รีวิว CULTURE Thonglor โอกาสใหม่ ให้คนที่อยากสัมผัสชีวิตแบบหล่อ ๆ บนทำเลทองหล่อ ในราคาสบายกระเป๋า

สรุปจุดเด่นน่าซื้อของ CULTURE Thonglor คอนโดแบรนด์ใหม่ล่าสุดจาก Ananda Development

จากการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ล่าสุด CULTURE ของ Ananda ในหลายทำเล CULTURE Thonglor (คัลเจอร์ ทองหล่อ) เป็นหนึ่งในโครงการที่น่าสนใจมากสำหรับคนที่ฝันอยากมีคอนโดอยู่ในย่านทองหล่อ

สิ่งน่าสนใจที่ CULTURE Thonglor โดดเด่นแตกต่างจากโครงการอื่น อย่างแรก คือ คอนเซปต์โครงการที่ทาง Ananda ได้ร่วมกับพันธมิตรสำคัญอย่าง Scratch First ที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับจากมิวสิกเฟสติวัล “Wonderfruit” ในการพัฒนาให้เกิดเป็น Sustainable Community

อย่างที่สอง คือโครงการนี้มาพร้อมการบริการระดับมาตรฐานจากแบรนด์ระดับโลก The Ascott Limited เสมือนได้ Service จากโรงแรมหรูในทุกวันทั้ง Concierge, Laundry Service, Room Cleaning Service และ Technician & Security 24-hours นอกจากนี้ยังมีบริการในแบบ On-Demand Activity สำหรับผู้ที่ต้องการตอบสนองความต้องการพิเศษในแบบของตัวเอง

อย่างที่สาม คือ รูปแบบ layout ห้องที่ทำออกมาเอาใจตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคน Gen C ที่มองหาห้องสไตล์ Compact เพดานสูงที่แตกต่างจากห้องขนาดใหญ่ของโครงการอื่น ๆ ในย่านทองหล่อ

จุดเด่นสุดท้าย คือ ราคาขายสุดเหลือเชื่อ! รู้หรือไม่? ขายเริ่มต้นเพียง 4.09 ล้านบาท หรือประมาณ ตารางเมตรละ 159,000 บาทเท่านั้น คุ้มที่สุดในทำเลสุขุมวิท-ทองหล่อ-เอกมัย ราคาดีซะจนนึกว่าอนันดาขายผิดราคาหรือเปล่า

จากภาพข้อมูลราคาขายคอนโดมิเนียมย่านทองหล่อภาพนี้ จะสังเกตว่าราคาขายเปิดตัวของ Culture Thonglor ถือว่าราคาดีกว่าเพื่อนเลยครับ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีๆ มากที่จะได้ครอบครองคอนโดมิเนียมย่านทองหล่อ ในแบบที่บอกได้ว่าเกินคุ้ม เพราะด้วยความเป็นทำเลแบรนด์ทองหล่อ ตึกสูงโดดเด่น ใจกลางเมือง ทำเลเงียบสงบแต่ใกล้รถไฟฟ้าแบบเดินไปถึง พ่วงกับบริการที่เหนือระดับกว่า คิดแค่นี้ก็คุ้มแล้วครับ ถือไว้เป็น asset ระยะยาว จะปล่อยเช่า หรือจะใช้อยู่เองก็สะดวกสบายสุดๆ อย่าลืมติดตามวิธีการจอง Online Booking ที่จะจัดขึ้นเร็วๆ นี้นะครับ รีบไปลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ของอนันดาไว้ก่อนเลย แต่ถ้าคนที่ไม่อยากจอง Online ก็มีสำนักงานขายให้ไปเยี่ยมชมก่อนด้วยครับ

หรือใครอยากทราบรายละเอียดแบบภาพเคลื่อนไหว ลองคลิกดูคลิปนี้ครับ [1st Walk] ราคาดีสุดในทองหล่อ!Culture Thonglor คอนโดคอนเซปท์โดนใจคนรุ่นใหม่ พร้อมบริการระดับ 5 ดาว

CULTURE Thonglor ทำเลสุดสะดวกสงบแห่งทองหล่อ

ตัวโครงการ CULTURE Thonglor ตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 59 ห่างจากสถานี BTS ทองหล่อเพียง 250 เมตร (คลิกดูพิกัดทำเลที่ตั้งบน Google Maps ตรงนี้ https://bit.ly/3Ccad4D ) จุดสังเกตคือบริเวณหน้าปากซอยสุขุมวิท 59 มีโครงการแอสคอทท์ ทองหล่อ บางกอก ที่เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ของ Ananda และมีอาคาร T-One อยู่ฝั่งตรงข้าม หากเปรียบทองหล่อช่วงซอยสุขุมวิท 55 ให้เป็น High – End Lifestyle Area บริเวณซอยสุขุมวิท 59 นี้ ก็จะเปรียบเหมือน High-End Residential Area ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่รักในไลฟ์สไตล์ทองหล่อ แต่ก็มองหาความสงบในการพักอาศัยเพราะเป็นทำเลที่รายล้อมไปด้วยเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ราคาแพง นอกจากนี้เมื่อเทียบแล้วซอยสุขุมวิท 59 ตั้งอยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางของย่านทองหล่อมากกว่าบริเวณซอยทองหล่อฝั่งเลขคู่ แต่กลับได้ความเงียบสงบเหมาะแก่การพักอาศัยมากกว่า

CULTURE Thonglor พิเศษทั้งภายในและภายนอก

CULTURE Thonglor โครงการแบรนด์ใหม่ล่าสุดจาก Ananda นี้เป็นอาคารชุดสูง 36 ชั้น ตั้งบนพื้นที่ 1 ไร่ 3 งาน 56.3 ตารางวา จำนวน 1 อาคาร มีที่จอดรถ 200 คัน จำนวนห้องพักมี 493 ยูนิต มีรูปแบบห้องให้เลือกเป็นสตูดิโอ, 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน โดยแบ่งโหมดของการใช้ชีวิตออกเป็นห้องแบบ Simplex เพดานสูง 2.6 เมตร และห้องแบบ Hybrid เพดานสูง 4.3 เมตร โดยห้องแบบ Simplex จะอยู่ที่ชั้น 12-19 ส่วนห้องแบบ Hybrid จะอยู่ที่ชั้น 20 – 36 ซึ่งห้องแบบสตูดิโอและ 1 ห้องนอนจะมีสัดส่วนมากที่สุดในโครงการ

โครงการแบ่งแพคเกจการขายออกเป็นแบบ Fully Furnished ที่มีครบทุกอย่างพร้อมเข้าอยู่ได้เลย ทั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in และเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่นอน ฟูก หมอน ผ้าม่าน ไปจนถึง จานชามช้อนส้อม และแบบ Fully Fitted

รายการเฟอร์นิเจอร์สำหรับแพคเกจ Fully furnished

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางโครงการ CULTURE Thonglor ได้นำเสนอทางเลือกใหม่ให้ผู้ที่อยู่อาศัย ได้พบกับคุณค่าที่แตกต่างในการใช้ชีวิต โดยโครงการมีการจัดสรรพื้นที่ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ Wellness Pool และพื้นที่ทำงาน Co-working Space ที่มีทั้ง Video Call Booth และ Live Studio ให้ใช้บริการ ซึ่งในส่วนของ Fitness และ Co-working Space จะเปิดให้บริการตลอด 24 ชม.

พื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดจะถูกจัดไว้ชั้น 1, 11, 33, 34, 35 และดาดฟ้า พื้นที่ส่วนกลางในโครงการมีอีกมายมายหลายมุมหลายฟังก์ชั่นเพื่อตอบโจทย์คนพันธุ์ใหม่ในแบบคน Culture เช่น จะมีการจัดเป็น Multi – Purpose Area ที่เปิดกว้างให้ใช้จัดกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ สำหรับทำ Community Event เป็น Semi-outdoor facility และพื้นที่ส่งเสริมแนวคิด Sustainable Urban Living เช่น พื้นที่สำหรับปลูกพืชสวนครัวเพื่อมาแบ่งปันกัน โดย CULTURE Thonglor ออกแบบให้มีกิจกรรมเพื่อความยั่งยืนครอบคลุมทั้งด้าน Eco & Sustainable Living เช่น มีการปลูกพืชฟอกอากาศ การ recycle น้ำฝนมาใช้ในโครงการ การออกแบบเน้นการประหยัดพลัง ด้าน Trash Management มีถังแยกขยะให้ในแต่ละยูนิต มีเครื่อง recycle ขวดน้ำดื่ม มีสถานีกดน้ำดื่มและ refill น้ำดื่มเพื่อลดการใช้พลาสติก และด้าน Air Quality มีการมอนิเตอร์คุณภาพอากาศ ตรวจวัดระดับฝุ่น PM 2.5 และมีการใช้เทคโนโลยีฟอกอากาศและแสงยูวีฆ่าเชื้อโรค และ Natural Ventilation

รวมภาพ Facility สวยๆ ของ Culture Thonglor

ห้อง CO-KITCHEN อยากจะ Party กับเพื่อนๆ จัด Master Classes หรือ Workshop ก็เป็นเรื่องง่าย

ผ่อนคลายความเมื่อยล้าระหว่างวันกับโซน Mindspace ในมุมที่ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว

SKY LOUNGE มุมนั่งเล่นนั่งพักผ่อนกับห้อง Double volume กระจกกว้างรับแสงธรรมชาติ

24/7 FIT CAVE Active Gym สัมผัสประสบการณ์ออกกําลังกายชมวิวแห่งมหานครกรุงเทพ

The Lushby คือพื้นที่ Create Community รองรับการจัดกิจกรรมต่างๆ ของลูกบ้าน

Breath Garden สวนลอยฟ้า มีพื้นที่ไว้ปลูกพืชผักสวนครัวให้ลูกบ้านสามารถเก็บไปปรุงอาหารได้ เด็ดใช้เท่าที่จะใช้ ช่วยลด food waste ได้

Triple Topical Pool ผ่อนคลายไปกับ JACUZZI และ ONZEN ท่ามกลางพันธุ์ไม้นานาพรรณ

ENTRANCE GARDEN ทางเดินจากหน้าโครงการ มีสวนสีเขียวนําสายตา ความร่มรื่นจากต้นไม้นานา สูดออกซิเจนให้สดชื่นก่อนเข้าออกโครงการ ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น

ไม่ต้องหลับต้องนอนด้วยพื้นที่ 24/7 CO-WORKING SPACE รองรับทุก Lifestyle การทํางานที่แตกต่าง เพื่อคนทำงานทุก Timezone และไม่ว่าจะกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่หรือ Private ก็มาใช้ได้ตลอด

ถ้าเริ่มสนใจอยากซื้อคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่จากอนันดา Culture Thonglor

ขอให้เข้าไปลงทะเบียนฝากชื่อเอาไว้ก่อนที่เว็บไซต์นี้ครับ https://anan.ly/3qZyPZ1

ภาพ Floor Plan ของ Culture Thonglor

ชั้น 36 และ 35 เป็นห้องพักอาศัยและสวนลอยฟ้าซึ่งลูกบ้านทุกท่านมาใช้งานได้

ชั้น 33 และ 34 เป็นโซนห้องพักอาศัย และมี Facility

ชั้น 21-32 โซนพักอาศัยห้องรูปแบบ Hybrid เพดานสูงพิเศษ 4.3 เมตร

ชั้น 20 โซนพักอาศัย

ชั้น 12-19 โซนพักอาศัยแบบ Simplex เพดานสูง 2.6 เมตร

ชั้น 11 เต็มไปด้วย facility ทั้งฟลอร์ ฟิตเนส สระว่ายน้ำ พื้นที่ semi-outdoor ต่างๆ

ชั้น 2 มี Facility สำหรับนั่งทำงาน

ชั้น 1 เป็นเหมือนศูนย์กลางของโครงการ มี The Lushby ห้องตู้จดหมาย ห้องนิติฯ ที่จอดรถออัตโนมัติ ส่วนพื้นที่นอกอาคารมีทางเดินและพื้นที่อเนกประสงค์

ภาพ Unit Plan ที่มีให้เลือกใน Culture Thonglor

ขอเรียงลำดับจากห้องใหญ่สุดไปเล็กนะครับ

แบบ 2 Bedroom Hybrid ห้องเพดานสูงพิเศษ
หลังตกแต่งด้วยโครงเฟอร์นิเจอร์จะได้พื้นที่รวมชั้นล่างและชั้นลอยถึง 70 ตารางเมตร
เด่นด้วยห้องนอนสองห้อง อิสระเหมือนอยู่บ้านใจกลางเมือง

2 Bedroom 51 ตารางเมตร เพดานสูงปกติแบบ Simplex
เหมาะกับคนที่ชอบห้องเดินราบไม่ต้องขึ้นบันได ขนาดใหญ่ แบ่งซอยห้อง อยู่กันได้สบายๆ เหมือนบ้าน

1 Bedroom Hybrid เพดานสูงพิเศษ
หลังตกแต่งด้วยโครงเฟอร์นิเจอร์จะได้พื้นที่ถึง 46 ตารางเมตร
เด่นตรงที่มีพื้นที่ห้องนั่งเล่นกว้างมากและวางโต๊ะกินข้าวได้ขนาด 4 ที่นั่ง มีกระจกบานสูงเข้ามุมติดกับบริเวณระเบียงไว้ทำเป็นพื้นที่ทำงานวิวสวยๆตามสไตล์ Bay Window กระจกบานสูงใหญ่แบบนี้มุมมองจากชั้นลอยยิ่งสวยมาก

แบบ Studio Hybrid เพดานสูงพิเศษ
หลังตกแต่งด้วยโครงเฟอร์นิเจอร์จะได้พื้นที่ถึง 36 ตารางเมตร
เด่นด้วยฟังก์ชั่นห้องนั่งเล่นสูงโปร่งกว้าง มีกระจกบานสูงเข้ามุมติดกับบริเวณระเบียงไว้ทำเป็นพื้นที่ทำงานวิวสวยๆตามสไตล์ Bay Window กระจกบานสูงใหญ่แบบนี้มุมมองจากชั้นลอยยิ่งสวยมาก

1 Bedroom 32 ตารางเมตร เพดานสูงปกติ Simplex
เด่นด้วยการแบ่งฟังก์ชั่นด้วยประตูบานเลื่อน อยากจะจัดนอนติดหน้าต่าง หรือนอนข้างในก็ได้จัดได้ตามใจ

มีพื้นที่ทำงานติดหน้าต่างในแบบ Bay Window พร้อมกระจกเข้ามุมเช่นกัน

แบบ Studio 26 ตารางเมตร สูงปกติแบบ Simplex
เด่นด้วยฟังก์ชั่น all-in-one ครบทุกอย่างในยูนิตเดียว นั่ง นอน ทำงาน ทำครัว ห้องน้ำ ระเบียง พร้อมตู้เก็บของขนาดใหญ่

มีพื้นที่ทำงานติดหน้าต่างในแบบ Bay Window พร้อมกระจกเข้ามุมเช่นกัน

รวมรีวิวห้องตัวอย่างที่ Culture Thonglor

มีห้องตัวอย่างทั้งหมด 3 ห้อง จะขอเรียงจากห้องใหญ่ไปหาห้องเล็ก
(รีวิวเมื่อเดือนตุลาคม 2022)

ห้องตัวอย่าง Studio Hybrid เพดานสูงพิเศษ 4.3 เมตร
ถ้าหลังตกแต่งด้วยโครงเฟอร์นิเจอร์จะได้พื้นที่รวมชั้นล่างและชั้นลอยมากถึง 36 ตารางเมตร

จุดเด่นของห้องแบบนี้คือการมีพื้นที่ห้องนั่งเล่นกว้างขวางและสูงโปร่ง

เปิดประตูห้องจะพบกับโซนครัวก่อนเป็นอันดับแรก

ซึ่งจะมีประตูบานเลื่อนกั้นระหว่างส่วนด้านใน

ภาพพื้นที่ในครัว ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิโต้ทำความสะอาดง่าย

เฟอร์นิเจอร์ครัวครบชุด มีทั้งโซนวางเครื่องซักผ้า ตู้เก็บของ เครื่องดูดควัน เตาไฟฟ้า

กั้นระหว่างโซนครัวและห้องนั่งเล่นด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน กระจกใสมองเห็นทะลุถึงกันได้

มีพื้นที่วางตู้เย็นสองประตูได้

เมื่อเปิดตู้ออกมาจะได้แบบนี้ เก็บของได้เยอะทีเดียว

มีฟังชั่นการแขวนอุปกรณ์แบบนี้ด้วย

ตรงข้ามกับชุดครัว ทําตู้บิ้วอินเก็บของให้ด้วย

ติดกับตู้บิวอินเก็บของจะมีประตูทางเข้าห้องน้ำ

ห้องน้ำมีจุดเด่นตรงที่ความกว้างและแบ่งสัดส่วนได้อย่างลงตัว

โถสุขภัณฑ์เป็นแบบแขวนผนัง ช่วยให้ทำความสะอาดพื้นได้ง่าย (ให้เฉพาะห้องรูปแบบไฮบริด)

ปุ่มกดชักโครกอยู่ที่ low wall

แบ่งส่วนอาบน้ำเอาไว้อย่างชัดเจน

โถสุขภัณฑ์ลอยตัวจากพื้น

ด้านข้างมีอ่างล้างมือและกระจกเงา

ก๊อกน้ำเลือกเป็นสีดำ สร้างความแตกต่าง

บรรยากาศของห้องนั่งเล่น เป็นห้องเพดานสูง  และมีความกว้าง ใช้งานได้เต็มที่

กระจกใสสูง แสงแดดธรรมชาติส่องเข้าได้ เพิ่มสุขลักษณะที่ดีให้แก่ห้องพัก

บันไดเดินสู่ชั้นลอยพร้อมช่องเก็บของใต้บันได

พื้นที่ห้องนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาดยาวได้

โซนดูทีวีมีระยะที่พอดี

มีพื้นที่สำหรับวางเฟอร์นิเจอร์ริมหน้าต่าง

อาจจะทำเป็นมุมทำงาน work from home หรือทำเป็นโซนกินข้าวก็ได้

ประตูบานเลื่อนไประเบียง

มีพื้นที่มากพอที่จะตากผ้า ส่วนเครื่องซักผ้าไม่ต้องวางตรงนี้เพราะวางในครัวแทน

cdu แอร์แขวนอยู่ด้านบน

กลับมาชมบรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นอีกครั้ง ด้วยกระจกใสที่สูงขนาดนี้ทำให้เราเห็นวิวได้กว้างมากขึ้น

บันไดเดินขึ้นไปสู่ชั้นลอย หากเป็นผู้สูงอายุต้องระมัดระวังในการใช้งาน

มีราวจับเป็นเหล็กที่ค่อนข้างแข็งแรง

โครงชั้นลอยขนาดใหญ่ทำให้เกิดพื้นที่ Space ด้านบนเพิ่มขึ้นมา ถือว่าเป็นการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

พื้นที่ด้านบนชั้นลอย จัดพื้นที่ให้สามารถวางเตียงนอน แล้วติดแอร์ที่ผนังด้วย

บรรยากาศภายในห้องนอน

สามารถวางเตียงนอนขนาด 5 – 6 ฟุตได้ และมีเครื่องปรับอากาศให้ 1 เครื่อง

ที่ปลายเตียงมีราวกันตกโลหะให้ ปลวกไม่ขึ้นแน่นอน

ด้านข้างเตียงสามารถจัดวางตู้เสื้อผ้า Built – in ตลอดแนวยาวได้

เป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัวเพราะโซนนอนอยู่ชั้นบน

ขณะนอนก็สามารถมองเห็นวิวเมืองข้างนอกได้จากมุมตรงนี้

มุมมองจากชั้นบนลงมาชั้นล่าง

สรุป ห้อง Studio Hybrid เหมาะกับคนที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวสูง และชอบความโปร่งโล่งสบาย อยากได้ห้องที่ออกแบบเพื่อความอิสระ ไร้ข้อจำกัด กว้างขวาง สร้างแรงบันดาลใจที่ดีทุกวันให้กับชีวิต

ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom  32 ตารางเมตร Simplex ของ Culture Thonglor

ห้องแบบนี้อยากให้มาลองสัมผัสด้วยตัวเองเพราะคนละความรู้สึกกับรูปภาพที่เห็น ออกแบบมาอย่างลงตัว กว้างขวางอยู่สบาย ใช้งานได้จริง

เปิดประตูห้องเข้ามาพบกับโซนครัวเป็นอันดับแรก

ซึ่งห้องแบบนี้บางคนอาจจะไม่ชอบแต่ความจริงแล้วมันเป็นจุดเด่น เพราะว่ามีประตูบานเลื่อนกั้นทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวสูงมาก ช่วยป้องกันเสียงจากข้างในไม่ออกไปข้างนอก และเสียงจากข้างนอกก็ไม่เข้ามาข้างใน

ชุดครัวอุปกรณ์ครบ ตู้เก็บของ อ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน

บานตู้สามารถเปิดออกได้แบบนี้

เตาไฟฟ้า

เครื่องดูดควัน

อ่างล้างจานและก๊อกน้ำ

ตรงข้ามกับครัวเป็นห้องน้ำ ถือว่าเป็นการเอาโซนเซอร์วิสมารวมอยู่ในก้อนเดียวกัน

ในห้องน้ำแบ่งสัดส่วนได้อย่างลงตัว มีโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างมือ และห้องอาบน้ำ

อ่างล้างมือและกระจกเงา ด้านล่างมีตู้เก็บของ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ low wall สามารถวางสิ่งของกระจุกกระจิกได้ด้วย

ปุ่มกดโถสุขภัณฑ์อยู่ทางด้านบน

ก๊อกน้ำต่างๆและฝักบัว เลือกใช้วัสดุเป็นสีดำ

ห้องอาบน้ำส่วนเปียก มีประตูบานเลื่อนแบบแขวน

ฝักบัวเป็นแบบ Rain shower และมือจับ

หน้าห้องน้ำจะมี Built in เป็นตู้เก็บของแบบนี้

ประตูสามารถเปิดออกได้ เป็นฟังก์ชันเก็บรองเท้าด้วย และมีชุดเมนไฟฟ้าอยู่

ระหว่างครัวและห้องนั่งเล่น กั้นด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน กระจกใส

ห้องรูปแบบนี้เพดานสูง 2.6 เมตรแบบ simplex

ทุกโซนแบ่งด้วยประตูบานเลื่อนกระจกใส

ภาพแสดงโซนห้องนั่งเล่น

ลักษณะของห้องนั่งเล่น เป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาดกำลังพอดี และมีประตูบานเลื่อนกั้นโซนห้องนอนอีกชั้นหนึ่ง

พื้นที่วางโซฟา สามารถวางโซฟาแบบยาวสามที่นั่งได้เลย และมีเครื่องปรับอากาศให้

ถ้าติดกระจกเงาแบบเดียวกับในห้องตัวอย่างจะช่วยทำให้ห้องดูกว้างขวางมากขึ้น

โซนดูทีวี สามารถติดตั้งทีวีขนาดใหญ่ได้ เพราะผนังค่อนข้างกว้าง และมีระยะดูทีวีประมาณ 3 เมตร

ระยะห่างจากทีวีถึงโซฟาอยู่ในจุดที่พอดี

จุดติดตั้งเครื่องปรับอากาศในห้องนั่งเล่น อยู่ด้านข้างโซฟา

ระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอนมีประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน

พื้นที่ห้องนอนสามารถวางเตียงขนาดใหญ่ได้

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ว่างสำหรับตั้งโต๊ะทำงาน

ห้องนอนอยู่ติดหน้าต่าง รับแสงแดดได้อย่างเต็มที่

มีหน้าต่างบานกระทุ้ง ปลอดภัยในการใช้งานจริง

ห้องนี้มีกระจกเข้ามุมให้ด้วย

ภาพบรรยากาศที่มองเข้ามาในห้องนอนจากมุมหน้าต่าง

ติดกับหน้าต่างกระจกเข้ามุม มีพื้นที่ระเบียง

ประตูบานเลื่อนออกไประเบียง

ระเบียงมีราวกันตก

พื้นที่วาง cdu แอร์แบบแขวนติดผนัง ทำให้มีพื้นที่ข้างล่างไว้ใช้งานได้อีก

ห้องนี้ไม่จำเป็นต้องวางเครื่องซักผ้าไว้ที่ระเบียง เพราะมีพื้นที่เตรียมอยู่ในห้องครัวแล้ว

ภาพกระจกเข้ามุมที่มองจากระเบียง

ห้องนอนแบบ Simplex สูง 2.6 เมตร

ปลายเตียงสามารถจัดวางตู้ Built in ตู้เสื้อผ้า ได้ตลอดแนวความกว้าง

พื้นที่ด้านข้างสามารถทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้

ย้ำว่า ห้องแบบ1 Bedroom 32 ตารางเมตร Simplex เป็น type ที่มอบความเป็นส่วนตัวสูงที่สุด เพราะมีกระจกบานเลื่อนกั้นอยู่ถึง 2 ชั้น ได้แก่ กั้นห้องนั่งเล่น กั้นที่ครัว รับรองได้ว่าจะไม่มีเสียงจากด้านในออกไปข้างนอกตรงทางเดินกลางได้เลย

มีการแบ่งสัดส่วนห้องนอน-ห้องนั่งเล่น

มีพื้นที่ติดอากาศ หน้าต่างสามารถเปิดออกได้

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับทำงาน รับวิวเมืองอย่างอิสระ

ช่วงกลางวันแสงแดดธรรมชาติสามารถส่องเข้ามาถึงในห้องได้ ช่วยฆ่าเชื้อโรค เพิ่มสุขลักษณะที่ดีให้กับห้อง

โดดเด่นด้วยกระจกเข้ามุม

ห้อง 1 Bedroom 32 ตารางเมตร Simplex จึงเหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวสูง มีระเบียบแบบแผนในชีวิตเพราะห้องแบ่งเป็นโซนมีขอบเขตชัดเจน ชอบความอิสระมองวิวกว้างๆ ได้

ต่อไปจะพาไปดูตัวอย่างแบบสุดท้ายที่มีโชว์ในสำนักงานขายของ Culture Thonglor กันนะครับ

ห้องตัวอย่าง Studio 26 ตารางเมตร Simplex ซึ่งเป็นห้องตกแต่งแบบ Fully Furnished ให้ชุดเฟอร์ฯทั้งลอยตัว และ Built – in รวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ประกอบอาหาร ทานอาหาร ตามมาตรฐานการกำกับดูแลของ The Ascott Limited ครับ

จุดเด่นของห้องแบบนี้ก็คือความลงตัว เป็นห้องแบบมาตรฐานที่คนทั่วโลกนิยมและคุ้นเคย มีฟังก์ชั่นครบแบบ All In One และไม่น่าแปลกใจที่ห้องแบบ Studio จะขายดีเพราะเป็นพิมพ์นิยมที่ไม่ว่าผู้คนจากต่างวัฒนธรรมจากที่ใดมา ก็จะเข้าใจในห้องลักษณะนี้ได้ไม่ยาก ห้อง Studio สามารถพบเห็นได้ในทุกที่ของโลก และสาเหตุที่ห้อง Studio ยังคงมีอยู่เพราะว่ามันเวิร์กในการใช้งานจริงนั่นเอง

ส่วนด้านหน้าจะเป็นรวมโซนเซอร์วิส มีกิจกรรมที่เกิดเสียง เช่น ทำครัว ทำธุระในห้องน้ำ และโซนด้านหน้านี้เป็นโซนที่มักจะมีอุปกรณ์ต้องซ่อมบำรุง เช่น เปลี่ยนก๊อกน้ำ ดังนั้นการเอาโซนเซอร์วิสไว้บริเวณที่ access จากหน้าห้องเข้ามาได้ง่ายๆ นั้นคือข้อดี เพราะเมื่อช่างเข้ามาในห้องก็ไม่จำเป็นต้องเดินผ่านโซนส่วนตัวของเรา ด้านในนั่นเองครับ

พื้นที่ทำครัวได้อย่างเต็มที่ มีเครื่องดูดควันให้พร้อม

ชุดครัวครบเซ็ต  นอกจากนี้ยังมีพื้นที่วางตู้เย็นและวางเครื่องซักผ้า

บานตู้สามารถเปิดออกได้แบบนี้ เก็บของได้เยอะ

เตาไฟฟ้า

เครื่องดูดควัน

ตรงกันข้ามกับครัวคือส่วนห้องน้ำ

แบ่งกั้นส่วนเปียกส่วนแห้งตามมาตรฐาน

โถสุขภัณฑ์ อ่างล้างมือ สายฉีดชำระ ก๊อกน้ำ ตู้เก็บของ ชั้นวางของ กระจกเงา

เป็นโถสุขภัณฑ์แบบประหยัดน้ำ

สายฉีดชำระ

โซนห้องอาบน้ำมีทั้งแบบ Rain shower และแบบมือจับ

ผนังห้องน้ำใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

กระจกเงาบานใหญ่วางอยู่กลางห้องน้ำ สามารถใช้เซลฟี่ เช็คหุ่นได้ตามสะดวก

ธรณีประตูห้องน้ำใช้วัสดุป้องกันความชื้น

กั้นส่วนอาบน้ำด้วยกระจกบานเลื่อนแบบแขวน

กระเบื้องแกรนิโต้ส่วนพื้นห้องน้ำเป็นแบบกันลื่น

พื้นห้องครัวก็เป็นกระเบื้องแกรนิโต้ที่ทำความสะอาดได้ง่าย

ออกมาจากห้องน้ำ ด้านข้างจะมีตู้บิ้วอิน สามารถเก็บรองเท้าและเก็บของ

กล่องเมนไฟฟ้าอยู่ในตู้นี้

ทางเชื่อมจากครัวไปสู่โซน Living

กัhนด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ทำให้ประตูเปิดได้กว้างมากขึ้น

ภาพแสดงส่วน Living ที่รวมทุกอย่างไว้ในพื้นที่เดียวกัน ทำให้ห้องกว้าง ใช้งานได้จริง เก็บของได้เยอะ

มีทั้งโซฟา โต๊ะ เตียง ทีวี ตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงาน รวมไว้ในพื้นที่เดียวกัน

โซฟาขนาดสองที่นั่ง ถ้าซื้อแพคเกจแบบ Fully Furnished ก็ได้รับทุกอย่างตามที่เห็นเลยครับ

มีแอร์ 1 เครื่อง ประหยัดค่าไฟ

ด้านข้างเตียงริมหน้าต่าง สามารถออกแบบเป็นโซนนั่งทำงานก็ได้ เพราะมีการออกแบบให้มีการ interlock กับโซนระเบียง เกิดพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นมา

หน้าต่างรับแสงแดดเพื่อสุขภาพที่ดีของผู้อยู่อาศัย ชั้นวางติดผนังเป็นอุปกรณ์ตกแต่ง ไม่ได้อยู่ในชุด Fully Furnished นะครับ

หน้าต่างกระจกใสแบบ Bay Window เข้ามุมต่อเนื่องขนาดใหญ่ ชมวิวได้ทุกวัน

พื้นที่ห้องภายในโซน Living (มุมมองจากหน้าต่าง)

กระจกเข้ามุม มองเห็นวิวได้กว้างกว่าเดิม

มุมทำงานส่วนตัว อิสระ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร สำหรับวันที่ต้องใช้สมาธิสูงๆ

ตรงข้ามกับเตียง มีโซนชั้นวางทีวีและตู้เสื้อผ้า หากเป็นแพคเกจ Fully Furnished ก็จะได้ทั้งตู้เสื้อผ้า ชั้นวางทีวี ทีวี และผนังทีวีไปด้วยครับ

บานตู้เสื้อผ้าเปิดออกได้แบบนี้ แบ่งโซนเป็นซ้ายขวา ใช้แขวนเสื้อ เก็บของชั้นบน ลิ้นชักชั้นล่าง

จากห้องนอนไประเบียงง่ายๆ แค่เปิดประตูบานเลื่อน

มีพื้นที่มากพอสำหรับการตากผ้า

cdu แอร์แขวนไว้อยู่ด้านบน มีราวกันตก และราวเหล็กด้านบนสำหรับช่วยพรางตา

โคมไฟระเบียง

กระจกเข้ามุม เพิ่มมุมมองใหม่ให้กับการพักอาศัยในห้อง

เหตุผลที่ควรเลือกซื้อห้องแบบ Studio Simplex ก็คือ ความลงตัว มีทุกอย่างครบในห้องเดียว จ่ายน้อยกว่าแต่ได้ใช้ทุกอย่างใน Culture Thonglor อย่างเท่าเทียมกัน และเด่นด้วยราคาต่อห้องที่ดีที่สุด จึงเหมาะกับทั้งซื้ออยู่เองและการลงทุนเป็นทรัพย์สินที่คนทั่วโลกเข้าใจ ขายต่อเปลี่ยนมือได้สะดวก

ภาพ Model โครงการ Culture Thonglor

ฝั่งทิศเหนือ

ฝั่งทิศตะวันตก ด้านหน้าทางเข้าโครงการ

ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ แสดงให้เห็นว่าไม่ไกลจาก skywalk รถไฟฟ้าสถานีทองหล่อ

ฝั่งทิศใต้

ฝั่งทิศตะวันออก

โมเดลนี้ใช้เป็นสีขาวทั้งหมด แต่ของจริงจะไม่ขาวโพลนแบบนี้นะครับ ให้ดูสีตึกอ้างอิงจากภาพ perspective แทนครับ

สภาพแวดล้อมรอบข้าง (Surrounding)

เดินจากริมถนนสุขุมวิท

ปากซอยสุขุมวิท 59 จะมี Ascott เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์

ซอยสุขุมวิท 59 เป็นซอยที่กว้างมากพอที่จะสร้างตึกสูงในซอยได้ นอกจากนี้ยังเป็นซอยตัน ไม่มีคนพลุกพล่าน จึงเป็นจุดเด่นของที่อยู่อาศัยและเป็นประโยชน์ให้กับผู้คนในซอยนี้ เพราะจะได้มีโอกาสอยู่บนตึก High-rise แต่กลับได้ความเงียบสงบในแบบที่ทำเลตึกสูงริมถนนโครงการอื่นๆ ไม่มี

ภายในซอยสุขุมวิท 59

เดินไปอีกนิดก็จะเจอไซต์ก่อสร้าง Culture Thonglor

ติดกันเป็นสำนักงานขาย Culture Thonglor ที่อยู่ติดกับพื้นที่ของโครงการ

ปัจจุบันมี display วางไว้หน้าสำนักงานขาย เพื่อบ่งบอกตัวตนของความเป็น Culture Thonglor

คงคอนเซปต์ความยั่งยืนไว้ด้วยการรักษาต้นไม้ไว้

สีส้มเป็น key visual ในการสื่อสารของโครงการนี้ครับ

จัดวางองค์ประกอบศิลป์เอาไว้สื่อสารกับผู้คนในย่านนี้

เพื่อบอกว่าที่ Culture Thonglor เป็นคอนโดมิเนียมที่เน้นการอยู่แบบ community, มีความยั่งยืน sustainable living และยังคงความสะดวกสบายสไตล์คนเมือง Urban Living ได้อย่างดีด้วยบริการที่มีมาตรฐาน

แอบเก็บภาพน้องแมวส้มน่ารักๆ ที่มาเดินเล่นแถวนี้ด้วย

อยู่สบายเลยสินะเจ้าแมวส้ม

เตรียมพบกับการเปิดตัวและเปิดจองห้องที่ Culture Thonglor ทั้งทางออนไลน์และสำนักงานขาย

ภายในสำนักงานขาย สื่อถึงความเป็นธรรมชาติ แต่มีสีสันแบบคนใจกลางเมือง

มี display ที่สื่อสารถึงแนวคิดด้าน sustainable living

ห้องโถงโมเดลในสำนักงานขาย

โซนที่นั่งพัก เป็นการจำลอง mood & tone ของโซน facility ของจริงที่จะได้รับในอนาคตหลังจากสร้างเสร็จ  (คาดว่าแล้วเสร็จ มิถุนายน 2026)

ถ้าเริ่มสนใจอยากซื้อคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่จากอนันดา Culture Thonglor

ขอให้เข้าไปลงทะเบียนฝากชื่อเอาไว้ก่อนที่เว็บไซต์นี้ครับ https://anan.ly/3qZyPZ1

ย้ำเหตุผลที่ต้องจอง Culture Thonglor อีกครั้ง!

ข้อ 1. ใกล้รถไฟฟ้า แค่ 250m ถึง BTS THONGLOR

ข้อ 2. มีบริการระดับ World Class Service Experience by The Ascott Limited ซึ่งไม่ใช่หากันได้ง่ายๆ ในคอนโดมิเนียมกรุงเทพ

ข้อ 3. ใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน จัดเต็ม คุ้มราคาทุกบาทที่จ่ายไปอย่างแน่นอน

ข้อ 4. ราคาขายเริ่มต้นดีมาก แค่ 159,000 บาทต่อตารางเมตร (เริ่มที่ 3.99 ล้านบาท มีจำกัด)

ข้อ 5. ผ่อนดาวน์สบายๆ  เริ่มเพียง 9,900 บาทต่อเดือนเท่านั้น และตึกนี้ใช้เวลาสร้างหลายปี ยังมีเวลาอีกหลายปีให้เตรียมเงินไว้ล่วงหน้า

ดังนั้นถ้าไม่จองเอาไว้ก่อนตอนนี้แล้วจะไปจองตอนราคาแพงแล้วหรืออย่างไร?