Mid sukhumvit เป็นทำเลที่ได้ค่าเช่าดีที่สุด เพราะเป็นโซนยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น EXPAT ที่มาทำงานที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในย่าน พร้อมพงษ์ ทองหล่อ (ซอยสุขุมวิท 24 – 55)  เป็นทำเลที่ชาวญี่ปุ่นชอบมาก เรียกว่าในแต่ละคอนโด มีผู้พักอาศัยเกินครึ่งเป็นครอบครัวชาวญี่ปุ่น

สุขุมวิท 39 คือหนึ่งในซอยที่เป็นเป้าหมายอันดับแรกๆในการหาที่พัก ของครอบครัวชาวญี่ปุ่น เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมที่ดี อยู่ท่ามกลางแหล่ง Lifestyle และการเดินทางที่สะดวกสบายทั้งทางรถส่วนตัว หรือขนส่งสาธารณะ

ท้ายซอยสุขุมวิท 39 เป็นอีก area ที่มีคอนโดรวมทั้งอพาร์ทเมนท์ขึ้นเยอะมาก และเป็นที่นิยมในการเลือกเป็นพักอาศัยซะด้วย เพราะนอกจากจะมีแหล่ง Life style ที่ครบครัน โรงเรียนนานาชาติ ร้านอาหารชั้นดี supermarket ยังมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ คนญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญในการเลือกที่พักให้ ภรรยาและลูกสะดวกในการใชัชีวิต ภรรยาซึ่งเป็นแม่บ้านก็ต้องใกล้แหล่งจับจ่ายซื้อของมาทำกับข้าว ใกล้ร้านน่านั่งที่แม่ๆชาวญี่ปุ่น สามารถมารวมตัวกันพบปะพูดคุยตอนกลางวัน

ที่นี่ใกล้ทั้ง Fuji supermarket สาขาใหญ่ รวมถึง Shinsen Fishmarket ที่เปิดใหม่ รวมถึง community mall อีกมากมาย

ในฐานะที่ผมพักอาศัยในคอนโดย่านนี้มาหลายแห่ง เปลี่ยนมาหลายซอยทั้งพร้อมพงษ์ ทองหล่อ อโศก ที่ท้ายซอยสุขุมวิท 39 นี้เป็นหนึ่ ใน area ที่ผมชอบที่สุด อยากมาอยู่ที่สุด ด้วยปัจจัยที่เพิ่งเขียนถึงไป เรียกได้ว่าทำเลนี้ทั้งลงทุนหรืออยู่เองก็ตอบโจทย์ครับ

ภาพมุมสูงของท้ายซอยสุขุมวิท39

ปิดตำนาน OZONO community mall สำหรับคนรักสัตว์ สู่ปฐมบทใหม่ของโครงการที่พักอาศัยขนาดใหญ่มากที่น่าซื้อสุดๆ

Ozono เป็นสถานที่ขึ้นชื่อสำหรับคนรักสัตว์ พาน้องหมามาเดินเล่น hang out มีcafe น้องแมว hipster สายรักษ์โลกหลายๆคนชอบมาที่นี่ Ozono ตั้งอยู่ท้ายซอยสุขุมวิท 39 ติดคลองแสนแสบ ตรงข้ามคลองเป็นตึกอาคารสำนักงานสูงที่ชื่อว่า Italian Thai และที่ตึกนี้ยังมีท่าเรือคลองแสนแสบด้วย

เมื่อปลายปีที่แล้ว ในวงการคอนโดลือกันหนาหูว่า ที่ดินแปลงนี้ออกขายรวมทั้งแปลงประมาณ 10 ไร่ มี developer หลายเจ้าสนใจ ได้ข่าวว่าแม้แต่ผู้ประกอบการคอนโดระดับพรีเมียม ที่มีโครงการสร้างชื่ออยู่แถวราชดำริยังอยากจะซื้อทำคอนโดระดับราคา 140-150k ด้วยซ้ำ ว้าววววว

สุดท้ายแล้วเป็นศุภาลัย developer มหาชน เป็นผู้ที่คว้าที่ดินแปลงใหญ่ผืนนี้ไปครอบครองสำเร็จ

มาถึงวันนี้ ย่างเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 หลังจากที่ไล่ทยอยทุบสิ่งปลูกสร้างด้านหลัง ไล่มาเรื่อยๆจนถึงเขต Ozono ศุภาลัยก็พร้อมเปิดตัว โครงการขนาดใหญ่ ที่ซุ่มเงียบพัฒนามานานออกสู่สาธารณะชน พร้อมนับถอยหลังปิดตำนาน community mall สำหรับคนรักสัตว์แห่งแรกๆของประเทศ ในปลายปีหน้า

ศุภาลัยไม่ใช่หน้าใหม่ของแถวนี้ ย้อนหลังไปนานมากๆ ศุภาลัยได้พัฒนาคอนโดมิเนียมชื่อว่า Supalai Place Sukhumvit 39 เป็นคอนโดแรกๆของบริษัท และมีที่ตั้งติดกันกับโครงการใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวซะด้วย

Supalai Place Sukhumvit 39 เป็นคอนโดที่ชาวญี่ปุ่นอยู่กันเยอะมาก เป็น community ขนาดย่อมๆ ร้านค้าด้านล่างติดป้ายเป็นภาษาญี่ปุ่นนำเข้าสินค้าส่งตรงจากญี่ปุ่นมาขาย ภาพเด็กเล็กๆจับกลุ่มวิ่งเล่น ปั่นจักรยานที่ลานหน้าคอนโด โดยมีแม่ๆชาวญี่ปุ่นคอยดูอยู่ห่างๆ เป็นภาพที่พบเห็นได้เป็นกิจวัตรประจำวันของที่นี่
แม้จะมีอายุหลายสิบปีแล้ว แต่ครอบครัวชาวญี่ปุ่นยังเลือกมาพักที่นี่อย่างต่อเนื่อง สอบถามราคาค่าเช่าได้ประมาณ 35,000 บาทสำหรับห้อง 2 bed

รูปแบบโครงการ Supalai Oriental Sukhumvit 39

ที่ดินขนาดใหญ่หน้ากว้างมาก รูปทรงสวย ขนาดประมาณ 10 ไร่ครึ่ง ติดถนนซอยสุขุมวิท 39 // เพชรบุรี 38/1 ซึ่งมีขนาด 4 เลน ด้านข้างติดคลองแสนแสบ แถมยังเข้าออกได้จากซอยย่อยของ Supalai Place Sukhumvit 39 อีกด้วย

วางตึกหลวมๆ 5 อาคาร แบ่งเป็น 4 อาคารพักอาศัยบวกกับ 1 อาคารจอดรถ (ซึ่งด้านบนเป็นสระว่ายน้ำ) อาคารพักอาศัย 25 ชั้น 2 อาคารที่ด้านหน้า รวมกับ 35 ชั้น (รวมดาดฟ้า)  2 อาคารที่ด้านหลัง มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 1,046 ยูนิต และร้านค้าจำนวน 8 ยูนิต ถ้าเทียบสัดส่วนแล้วถือว่าค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับขนาดที่ดิน (อ้างอิงโนเบิลเพลินจิตที่ดิน 9 ไร่เศษ มีจำนวนยูนิตที่ 1,444 ยูนิต / life asoke 6 ไร่ครึ่ง 1,642 ยูนิต)

Facility ที่ออกแบบเอาใจคนญี่ปุ่นกลุ่มผู้เช่าหลัก สระน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ที่ชั้นบนสุดของอาคารจอดรถ / pocket garden ที่ชั้น 20 , 22 ของอาคารด้านหน้า / rooftop garden ด้านบนสุดของทั้ง 4 อาคาร แถมจัด sky lounge ให้ทั้ง 4 อาคารเลยด้วย

การออกแบบอยู่ในพื้นฐานของ concept “MODERN ORIENTAL” ให้อารมณ์ความเป็นเอเชียตะวันออก

โดยมีพื้นที่เปิดโล่งระหว่างอาคารค่อนข้างมาก ใช้เป็นสวนที่ออกแบบจัดเต็มที่สุดเท่าที่ศุภาลัยเคยทำ และเป็นพื้นที่จอดรถ

ห้องพักเท่าที่ทราบคือมีขนาดเริ่มต้นที่ 39 ตารางเมตร ให้แอร์ฝังฝ้า กระจก full height ราวกันตกกระจกใส ตึกที่เคยเน้นแต่ปูนหน้าต่างเล็ก ก็เปลี่ยนเป็นเน้นกระจกหน้าต่างทำให้ exterior ของอาคารดูมีราคาขึ้น สวยขึ้น รองรับการเพิ่มขึ้นของราคาในอนาคต ไม่ใช่ว่าราคาโดยรอบขึ้นแต่คนที่จะมาซื้อต่อมาดูอาคารแล้วส่ายหัวแบบที่เคยเป็นมา

ประกอบกับงานนี้ได้ข่าวว่าศุภาลัยจ้างสถาปนิก outsource มาร่วมออกแบบกับท่านประทีป ที่พิถีพิถันและเน้นกับโครงการนี้มาก หวังจะเป็น pilot project ที่สร้างพื้นที่ให้กับศุภาลัย ในหัวใจของนักลงทุนรุ่นใหม่ หรือแม้แต่ผู้อยู่จริงที่เคยมองว่าศุภาลัยเป็นคอนโดสูงวัย ไม่สวย ลดต้นทุน

ถ้าถามความเห็นส่วนตัว ผมต้องบอกว่าสวยกว่าศุภาลัยตัวอื่นที่เคยทำ และมีความน่าซื้อมากถึงมากที่สุด ถ้าเปิดราคามาเหมาะสม เพราะตรงนี้มีกลุ่มลูกค้าหลักรอเช่าอยู่แล้ว ขอให้มี supply ใหม่ๆเหอะ

เมื่อดูตลาดเช่าโดยรอบ

ตรงข้ามถนนซอยเป็น service apartment ชื่อ Living@citi resort มีราคาค่าเช่ามากกว่า 1,000 บาท ต่อตารางเมตรต่อเดือน แถมเน้นผู้เช่าญี่ปุ่น 100%  และยังมี Citi resort อีกโครงการอยู่ไม่ไกล ที่คนเข้าพักเต็มเกือบตลอด

เดินย้อนไปเล็กน้อย จะเจอคอนโดให้เช่าที่สร้างผลตอบแทนให้กับคนซื้อมือแรกมหาศาลอย่าง Siamese Gioia ซึ่งที่นี่ก็ปล่อยเช่าให้ชาวต่างชาติได้ yield ที่สูงมาก

ยังมีกระทั่ง Centre Point อพาร์ทเมนท์ตัวแพงของเครือ LH ที่มีค่าเช่าต่อเดือนสูงถึง 1-3 แสนบาท ขนาดห้องเริ่มต้นที่ 3 bedroom 265 ตารางเมตร

เมื่อรวมกับ Supalai Place ที่กล่าวถึงไปข้างต้น ทำให้มั่นใจได้ว่าแถวนี้มีความต้องการห้องพักเยอะจริงๆ นอกจากกลุ่มชาวญี่ปุ่นแล้ว ผมลองสอบถามเพื่อนที่ทำงานในตึกอิตัลไทย ก็พบว่ามี demand อยู่ทั้งเช่าและซื้อ น่าสนใจนะครับ

มูลค่าโครงการของที่นี่เกิน 7,000 ล้านบาท น่าจะสูงที่สุดเท่าที่ศุภาลัยเคยทำมา (จริงๆก็ใกล้เคียงกับเวลลิงตันถ้ารวมทั้ง 2 เฟส) เมื่อทุ่มสุดตัวขนาดนี้ อนาคตก็มีอยู่ 2 ทางคือ ทำออกมาได้ตามแบบ ประสบความสำเร็จสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่ซื้อ ไม่ว่าจะลงทุนหรืออยู่อาศัยเอง ชนะใจคนรุ่นใหม่ได้สำเร็จ หรืออีกทางคือทำมาไม่ดีไม่เหมือนที่คาดหวัง ผลก็จะเป็นตรงกันข้ามกับทางแรก

ผมยังเชื่อมั่นว่า ศุภาลัยจะเลือกทางแรกครับ หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น