เปิดตัวอย่างเฟอร์เฟค! สำหรับอภิมหาโปรเจกต์ที่เป็นที่จับตามองของทั้งชาวไทยและทั่วโลกอย่าง “ICONSIAM” จากการร่วมมือของ 3 ยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาฯ ชั้นนำของประเทศ ได้แก่ สยามพิวรรธน์ MQDC แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นโครงการริมแม่น้ำเจ้าพระยาสุดยิ่งใหญ่ภายใต้งบลงทุนสูงถึง 54,000 ล้านบาท และมีขนาดพื้นที่ 750,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย อภิมหาอาณาจักรศูนย์การค้าแห่งยุค ที่ล้ำเลิศที่สุดแห่งหนึ่งของโลก 2 อาคาร คือ ไอคอนสยาม (Main Retail & Entertainment) พื้นที่ 500,000 ตารางเมตร และ ไอคอนลักซ์ (Luxury Wing) พื้นที่ 25,000 ตารางเมตร มีที่จอดรถและสิ่งอำนวยความสะดวกแยกจากกัน แต่เชื่อมต่อการไหลเวียนของลูกค้ากันได้อย่างทั่วถึง และคอนโดมิเนียมที่พักอาศัยมาตรฐานระดับโลกที่หรูหราสง่างามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา 2 อาคาร แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม (Magnolias Waterfront Residences) อาคารที่พักอาศัยสูง 70 ชั้น จำนวน 379 ยูนิต ที่เริ่มเปิดขายในปี 2557 และใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือน ก็สามารถปิดการขายได้ทั้งโครงการ และ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ (The Residences at Mandarin Oriental Bangkok) ความสูง 52 ชั้น จำนวน 146 ยูนิต และยังเป็นโครงการที่พักอาศัยแพงที่สุดในประเทศไทย

ภาพบรรยากาศภายในไอคอนสยาม เป็นโซนของห้างสรรพสินค้า มีร้านค้าต่างๆ ให้ได้เลือกใช้บริการ ทั้งโซน IT, ธนาคาร, ช้อปเสื้อผ้าแบรนด์ดัง และร้านอาหาร

ภาพบรรยากาศภายในไอคอนลักซ์ โซนนี้จะเป็นโซนของแบรนด์ลักซ์ชัวรี่ชื่อดังจากทั่วโลก อาทิเช่น Versace, Louis, Vuitton, YSL, Tiffany & Co., Dior และ Chanel

และยังมี 1 ใน 7 มหัศจรรย์ของไอคอนสยาม ตั้งอยู่บนชั้น 8 ของอาคารศูนย์การค้าไอคอนสยาม

โดยในระยะเวลา 5 ปี ที่ทั้ง 3 บริษัทฯ ได้ลงทุนลงแรงกับโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่นี้ ในที่สุดก็ถึงวันที่ทุกคนตั้งตารอคอยการประกาศความพร้อม เปิดประตูอภิมหาโครงการเมืองสัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ในวันที่ 9 – 11 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งทางไอคอนสยามได้จัดเตรียมงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อ ‘มหาปรากฏการณ์งานเปิดเมืองไอคอนสยาม’ และภายในวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่เป็นการเปิดงานวันแรก ก็จะมีการรวมตัวจากคนหลายภาคส่วนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ จากหลายประเทศที่รักเมืองไทยรวมแล้วเป็นทีมผู้ร่วมสร้างสรรค์กว่า 1,000 คน อีกทั้งการจับมือกันของอีเว้นท์ออแกไนเซอร์สุดยอดของประเทศไทย และ อินเทล บริษัทเทคโนโลยีอันดับหนึ่งของโลก เป็นการตอกย้ำเรื่องสิ่งที่ดีที่สุดของไทยบรรจบกับสิ่งที่ดีที่สุดของโลกมารวมไว้ด้วยกัน

และคาดการณ์ว่า ในช่วงแรกของการเปิดให้บริการ จะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการในไอคอนสยามเฉลี่ย 150,000 คน/วัน แบ่งเป็นชาวไทย 65-70% และชาวต่างชาติ 30-35% ส่วนในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างเช่นปลายปี และสัดส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะเพิ่มเป็น 40-45% ถือได้ว่าเป็นโปรเจกต์ที่สามารถดึงดูดให้ชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้น อาจส่งผลทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นตามลำดับ

ไม่เพียงเท่านั้น ภายในงานยังมี Hilight เด็ดๆ หลายอย่างให้ผู้ชมภายในงานได้ตื่นตาตื่นใจกับการแสดงโชว์ต่างๆ ที่ทางโครงการฯ ได้เตรียมไว้ให้ โดยพื้นที่ส่วนนี้จะรองรับการจัดงานระดับชาติที่ยิ่งใหญ่ และการแสดงโชว์ระดับโลกในสถานที่ที่สวยงามและมีเสน่ห์ที่สุดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ระบำสายน้ำผสมผสาน แสง สี เสียง ไฟ และมัลติมีเดีย อย่างครบครัน

การเชิดหนังใหญ่ประยุกต์ ซึ่งเป็นมหรสพชั้นสูงอย่างหนึ่งของไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มาเชิดแสดงด้วยผู้เชิดหนังระดับอาจารย์จากวัดขนอน ร่วมกับการแสดงหุ่นละครเล็กซึ่งเป็นการแสดงศิลปะการเชิดโดยผู้ชำนาญการเนรมิตให้หุ่นกระบอกตัวพระตัวนางในวรรณคดี ได้มาโลดแล่นราวกับมีชีวิต

Stilt Walker (สติลท์ วอร์คเกอร์) จาก Empress Stilt Dance (เอ็มเพรส สติลท์ แดนซ์) การแสดงระดับโลกหมู่มวลผีเสื้อและดอกไม้ในรูปแบบนักแสดงขายาว คณะโชว์ชื่อดังจากประเทศออสเตรเลีย มาร่วมเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่

การแสดงชุด Eternal Prosperity – โรจนนิรันดร ผลงานการออกแบบโดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ติดตั้งเหนือพื้นที่การแสดงขนาดใหญ่กว่า 1,000 ตารางเมตร รองรับการแสดงผสมผสานนาฏศิลป์ไทยประเพณี นาฏศิลป์ไทยร่วมสมัย นาฏศิลป์สากล และการแสดงกายกรรมผาดโผน

พิพิธภัณฑ์ลอยน้ำ “เรือสำเภาศรีมหาสมุทร” เรือสำเภาโบราณขนาดมหึมากลับมาล่องบนแม่น้ำเจ้าพระยาอีกครั้ง

รวมถึงสร้างสรรค์ภาพสุดอลังการบนฟากฟ้าด้วยขบวนโดรนจำนวนกว่า 1,500 ลำ ถือเป็นการแสดงโดรนแปลอักษรครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นจำนวนมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มากกว่า Winter Olympic ที่ประเทศเกาหลี เมื่อปีที่ผ่านมา

และยังมีการแสดงที่ดีที่สุดระดับโลกจาก 5 ประเทศ ซึ่งหาดูได้ยาก แต่ทุกคนจะได้ชมกันอย่างเต็มตาจากไอคอนสยาม อย่าง การแสดงศิลปะการตกแต่งอาหารบนอาภรณ์ชั้นสูง ครั้งแรกในประเทศไทย รังสรรค์เมนูจาก Tom Wolfe (ทอม วูลฟ์) เซเลบริตี้เชฟชื่อดังระดับโลกจากประเทศอังกฤษ ผนึกกำลังร่วมกับสรพล ชวพัฒนากุล ดีไซเนอร์ไทยเจ้าของแบรนด์ SORAPOL

การแสดงมายากลชุดพิเศษโดยนักมายากลระดับโลก ครั้งแรกในประเทศไทย ผสมผสานกับการแสดงบัลเลต์ชั้นสูงจากเหล่านักบัลเลต์ระดับโลก ที่น่าตื่นตาตื่นใจในเรื่องราวที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษเพื่อไอคอนสยาม นำโดย Charlie Mag (ชาร์ลี แม็ก) นักมายากลรุ่นใหม่ชาวสเปนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก โด่งดังมาจากการแสดงมายากลนกพิราบที่มีความยากที่สุดในโลกของมายากล

ร่วมผนึกกำลังกับ Vinz (วิ้นซ์) อีกหนึ่งนักมายากลชื่อดังของโลกชาวฝรั่งเศส ที่เคยแสดงกลให้ Luxury Brands มาแล้วทั่วโลก

และความงามของศิลปะการแสดงบัลเลต์ชั้นสูงจากเหล่านักบัลเลต์ระดับโลกจากรัสเซีย Mariinsky Theatre (มารินสกี้ เธียเตอร์) ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของศิลปะรัสเซีย กำกับการแสดงโดย Erika Lemay / PHYSICAL POETRY (เอริก้า เลอเม / ฟิซิคัล โพเอทรี้) จากประเทศแคนาดา

และความพร้อมของไอคอนสยามในขณะนี้ได้ทำการเปิดอย่างเป็นทางการแล้วคือ แล้วบ้าง และห้างทั้ง 2 ห้าง มีความเป็นพิเศษแตกต่างจากห้างอื่นๆ ในโลก คือ โดดเด่นทั้งสถาปัตยกรรมที่ไม่เหมือนที่ใดในโลก โดยจะเป็นอาคารกระจกโครงสร้างไร้เสาที่ยาวที่สุดในโลก รูปทรงคล้ายกระทงแก้ว สร้างสรรค์ขึ้นให้เป็นสัญลักษณ์ใหม่บนแม่น้ำเจ้าพระยา

ภาพจาก : https://www.marketingoops.com/news/biz-news/first-apple-flagship-store-in-bangkok-thailand/

ซึ่งความน่าสนใจอีกหนึ่งอย่างก็คือ ห้างสรรพสินค้าที่ทางไอคอนสยามและบริษัท ทาคาชิมาย่า จำกัด ที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ระดับพรีเมี่ยมจากประเทศญี่ปุ่น ในชื่อว่า “Siam Takashimaya” ที่มาเปิดสาขาแรกในประเทศไทย บนพื้นที่ขนาด 36,000 ตารางเมตร ครอบคลุม 7 ชั้น ด้วยงบประมาณการลงทุนถึง 3,000 ล้าบาท และใช้ในการก่อสร้างประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าเพื่อสร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกของวงการค้าปลีกด้วยการนำเสนอความแปลกใหม่ระดับโลกให้กับลูกค้าผู้มาใช้บริการ อีกทั้งยังจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานครที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวที่คุ้นเคยดีกับแบรนด์ทาคาชิมาย่า

รวมทั้ง Flagship Shop ชื่อดังในต่างประเทศที่ต่อแถวกันเข้ามาตั้งอยู่ภายในโครงการ ไม่ว่าจะเป็น H&M เตรียมเปิดอาคารของตัวเองในรูปแบบ Triplex Store 3 ชั้น ให้ขาช้อปได้เลือกซื้อกันอย่างเต็มที่, @Cosme ร้านสเปเชียลตี้สโตร์เครื่องสำอางที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เปิดสาขาแรกในประเทศไทย บนพื้นที่มากกว่า 300 ตารางเมตร, Adidas Original Store ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย, JD Sports ร้านแฟชั่นกีฬาชื่อดังจากประเทศอังกฤษ เปิดร้านแรกในประเทศไทย และ Nike Kicks Lounge แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งแบรนด์ดังต่างๆ ก็รวมไว้ที่นี่หมดแล้ว

JD Sports

Adidas Original Store

True Iconsiam Hall  ศูนย์ประชุมมาตรฐานระดับโลกและการจัดงานแสดงระดับนานาชาติ ด้วยงบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท มีขนาดพื้นที่กว่า 12,000 ตารางเมตร ความจุขนาด 3,000 ที่นั่ง ตั้งอยู่บนชั้น 7 สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยา โดดเด่นด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีแบบสุดๆ

อีกหนึ่ง Shop ที่ได้รับความสนใจมากและที่สุดที่เป็นที่ฮือฮาในโซเชียลเกี่ยวกับการนำ ตัว อ.อ่าง พยัญชนะภาษาไทยมาดัดแปลงเป็นโลโก้ของแบรนด์ในไทยโดยเฉพาะ เพื่อใช้เป็นฉากบังสายตาที่โดดเด่นในช่วงระหว่างการตกแต่ง ก็คือ Apple Store แห่งแรกในไทยพร้อมสินค้าที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย

ภาพจาก : https://www.macthai.com/2018/10/25/picture-around-apple-iconsiam-thailand/

รวมทั้งร้านต่างๆ อีกเพียบ

ชั้น G ศูนย์รวมภัตตาคาร อาหารเครื่องดื่ม และของที่ระลึก

อย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่า ทางด้านหน้าของโครงการไอคอนสยามที่ติดกับถนนเจริญนคร กำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีทอง ซึ่งเป็นโครงการรถไฟฟ้าที่ทางไอคอนสยามทุ่มงบกว่า 2,000 ล้าน ลงทุนสร้างขึ้นมา แล้วมอบให้ กทม. เอาไปดูแลเพื่อเปิดให้บริการ จะใช้เวลาสร้างประมาณ 2 ปี คาดว่าแล้วเสร็จภายในปี 2563 ซึ่งสถานีเจริญนคร G2  อยู่บริเวณหน้าโครงการ Iconsiam พอดี ในอนาคตการเดินทางมายังไอคอนสยามก็จะสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

และคอนโครงการที่พักอาศัยสุดหรูอย่าง “แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์’ เป็นคอนโดมิเนียมที่พักอาศัยคุณภาพเหนือระดับที่หรูหราที่สุดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา สูง 70 ชั้น จำนวน 379 ยูนิต ขณะนี้เสร็จสมบูรณ์ไปแล้วกว่า 90% และ ‘เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ’ ซึ่งเป็นโครงการที่พักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่แบรนด์ ‘แมนดาริน โอเรียนเต็ล’ แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแห่งที่ 14 ของโลกความสูง 52 ชั้น จำนวน 146 ยูนิต ขณะนี้เสร็จสมบูรณ์ไปแล้วกว่า 85% โดยทั้ง 2 โครงการได้สร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย ในฐานะโครงการที่พักอาศัยที่มีมาตรฐานเทียบชั้นโครงการที่พักอาศัยที่ดีที่สุดในต่างประเทศ และพร้อมเตรียมส่งมอบห้องแก่ลูกค้าได้ตั้งแต่ปลายปี 2561 นี้เป็นต้นไป

อีกทั้งทุกคนจะได้พบกับ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของไอคอนสยาม ที่สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงการใช้แนวคิดการทำธุรกิจในโลกยุคใหม่ เพื่อเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน และเป็นศูนย์รวมของความมหัศจรรย์อันหลากหลายทั้งศิลปะและวัฒนธรรมที่ถูกผสมผสานให้อยู่ร่วมกันได้ ได้แก่

River Park พื้นที่ Community Space ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาขนาดใหญ่กว่า 10,000 ตารางเมตร ที่ในประเทศไม่เคยมีมาก่อน

ระบำสายน้ำที่ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ‘ICONIC Multimedia Water Features’ ที่จะเป็น Iconic Attraction ระดับโลก ที่ช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ และประเทศไทย สามารถเทียบชั้นกับทั่วโลกได้

สุขสยาม เมืองมหัศจรรย์ที่เป็น Co-Creation Space ครั้งแรกในประเทศไทยกับการสร้างสรรค์จากชุมชนท้องถิ่น 77 จังหวัดทั่วประเทศ ร่วมสร้าง Platform ธุรกิจ และพื้นที่เชิงวัฒนธรรม ที่จะช่วยสร้างงานสร้างรายได้และนำเสนอคุณค่าของสิ่งขึ้นชื่อของประเทศไทยอย่างเข้าถึงทุกคน

ทรูไอคอนฮอลล์ ศูนย์ประชุมนวัตกรรมล้ำยุค ที่จะส่งต่อธุรกิจเป็นวงกว้างให้แก่ผู้ประกอบการทั้งแม่น้ำ และส่งเสริมอุตสาหกรรม MICE ของประเทศไทย และสามารถรองรับการจัดงานประชุมระดับชาติwfh

รถไฟฟ้าสายสีทอง ส่งเสริมการพัฒนาเมืองที่เชื่อมต่อการคมนาคม รถ-ราง-เรือ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและศักยภาพเศรษฐกิจในวงกว้าง

พิพิธภัณฑ์ระดับโลก ‘ริเวอร์ มิวเซียม แบงค็อก’ Cultural Space in Commercial Project พื้นที่องค์ความรู้ให้สาธารณชนเรียนรู้และเข้าถึงศิลปะระดับโลกจากประเทศต่างๆ ได้ในชีวิตประจำวัน

ปรากฏการณ์รวมโลกในรอยไทย ที่รวมเอาผลงานอันยอดเยี่ยมของศิลปินทุกแขนงกว่า 100 คน ตั้งแต่ศิลปินท้องถิ่นจากทุกภาคของไทย ไปจนถึงศิลปินแห่งชาติ รวมทั้งศิลปินระดับโลกจากหลายประเทศ มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกเพื่อไอคอนสยามโดยเฉพาะ ซึ่งไม่เคยปรากฎที่ไหนมาก่อนใน Commercial Project ในประเทศไทย และวัเสาจิตรกรรมจากทั้ง 4 ภาคของไทย อย่าง รูปปั้นผีตาโขน, ประทีปต้นผึ้ง และหนังตะลุง

โดย 7 สิ่งมหัศจรรย์ของไอคอนสยามนี้ ในวันที่ 9 เป็นต้นไป จะเปิดให้ชมได้แค่ 5 โซนเท่านั้น เนื่องจากบางโซนยังต้องใช้เวลาเก็บรายละเอียดต่างๆ เพื่อให้งานออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งในโซนของ ทรูไอคอนฮอลล์ และ พิพิธภัณฑ์ระดับโลก ‘ริเวอร์ มิวเซียม แบงค็อก’ จะเปิดให้เข้าใช้บริการได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2562 และแลนด์มาร์กใหญ่แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ อีกหนึ่งอย่างก็คือ “หอชมเมืองกรุงเทพมหานคร” อยู่ติดกับโครงการไอคอนสยาม ตึกมีความสูงถึง 459 เมตร จำนวน 24 ชั้น มูลค่ารวมกว่า 4,621 ล้านบาท เป็นหอชมเมืองที่สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก และเป็นตึกสูงอันดับ 2 ของไทยอีกด้วย โดยในปี 2560 ที่ผ่านมา ทาง ครม. ได้มีการอนุมัติให้สามารถสร้างหอชมเมืองได้โดยไม่ต้องทำการเปิดให้ประมูล ซึ่งมีกำหนดการแล้วเสร็จในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ภาพจาก : http://www.realist.co.th/blog/%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/

โครงการไอคอนสยาม ที่เป็นโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่ของทางฝั่งธนบุรี เป็นประโยชน์ต่อผู้คนในย่านนั้นที่ต้องการห้างสรรพสินค้าที่ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งการเลือกซื้อสินค้า ร้านอาหารที่มีให้เลือกอย่างมากมาย การเดินทางที่นับวันก็มีแต่จะสะดวกขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงคอนโดที่พักอาศัยอีกด้วย ซึ่งเมื่อก่อนถ้าอยากเดินห้างหรูขนาดใหญ่ บรรยากาศดีๆ ก็ต้องเดินทางเข้าใจกลางเมือง แต่ในตอนนี้ไอคอนสยามได้ตอบโจทย์ให้กับผู้คนที่อยากจะสัมผัสกับห้างสรรพสินค้ารูปแบบใหม่ที่จะสามารถรองรับทุกไลฟ์สไตล์ของในย่านฝั่งธนฯ และผู้คนได้ทั่วกรุงเทพฯ อีกด้วย