หนักแค่ไหนก็เอาอยู่! เอพี ชวนคุณพักสมอง พร้อมสูดคุณภาพชีวิตดีๆ ให้กับทุกลมหายใจด้วย ‘AP Living Quality Inhaler’
สูดลมหายใจใหม่…ให้ธุรกิจได้ไปต่อ ร่วมค้นหาแรงบันดาลใจจาก The Secret Sauce Summit 2025
ต้องบอกตามตรงเลยว่าช่วงปี 2025 นี้การทำธุรกิจไม่ง่ายเลยครับ ใครๆ ก็เจอปัญหารุมล้อมเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง เหตุการณ์บ้านเมืองทั้งภัยสังคมภัยธรรมชาติรุมเข้ามาพร้อมกัน แรงกดดันจากคู่แข่งหน้าเดิมหน้าใหม่ที่มาแบบไม่ให้พัก ในตลาดมีมีแต่คนขายแต่กลับไม่มีคนซื้อ หรือแม้แต่การจัดการทีมที่ต้องคอยประคับประคองทั้งตัวเลข ทั้งกำลังใจ เรียกได้ว่าอยู่รอดให้ได้แต่ละวันก็ถือว่าชนะแล้วมั้ยอะ
พอเจอแบบนี้ สิ่งที่เราพอทำได้ก็คือให้กำลังใจกันและกัน หยิบแรงบันดาลใจเล็กๆ มาบอกเล่า มาแชร์กัน เพื่อช่วยประคองใจ เพราะถ้าหมดหวังเมื่อไร เกมจบจริงๆ
ด้วยความรู้สึกแบบนี้แหละครับที่ทำให้วันนี้ 16 กันยายน 2025 ผมตัดสินใจมาร่วมงาน The Secret Sauce Summit 2025 เพราะอยากลองสัมผัสดูว่ามันยังมีใครที่ “ยังมีความหวัง (Hope)” อยู่เหมือนกับเราบ้างหรือเปล่า แล้วก็ต้องบอกเลยว่า…ผมเจอจริงๆ
เช้าวันนี้เริ่มต้นด้วยบรรยากาศที่ไม่ได้เอื้ออำนวยนัก ถนนก็รถติด รถไฟฟ้าก็เบียดจนหายใจแทบไม่ออก อากาศก็อบอ้าวแบบสุดๆ กว่าจะถึงสถานที่จัดงานเหงื่อออกก็แทบหมดแรงแล้ว แต่พอเดินเข้าไปถึงจุดลงทะเบียน เจอแอร์เย็นๆ เข้าไป หลังจากสแกน QR Code รับบัตรที่ตู้เช็กอินเสร็จแล้ว สิ่งที่ผมได้รับไม่ใช่แค่โบรชัวร์งาน เหมือนงานสัมมนาทั่วไป แต่มีของไอเท็มเป็น “ยาดม” ด้วยครับ ซึ่งในงานวันนี้ เจ้าภาพที่สนับสนุนยาดมและเป็นหนึ่งในสปอนเซอร์หลักของงานคือ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน)บริษัทอสังหาฯอันดับหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจภายใต้คำมั่นสัญญา ‘ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้’ ที่มุ่งยกระดับคำว่า ‘คุณภาพชีวิต’ ให้ลึกกว่าแค่ความสวยงาม แต่เป็นคุณภาพที่ลูกค้าทุกคน “รู้สึกได้จริง”
ผมได้กระปุกอันที่เป็นกลิ่นเป๊ปเปอร์มินต์ พอลองเปิดฝาแล้วสูดเข้าไปเท่านั้นแหละ ความสดชื่นมันเหมือนแล่นเข้าสมองทันที หายเหนื่อย รู้สึก โอเค reset เอาละ ฟีลมาละ ฉันพร้อมที่จะขึ้นไปฟังสัมมนา รับแรงบันดาลใจแล้ว! เหมือน AP เขารู้เลยว่าเราต้องการอะไรในจังหวะนั้น
ส่วนเพื่อนผมได้กระปุกอื่นๆ กลิ่นมันจะแตกต่างกันไป บางอันเป็นกลิ่นเปลือกส้ม กลิ่นสมุนไพรไทยเช่น การบูร พิมเสน สมุลละแว้ง พริกไทยดำ ลูกกระวาน ลูกจันทน์ อันนี้ไม่ได้รู้เองนะ แต่ถามคนที่มีความรู้สมุนไพรไทยมา ก็เชื่อได้ว่า เออ ยาดมนี้ของจริง ดีจริง
จาก “ยาดม” สู่ Empathetic Branding
นี่แหละครับคือสิ่งที่ผมว่า AP เขาทำการบ้านมาดีมากนะ เพราะนี่ไม่ใช่ของธรรมดา แต่มันคือการเข้าใจ “The Unspoken Needs” หรือความต้องการที่เราเองยังไม่ได้เอ่ยออกมา แต่แบรนด์คิดเผื่อไว้แล้ว ว่าคนที่มาเจอรถติด เจออากาศร้อน เจอเนื้อหาหนักๆ ทั้งวัน สิ่งที่ต้องการจริงๆ ไม่ใช่ของที่ระลึกแต่คือ “การรีเฟรชสมอง” ได้มีรอยยิ้มเล็กๆ ได้พัก ได้ปรับสติ โดยเฉพาะในจังหวะเวลาที่เนื้อหาหนักเกินไป
นี่คือ Empathetic Branding ของจริง คนจริง รู้ลึกจริง ทำจริง การแสดงความเข้าใจเล็กๆ แต่ไปทัชใจลูกค้าได้แรงกว่าคำพูดหรือโฆษณาใหญ่โต เพราะมันทำให้เรารู้สึกว่า AP ไม่ได้เป็นแค่แบรนด์อสังหาฯ ที่ขายบ้าน แต่คือแบรนด์ที่เข้าใจ และให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของเราในทุกมิติ ก็สมคำที่เค้าบอกว่า“ที่สุดของ Living Quality ในแบบคุณ”
ยาดมเลยกลายเป็นมากกว่ายาดม แต่มันคือสัญลักษณ์ที่บอกว่า AP พร้อมจะ “คิดเผื่อ” เราในทุกช่วงของชีวิต ช่วยให้เรารู้สึกไว้วางใจในโครงการจาก AP ว่าคิดเผื่อ คิดมาให้ ทำมาให้แล้ว โดยการสนับสนุนยาดมก็เหมือนกับการสร้างประสบการณ์ร่วมที่ทำให้ลูกค้าเห็นว่า AP เป็นแบรนด์ที่ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และยังทำให้ผู้ร่วมงานรู้สึกว่าการเลือกแบรนด์ AP ไม่ใช่แค่การซื้อบ้าน แต่คือการเลือกแบรนด์ที่มีค่านิยมเดียวกับตนเองในการให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต โดยเป้าหมายที่ AP แสดงออกไม่ใช่แค่ “ขายบ้าน” แต่คือการสร้าง “Living Quality” ดังนั้นการมอบยาดมที่เกิดขึ้นจากความเข้าใจใน “The Unspoken Needs” ผู้คนในงานสัมมนา ก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า AP ไม่ได้แค่พูดถึง “คุณภาพชีวิต” แต่ลงมือทำและใส่ใจในคุณภาพชีวิตของผู้คนจริงๆ
10 ข้อความเล็กๆ แต่ให้ความหมายใหญ่กว่าที่คิด
ความน่าสนใจอีกอย่างคือ AP เขาไม่ได้แค่สนับสนุนยาดมธรรมดา แต่ยังมีข้อความสั้นๆ อยู่บนฉลากแต่ละชิ้น กลายเป็นเหมือนกำลังใจที่พอดิบพอดีกับสถานการณ์ธุรกิจการงานตอนนี้ เช่น
“ถ้างานมันหนัก พักบ้างนะพี่” เป็นประโยคเรียบง่ายแต่จริงแท้ที่สุด หลายครั้งเราฝืนจนลืมว่าร่างกายก็มีขีดจำกัด การหยุดพักไม่ใช่การยอมแพ้ แต่คือการให้เวลากับตัวเองได้ชาร์จพลัง เพื่อกลับมาสู้ใหม่ได้ดีกว่าเดิม
“ตั้งใจตอนนี้ เข้าใจกี่โมงงง” สะท้อนความจริงของชีวิตมนุษย์สามัญชนคนธรรมดาทำงาน ที่ตั้งใจฟังประชุมแทบตาย แต่สุดท้ายยังมีช่องโหว่ ความหมายก็คือ ไม่ใช่ทุกความตั้งใจจะได้ผลทันที แต่เราต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับ และค่อยๆ ทำความเข้าใจในสิ่งที่ซับซ้อน และรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมถึงจะเห็นผล
“ดม…ก่อนมันจะไอนั่น” เป็นคำเปรียบเปรยขำๆ การดมยาดมเหมือนเป็นการป้องกันตัวก่อนเกิดอาการหมดแรงหรือวิงเวียน เปรียบเหมือนการเตรียมพร้อมไว้เสมอ เพื่อไม่ให้ปัญหาเล็กๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่
“ความรู้เต็มหัว ตัวพี่ต้องรอด” บอกชัดว่าไม่ใช่แค่เรียนรู้หรือจำข้อมูลได้ แต่สุดท้ายเราต้องเอาตัวเองให้อยู่รอดในสนามงาน ความรู้คืออาวุธ แต่การจัดการตัวเองคือการเอาตัวรอดที่แท้จริง
“เงินเข้าฉ่ำ X งานเข้าฉ่ำ O” เป็นการเสียดสีเล็กๆ ว่าค่าตอบแทนอาจยังไม่สมกับงานที่หนัก แต่ก็ยังต้องยอมรับความจริงไปพร้อมกับความหวังว่าอย่างน้อย ‘เงินก็ยังเข้า’ ถึงจะไม่ฉ่ำเท่าที่ควร และอย่างน้อยเราก็ยังโอเคที่ยังมีงานให้ทำอยู่ แม้ในสภาพเศรษฐกิจที่มีแต่จะปลดคนออก เป็นการบอกว่าให้มองเห็นแง่บวกที่อยู่ในแง่ร้ายให้ได้
“ก่อนทำยอด พี่ต้องรอดก่อน” เตือนใจคนทำงานที่กดดันเรื่องเป้าหมายและยอดขาย ว่าการมีชีวิตรอดและสุขภาพดีสำคัญกว่า เพราะถ้าเราไม่เหลือแรงหรือสุขภาพพัง ยอดขายที่สูงแค่ไหนก็ไม่มีความหมาย เป็นการบอกให้ดูแลสุขภาพ
“สู้งานแต่งานสู้กลับ” เป็นประโยคที่สะท้อนความจริงเจ็บๆ ว่าเราทำเต็มที่ แต่งานก็เหมือนจะหนักขึ้นทุกวันเหมือนกำลังบอกเราว่าอย่าประมาท เพราะงานไม่มีวันหมดจริง
“ดมจนกว่าจะแลนด์” สื่อถึงชีวิตการทำงานที่ต้องอดทนต่อเนื่องเหมือนการรอเที่ยวบินลงจอด ไม่ว่าจะประชุม งานโหด เจอลูกค้าตัวจี๊ด หรือโปรเจกต์ยาวๆ ก็ต้องมีที่สิ้นสุด เพียงแค่เราต้องทนไหวจนถึงจุดนั้น เป็นการบอกให้เราอดทนอดกลั้นเพื่อชีวิตที่ดีกว่าเดิม
“ประชุมโหดแต่โกรธใครไม่ได้” คือความจริงที่ทุกคนเจอในโลกธุรกิจการทำงาน ต่อให้ประชุมหนักและไม่เป็นธรรมบ้าง แต่เราก็ต้องเก็บอารมณ์ไว้เพราะระบบงานไม่เอื้อต่อการโต้แย้ง การระบายได้มีเพียงการถอนหายใจหรือหยิบยาดมขึ้นมาสูดสักปื้ด
“สูดต่อไม่รอ Approve” แทนความจริงในองค์กรที่อะไรๆ ต้องรออนุมัติ แต่ร่างกายเราไม่อาจรอได้ เวลาล้า เวลาหนัก ต้องหายใจลึกๆ สูดพลังเพิ่ม เพื่อประคองตัวเองให้อยู่ในเกมในงานต่อไป
ข้อความเล็กๆ บนยาดมที่เราเห็นเหมือนเล่นสนุก แต่ความจริงแล้วซ่อนบทเรียนชีวิตการทำงานไว้อย่างแนบเนียน มันเตือนเราว่าไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน เราก็ต้องหาวิธีเอาตัวรอดในโลกที่ไม่เคยหยุดพัก สะท้อนวิธีเพื่ออยู่รอดในสนามธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน และในโลกที่ข้อมูล ความรู้ และการเปลี่ยนแปลงพุ่งเข้ามาไม่หยุด พลังเล็กๆ จากยาดมก็เปรียบได้กับการชาร์จสติให้กลับมาอยู่กับตัวเอง มันคือดีเทลเล็กๆ แต่ทำให้คนที่ได้รับยาดมรู้สึกเหมือนได้รับ “ของขวัญส่วนตัว” ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเขาในจังหวะนั้นพอดี ขอบคุณ AP นะครับ
ถ่ายโลโก้มาให้ด้วยครับ แทนคำขอบคุณสำหรับยาดมในครั้งนี้


























