ย่าน CBD ที่สำคัญและน่าจะเป็นพื้นที่ที่ครบครันในทุกด้านมากที่สุดของกรุงเทพฯยุคปัจจุบัน ต้องยกให้กับทำเลจุดตัดกันระหว่างสี่แยกอโศกกับสุขุมวิท (Asoke-Sukhumvit) เพราะเป็นศูนย์รวมทั้ง Live Work Play & Park คือ มีครบทุกอย่าง ทั้งอาคารออฟฟิศ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม แหล่ง Hangout ร้านค้า ร้านอาหาร คอนโดมิเนียม และสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ใจกลางย่าน ที่สามารถเดินเชื่อมต่อกันได้อย่างสะดวก รวมทั้งยังมีทั้งสถานีรถไฟฟ้า BTS อโศก และ MRT สุขุมวิทที่ Interchange กัน เป็นเส้นทางการเดินทางที่สำคัญ และมี Magnet ที่สำคัญดึงดูดทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ อย่าง Terminal 21

และถ้ามองในแง่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย ส่วนใหญ่แล้วการพัฒนาก็ไปกระจุกตัวอยู่ตามซอยสุขุมวิท 19,21,23 ฝั่งสุขุมวิทเลขคี่ ที่มักชูจุดเด่นเรื่อง CBD center คอนโดสูงใจกลางย่านอาคารสำนักงาน ที่ดูจะหนาแน่นขึ้นเยอะมากในช่วงหลังมานี้ เรียกว่าเลือกห้องต้องคาดเดาเอาว่าจะเปิดประตูมาเจอใคร หรือจะมีเพื่อนบ้านประเภทไหนมาขึ้นอีก ทำให้วิวต่างบังกันเอง หรือไม่ก็ขยับการพัฒนาไปแถวสุขุมวิท 28,31,33 ฯลฯ ที่นอกจากใกล้อโศก ยังได้ห้อยท้ายกับย่านพร้อมพงษ์ ที่สามารถอัพเกรดแบรนด์และราคาขึ้นไปได้อีก

แต่คงดีไม่น้อย ถ้าเมื่อต้องเสียเงินก้อนโต แล้วไม่ต้องมานั่งกังวล และคาดการณ์กับวิวอนาคตที่ไม่แน่ไม่นอน ฉะนั้นทำเลที่ใกล้ใจกลางอโศก และได้วิวเปิดโล่งแบบงามๆ ก็ต้องหันกลับมามอง สุขุมวิท ฝั่งเลขคู่ ที่ยังมีการพัฒนาคอนโดน้อยเมื่อเทียบกับฝั่งเลขคี่ และมีพื้นที่เปิดโล่ง ประเภทสวนสาธารณะอยู่ที่ฝั่งนี้ หลายแห่ง ทั้งสวนเบญจศิริและสวนเบญจกิติที่มีพื้นที่รวมกันทั้งหมดประมาณ 479 ไร่ แต่ถ้าเป็นทำเล the best location จริงๆ ก็ต้องยกให้กับสุขุมวิท ซอย 16 ซอยที่ขนานถนนรัชดาภิเษก ตัดแปลงที่ดินเป็นแปลงขนาดใหญ่ ที่บางแปลงเข้าได้จากถนนรัชดา บางแปลงเข้าได้จากซอยสุขุมวิท16 และบางแปลงที่สามารถเข้าออกได้ทั้ง 2 เส้นทาง

(อ่านข้อมูลทำเลเพิ่มเติมที่ อโศก-สุขุมวิท” สุดยอดย่าน Interchange หนึ่งเดียวในใจคนกรุงเทพ สะดวกครบถ้วน Live- Work-Play-Park และ https://propholic.com/prop-talk/เปิดข้อมูลbig-match-วิวทะเลสาบ/ )

เช่นเดียวกับ Whizdom Asoke-Sukhumvit (วิซส์ดอม อโศก-สุขุมวิท) คอนโดที่ได้เปรียบด้านทำเล เพราะเป็นคอนโดสูงเพียงไม่กี่โครงการที่ถูกสร้างขึ้นในบริเวณย่านอโศก ฝั่งถนนรัชดาภิเษกช่วงขนาน กับซอยสุขุมวิท 16 และสามารถเข้าออกได้ทั้งสองเส้นทาง ทำให้มีทางเลือกในการเดินทางที่หลากหลาย ไม่วุ่นวายเท่าถนนสุขุมวิท 21 ที่มีถนนที่ค่อนข้างเล็ก และมีรถเข้าออกอาคารสำนักงานและ คอนโดตลอดเวลา แต่บนถนนรัชดาภิเษกและสุขุมวิทซอย 16 นี้ จะมีอาคารขนาดใหญ่อยู่หนาแน่นเท่า และส่วนใหญ่ก็ทำหน้าที่เป็นเส้นทางลัดที่จะลัดเลาะไปยังย่านอื่นๆได้ ทั้งพระรามสี่ พร้อมพงษ์ หรือไปทางพระรามสามได้ยังถือว่าสะดวก รวมทั้งการเดินทางเข้าสู่จุดตัดสถานี รถไฟฟ้าอโศกก็อยู่ในระยะเดินถึงได้ง่ายมาก เพียงแค่ 450 เมตรเท่านั้น

Whizdom Asoke-Sukhumvit เรียกว่าเป็น Masterpiece Project ที่มีครบสูตรสำเร็จของคอนโดมิเนียมที่สามารถ ทำสถิติราคาสูงแบบ New High เพราะปัจจัยร่วมหลักๆ 3 ประการ คือ เป็นคอนโดมิเนียมที่อยู่ในย่าน CBD ที่แท้จริงเป็นคอนโดมิเนียมที่สามารถเทควิวสวนหรือวิวทะเลสาบขนาดใหญ่ ได้เต็มตา และเป็นคอนโดมิเนียมที่มีรูปแบบ การวางอาคารที่มีลักษณะรูปทรงอันโดดเด่น  เป็นอาคารสูงที่ใครๆ ก็มองเห็น และตั้งอยู่ในทำเลที่ชาวต่างชาติรู้จัก 

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้ Whizdom Asoke-Sukhumvit มีความแตกต่าง และมี Value มากกว่าคอนโดไฮเอนด์ทั่วไปที่มีอยู่ในท้องตลาดก็คือ ปรัชญาการออกแบบและพัฒนาโครงการโดย MQDC ที่ใช้นวัตกรรมสมัยใหม่มาช่วยให้เกิดการอยู่อาศัยที่ยั่งยืนแบบ Sustainovation (Sustainable + Innovation) เพื่อมาตรฐานความสุขในทุกๆด้านของผู้อยู่อาศัย โดยการมองถึงความเป็น Well-Being ของผู้พักอาศัยและสังคมรอบข้างเป็นหลัก โดยทุกโครงการต้องผ่านมาตรฐานทั้ง 3 ข้อคือ มาตรฐานด้านอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม (Energy & Environment) มาตรฐานด้านสุขภาพและความปลอดภัย (Home & Well-being) มาตรฐานด้านพฤติกรรมและการรับรู้ที่ดี (Behavior and Psychology) จนออกมาเป็นโครงการที่อยู่แล้วสุขภาพดี ปลอดภัย มลภาวะน้อย พร้อมพ่วงด้วยระบบ Home Intelligent System สุดล้ำต่างๆ แบบบ้านอัจฉริยะ

ทำให้สามารถดูได้ว่ามีเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรเปิดปิดอยู่ รวมทั้งสามารถแจ้งเตือนเมื่อใกล้ถึงบ้านว่าต้องการเปิดแอร์ไหม ก็สามารถสั่งเปิดปิดได้จาก application ทำให้เมื่อกลับมาถึงห้อง ห้องก็เย็นฉ่ำ ไม่ต้องรอให้แอร์ทำงาน

พร้อมแสดงผลอุณหภูมิในห้อง ค่า Co2 เพราะภายในห้องมี Multi Sensor ที่นอกจากทำหน้าที่ตรวจวัดค่าต่างๆแล้ว ยังสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหว และสั่งเปิด-ปิดแอร์ และไฟจากเครื่องดังกล่าวได้

นอกจากนี้ application ยังสามารถแสดงผลค่าไฟที่เราใช้ไปได้อีกด้วย

มาตรฐานของโครงการที่ถูกพัฒนาโดย MQDC จะให้อุปกรณ์ ERV หรือ Energy Recover Ventilation ระบบถ่ายเทอากาศ ดึงอากาศเข้าออกระหว่างภายนอกภายใน คือการนำ Co2 ที่เราหายใจออกไปและนำ O2 ที่เราหายใจกลับเข้ามา ทำให้มีอากาศบริสุทธิ์ภายในห้องนอน เพื่อสุขภาพและความสดชื่นในทุกๆเช้าที่คุณตื่น

ซึ่งภาพอุปกรณ์ตัวอย่างที่ให้ชมเป็นของที่ Whizdom Station รัชดา – ท่าพระ  แต่ก็แน่นอนว่าที่โครงการนี้ก็ จะมีการใส่ระบบ และ Gimmick ต่างๆนี้ลงไป ในแบบอัพเกรดให้ดีขึ้นกว่าเดิม จนทำให้ที่นี่เป็นคอนโดแนว Sustainnovation ที่โดดเด่นที่สุด มีวิวที่สวยที่สุด แห่งเดียวในย่านอโศก เป็น value ที่ได้เปรียบคอนโดโครงการ อื่นๆเป็นอย่างมาก

โดย Whizdom Asoke Sukhumvit เป็นอาคารสูง 39 ชั้น 553 ยูนิต และ 6 ร้านค้า ที่ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 3-1-96 ไร่ โดยมีรูปแบบห้องพักอาศัยถึง 5 types ได้แก่

1 Bedroom ขนาด 34-35 ตรม.

1 Bedroom Suite ขนาด 47-65 ตรม.

2 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 63-66 ตรม.

2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 69 -116 ตรม.

Ultra Penthouse

โครงการอัดแน่นไปด้วยพื้นที่ส่วนกลางจัดเต็ม ที่แทรกอยู่ตั้งแต่ชั้น 1, ชั้น 11-12,ชั้น 32, ชั้น 35 จนถึงชั้น 36 เรียกว่าเป็นส่วนกลาง 5 level ที่ยก floor ให้ได้ใช้งานเต็มที่ แถมยังมีมุมมองที่หลากหลายไล่ตามความสูงอีกด้วย

ตั้งแต่พื้นที่ชั้น G กับ Grand lobby หน้าต่างกระจกบานสูง ที่ Grand สมชื่อ เปิดเชื่อมกับพื้นที่สวนสีเขียวด้านหน้าโครงการ และเชื่อมกับ Drop off area ก่อนเข้าสู่พื้นที่จอดรถแบบอัตโนมัติและแบบ conventional 85%

ส่วนด้านในตกแต่งด้วยหินโทนสีเทา ตัดขอบทอง สร้างความ luxury และเพิ่ม lifestyle ที่มีระดับ เหมาะสำหรับการเป็นพื้นที่รับแขกคนสำคัญ และการต้อนรับกลับบ้านในทุกๆวัน

ที่ชั้น ground floor โซนด้านหน้า กับ Grand Lobby เปิดเชื่อมกับพื้นที่ภายนอก กับบานกระจกบานสูงจากพื้นจรดเพดาน เปิดรับแสงธรรมชาติเข้าสู่ภายในตัวอาคาร และบริเวณโซนด้านหลังคือ Whizdom Private  Residence Lounge พื้นที่ เชื่อมต่อจาก Grand Lobby และอาคารจอดรถ เพื่อนั่งสบายขณะที่รอรถยนต์ ที่จอดด้วยระบบ Automate Parking โดยมีการจัดโซนเป็นสัดส่วนสามารถนั่งทำงาน  พักผ่อนได้อย่างลงตัว

แถมยังมี Backyard Garden ,Medical Center และ Intelligent Locker ไว้ให้บริการที่ชั้น 1 อีกด้วย

ถัดไปเป็นพื้นที่ส่วนกลางชั้น 11-12 Co-Working Space with E-Library

ที่รังสรรค์พื้นที่สำหรับทำงานที่แตกต่างกับ พื้นที่ step ไล่ระดับ เชื่อมชั้น 11-12 ที่มีพื้นที่ให้เอนกาย นั่งพิมพ์งาน หรือนอนพักสายตา กับมุมมองสวน Sunrise Garden พื้นที่ out door ที่รายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ และมุมไว้ชมแสงพระอาทิตย์ขึ้น ที่มีฉากหน้าเป็นวิวมหานคร ที่เปิดเชื่อมเข้าสู่ภายในตัวอาคารผ่านหน้าต่างบานสูง รอบด้าน

ส่วนชั้น 12 เป็น The Conference Room, Amphitheater และThe Excusive Business Lounge เป็นพื้นที่ทำงานที่ Exclusive สุดๆ โดยแบ่งเป็นสัดส่วนท่ามกลางวิวสวนและวิวเมืองด้านนอก กับพื้นที่ Sunrise Garden แถมยังมีโซน Private Pod สำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวๆ คิดงานแบบเงียบสงบ ก็มีไว้ให้บริการด้วยเช่นกัน

ส่วนใครที่ชอบปาร์ตี้สังสรรค์ ปิ้ง BBQ พร้อมชมวิวเมืองแล้วล่ะก็ ต้องขึ้นไปที่ ชั้น 32 กับโซน Garden Lounge BBQ Deck ที่แยกส่วนพื้นที่ ทั้งพื้นที่สวน และพื้นที่ใช้งานจัดปาร์ตี้ได้เช่นกัน

แต่ถ้าใครชอบพื้นที่ส่วนกลางแบบ active เน้นการใช้งาน ออกกำลังกาย ต้องไปที่ ชั้น 35 และ ชั้น 36

โดย แบ่งพื้นที่ ชั้น 35 เป็น Infinity Edged Swimming Pool and Kid Pool พร้อม Jacuzzi โอบล้อมด้วยวิวใจกลางอโศก แถมยังเชื่อมต่อมุมมองกับพื้นที่ ชั้น 36 ที่เป็น Sky Fitness Spa & Salon Jacuzzi ที่วางตัวขนานกับพื้นที่สระว่ายน้ำ พร้อมกระจกโค้งเข้ามุม ให้คุณได้ออกกำลังกาย ท่ามกลางวิวเมืองที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัน

และติดกับ ฟิตเนส ก็เป็น Sky Lounge พื้นที่พบปะสังสรรค์ ที่มีเฟรมกระจกเชื่อมวิวยอดอาคารสูง และ urban skyline ของกรุงเทพ เสมือนคุณได้นั่งทานอาหาร จิบไวน์อยู่บน lounge ของโรงแรมห้าดาว เหมือนกับหลายๆมหานครของโลก

นอกจากพื้นที่ส่วนกลางที่เหนือระดับกับ Whizdom Asoke Sukhumvit แล้ว ส่วนพื้นที่พักอาศัยที่ชั้น 3-34 โซน residential และชั้น 37-39 Ultra Penthouse ก็อัดแน่นไปด้วยความหรูหราไฮเอนด์มากมายเช่นกัน

โดยนอกเหนือจากระบบ Home Intelligent System ที่ให้มาเพื่อช่วยทำให้ชีวิตง่ายขึ้นแล้ว แต่ละห้องยังมาพร้อมกับวัสดุแบรนด์เนมระดับไฮเอนด์ อีกด้วย ตั้งแต่พื้นไม้ CORK ENGINEERING ที่นอกจากความสวยงาม ให้ความรู้สึกเหมือนไม้จริงแล้ว ตัวพื้นไม้ยังมีน้ำหนักเบา ยืดหยุ่นสูง ของเหลวไม่ซึมผ่านตัวไม้ เป็นวัสดุทนไฟ แถมยังทนต่อการขัดถู เหมาะสำหรับการใช้งานในทุกๆวัน และยืดอายุการใช้งานอีกด้วย

ในพื้นที่ห้องครัว โครงการให้ชุดครัวแบรนด์มาตรฐานระดับโลก อย่าง KUPPERSBUSCH และ sink ของ BLANCO

ส่วนหน้า top เคาท์เตอร์โครงการก็ให้วัสดุอย่างดีอย่าง Calacatta Porcelain ลายหินสีขาวที่เป็นเอกลักษณ์ ขึ้นรูปสำเร็จโดยแบรนด์ Casa dolce casa

พร้อมหน้าบานที่มีความทนทานสูง ไม่ว่าจะรอยขีดข่วน รอยเช็ดถู ไม่ทิ้งคราบรอยนิ้วมือ แถมยังทำความสะอาดง่าย คงทนและที่สำคัญคือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

โดยห้องมีให้เลือกหลายขนาดทั้ง

1 Bedroom 28-35 Sq.m.

1 Bedroom Suit 48-68 Sq.m.

2 Bedroom 1 Bathroom 64-70 Sq.m.

2 Bedroom 2 Bathroom 70-116 Sq.m.

Duplex 110 Sq.m.

และ Ultra Penthouse 240-290 Sq.m. ที่มีจุดเด่นแตกต่างกัน

ตั้งแต่ห้อง 1 Bedroom 35 Sq.m. ห้องขนาดกะทัดรัด แต่แบ่งการใช้งานเป็นสัดส่วน ครบทุก function ทั้ง พื้นที่ครัวและ living area ที่เปิดรับด้วยหน้าต่างบานสูงเต็มเฟรม จากพื้นจรดเพดาน เปิดรับแสงธรรมชาติเข้าถึงภายในห้อง

และพื้นที่ห้องนอนติดหน้าต่างบานเต็ม เปิดรับมุมมอง เหมาะสำหรับพื้นที่พักผ่อน กับวิวสวนกลางเมือง ที่เสริมมุมมองของการพักผ่อนให้น่าสบายมากขึ้น

หรือขยับมากับพื้นที่ 1 Bedroom ขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย กับ 48 Sq.m.

ที่เพิ่มพื้นที่ใช้งานเพิ่มขึ้น กับความยาวของแต่ละท้องที่มากขึ้น มากพอให้วางโต๊ะทานอาหารตัวใหญ่ขึ้น แต่ยังเปิดรับกับแสงธรรมชาติภายนอกที่เชื่อมผ่านมาจากหน้าต่างกระจกบานสูงเพิ่มความโปร่งโล่งในการใช้งาน

และพื้นที่ห้องนอนกระจกโค้งเข้ามุม ให้ได้เชื่อมต่อมุมมองที่กว้างขึ้น และพื้นที่ใช้งาน ไม่ว่าจะนั่งทำงาน พักผ่อน จิบกาแฟยามเช้า ก็มีพื้นที่ให้ได้นั่งชมวิวมากขึ้น

สำหรับ 1 ห้องนอนโครงการให้ ห้องน้ำดีไซน์พิเศษ กับ แบรนด์ TOTO & GROHE ทั้ง สุขภัณฑ์อัตโนมัติแบบแขวนผนัง Rain shower & hand shower และ accessories ภายในห้องน้ำ

แต่สำหรับครอบครัวอาจต้องขยับมากับห้อง 2 bedroom 74 Sq.m. กับพื้นที่โซนครัวและ living area ที่เชื่อมต่อกัน เชื่อมสู่พื้นที่หน้าต่างบานสูงจากพื้นจรดเพดาน เปรียบดั่งเฟรมกรอบรูปขนาดใหญ่ที่ปรับเปลี่ยนทัศนียภาพอันแสนสวยงามที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา อยู่ปลายสุดของห้อง นอกจากเปิดรับแสงเข้าสู่ภายในห้องแล้ว ยังสามารถเปิดรับลมเข้าสู่ภายในห้อง ให้ได้เชื่อมต่อกับภายนอกได้ใกล้ชิดมากขึ้น

ห้องนอนทั้งสองห้องที่ให้คุณได้ใกล้ชิดกับเมืองด้านนอกมากขึ้น กับกระจกบานใหญ่ จากพื้นจรดเพดาน นอกจากเปิดรับวิวแล้ว ยังเปิดรับแสงธรรมชาติเข้าสู่ภายในห้องอีกด้วย

และห้องนอนใหญ่ที่โดดเด่นกับกระจกเข้ามุมบานใหญ่ ให้ได้นอนชมวิวมหานครที่ไม่ซ้ำแบบใครในทุกๆค่ำคืน

ส่วนภายในห้องน้ำ ให้เช่นเดียวกับห้อง 1 Bedroom แต่มีอ่างอาบน้ำของ KASCH เพิ่มมาให้

เรียกว่าทุกห้องของ Whizdom Asoke Sukhumvit มีความโดดเด่นเฉพาะตัว แต่ยังคง concept ของการอยู่อาศัยแบบ Well-Being ทั้งความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และการประหยัดพลังงาน ไล่ตั้งแต่วัสดุที่โครงการเลือกใช้ ไปจนถึงงานออกแบบที่เปิดรับแสงธรรมชาติในทุกๆห้อง

Whizdom Asoke Sukhumvit คือโครงการที่ถือว่าเป็น Rare Item ที่หายากในย่านอโศก ซึ่งมีความเป็น best location และ best view มองเห็นสวนป่าเบญจกิติ ซึ่งจะเป็นส่วนป่าที่ใหญ่ที่สุดใน กทม เปรียบเสมือนปอดของกรุงเทพ และยังโดดเด่นกับห้องขนาดใหญ่ที่ Take View ได้สวยใจกลางย่านอโศก ที่หาที่ไหนไม่ได้ โดยมีให้เลือกตั้งแต่ห้อง Duplex ไปจนถึง Ultra Penthouse ที่มีความหรูหราน่าสะสม สร้างความภูมิใจในการครอบครองไม่แพ้คอนโดระดับ Super Luxury ริมแม่น้ำ ริมสวนลุมพินี หรือใจกลางย่านทองหล่อ

ซึ่งหากคุณเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่มีชีวิตงานวุ่นวายอยู่ในย่านอโศก แต่ก็อยากจะหาที่พักที่เหมาะสมกับฐานะ ใกล้แหล่งงาน อยู่บนทำเลที่ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวมากกว่าอโศกฝั่งสุขุมวิท และได้ใช้ชีวิตอย่างเหนือระดับ ที่นี่น่าจะเป็นคำตอบแรกให้กับคุณได้ ซึ่งหากใครสนใจ ตอนนี้ที่ Sale Gallery มีห้องตัวอย่างจริงให้ชมกันแล้วถึง 3 ห้อง คือ 1 Bedroom 35 Sq.m., 1 Bedroom 48 Sq.m. และ 2 Bedroom 74 Sq.m. โดยโครงการพร้อมเปิดให้จองพรีเซลในวันที่ 3-4 พย.นี้ ด้วยราคาเริ่มต้น 8.4 ล้านบาท*

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2NK4bgh

หรือโทร 1265