wipawan khampuwiang เมื่อ 2 October, 2024 เวลา 18.39 pm
Prop score™: 4.0
คะแนนรีวิว: 0.0
0 รีวิว
ข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ
District Sukhumvit 77
บริษัทผู้สร้าง
AP (Thailand) PLC. บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด ( มหาชน )
สถานที่
ซอยอ่อนนุช 21 ถนนสุขุมวิท 77
สถานีรถไฟ BTS
-
สถานีรถไฟใต้ดิน
-
Airport Rail Link
-
สถานี BRT
-
พื้นที่
4-3-35 ไร่
ชั้น
CLINTON โฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น, BOROUGH โฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น, MADISON โฮมออฟฟิศ 5 ชั้น
ยูนิต
26 ยูนิต
ที่จอดรถ
CLINTON 6 คัน, BOROUGH 5 คัน, MADISON 7 คัน
ลิฟท์
1 ตัว
สิ่งอำนวยความสดวก
ไม่มีพื้นที่ส่วนกลาง
ประเภทยูนิต
ประเภท
Home Office
studio
-
1 bedroom
-
2 bedroom
-
3 bedroom
-
Duplex
-
Penthouse
-
ประเภทอื่นๆ
CLINTON พื้นที่ใช้สอย 380 ตร.ม. – ฟังก์ชัน 1 ห้องนอน, 2 ห้องน้ำ, 1 ห้อง Powder, 1 ห้องครัว, 1 ห้องอเนกประสงค์, 1 ห้องเก็บของ, 1 ห้องแม่บ้าน, 6 ที่จอดรถ, BOROUGH พื้นที่ใช้สอย 400 ตร.ม. – ฟังก์ชัน 1 ห้องนอน, 2 ห้องน้ำ, 1 ห้อง Powder, 1 ห้องครัว, 1 ห้องอเนกประสงค์, 2 ห้องเก็บของ, 1 ห้องแม่บ้าน, 5 ที่จอดรถ, MADISON พื้นที่ใช้สอย 536 ตร.ม. – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ, 3 ห้อง Powder, 1 ห้องครัว, 1 ห้องอเนกประสงค์, 2 ห้องเก็บของ, 1 ห้องแม่บ้าน, 7 ที่จอดรถ
ความสูงจากพื้นถึงเพดาน
เพดานมาตรฐานชั้นปกติสูงประมาณ 2.6 - 3 เมตร* ส่วนพื้นที่ Double Volume ประมาณ 6.4 เมตร* (กรุณาสอบถามทางเจ้าหน้าที่โครงการอีกครั้ง)
ราคาเริ่มต้น / ตรม.
72,500
ราคาเริ่มต้น / ยูนิต
29 ล้านบาท
ค่าส่วนกลาง
29 บาท/ตร.วา/เดือน
Sinking Fund fee
-
สร้างเสร็จ
ประมาณ ปี 2568
เว็บไซต์
https://www.apthai.com/th/homeoffice/district-sukhumvit-77
1623
District Sukhumvit 77 ให้ธุรกิจของคุณขึ้นสู่จุดสูงสุดของความสำเร็จ บนความภาคภูมิใจกับเพรสทีจ โฮมออฟฟิศที่งดงามที่สุด
โฮมออฟฟิศเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการอยู่อาศัยที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมในปัจจุบัน จากรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปของบริษัทต่างๆ รวมถึงผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่ใช้ Platform Digital, E-Commerce และ Social Media เป็นกุญแจสำคัญในการทำธุรกิจ ทั้งนี้ในอดีตที่ผ่านมาตลาดโฮมออฟฟิศส่วนใหญ่มักจะกระจายตัวอยู่ในเขตชุมชนย่านชานเมือง มีระดับราคาที่ไม่สูงมาก โดยมีรูปแบบที่คุ้นตาคือเป็นอาคารพาณิชย์ติดถนนใหญ่ที่สามารถใช้ทำประโยชน์ได้ทั้งเป็น Shophouse แบบมีหน้าร้านชั้นล่าง และทำเป็นพื้นที่สำนักงานในชั้นบน โดยมีชั้นบนสุดเป็นที่พักอาศัย แต่ก็ล้วนมีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่จอดรถที่ส่วนใหญ่แล้วถ้าจอดรถหน้าบ้านก็จะบังพื้นที่หน้าร้าน และจอดได้เพียงแค่ 1-2 คันเท่านั้น
โดยการออกแบบพื้นที่ใช้สอยก็เป็นสไตล์แบบตึกแถวที่มีหน้าบ้านไม่กว้างมากนัก แต่ตัวอาคารมีลักษณะยาวและลึก มีการนำเอาห้องน้ำไว้ตรงส่วนใต้บันได ซึ่งก็เป็นข้อจำกัดต่อการจัด Space เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยที่มอบความสมดุลทั้งในด้านการทำงาน และพักผ่อน บนสุขภาวะที่ดีได้ เพราะมีจุดด้อยที่ชัดเจนในเรื่องแสงสว่างและการระบายอากาศ มีเพียงหลังที่อยู่ด้านหน้า และหลังมุมเท่านั้นที่จะได้รับแสงและลมธรรมชาติ ขาดการสร้างเอกลักษณ์ให้แก่อาคาร ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจ เช่นเดียวกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับทั้งผู้อยู่ พื้นที่สาธารณะและผู้คนโดยรอบ จึงเป็นที่มาของการพัฒนาโครงการในรูปแบบเพรสทีจ โฮมออฟฟิศ ซึ่งเป็นการยกระดับขึ้นมาอีกขั้นจากโฮมออฟฟิศทั่วไป ด้วยทำเลที่อยู่ใจกลางเมืองกว่า และการนำเอางานออกแบบมาช่วยแก้ไขปัญหาเพื่อให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น โดยที่ยังช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมโยงพื้นที่อาศัยและพื้นที่ทำงานให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุลมากที่สุด
District Sukhumvit 77 (ดิสทริค สุขุมวิท 77) เป็นเพรสทีจ โฮมออฟฟิศ ที่ทางเอพี ไทยแลนด์ มองเห็นโอกาสในการพัฒนาจากเทรนด์การทำงาน ในแบบ ‘Workspitality’ (Working กับ Hospitality) ที่มุ่งเน้นในเรื่องของการสร้างประสบการณ์ทำงานที่ดี ควบคู่ไปกับการสร้างพื้นที่สุขภาวะที่ดีในการทำงานด้วย จึงไม่ใช่เป็นเพียงการจัดพื้นที่โต๊ะเก้าอี้ทำงานส่วนตัวและพื้นที่ส่วนกลาง บนอาคารสำนักงานแบบเดิมๆ โดยหลายๆ บริษัทชั้นนำ หรือบริษัท Start Up เกิดใหม่หลายแห่งล้วนมีการออกแบบพื้นที่ให้รองรับกิจกรรมการทำงานของพนักงานที่อาจต้องการใช้พื้นที่ในรูปแบบที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงของวัน และเพิ่มพื้นที่ส่วนกลางที่ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้มากขึ้น ซึ่งรวมถึงพื้นที่ประชุมหรือทำงานกลุ่ม พื้นที่ Workshop พื้นที่สำหรับการสังสรรค์พูดคุย หรือ Breakout area รวมไปถึงพื้นที่สำหรับการทำงานที่ต้องใช้ความเป็นส่วนตัว หรือแม้กระทั่ง Recreation Area เช่น พื้นที่นอนงีบ พื้นที่ Game Room หรือ Rooftop Party ซึ่งการต้องการพื้นที่ Flexible Area ในสไตล์ Hybrid Workplace แบบนี้จำเป็นต้องหาจากอาคารสำนักงานสมัยใหม่ ที่มีอัตราค่าเช่าต่อตารางเมตรที่ค่อนข้างสูง
อีกทั้งยังมีข้อจำกัดที่สำคัญในเรื่องของความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในตัวอาคาร ประเภทของกิจการที่สามารถเปิดได้ และความไม่แน่นอนของอัตราค่าเช่าที่อาจจะปรับขึ้นในทุกวงรอบสัญญา ดังนั้นการซื้อเพรสทีจ โฮมออฟฟิศ เป็นของตัวเองเลย จึงเป็นคำตอบที่เหมาะสมมากที่สุด อีกทั้งยังตอบโจทย์ในเรื่องของการลงทุนขายต่อ หรือปล่อยเช่าในระยะยาวได้อีกด้วย
District Sukhumvit 77 กับงานสถาปัตยกรรมอันงดงามเหนือกาลเวลา ในสไตล์ New York Renaissance Revival
ต้องบอกว่าปกติแล้วเรามักจะไม่ค่อยเห็นแบรนด์บ้านประเภทโฮมออฟฟิศจากเอพีอย่าง District (ดิสทริค) เข้ามาทำตลาดมากเท่าไหร่ แตกต่างจากแบรนด์บ้านแฝดอื่นๆ ทั้ง บ้านกลางเมือง The Edition และ บ้านกลางเมือง Classe ที่มีโครงการเปิดใหม่แทบจะทุกไตรมาส โดยในปัจจุบันโครงการภายใต้แบรนด์ District มักจะมี Perception ในเรื่องของการเป็นโฮมออฟฟิศ 3 ชั้น ที่มอบ Value for Money ราคาเพียงแค่ 3 – 4 ล้านบาท สำหรับการทำกิจการค้าขายบนทำเลใจกลางย่านชุมชนแถบชานเมือง แต่กับแบรนด์ล่าสุดอย่าง District Sukhumvit 77 นี่ต้องบอกว่าเป็นการพลิกโฉม Uplift ครั้งสำคัญของแบรนด์ นับตั้งแต่การเปิดตัว District โครงการแรกที่ศรีวรา กับคอนเซปท์การออกแบบที่เปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์อันงดงามสุดดึงดูดใจในสไตล์ New York Renaissance Revival ที่นำเอาเอกลักษณ์ของงานสถาปัตยกรรมอันงดงามเหนือกาลเวลาที่มหานครนิวยอร์ก ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ต่อเนื่องต้นศตวรรษที่ 20 มาดีไซน์ใหม่ให้เป็นอาคารบ้านแฝดสูงตั้งแต่ 3.5 – 5 ชั้น ที่ยังคงอัตลักษณ์เฉพาะตัวอย่างเช่น Facade แบบสมมาตร ที่มีการแบ่งสัดส่วนระหว่างชั้นที่แตกต่างกันออกไปให้เห็นชัดเจนด้วยอิฐสีแดง ตัดกับปูนสีขาว กระจกบานใหญ่ และโลหะรูปทรงซุ้มโค้งสีดำ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นสไตล์การออกแบบที่แตกต่างจากโฮมออฟฟิศทุกแห่งที่มีอยู่ในตลาดตอนนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งก็แน่นอนว่าด้วย Space & Style ที่มีแต้มต่อที่มากกว่า จึงช่วยสะท้อนภาพลักษณ์อันโดดเด่นของธุรกิจคุณ เช่นเดียวกับมอบภาคภูมิใจให้กับผู้เป็นเจ้าของได้ในทุกครั้งที่มีลูกค้าแวะมาเยี่ยมชมอีกด้วย
โครงการ District Sukhumvit 77 ตั้งอยู่ในซอยอ่อนนุช 21 บริเวณด้านหน้าติดถนนใหญ่ มีทางเข้า – ออกถึง 2 ทาง มีเพียงแค่ 26 หลังเท่านั้น กับแบบบ้าน 3 แบบ แบ่งเป็นบ้านแฝด 3.5 ชั้น Clinton จำนวน 2 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 380 ตารางเมตร และ Borough จำนวน 8 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 400 ตารางเมตร และบ้าน 5 ชั้น Madison จำนวน 16 ยูนิต มอบพื้นที่ใช้สอยแบบใหญ่เบิ้ม เป็นอาณาจักรแห่งความสำเร็จได้ถึง 536 ตารางเมตร หน้าบ้านกว้าง 9 เมตร จอดรถได้สูงสุด 7 คัน รองรับการต่อเติมได้รอบบ้าน เช่นเดียวกับการทุบผนังติดกันได้เลย เพราะลงเสาเข็มไว้ทั่วบริเวณ และก่อสร้างแบบ Conventional บนที่ดินโครงการขนาด ประมาณ 4 ไร่
อ่อนนุช Residential Area ที่เชื่อมต่อใจกลางเมืองกรุงเทพฯ และชานเมืองได้ง่าย
District Sukhumvit 77 (ดิสทริค สุขุมวิท 77) ตั้งอยู่ในทำเลใจกลางอ่อนนุช เรียกว่าเป็นโครงการติดถนนใหญ่เลยก็ได้ เพราะอยู่ที่บริเวณ AP Community บริเวณซอยอ่อนนุช 21 ที่ประกอบไปด้วยโครงการ แอสปาย สุขุมวิท – อ่อนนุช และบ้านกลางเมือง คลาสเซ่ สุขุมวิท 77 เป็นอาณาจักรของเอพีเลยก็ว่าได้ โดย District Sukhumvit 77 จะอยู่ช่วงบริเวณด้านหน้าติดถนนใหญ่ และติดถนนทางเข้าโครงการทั้งสองทางเลย เชื่อมต่อถนนสุขุมวิท ใกล้รถไฟฟ้าและทางด่วน ใกล้แลนด์มาร์กศูนย์กลางธุรกิจสำคัญ ใจกลางย่านแหล่งไลฟ์สไตล์ และสถานศึกษานานาชาติ ให้คุณเชื่อมต่อการใช้ชีวิตเมืองแบบเต็มที่ทุกรูปแบบ
ย่านอ่อนนุช เป็นย่าน Residential Area ที่น่าอยู่ ในปัจจุบันถูกเติมเต็มความอยู่เพิ่มขึ้นด้วยห้างสรรพสินค้า อย่าง Century Sukhumvit, Big C, Lotus, People Park มีร้านอาหารต่างๆ และมี Habito Mall ด้านใน T77 ด้วย โดยศักยภาพของทำเล เดินทางสะดวกสบาย ใกล้ถนนสุขุมวิทเส้นหลัก 2 กิโลเมตร พร้อมทั้งยังเป็นย่านที่เชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าถึง 2 สายด้วยกัน คือ สายสีเขียว ที่เป็นสายหลักของคนกรุงเทพฯ ที่สถานีอ่อนนุชในระยะทาง 2.2 กิโลเมตร ใกล้แยกศรีนุชเพื่อเชื่อมไปยังถนนศรีนครินทร์ ที่มีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองคอยให้บริการผู้คนในย่านใกล้เคียงอีกด้วย เพียง 20 นาทีถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ก็ง่าย สามารถเชื่อมต่อไปถนนสุขุมวิท ถนนพัฒนาการ ถนนศรีนครินทร์ได้ง่าย นอกจากนี้ยังใกล้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ทางด่วนเฉลิมมหานคร และทางด่วนบูรพาวิถี รวมถึงใกล้โรงพยาบาล และโรงเรียนต่างๆ ที่อยู่หนาแน่นในย่านนี้อีกด้วย
และยังเป็นย่านที่แวดล้อมไปด้วยแหล่งงานจำนวนมาก ไม่ว่าจะอยู่ในย่านอ่อนนุชเอง หรือย่านใกล้เคียง รวมไปจนถึงย่านบางนาที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อกันได้ง่าย แหล่งงานใหญ่ๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาคารสำนักงาน และหน่วยงานต่าง ๆ เช่น โซนถนนสุขุมวิท DKSH สำนักงานใหญ่, สำนักงานขนส่งกรุงเทพฯ, Summer Hub, สำนักงานเขตพระโขนง, True Digital Park, M Tower, BITEC บางนา และเดินทางไปออฟฟิศโซนถนนพระรามสี่ได้ง่าย เช่น มาลีนนท์ ทาวเวอร์, FYI Center, The PARQ สะดวกสบายทั้งคนที่ใช้รถสาธารณะและรถยนต์ส่วนตัวเลยก็ว่าได้ จึงทำให้ย่านอ่อนนุชเป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ ของคนที่ทำงานในย่านสุขุมวิท ศรีนครินทร์ บางนา อาจจะรวมไปถึงทางสมุทรปราการ ที่เข้ามาพักอาศัยในย่านนี้ เนื่องจากสามารถเดินทางเชื่อมต่อย่านอื่นได้ง่าย และแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย หาของกินง่ายเหมือนกันเพราะใช้บริการ Delivery ก็เรียกซื้ออาหารจากร้านดังได้หมด
ทางเข้าหลักของโครงการ แอสปาย สุขุมวิท – อ่อนนุช, บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ สุขุมวิท 77 และ ดิสทริค สุขุมวิท 77 มีเลนจักรยานรองรับ ถนนกว้าง ขับสวนเลนกันได้
อีกหนึ่งทางเข้าติดกับป้ายซอยอ่อนนุช 21 แคบกว่าถนนหลักไม่มาก
พื้นที่ของโครงการดิสทริค สุขุมวิท 77 รวม 26 ยูนิต เริ่มตั้งแต่ตรงนี้ที่เคยเป็น Sales Gallery เก่าของโครงการ คลาสเซ่
พื้นที่ฝั่งตรงข้ามเป็นของ landlord รายอื่น กำลังทำการก่อสร้าง เป็นรูปแบบของพื้นที่ให้เช่าทำธุรกิจ แอบเห็นเปิดเป็นร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อด้วย แบบนี้ผู้อยู่อาศัยโครงการด้านในก็เดินมาซื้อของใกล้ๆ ได้เลย
ระยะทางจาก BTS สายสีเขียว สถานีอ่อนนุช เพียง 2.2 กิโลเมตร ใครขี้เกียจขับรถแล้วอยากนั่งรถไฟฟ้าแทนก็สะดวกมาก
หรือใครมีธุระแถวๆ ศรีนครินทร์ ก็สามารถใช้บริการของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองได้ที่สถานีศรีนุช ในระยะทาง 4.3 กิโลเมตร
Unit Plan & Floor Plan
ในโครงการมีบ้านทั้งหมด 26 ยูนิต พร้อมแบบบ้าน 3 แบบ คือ MADISON, BOROUGH และ CLINTON พื้นที่โครงการเป็นแนวยาวตามทางของถนนภายในโครงการ ไม่มีประตูโครงการที่ต้องแลกบัตรก่อนเข้า แต่มี รปภ. ดูแลความปลอดภัยของลูกบ้านทุกหลัง
แบบบ้าน MADISON ขนาด 5 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 536 ตารางเมตร จอดรถได้สูงสุด 7 คัน บ้านหน้ากว้างประมาณ 9 เมตร* และบ้านหลังมุมมีพื้นที่สวนกว้างให้สำหรับปลูกต้นไม้ได้ เหมาะกับคนทำออฟฟิศ และเจ้าของกิจการขนาดกลางที่มีธุรกิจที่ต้องการใช้ Space ที่แตกต่างกันไปในแต่ละชั้น โดยชั้น 1 – 3 เป็นส่วนของพื้นที่ที่ใช้ทำออฟฟิศ และทำธุรกิจต่างๆ เป็นพื้นที่โล่งๆ กว้างๆ มี Powder Room รองรับหลายห้อง พร้อมพื้นที่ Double Volume สูงถึงประมาณ 6.5 เมตร กับช่องแสงบานใหญ่เต็มบานช่วยให้บ้านได้รับแสงธรรมชาติตลอดทั้งวัน ส่วนพื้นที่ชั้น 4 – 5 เป็นพื้นที่พักผ่อน ที่ปรับฟังก์ชั่นเป็นห้องนอนส่วนตัวได้ ภายในห้องกว้าง มีความเป็นส่วนตัว และในห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำ ในบ้านติดตั้งลิฟต์ให้ทุกหลัง มีชั้นดาดฟ้าที่เป็นพื้นที่โล่งกว้าง ให้คุณได้ขึ้นไปใช้ประโยชน์อีกด้วยนะ
แบบบ้าน BOROUGH ขนาด 3 ชั้นครึ่ง พื้นที่ใช้สอย 400 ตารางเมตร จอดรถได้ 5 คัน โดยไทป์นี้ก็ปรับฟังก์ชั่นเป็นออฟฟิศได้เช่นเดียวกัน แต่จะจุพนักงานได้จำนวนน้อยกว่าบ้านไทป์แรก บริเวณชั้น 1 ถึงชั้นลอย ใช้เป็นพื้นที่ออฟฟิศ และทำธุรกิจได้ Double Volume สูงประมาณ 6.5 เมตร และชั้น 3 ออกแบบให้เหมือนกับ Penthouse เป็นพื้นที่พักผ่อนส่วนตัวทั้งชั้น มีห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว และในห้องน้ำติดตั้งอ่างอาบน้ำให้
แบบบ้าน CLINTON ขนาด 3 ชั้นครึ่ง พื้นที่ใช้สอย 380 ตารางเมตร บ้านไทป์เล็กสุดในโครงการ แต่ได้พื้นที่ดินใหญ่สุด มีเพียง 2 ยูนิตเท่านั้น จอดรถสูงสุดถึง 6 คัน โดยไทป์นี้จะปรับฟังก์ชันเป็นออฟฟิศหรือบ้านที่ใช้อยู่อาศัยเองก็ได้ทั้งคู่ เนื่องจากมีพื้นที่น้อยกว่า 2 ไทป์ก่อนหน้า หากทำเป็นออฟฟิศก็จะลดจำนวนพนักงานลงมาอีก เป็นโฮมออฟฟิศย่อมๆ นั่นเอง ซึ่งส่วนออฟฟิศก็จะใช้ได้ตั้งแต่บริเวณชั้น 1 ถึงชั้นลอย มี Double Volume สูงประมาณ 6.5 เมตร สูงไปถึงชั้นลอย และชั้น 3 เป็นส่วนพักผ่อนทั้งชั้น
บ้านตัวอย่าง
แบบบ้าน MADISON (หลังซ้ายมือ) ขนาด 5 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอย 536 ตารางเมตร หน้าบ้านกว้าง 9 เมตร จอดรถได้สูงสุด 7 คัน โดยบ้านในโครงการเป็นสไตล์บ้านแฝด ที่มีพื้นที่เชื่อมติดกัน เพียงแค่ส่วนของพื้นที่ติดกับหลังข้างๆ จะเป็นส่วนของออฟฟิศที่บริเวณชั้นล่าง ไม่ใช่ส่วนห้องนอน ทำให้เจ้าของบ้านรู้สึกมีความเป็นส่วนตัว และเงียบสงบในเวลาพักผ่อน
โดยโครงการถูกออกแบบในสไตล์ New York Renaissance Revival ที่นำเอาเอกลักษณ์ของงานสถาปัตยกรรมอันงดงามเหนือกาลเวลาที่มหานครนิวยอร์ก ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ต่อเนื่องต้นศตวรรษที่ 20 มาดีไซน์ใหม่ บริเวณ Facade หน้าบ้านแบบสมมาตร ที่มีการแบ่งสัดส่วนระหว่างชั้นที่แตกต่างกันออกไปให้เห็นชัดเจนด้วยอิฐสีแดง ตัดกับปูนสีขาว กระจกบานใหญ่ และโลหะรูปทรงซุ้มโค้งสีดำ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นสไตล์การออกแบบที่แตกต่างจากโฮมออฟฟิศทุกแห่งที่มีอยู่ในตลาดตอนนี้เลยก็ว่าได้
หน้าบ้านจอดรถสูงสุดได้ 7 คัน บริเวณหน้าบ้านสามารถติดตั้งหลังคาโรงจอดรถได้
ประตูหน้าบ้านแบบไฟฟ้าที่ใช้รีโมทเปิด – ปิดได้ ให้ทุกหลัง ประตูเปิดได้กว้าง ช่วยให้สามารถขับรถเข้า – ออกได้ง่าย
ช่องเก็บขยะและ Mail Box หน้าบ้าน
พื้นที่บ้านหลังมุม ได้สวนข้างบ้านขนาดใหญ่ ที่ปรับพื้นที่ให้เป็นสวนหย่อมเล็กๆ มีที่นั่งให้พนักงานมารับแดดรับลมนอกบ้านได้
พื้นที่กว้าง ปลูกต้นไม้ใหญ่ๆ เพื่อให้ร่มเงาได้หลายต้น
สวนยาวเชื่อมต่อไปถึงบริเวณหลังบ้าน พร้อมรั้วสูงเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย
ทางเข้าบ้านบริเวณชั้น 1
หน้าบ้านติดตั้ง Digital Door Lock ให้ทุกหลัง และบานหน้าต่างใช้ของ Tostem ทั้งหมด
ซึ่งบริเวณชั้น 1 เป็นส่วน Foyer จะมีการวางผังที่นี่แบ่งออกเป็น Public & Working Area สามารถจัดสรรให้เป็นทั้งพื้นที่ Reception, Workshop, Showcase, Meeting Room ได้ เพดานชั้นนี้สูง 2.6 เมตร
เดินเข้ามาก็จะเป็นส่วนของบันได และห้องน้ำที่มี Universal Design ไว้รองคนใช้วีลแชร์และผู้สูงอายุด้วย
พื้นที่ตรงนี้ ทางโครงการมีการปรับฟังก์ชันให้เป็นพื้นที่ Multi-Purpose เพิ่มมาอีก 1 ห้อง ซึ่งบ้านจริงจะไม่มีพื้นที่ส่วนนี้ แต่จะเป็นที่จอดรถแทน
ซึ่งเจ้าของบ้านที่เป็นเจ้าของกิจการขนาดกลางมีธุรกิจที่มีลูกค้าหมุนเวียนเข้าออกทุกวันเยอะๆ ต้องการใช้ Space ที่แตกต่างกันไปในแต่ละชั้นมากๆ ไม่ว่าจะเป็น Health & Wellness Center, Dental Clinic, โรงพยาบาลสัตว์ ในแบบ Total Solution พร้อม Pet Day Care, ร้านอาหาร และคาเฟ่แบบผสมผสาน บ้านไทป์นี้ก็ตอบโจทย์มากๆ หรือใครอยากได้บ้านตัวอย่าง หลังนี้ก็ขายนะ ในราคา 44 ล้านบาท ตกแต่งพร้อมเข้าอยู่ได้เลย
ต่อเติมแบบนี้ก็ได้พื้นที่เพิ่มขึ้นเยอะเหมือนกันนะ
ห้องน้ำชั้น 1 กว้างมาก
โครงการติดตั้งลิฟท์ให้ทุกหลัง สะดวกต่อการขึ้น – ลง และลิฟท์ที่นี่คือเกรด Commercial ดังนั้นค่า Maintenance ต่อปีก็ค่อนข้างสูงหน่อย ประมาณปีละ 80,000 บาท ซึ่งก็เหมาะกับคนทำออฟฟิศ เปิดกิจการที่ต้องมีการใช้ลิฟท์ขึ้น – ลงบ่อยๆ หลายรอบต่อวัน
บริเวณชานพักบันไดมีช่องแสง เพิ่มความสว่างภายในบ้านได้
ชั้น 2 ข้างลิฟท์มีห้องเก็บของ เพดานชั้นนี้สูง 2.7 เมตร
ชั้นนี้เป็นพื้นที่โล่งๆ ทั้งชั้น ไม่มีประตู สามารถปรับให้เป็นห้องทำงานได้ โซนนั่งทำงานที่จุได้สูงสุด 36 ที่นั่ง* ออฟฟิศไหนที่มีพนักงานเยอะก็ไม่ต้องกังวล เพราะออฟฟิศที่นี่จุคนได้เยอะมาก
ช่องแสงเยอะ ทำให้ห้องสว่างตลอดทั้งวัน
ชั้นนี้มีไฮไลท์เป็นส่วนโถง Double Volume สูงประมาณ 6.5 เมตร รับวิวด้านหน้าถนนสวยมากๆ
มุมนี้รับแสงธรรมชาติได้เต็มๆ ด้วยหน้าต่างบานใหญ่แบบเต็มความสูง จะจัดเป็นห้องประชุม หรือห้องอื่นๆ ได้ตามใจชอบ
เพดานสูง มองเห็นบริเวณชั้น 3 ได้
พื้นที่ด้านหลังมี Powder Room 2 ห้อง และสามารถตกแต่งเป็นห้องครัวไว้สำหรับพนักงานในออฟฟิศได้ โดยบ้านจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆ โปร่งๆ แต่มีการวางงานระบบเอาไว้ให้
ด้านนอกเชื่อมต่อกับบันไดหนีไฟหลังบ้าน
Powder Room มีสองห้องรองรับพนักงานได้หลายคน มีช่องแสงด้านใน
บันไดหนีไฟหลังบ้าน
ชั้น 3 มีห้องเก็บของข้างลิฟต์
ห้องนี้ก็จัดเป็นโซนห้องทำงานของพนักงานได้เช่นกัน
จัดวางโต๊ะได้หลายชุด พร้อมกั้นเป็นห้องผู้จัดการ ผู้บริหารได้อีก 1 ห้อง
กั้นเป็นห้องส่วนตัวได้แบบนี้เลย
พื้นที่ Double Volume สูงขึ้นมาถึงชั้นนี้ ทำให้สามารถมองเห็นพื้นที่บริเวณชั้น 2 ได้
พื้นที่ของชั้น 4 และชั้น 5 ที่ Dedicate เป็นพื้นที่พักอาศัยแบบคอนโดดูเพล็กซ์ เพนท์เฮ้าส์ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พร้อมอ่างอาบน้ำ ตรงจุดนี้ก็จะแตกต่างจากโฮมออฟฟิศทั่วๆ ไปที่มักจะให้แค่พื้นที่แบบโล่งๆ มาให้ มีห้องน้ำเล็กๆ ชิดริมระเบียง โดยที่โซน Private Area ก็จะไม่ค่อยมีดีเทลในการออกแบบเพื่อการพักผ่อนมากสักเท่าไหร่
มี Courtyard ไว้รับลมเย็นๆ ด้านนอกได้ โครงการติดตั้งต้น Silver Oak ให้
ชั้นนี้ทำให้รู้สึกเหมือนกับเราได้อยู่ในห้อง Duplex Penthouse บนคอนโดสูงเลย ได้เปิดรับมุมมองที่สูงกว่าการอยู่บ้านแนวราบปกติ มีส่วน Living, Kitchen, Dining แบบ Open Plan พร้อมช่อง Void สูงประมาณ 6.5 เมตร
มี Powder Room สำหรับคนที่ไม่อยากเดินผ่านห้องนอนเพื่อไปเข้าห้องน้ำ
ห้องนอนกว้าง มีห้องน้ำในตัว เพดานห้องสูง 3 เมตร
หน้าห้องน้ำมีพื้นที่ติดตั้ง Walk – in Closet ได้
ชั้น 5
โดยที่ชั้น 5 ก็จะเป็น Master Bedroom ทั้ง Floor ที่มี Gimmick เป็นระเบียง Private Balcony รูปตัว L มองเห็นต้นไม้ใหญ่ ที่มีบานเลื่อนเปิด – ปิดแบบเข้ามุม เพดานสูง 3 เมตร
ในห้องนอนมีช่องแสงเยอะ ห้องสว่างได้ทั้งวันโดยไม่ต้องเปิดไฟเลย
Private Balcony รูปตัว L มองเห็นต้นไม้จากชั้น 4 ได้
ต้น Sliver Oak สูงขึ้นมาถึงชั้น 5
ห้องมีพื้นที่กว้าง Built – in เป็น Walk – in Closet ขนาดใหญ่ได้เลย
ห้องน้ำให้อ่างล้างมือแบบ His & Her พร้อมอ่างอาบน้ำ
ห้องน้ำโทนสีสว่าง ให้ความรู้สึกโปร่งและไม่อึดอัด
ชั้นดาดฟ้า มีลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นนี้เลย
Powder Room ติดลิฟท์
ทางโครงการต่อเติมส่วนดาดฟ้าครึ่งนึงให้เป็นห้องเอนกประสงค์ พร้อมติดแอร์ ให้สามารถใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ เป็นห้องพักพนักงาน ห้องเอนกประสงค์ หรือห้องทำงานอีกหนึ่งห้องก็ยังได้
พื้นที่ดาดฟ้ากว้างและโปร่งมาก จัดเป็นพื้นที่พักผ่อน Outdoor ได้เช่นกัน
บ้านจริง
แบบบ้าน MADISON มีพื้นที่ใช้สอย 536 ตารางเมตร
บ้านจริงไม่มีห้องด้านข้างเหมือนบ้านตัวอย่าง สามารถจอดรถซ้อนคันลึกเข้าไปด้านในได้
หลังบ้านมีห้องนอนแม่บ้าน 1 ห้อง
พื้นที่ด้านในบริเวณชั้น 1 จัดเป็นส่วน Reception ไว้ต้อนรับลูกค้าแบบนี้ได้ เพดานสูง 2.6 เมตร แบบฉาบเรียบทาสีขาว
ห้องน้ำติดบันไดและลิฟท์
ชั้น 2
บ้านจริงเป็นพื้นที่โล่งๆ แบบนี้เลย เจ้าของบ้านสามารถเลือกกั้นห้องได้ตามความต้องการ เพดานสูง 2.7 เมตร
มี Double Volume สูงประมาณ 6.5 เมตร และกระจกบานใหญ่แบบเต็มความสูง ช่วยให้บ้านสว่างขึ้นอย่างมาก
ชั้น 3
ชั้นนี้ก็เป็นพื้นที่โล่งๆ เช่นกัน ไม่มีการกั้นห้องและติดตั้งประตูให้
เพดานห้องสูง 2.7 เมตร
Double Volume สูงต่อเนื่องขึ้นมาถึงชั้นนี้
ชั้น 4 เป็นส่วนพักผ่อน โครงการกั้นให้เป็นห้องนอน Living และ Dining เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเจ้าของบ้านรวมถึงสมาชิกในครอบครัว
พื้นที่ Courtyard ด้านนอก ได้ต้น Sliver Oak
ต้นไม้สูงไปถึงระเบียงชั้น 5
ห้องน้ำชั้น 4 ไม่มีอ่างอาบน้ำ
ชั้น 5
ห้องนอนกว้าง พร้อมระเบียงรูปตัว L
ห้องน้ำให้อ่างอาบน้ำ
ดาดฟ้าของบ้านจริงจะโล่งๆ แบบนี้ ใครอยากกั้นห้องแบบบ้านตัวอย่างก็สามารถทำได้
สรุปจุดเด่นโครงการ District Sukhumvit 77
โครงการเป็นโฮมออฟฟิศใหม่ ดีไซน์เปี่ยมเอกลักษณ์ ติดถนนใหญ่ หนึ่งเดียวในย่านสุขุมวิท – อ่อนนุช มีแบบบ้านให้เลือกถึง 3 แบบ ทั้ง 3.5 ชั้น และ 5 ชั้น ที่มอบดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งานที่ต่างกัน ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบสไตล์ New York Renaissance Revival โดดเด่นด้วย Façade อิฐสีแดง และซุ้มโค้งโลหะ มีการผสานความสมดุลระหว่างรสนิยม และธรรมชาติที่แทรกเข้ามาในบ้านจากต้นไม้ใหญ่ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ลงตัว ได้สังคมคุณภาพ ท่ามกลางศูนย์รวมของโครงการที่อยู่อาศัยจากเอพีบนย่านอ่อนนุช Exclusive เพียงแค่ 26 หลัง บ้านหน้ากว้างสูงสดถึง 9 เมตร* จอดรถได้มากตั้งแต่ 5 – 7 คัน มาพร้อมลิฟท์โดยสารภายในบ้านทุกหลัง มีค่าส่วนกลางสุดประหยัดเพียง 29 บาทต่อตารางวาต่อเดือน บริเวณชั้น 1-3 สามารถสร้างพื้นที่ออฟฟิศที่จุได้สูงสุดถึง 36 ที่นั่ง* และชั้น 4-5 เป็นพื้นที่พักอาศัยแบบคอนโดดูเพล็กซ์ เพนท์เฮ้าส์ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พร้อมอ่างอาบน้ำ เหมาะกับธุรกิจขนาดกลางมีพนักงานทำงานประมาณ 30 คน หรือกิจการที่มีลูกค้าเข้าใช้บริการทุกวัน โครงการออกแบบเลย์เอาท์ง่ายต่อการกั้นห้องเพื่อลงทุนปล่อยเช่า เป็นรายชั้น แยกประเภทธุรกิจกัน
โดยโครงการนี้น่าจะเหมาะกับกลุ่มคนที่ทำบริษัทฯ ขนาดกลางที่มีพนักงานราวๆ 20 คนขึ้นไป ส่วนบริษัทขนาดเล็กที่มีพนักงานน้อยๆ คงจะไม่เหมาะ หรืออยู่เองเป็นบ้านเพียงแค่ 2-3 คนก็คงดูแปลกๆ เพราะรูปแบบเป็นบ้านแนวสูง ที่มีพื้นที่เปิดโล่งเยอะแบบแยกชั้นมากจริงๆ ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร อีกทั้งห้องน้ำแบบ Fully Equipped อาบน้ำได้ก็มีแค่ 3 ห้อง ถ้าอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่แบบ 6 – 7 คนก็อาจจะต้องใช้บริการลิฟท์เยอะหน่อย และลิฟท์ที่นี่คือเกรด Commercial ดังนั้นค่า MA ต่อปีก็ค่อนข้างสูงหน่อย ประมาณปีละ 80,000 บาท ซึ่งก็เหมาะกับคนทำออฟฟิศเปิดกิจการ ที่เอามาหักค่าใช้จ่ายได้ มากกว่าคนซื้ออยู่เอง ส่วนอีกกลุ่มที่เหมาะคือเจ้าของกิจการขนาดกลางที่มีธุรกิจที่มีลูกค้าหมุนเวียนเข้าออกทุกวันเยอะๆ ต้องการใช้ Space ที่แตกต่างกันไปในแต่ละชั้นมากๆ ไม่ว่าจะเป็น Health & Wellness Center, Dental Clinic, โรงพยาบาลสัตว์ ในแบบ Total Solution พร้อม Pet Day Care, ร้านอาหาร และคาเฟ่แบบผสมผสาน ที่เรามองว่าน่าจะ work ก็คือพวก Art Gallery ที่ผสมทั้ง Studio ถ่ายภาพ และพื้นที่แฮงค์เอาท์ ที่มีสไตล์เหมาะกับการถ่ายรูปลงโซเชียลหน่อย ค่าส่วนกลางก็ถูกเพราะจะมีแค่ค่าบำรุงถนน เก็บขยะ กับ Security คือตกตารางวาละ 29 บาทเท่านั้น ประมาณหลังละ 16,0000 บาทต่อปีเอง ประหยัดกว่าการซื้อบ้านเดี่ยวบนขนาดพื้นที่ดินแบบเดียวกันไปเยอะเลย
ส่วนคนที่ซื้อมาหวังจะปล่อยเช่า จริงๆ แล้วผังแต่ละชั้นที่นี่ก็สามารถทำประตูกั้นส่วนแยกการใช้งานระหว่างชั้นได้ อีกทั้งลิฟท์ก็อยู่บริเวณโถงบันไดอยู่แล้ว สามารถซื้อมาซอยแบ่งปล่อยเช่าได้ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการประกอบกิจการที่กว้างกว่า ดึงดูดสายตามากกว่า และที่ตั้งดีกว่าบ้านกลางเมือง คลาสเซ่ สุขุมวิท 77 ถ้าจะเปรียบเทียบความคุ้มค่าในด้านของการเช่า กับการซื้อเป็นเจ้าของ ก็อยากให้ลองพิจารณาจากอัตราค่าเช่าสำนักงานในย่านสุขุมวิทตอนปลาย ซึ่งจะมีราคาต่อตารางเมตรอยู่ที่ราวๆ ตารางเมตรละ 700 บาทขึ้นไป หากเป็นพื้นที่เท่ากับ 536 ตารางเมตร ก็จะต้องเสียค่าเช่าถึงเดือนละ 375,200 บาท ยังไม่รวมค่า Deposit และแนวโน้มที่จะขึ้นราคา อีกทั้งถ้าเราออกหลังสัญญาก็จะต้องไปเสียค่าตกแต่งที่ใหม่อีก แต่ถ้าซื้อในราคา 33 ล้านบาท ก็จะเท่ากับผ่อนธนาคารแค่ราวๆ เดือนละ 2 แสนกว่าบาท ถือว่าประหยัดและคุ้มค่ากว่ากันเยอะในระยะยาว หากไม่อยากทำธุรกิจแล้ว ก็ยังสามารถปล่อยเช่า หรือขายต่อได้อีก
District สุขุมวิท 77 เพรสทีจ โฮมออฟฟิศ ใหม่ล่าสุดจากเอพี ติดถนนสุขุมวิท 77 ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช และ MRT ศรีนุช เชื่อมต่อพัฒนาการ-ศรีนครินทร์-บางนา เริ่มต้น 33 ล้านบาท*
ทำเลจุดเชื่อมต่อสู่ใจกลางเมือง ใกล้ Bangkok Prep International School, EM District และ the COMMONS ต่อติดดุลยภาพแห่งความสำเร็จได้ทุกจุดหมาย เพียง 20 นาทีถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ* ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษสูงสุด 1,000,000 บาท* และนัดหมายเข้าชมโครงการได้ที่นี่ https://apth.ly/mhi0
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
#APThai #ชีวิตดีๆที่เลือกเองได้ #ที่ที่ดีที่สุดจากเอพี #APHomeOffice #APTownhome #District #สุขุมวิท77 #DistrictSukhumvit77 #HomeOffice #โฮมออฟฟิศ
จบทางด้านภาษาไทยและชอบงานเขียน ชอบอ่านและดูรูปภาพรีวิวบ้าน คอนโดต่างๆ เบื่อกับการอยู่ห้องทั้งวันแบบไม่มีอะไรทำ ฉะนั้นงานอดิเรกก็เลยชอบหาที่เที่ยวและถ่ายภาพ
โฮมออฟฟิศเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการอยู่อาศัยที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมในปัจจุบัน จากรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปของบริษัทต่างๆ รวมถึงผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่ใช้ Platform Digital, E-Commerce และ Social Media เป็นกุญแจสำคัญในการทำธุรกิจ
PROPSCORE™ 4.0
0
0 รีวิว รูป
จบทางด้านภาษาไทยและชอบงานเขียน ชอบอ่านและดูรูปภาพรีวิวบ้าน คอนโดต่างๆ เบื่อกับการอยู่ห้องทั้งวันแบบไม่มีอะไรทำ ฉะนั้นงานอดิเรกก็เลยชอบหาที่เที่ยวและถ่ายภาพ
12 ปี กรุงเทพมหานครเปลี่ยนไปแค่ไหน?
EURO ยกระดับ Design District ใจกลางทองหล่อ เปิดตัว Poltrona Frau Monobrand Store แห่งใหม่! ส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้า
สโคป หลังสวน เผยโฉมครั้งแรกกับยูนิตพิเศษ “The Debonair Edition” 2-bedroom เลย์เอาต์ใหม่ ที่จะมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือกว่า
นิว อีโว พัฒนาการ คอนโดฟีลบ้าน สเปซกว้าง เลี้ยงสัตว์ได้* ใกล้ทองหล่อ และรถไฟฟ้า 2 สาย เริ่ม 2.95 ล้าน*
SCX Corporation Co., Ltd. บริษัทเรือธงธุรกิจใหม่ในเครือ SC Asset ที่ขับเคลื่อนธุรกิจ Engine2 หรือ Recurring Income (ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ)