู้สูงอายุ สามารถมีความสุขไปกับกิจกรรมของตัวเองได้ในมุมต่างๆ ที่จัดสรรไว้อย่างเหมาะสม และร่มรื่น นอกจากนี้ ด้วยความต้องการให้สวนลอยฟ้าแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถใช้งานได้จริงตามแต่ไลฟ์สไตล์และความชื่นชอบ จึงจัดให้มีพื้นที่หรือส่วนสำหรับการใช้สอยที่แตกต่างกันไป อาทิ พื้นที่สำหรับการรับประทาน (food passage) การปิกนิก สนามเด็กเล่น ทางเดินธรรมชาติ (Natural Trail) เพื่อความเพลิดเพลินและการออกกำลังกายท่ามกลางความเขียวขจีใจกลางกรุงเทพฯ 

การเข้าถึงรูฟพาร์ค

– เมื่อพูดถึงการเข้าถึงสวนลอยฟ้า อาจต้องกล่าวถึงความเป็นศูนย์รวมการเดินทาง (Hub) ของทำเลที่ตั้งซึ่งเป็นจุดตัดระหว่างรถไฟฟ้าใต้ดินกับรถไฟลอยฟ้า โดยสามารถเข้าถึงได้จากทั้งที่พักอาศัย โรงแรม ศูนย์การค้า หรือแม้กระทั่งอาคารสำนักงาน สวนลอยฟ้าแห่งนี้จึงเอื้อประโยชน์ให้กับคนในมหานครอย่างเต็มที่และสะดวกสบาย

 

ระบบนิเวศ 

– ระบบนิเวศ (Ecosystem) และนิเวศเมือง (Urban Ecology) เป็นการสร้างสรรค์ระบบนิเวศให้กับเมืองซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการส่งเสริมสุขภาพของคนและคุณภาพของเมือง ระบบนิเวศของเมืองคือการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ทำให้คนอยู่อย่างมีความสุข ร่มรื่น อีกทั้งยังเป็นการสร้างพลังงานในระบบนิเวศทั้งหมดให้กับเมืองอีกด้วย การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมืองนั้น มีความจำเป็นจะต้องควบคุมดูแลปัจจัยต่างๆ ให้พืชได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยเน้นที่การสร้างสภาวะแวดล้อมแบบยั่งยืน การคัดสรรพันธุ์พืชจึงเป็นความสำคัญอันดับต้นๆ ดังนั้น ในการสร้างสวนลอยฟ้านี้ จึงพิถีพิถันเลือกพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมกับทั้งโครงการ เมืองและผู้อยู่อาศัยในเมือง โดยผสมผสานระหว่างไม้พุ่มเตี้ย เช่น เตย แว่นแก้ว เสน่ห์จันทร์แดง เดหลี ไม้ใบเขียวหนา เช่น บอนดำ พัดโบก ไม้ลำต้นสูง เช่น ลำพู ไม้แผง เช่น หญ้าถอดปล้อง รวมทั้งไม้น้ำอย่างอะเมซอล ลานไพลินหรือกก

– แหล่งเรียนรู้แห่งใหม่สำหรับเด็ก นอกจากเด็กสามารถที่จะเรียนรู้ระบบนิเวศในเมืองใหญ่แล้ว ยังสามารถเรียนรู้ความหลากหลายของพันธุ์ไม้นานาชนิดที่ทางโครงการนำมาปลูกไว้ โดยในโครงการจะทำป้ายชื่อของพรรณไม้ต่างๆ  เพื่อให้เด็กรวมถึงผู้ที่สนใจได้ทราบถึงชื่อของพรรณไม้นั้น เช่น ต้นไม้ที่ให้ร่มเงา พันธุ์ไม้ที่ไล่ยุงและแมลง พันธุ์ไม้ที่เสริมความเป็นสิริมงคล

– การลดอุณหภูมิเมือง การปลูกต้นไม้ในพื้นที่เจ็ดไร่ในเมือง จะช่วยลดอุณหภูมิและแม้กระทั่งฝุ่นควันลงได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากทางโครงการฯ ได้ศึกษาถึงพันธุ์พืชที่ช่วยลดฝุ่นละอองในอากาศ พันธุ์ไม้ที่ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์และเพิ่มปริมาณก๊าซออกซิเจน ทำให้เมืองดูร่มรื่นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้นโดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองในเขตร้อนแล้ว การมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นมาถึง 7 ไร่ใจกลางเมือง นับว่ามีส่วนช่วยสร้างสรรค์เมืองให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น

 

เกริก บุณยโยธิน

เกริก บุณยโยธิน

ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ

เว็บไซต์

เรฟเฟอเรนซ์ เกษตร ดิสทริค

นิว โคสต์ คูคต สเตชัน

ศุภาลัย เอสเซ้นส์ บางนา - สุวรรณภูมิ

“เราเชื่อว่าบ้านที่ดีที่สุด คือบ้านที่ทำให้รู้สึกคิด...

4 March, 2025

นิว เอปิค อโศก-พระราม 9

โครงการ NUE EPIC ASOK – RAMA 9 ตั้งอยู่บนถนนอโศก-ดิน...

6 January, 2025

นิว คอร์ คูคต สเตชัน

NUE Core Khu Khot Station เป็นคอนโดใหม่เพียงหนึ่งเดี...

20 December, 2024

ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์ อรุณอมรินทร์

ทำเลฝั่ง “ธนบุรี” ในปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง...

6 November, 2024

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง