**ขออนุญาตออกตัวก่อน ว่าผมค่อนข้างจะชื่นชอบและคุ้นชินทำเลแถวนี้มากๆ เพราะลูกสาวผมเรียนอยู่ที่ Anglo Singapore แม้จะคนละ campus แต่ก็มักจะต้องเดินทางมาทำกิจกรรมที่ campus Sukhumvit 64  ที่อยู่ปากซอยเป็นประจำ  ดังนั้นถ้ามันจะอินกับโครงการ จนถ่ายทอดความอยากได้มาสู่บทความนี้บ้าง ก็ต้องขออภัยล่วงหน้ามา ณ ที่นี้นะครับ**

ทำไมผมถึงเรียกทำเลนี้เป็นทำเลแห่งอนาคต ?

นั่นก็เพราะสถานีปุณณวิถีในปัจจุบัน แม้จะเป็นสถานีส่วนต่อขยายมาจากอ่อนนุชเพียงแค่สองสถานี แต่ทำเลกลับเงียบๆ อึนๆ  เหมือนมีสถานที่ที่น่าสนใจแค่ไม่กี่อย่าง แถมยังใกล้โรงกลั่นน้ำมันด้วย หลายๆคนเลยมองข้ามสถานีชื่อไพเราะสถานีนี้ไป

แต่โครงการ Whizdom 101 โครงการขนาดใหญ่ที่กำลังก่อสร้าง ซึ่งเครือ CP ได้ทุ่มงบกว่า 4000 ล้านเข้ามาซื้อที่ดินเดิมของปิยรมณ์สปอร์ตคลับไปพัฒนา จะพลิกโฉมทำเลนี้แบบก้าวกระโดดอย่างแน่นอน

Whizdom 101 คือโครงการ mixed used ขนาดใหญ่มาก บนพื้นที่ 43 ไร่ มูลค่าโครงการรวมคอนโดมิเนียมแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยจะมีทั้งห้างขนาดใหญ่ พื้นที่สำนักงาน และคอนโดมิเนียม แถมโครงการนี้ยังมีการออกแบบที่ไม่ธรรมดาเอามากๆ ชนิดที่เพิ่งได้รับรางวัล Asia pacific property awards 2016-2017  มาสดๆร้อนๆ  

จุดเด่นที่น่าสนใจของ Whizdom 101 นอกจากความเป็นห้างและพื้นที่ออฟฟิศแล้วก็อย่างเช่นการเป็นพื้นที่สังคม digital ที่ดีที่สุด free wifi ทั่วโครงการ / มีco-working space ที่สุดทันสมัย /มีเลนจักรยานสุดล้ำที่วิ่งวนเชื่อมต่อกันในพื้นที่โครงการ /รวมถึงสปอร์ตคลับเชนระดับโลกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศแห่งหนึ่ง

เมื่อเสร็จสมบูรณ์ในปี 2561 จะทำให้ทำเลแถวนี้ดีขึ้นมากๆ เมื่อรวมกับความที่เป็นสถานีที่ห่างเพียง 5 สถานีจากทองหล่อ ทำให้แถวนี้น่าอยู่มากๆ ครบถ้วนในทุกองค์ประกอบ ถ้าถามผม มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่อยู่ดีๆจะมีโครงการขนาดใหญ่ทุ่มงบมหาศาล จัดหนักจัดเต็มกับการออกแบบ มาสร้างจนพลิกโฉมทำเลให้ดีขึ้นแบบนี้

คอนโดเปิดใหม่ในย่านนี้ 

Whizdom ทั้ง 3 ตึก เปิดขายไปแล้ว 2 ตึก ได้รับผลตอบรับที่ดีทั้งจากคนไทยและชาวต่างชาติ โดยมีราคาเฉลี่ยที่ประมาณ 140k สำหรับตึกที่2 (Whizdom Essence)

แสนสิริกำลังจะมากับ The Line 101 คอนโดสูงที่ห่างสถานีปุณวิถีออกไปราวๆ 250เมตร ซึ่งราคาก็ไม่น่าจะถูกกว่า Whizdom อย่างแน่นอน

และยังจะมีมาอีกเรื่อยๆ ทำให้ในอนาคตย่านนี้จะเรียงรายเต็มไปด้วยอาคารสูง ที่ทันสมัย มีสภาพแวดล้อมที่สวยงาม สมกับการเป็น EXTENDED PRIME LOCATION ทำเลใหม่ที่พร้อมรองรับการขยายตัวของเมืองฝั่งสุขุมวิท

The Tree Sukhumvit 64 

หากพูดถึงโครงการคอนโดที่คงไว้ซึ่ง DNA ของความเป็นธรรมชาติเอาไว้ แน่นอนว่าหลายๆคนคงนึกถึงคอนโดจากค่าย พฤกษา เรียลเอสเตทฯ ที่มีชื่อแบรนด์ว่า The Tree นั่นเองครับ โดยที่ผ่านๆมาแบรนด์ The Tree มักเลือกที่จะไปพัฒนาโครงการในบริเวณนอกเมือง บนเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นในย่านบางโพ อย่าง The Tree Interchange, The Tree Bang Po Station, The Tree Privata หรือในย่านจรัญสนิทวงศ์ตอนปลายอย่าง The Tree Rio และตัวเมืองนนทบุรีที่ The Tree Elegance

ตอนนี้แบรนด์ The Tree เริ่มขยับขยายเข้ามาอยู่ในบริเวณย่านสุขุมวิทบ้างแล้ว โดยในปีนี้คาดว่าจะมีแบรนด์ The Tree อีกอย่างน้อย 2 โครงการที่พร้อมจะมาปักหมุดลงที่ย่านสุขุมวิทตอนปลาย จากความสำเร็จที่ผ่านมาของแบรนด์ The Tree ที่เคยปลูกธรรมชาติ บริเวณริมแม่น้ำนอกเมือง จนได้รับการตอบรับมาอย่างต่อเนื่อง ในวันนี้ The Tree เตรียมนำเอาธรรมชาติ มาสร้างองค์ประกอบของการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตแบบร่วมสมัย เพื่อให้ทุกๆ วันของการใช้ชีวิตสไตล์คนเมือง เต็มไปด้วยความสบายที่ลงตัวไปกับธรรมชาติ โดยยังคงไว้ซึ่งหลักการในการพัฒนาโครงการ ที่ในแต่ละทำเลจะได้รับการปลูกธรรมชาติในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้เกิดความเหมาะสมสูงสุดกับบริบทการใช้ชีวิตบนทำเลนั้นๆ

The Tree Sukhumvit 64 เป็นคอนโด 8 ชั้น ในซอยสุขุมวิท 64 ทราบมาว่า EIA ผ่านแล้วเข้าซอยไปประมาณ 300 เมตร และเนื่องจากสถานี bts ปุณณวิถี อยู่ที่หน้าปากซอยพอดี ทำให้ระยะ 300 เมตรนั้นก็คือระยะจริง ๆจากสถานี bts ด้วย ระยะทางไปสถานีพอๆกับคอนโดอื่นในย่านนั้น และมีราคาขายที่ถูกกว่าพอสมควร โดยผมแอบทราบมาว่าราคาขายต่อตรม.จะอยู่ที่ประมาณแสนหลักพัน เท่านั้น

สุขุมวิท 64 เป็นซอยที่มีคอนโด low rise และตึกอพาร์ทเมนท์ตั้งเรียงกันอยู่ในซอย เป็นซอยที่ได้รับความนิยมพอสมควรในการเข้าพักอาศัยจากคนไทยและชาวต่างชาติ แม้แต่คอนโดท้ายซอยอย่าง Elio ก็มีชาวต่างชาติหลายคนไปเช่าพักอาศัย เมื่อมีโครงการหลายโครงการ มีผู้พักอาศัยเยอะ ทำให้ไม่เปลี่ยว ที่สำคัญเป็นซอยที่มีฟุตบาทให้คนเดินไปมาได้สะดวกปลอดภัย

ปากซอยปุณวิถีเป็นโรงเรียนนานาชาติสิงค์โปร์ ชื่อว่า Anglo Singapore ซึ่งเป็นโรงเรียนที่คนไทยเชื้อสายจีน คนมาเลเซีย คนจีน คนญี่ปุ่น คนเกาหลี นิยมส่งลูกมาเรียน มีค่าเทอมประมาณ 3 แสนถึง 5 แสนบาท แล้วแต่ระดับชั้น Campus 64 นี้จะมีตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจนจบมัธยมปลาย และในปัจจุบันทางโรงเรียนยังมีแผนที่จะขยายเพิ่มเติมอาคารเรียน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับนักเรียนที่มากขึ้น บนพื้นที่ว่างแปลงใหญ่ฝั่งตรงข้ามถนนซอยกับโรงเรียนอีกด้วย

ภาพจาก official website ของโรงเรียน

ภาพจาก fb ของโรงเรียน

บรรยากาศงานวันรับใบประกาศจบการศึกษาชั้นอนุบาล (มีลูกผมอยู่ในภาพด้วย^^)

ภาพจาก fb ของโรงเรียน

ดังนั้นถ้ามองในแง่ของการตอบโจทย์ความต้องการที่พักอาศัยของนักเรียน The Tree Sukhumvit 64 เป็นคอนโดที่ตอบโจทย์นั้นได้ดีครับ  มันเป็นความฝันของพ่อแม่หลายๆคนที่จะพักอาศัยใกล้ๆกับโรงเรียนของลูก ให้ลูกเดินไปโรงเรียนใช้ชีวิต slow life ไม่ต้องเสียเวลา และพลังงานไปกับ การเดินทางที่แสนจะวุ่นวาย

นอกจากนี้ในอนาคตเมื่อโครงการต่างๆแล้วเสร็จ จะเติมเต็มดึงดูดให้ ทั้งชาวไทยและต่างชาติหลายๆคนที่เคยมองข้ามในทำเลนี้ เลือกที่จะเข้ามาพักอาศัยในคอนโดแถวนี้เพิ่มขึ้นแบบมีนัยยะอย่างแน่นอน

การเดินทาง 

ซอย 64 นอกจากจะใกล้รถไฟฟ้าแล้ว ยังถือว่าขับรถสะดวก อยู่ไม่ไกลจากย่านธุรกิจแบบพร้อมพงษ์- ทองหล่อ หรือจะเลือกใช้ทางด่วนที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อเดินทางออกไปพื้นที่อื่นก็แสนจะง่ายดาย

“The Boutique Courtyard” รสนิยมที่มาพร้อมธรรมชาติส่วนตัว คือ concept การออกแบบของที่นี่ 

ที่ดินขนาดประมาณ 1 ไร่ครึ่ง กับ 149 ยูนิต ถือว่าอยู่สบายๆไม่แออัด ตัวอาคารออกแบบให้เป็นรูปตัว C ทำให้มีพื้นที่เปิดโล่งเป็นสวน courtyard ขนาดใหญ่อยู่ใจกลางโครงการ สร้างความร่มรื่นน่าอยู่ให้ผู้พักอาศัย โดยจะเชื่อมต่ออารมณ์กับ Lobby แบบ double volume (The Boutique Lobby & Lounge) เพดานสูงที่ตกแต่งภายในสวยงาม ได้แบบลงตัว

ห้อง Mailbox

สระว่ายน้ำ ห้อง fitness และสวนที่ชั้นดาดฟ้า ยังเปิดมุมมองที่กว้างกว่า ให้อารมณ์ความรู้สึกเวลาใช้งานจริงที่ดีกว่า

The Boutique Leisure Pool

ห้องฟิตเนส The Boutique Gym

ยูนิตที่นี่มี 3 แบบหลักๆ คือ 1 bed ขนาด 27.6 – 39.4  ตารางเมตร 1 bed plus ขนาด 40.8-41.5 ตารางเมตร และห้อง 2 bed ขนาด 51.1-54.5 ตารางเมตร ที่มีเพียงแค่ 8 ห้องเท่านั้นทั้งโครงการ

อย่างที่ผมเคยเขียนบทความไปว่า คอนโด low rise ที่ดีต้องมีพื้นที่เปิดโล่งมากๆ มีพื้นที่สีเขียวเยอะๆ ต้องเงียบสงบแต่ไม่เปลี่ยว อยู่ท่ามกลางแหล่ง lifestyle เดินทางสะดวก ที่นี่ The Tree Sukhumvit 64 ตอบโจทย์ได้ทุกข้อครับ (ปล.แหล่ง lifestyle ต้องรออนาคตปี 2561)

Nothing perfect !!!!! 

ข้อเสียของที่นี่ก็อย่างเช่น  คอนโด lowrise ในซอย exposure จะไม่ค่อยมี จะซื้อขายเปลี่ยนมือหรือหาคนมาเช่า ได้ยากกว่าคอนโด high rise  ราคาค่าเช่าต่อตารางเมตรต่อเดือนอาจไม่ดีเท่า highrise (แต่เมื่อคำนวนเป็นyield ผมว่าน่าจะสูงกว่าคอนโดสูงที่เปิดไล่เลี่ยกันที่ขายราคาแพงกว่ามาก)

และเป็นธรรมชาติของ low rise ที่ไม่ค่อยได้วิวสวยๆเท่าไหร่ แม้ตอนนี้แปลงข้างๆที่เป็นโกดังของ HAFELE เป็นอาคารไม่สูงนัก และมีที่ดินเปล่าด้านหลังคอนโด The Link แต่อนาคตก็อาจมีอะไรมาสร้างบังวิว ดังนั้นถ้าเป็นผมคงเน้นเลือกห้องที่ได้วิวสวนสวยๆในโครงการมาทดแทนวิวนอก  ซึ่งคอนโดนี้หันสวนไปทางด้านขวาฝั่งคอนโด The Link ถ้ามองจากถนนซอย 64 เข้าโครงการ

เมื่อเทียบค่าเช่ากับคอนโด lowrise ในทำเลเดียวกัน ที่มีพื้นฐานและราคาขายใกล้เคียงกันอย่าง Sari by Sansiri พบว่า 35 ตารางเมตรอยู่ที่ 15,000 บาทต่อเดือน และ 30,000 บาทต่อเดือน สำหรับ 66 ตารางเมตร ผลตอบแทนยังสู้คอนโดในทำเล mid sukhumvit ไม่ได้  (แต่ในอนาคตเมื่อ demand ความต้องการเช่ามากขึ้นตามพัฒนาการของทำเลตัวเลขมีโอกาสปรับตัวขึ้นสูงกว่านี้อีก)

สรุปส่งท้าย

คอนเซปต์ของโครงการ The Tree Sukhumvit 64 ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นรูปธรม โดยดึงความน่าสนใจของบริบทเกี่ยวกับธรรมชาติ ตามแบบฉบับของแบรนด์ The Tree ที่ผสานพื้นที่ความร่มรื่นได้อย่างฉลาดด้วยการให้ facility ที่มากกว่าภายในพื้นที่โครงการ จึงเป็นที่มาของ  The Boutique Courtyard  ที่ไม่กี่คนนักจะได้เป็นเจ้าของ และสามารถดื่มด่ำชีวิตส่วนตัว ให้ได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขนาดนี้

The Tree Sukhumvit 64 เป็นคอนโดที่น่าซื้อมากๆในยุคนี้สมัยนี้ ด้วยรูปแบบโครงการ ด้วยราคาขาย ด้วยทำเลที่ตั้ง เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดเพื่ออยู่เองหรือลงทุน ในงบประมาณที่ย่อมลงมาจากทำเลแบบ prime ซึ่งในอนาคตทำเลนี้จะมีพัฒนาการแบบก้าวกระโดด เข้าข่ายคำว่าชีวิตอนาคตสำหรับคนที่มองเห็น  และเหมาะมากๆสำหรับผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเรียนอยู่ Anglo Singapore

สำหรับใครที่สนใจก็สามารถชมห้องตัวอย่างได้ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม เป็นต้นไป โดยอยู่ที่อาคาร The Paul ชั้น 3 ตรงข้าม site โครงการเลยครับ

***คำเตือน บทความนี้เขียนโดยที่ยังไม่มีข้อมูลเรื่อง spec ของภายในห้อง และราคาขายอยู่ที่ราคาเฉลี่ย 80,000 – 110,000 บาท ต่อตารางเมตร ผู้อ่านต้องเอา 2 ปัจจัยนี้มาพิจารณาต่อเองนะครับบบบบ ***