ORI เข้าสู่ปีที่ 16 และเข้าตลาดมาเป็นปีที่ 10 แล้ว โดยปีนี้ทุกคนทราบดีว่าโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคที่คาดเดาไม่ได้ ดังนั้นเราต้องมีความยืดหยุ่นในการบริหารงาน เพื่อก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงบนหลักการ Resilience Leads to Sustainable Growth ซึ่งทุกกลุ่มธุรกิจของเราได้มีการขยายเพิ่มไปยังอีกระดับของการบรืการ เช่นเดียวกับดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆโดยเฉพาะชาวต่างชาติ ที่อยากจะหลีกหนีความขัดแย้งในเรื่อง Geo Politic และ Economic Unstability มาขยายฐานการลงทุน และย้ายถิ่นฐานมายังไทย โดยเรามองว่าธุรกิจบริการอย่าง Origin Hotel น่าจะสร้างแต้มต่อสำคัญในด้านบริการให้กับกลุ่มธุรกิจ Residential ได้ โดยเตรียมทยอยทำโครงการที่มอบ Value Creation ในเรื่องของ Pet Friendly, Hotel Services และ Wellness Services นอกจากนี่ก็ยังมองหาโอกาสจากกลุ่มตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ ทั้งชาวต่างชาติ ไปจนถึงลูกค้าที่เคยเช่าโครงการ เช่นเดียวกับเป็นโอกาสของทาง Alpha ในการพัฒนาโครงการในรูปแบบ Built to Suit ที่มีการ Customized ให้เหมาะสมกับธุรกิจมากที่สุด ตั้งแต่การทำ Cold Storage ศูนย์กระจายสินค้า ไปจนถึงการประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ ที่เปิดมาแปปเดียวก็เต็มจนสร้างไม่ทัน เมื่อรวมกับการพัฒนาองค์กรในรูปแบบ Digital Transformation ที่ทุกกลุ่มธุรกิจมีการนำเอา AI มาร่วมในการทำงานให้เข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้น ดังนั้นเราจึงมีความพร้อมที่จะเติบโตต่อไปอย่างมั่นคง ซึ่งการเปิดโครงการรวมมูลค่า 20,000 ลบ.เรามองว่าเป็นตัวเลขที่เหมาะสมในช่วงเวลานี้ และคาดว่าธุรกิจอสังหาฯน่าจะกลับมาเดินเครื่องอย่างเต็มตัวได้ในช่วงกลางปีหน้า…” พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI

ในปีที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจหลักอย่าง Origin Vertical ที่พัฒนาโครงการคอนโด มี Success Story ในการพัฒนาเครือข่าย Origin Agent Club ที่สามารถทำยอดขายได้กว่า 7000 ลบ.จากจำนวนบริษัทตัวแทนทั้งหมด 219 บริษัท และการพัฒนาคุณภาพการก่อสร้าง และบริการภายใต้ ORIGIN Check & Sure โดยสามารถปิดการขายโครงการได้ถึง 13 โครงการ โดยในปี 2025 นี้ การพัฒนาจะ Align ไปกับเทรนด์ในการพัฒนาคอนโดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการ 4 อย่าง คือ Pet Humanization, Well-topia, Universal Design และ Generation Rent บนกลยุทธ์หลักได้แก่ การขยายฐานไปยังลูกค้าต่างชาติ, การบริหาร Inventory, การพัฒนา Data Driven เพื่อช่วยในเรื่องการพัฒนาสินค้า และพัฒนาคุณภาพรวมถึงบริการ โดยจะเห็น Marketing Tactic อย่าง Origin Affiliate Club, Origin ibooking และ Pet Activity บน 5 โครงการคอนโดใหม่ มูลค่า 12,500 ลบ. ได้แก่ Origin Residences Sukhumvit (ปากซอยสุขุมวิท 48 เป็น Serviced Residences โดยแบรนด์ Intercontinental), Origin Residences Phuket, So Origin Sukhumvit 105, Origin Place Bangwa Interchange และ Origin Place Sukhumvit Onnut

สำหรับไฮไลต์ในเรื่อง Branding ที่สำคัญก็คือการนำ ณเดชน์ กลับมาร่วมเป็นแอมบาสเดอร์อีกครั้งผ่าน Key Message ร่วมเป็นครอบครัวคอนโดฯ ออริจิ้น และ บ้านบริทาเนีย เพื่อเจาะตลาดผู้บริโภคทุกกลุ่ม ตอกย้ำภาพลักษณ์ที่ชัดเจนขององค์กร ที่สอดรับกับการใช้ชีวิตของ ณเดชน์ ที่พัฒนาขีดความสามารถของตัวเองไม่มีวันหยุดแม้จะประสบความสำเร็จแล้วก็ตามเพื่อรักษาคุณภาพของตัวเองเหมือนกับแก่นแท้ของ ออริจิ้น ที่ยังคงตั้งใจและพัฒนาโครงการให้ตรงกลุ่มเป้าหมายเพื่อผู้บริโภค

ในส่วนของธุรกิจแนวราบภายใต้แบรนด์บริทาเนีย ในฐานะย่างเข้าปีที่ 9 และครบ 3 ปีที่เข้าจดทะเบียนในตลท. ปีนี้จะมีการจัด Brand Portfolio ให้กระชับมากขึ้นตาม Pricing Segmemt ภายใต้ 5 แบรนด์หลัก Brighton, Britania, Grand Britania, Belgravia และ Balco โดยปีนี้วางแผนเปิดโครงการใหม่ 6 โครงการ 7,500 ลบ. ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดอย่างบางแสน และภูเก็ต ภายใต้ Direction สำคัญคือ Craft & Love is Bri ที่มีด้วยกัน 3 แกนคือ Authentic Growth, Crafted Branding Campaign และ Crafted Expansion ไปสู่ธุรกิจใหม่อย่าง Wellness Service At Home, Pet Care Service, Interior & Landscape และ Renovation & Construction

สำหรับธุรกิจปลายน้ำประเภทบริการ ที่ครอบคลุม 2 ช่วงการอยู่อาศัย ตั้งแต่ Pre Living, Living และ Earning Services อย่าง Primo หลังจากเข้าตลาดมา 2 ปี ก็มีธุรกิจในกลุ่มประมาณ 18 บริษัทฯ ที่ครอบคลุมตั้งแต่งานวิศวกรรม งานออกแบบ บริหารงานนิติบุคคลและอาคาร บริหารจัดการด้าน Tenant Services ทั้งด้านงานบริการ ธุรกิจนายหน้างานขายรีเซล ปล่อยเช่า Living Tech ออกแบบ Interior ซ่อมแซมบำรุงรักษา ไปจนถึงสื่ออสังหา ได้มีการเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆไปจนถึง 101 โครงการ ครอบคลุมกว่า 44,650 ครอบครัว ในปีนี้จะเน้นในเรื่องของการส่งมอบคุณค่าให้ได้มากที่สุด, การ Balance Port Folio และการใช้ความได้เปรียบในเรื่องของการบริการแบบครบวงจร ไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม โรงพยาบาล หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และโรงงานอุตสาหกรรม เช่นเดียวกับการขยายงานไปสู่จังหวัดอื่นๆ เช่น ขอนแก่น EEC และภูเก็ต เพื่อผลักดันผลประกอบการไปสู่ 1,850 ลบ.

ในฝั่งของ Origin Hotel ที่โฟกัสธุรกิจโรงแรม มีไฮไลต์สำคัญปีที่แล้ว คือการมี Port Folio โรงแรมรวม 9 โรงแรม แบ่งเป็น 4 โครงการในกรุงเทพฯ และ 5 โรงแรมในต่างจังหวัด ที่มีรายได้รวมโตขึ้น 65%/ RevPar ขึ้นมา 31%/ Occupancy เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 72% ซึ่งในปีที่แล้วมี 2 โรงแรมเปิดใหม่ที่ Holiday Inn Express ระยอง และ Intercontinental Sukhumvit โดยในปีนี้จะมีโรงแรมใหม่อีก 3 แห่ง มีไฮไลท์คือ Duo Brand ที่พญาไท ที่มีทั้ง Hotel Indigo และ Holiday Inn Express

และส่วนกลุ่มสุดท้ายอย่าง Alpha Industrial Solutions ที่ทำธุรกิจคลังสินค้า และ Logistic ปัจจุบันมี 9 โครงการ บนพื้นที่รวม 383,039 Sq.m. ทั้งในรูปแบบ Ready Built และ Built to Suit โดยมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดคือบริเวณ EEC และมี Occupancy Rate โดยรวมถึง 97.6% เตรียมจะเข้า IPO ในอีก 2 ปี