Community Land Trust กับการสร้างบ้านราคาย่อมเยา
การแก้ปัญหาราคาค่าที่ดินที่สูงเกินไปเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการจัดหาที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาสำหรับครอบครัวรายได้น้อยในสหรัฐอเมริกา หนึ่งในแนวทางที่น่าสนใจคือ “Community Land Trust (CLT)” หรือการแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินออกจากบ้าน ซึ่งช่วยให้ผู้คนสามารถซื้อบ้านได้โดยไม่ต้องซื้อที่ดินไปด้วย องค์กรในรูปแบบนี้เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ตั้งอยู่บนฐานชุมชน มีพันธกิจหลักคือการจัดหาที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาอย่างยั่งยืน โดยถือครองที่ดินและให้สิทธิผู้คนเช่าระยะยาวในการปลูกสร้างหรืออยู่อาศัย บ้านที่อยู่ในโครงการจึงมีการกำหนดสูตรการขายต่อ (resale formula) เพื่อสร้างสมดุลระหว่างสิทธิของเจ้าของบ้านในการสะสมมูลค่าทรัพย์สินกับเป้าหมายของชุมชนที่จะรักษาความสามารถในการเข้าถึงบ้านราคาย่อมเยาในระยะยาว
โมเดลนี้เริ่มพัฒนาขึ้นในสหรัฐอเมริกามากว่า 40 ปี และปัจจุบันมีการดำเนินงานแล้วราว 160 แห่งในเกือบทุกรัฐ การบริหารจัดการมักอยู่ภายใต้คณะกรรมการที่มีทั้งผู้เช่า ผู้คนในพื้นที่ และผู้แทนจากหน่วยงานรัฐหรือองค์กรไม่แสวงหากำไร จุดเด่นของระบบคือการสร้างความมั่นคงในการอยู่อาศัย สิทธิในการส่งต่อบ้าน และการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเชิงชุมชน อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญเสียบ้านเมื่อเกิดปัญหาทางการเงิน
แต่ยังมีคำถามเชิงวิจัยหลายประการ เช่น โมเดลนี้จะสามารถรักษาที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาได้จริงในระยะยาวหรือไม่ จะช่วยสร้างทรัพย์สินส่วนบุคคลแก่ครอบครัวได้เพียงใด และเงินสนับสนุนจากภาครัฐหรือเอกชนมีประสิทธิภาพเพียงใดในการลงทุนรูปแบบนี้ รวมถึงประเด็นว่ามันช่วยให้ผู้อยู่อาศัยเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและบริการสาธารณะได้มากขึ้นจริงหรือไม่
ตัวอย่างโครงการ
ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ Sawmill Community Land Trust ที่ Albuquerque รัฐนิวเม็กซิโก ก่อตั้งขึ้นจากความพยายามของชุมชนในการรับมือกับปัญหามลพิษและการเก็งกำไรที่ดิน โครงการนี้ได้พัฒนาที่อยู่อาศัยหลากหลายรูปแบบควบคู่ไปกับการสร้างสวนสาธารณะ ศูนย์ชุมชน และพื้นที่พาณิชย์ ทำให้เกิดการฟื้นฟูย่านเก่าให้กลับมามีชีวิตชีวา และยังคงรักษาสัดส่วนที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาไว้ได้อย่างถาวร
ภาพจาก https://sawmillclt.org/