เจาะลึก Big Deal สะท้านวงการ “Ananda X The Ascott Limited” หากต้องการเป็นผู้นำ ก็ต้องเลือกจับมือกับเบอร์หนึ่งของโลก!

เกริก บุณยโยธิน 20 December, 2021 at 14.20 pm

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


แม้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้เดินหน้ามาตลอดในช่วงหลายสิบปีมานี้ จะถูกดับเครื่องสนิทมาเกือบสองปีแล้ว แต่จากนโยบายการเปิดประเทศครั้งล่าสุดล้วนเป็นสัญญาณที่ดีทางเศรษฐกิจ และส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นในการจับจ่ายของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวต่างชาติที่เป็นนักเดินทาง นักธุรกิจ นักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นในแบบ Expat หรือ Hybrid Traveler ที่ล้วนแต่สนใจที่จะเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยเพื่อ Restart ธุรกิจ เข้าพักในระยะยาวและพบปะกับวิถีชีวิตในแบบที่ตัวเองคุ้นเคยกันอีกครั้ง…เมื่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวกำลังจะถูกกดสวิตช์เพื่อเปิดเครื่องอีกครั้งเรามาดูกันว่าอนันดามองเห็นโอกาสทางการตลาดอะไรจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจนนำมาซึ่งการรุกเปิดตัวโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์พร้อมกันถึง 5 โครงการ ในมูลค่ารวม 12,000 ล้านบาทครับ

ธุรกิจอสังหาฯผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและกำลังจะรีบาวด์ เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ตอนนี้เราเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของ Expat ที่ต้องทำธุรกิจทำการค้าในประเทศไทย ที่มีความจำเป็นที่จะต้องเช่าที่พักอาศัยในระยะยาว ซึ่งจุดนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์เป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ มากกว่ากว่าเช่าโรงแรม  ที่สำคัญคือ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ตัวเลขยอดผู้เข้าพักในกลุ่มตลาดเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ไม่ค่อยจะตกลงมากนักเมื่อเทียบกับกลุ่มตลาดโรงแรม โดยอัตราการเข้าพักภาพรวม (Occupancy rate) ของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์อยู่ที่ประมาณ 50% – 55% ในขณะที่โรงแรมอยู่ที่ประมาณ 27% ซึ่งอัตราการเข้าพักของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์สูงกว่าโรงแรมเนื่องมาจากดีมานด์ของการเข้าพักแบบ Long stay ยังคงมีอยู่จากกลุ่มชาวต่างชาติที่เป็น Expat ซึ่งต่างจากโรงแรมที่เน้นการเข้าพักแบบ Short stay จากกลุ่มนักท่องเที่ยวเพียงกลุ่มเดียว ทำให้วิกฤตการณ์โควิด-19 ในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ไม่มากนักถ้าเทียบกับธุรกิจโรงแรม อีกทั้งในปัจจุบันก็ยังมี Supply ที่น้อยกว่าโรงแรมหลายเท่าตัว ทำให้เราคาดว่าจะมีรายได้ประจำ (Recurring Income) กว่า 20% โดยจะสามารถบันทึกเป็นรายได้ภายใน 5 ปีชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)

 

การขยายธุรกิจอสังหาฯ ที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring income) พร้อมกับลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจอสังหาฯ เพื่อการขาย เป็นเทรนด์ที่ดีเวลลอปเปอร์ชั้นนำส่วนใหญ่เลือกที่จะใช้เป็นหนึ่งในแผนธุรกิจ โดยตลาดเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์เป็นอีกหนึ่งตลาด ที่มักจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากผู้เล่นรายที่พร้อมกว่าในด้านกำลังทรัพย์และคอนเนคชั่นที่แข็งแกร่ง ด้วยรูปแบบการเข้าพักที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า โดยเน้นการทำการตลาดไปที่กลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพในการจ่ายค่าที่พักที่มากกว่า โดยบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) ในฐานะผู้นำคอนโดมิเนียมติดแนวรถไฟฟ้า ได้ใช้เวลาบ่มเพาะมานานกว่า 3 ปี นับแต่วันที่อนันดาประกาศที่จะลงชิงชัยในตลาดเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ จากการที่ได้มองเห็นช่องว่างและโอกาสใหม่ที่สำคัญในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างโรงแรมและคอนโดมิเนียม ที่จะมาเติมเต็มความต้องการของตลาดที่ยังไม่ได้มีคู่แข่งมากนัก ร่วมกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำอย่าง ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ที่มีชื่อเสียงระดับโลกทางด้านบริการชั้นนำระดับ World  Class มีฐานลูกค้าที่หลากหลายและมีศักยภาพและความเชี่ยวชาญสูง เป็นอันดับหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับลักชัวรี่ชั้นนำของโลกที่มีรางวัลจำนวนมาการันตี และมิตซุย ฟุโดซัง ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของบริษัทมาอย่างยาวนาน แต่ด้วยจังหวะเวลาที่ยังไม่เหมาะในการเปิดตัว จึงต้องเลื่อนแผนมาเปิดตัวในช่วงท้ายปี 2021 แบบนี้ ด้วยความเชื่อมั่นว่านี่คือจังหวะที่ดีที่สุดในการเดินหน้ารุกธุรกิจก่อนใคร และยังถือว่าเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ ANANDA NEW BLUE ที่จะสร้างศักยภาพและการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัทฯ

 

เจาะข้อได้เปรียบของเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ กับการทำตลาดไปยังกลุ่มผู้เข้าพักที่ต้องการความยืดหยุ่นในการพักอาศัยที่มากกว่า

 

ข้อได้เปรียบที่ทำให้เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์สามารถตอบโจทย์ความต้องการในการเข้าพักของคนต่างชาติที่หลากหลายมากกว่าการเข้าพักในคอนโด หรือโรงแรมก็คือ เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์นั้นวาง Business Positioning ให้อยู่ตรงกลางระหว่างโรงแรมและคอนโดสำหรับเช่า โดยเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ส่วนใหญ่ มีบริการที่ครบครัน มีสิ่งอำนวยความสะดวกในเชิงการทำธุรกิจ และสื่อสารได้ดีกว่าคอนโดมิเนียมสำหรับปล่อยเช่า และเหมาะกับการอยู่อาศัยในระยะยาวตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป และสามารถพักอาศัยได้ทั้งครอบครัว โดยที่มีราคาเช่าต่อเดือนที่อาจจะสูงกว่าคอนโดมิเนียม แต่ก็ไม่ได้แพงเท่ากับโรงแรม แต่ตอบโจทย์ลูกค้าที่มีความต้องการที่มากกว่า อาทิ

 

1) ความสะดวกสบายพร้อมเข้าอยู่ได้ทันที

2) บริการแบบโรงแรมแต่จ่ายน้อยกว่าหากเข้าพักในระยะยาว

3) ขนาดห้องที่ใหญ่กว่าโรงแรม

4) ระยะเวลาในการเข้าพักที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าการเช่าคอนโดทั่วไป

5) มีรูปแบบห้องให้เลือกหลากหลาย ภายใต้มาตรฐานเดียวกันในแต่ละโครงการ

6) มีเจ้าหน้าที่ประจำที่สามารถสื่อสาร และให้บริการในภาษาต่างชาติได้

7) รองรับการเข้าพักในแบบ Very Long Stay สำหรับกลุ่มลูกค้า Corporate Client ที่สลับสับเปลี่ยนกันเข้าพักได้ตลอดอายุสัญญา

 

โดยที่กลุ่มฐานลูกค้าสำคัญมักจะเป็นกลุ่มคนต่างชาติ 2 กลุ่มหลักคือ

1) กลุ่มฐานลูกค้าระยะยาวที่เป็น Expat ทำงานในประเทศไทย (Long-term market from expatriates working in Bangkok)

2) กลุ่มฐานลูกค้าระยะสั้นที่เดินทางมาทำธุรกิจและถือโอกาสพักผ่อนไปด้วยในตัว (Short-term market from leisure and business travelers)

 

ทั้งนี้โดยทั่วไปแล้ว หากพิจารณาจากปัจจัยในเรื่องของระยะเวลาในการเข้าพัก ตลาดเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ในไทยมักจะมีคู่แข่งหลักเป็นคอนโดให้เช่าที่อยู่ในเซกเมนท์ลักซ์ชัวร์รีขึ้นไปครับ เนื่องจากมีราคาค่าเช่ารายเดือนที่ค่อนข้างจะสูสีกัน จับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเข้าพักในระยะยาวเกิน 1 เดือนขึ้นไปเหมือนกัน เพียงแต่ว่าการเช่าคอนโดอยู่จะมีส่วนกลางที่ค่อนข้างหลากหลายทันสมัยกว่า ตัวเลือกในแต่ละทำเลมีมากกว่า ถ้าเข้าพักยาวมากกว่า 1 ปีขึ้นไปก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า แต่ก็ต้อง Trade Off กับบริการต่างๆ ที่เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์มีให้ครบครันกว่าอย่างเช่น บริการ Room Service ประเภททำความสะอาด ซักรีด ห้องอาหาร เคเบิลทีวี บริการผู้ช่วยส่วนตัวและแจ้งซ่อมได้ง่าย รวดเร็วกว่า ไม่ยุ่งยาก ระยะเวลาการเข้าพักที่ยืดหยุ่นมากกว่า โดยที่ไม่ต้องวางมัดจำล่วงหน้า มีอุปกรณ์การสื่อสารทั้งโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตในห้องพร้อมใช้งาน รวมไปถึงมีแพคเกจ Standard เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ค่อนข้างจะมีสเปคดีกว่าเฟอร์ฯ ในห้องคอนโดปล่อยเช่าทั่วไปที่มักจะเลือกรูปแบบไม่ได้และไม่ค่อยคงทน

 

ในขณะที่ช่วงเวลาที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ามีกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมได้เบนเข็มเข้ามาปรับรูปแบบการเข้าพักให้เป็นไปในสไตล์เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์มากขึ้น โดยมีการตัดบริการบางอย่างออกไป ทำแพคเกจราคาค่าเช่าระยะยาวให้ถูกลง เพื่อกระตุ้นให้เกิดDemand Switching จากกลุ่มคนเช่าเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์และคอนโด ให้เข้ามาทดแทนนักท่องเที่ยวระยะสั้นที่ขาดหายไปในช่วงวิกฤตโรคระบาด Covid-19 เนื่องจากกลุ่มชาวต่างชาติที่ยังคงปักหลักอยู่เมืองไทย และเข้าๆ ออกๆ อยู่บ่อยๆ ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะเป็นกลุ่ม Expat หรือ Business Traveler ที่ล้วนแต่มีความจำเป็นที่ต้องเข้ามาในเมืองไทยเพื่อทำธุระ ทำงาน หาครอบครัว ในแบบพักระยะยาวกันทั้งนั้น… ด้วยความได้เปรียบของกลุ่มเป้าหมายที่ยังคงมีเสถียรภาพในการเข้าพัก โดยมี Occupancy Rate แตกต่างกันเกือบถึง 3 เท่าตัว และแนวโน้มหลังการเปิดประเทศที่น่าจะทำให้มีกลุ่ม Short stay ทั้งนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจเพิ่มเข้ามา จึงทำให้กลุ่มธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์เป็นที่จับตามองของค่ายอสังหาฯหลายค่ายมากยิ่งขึ้น

 

หากต้องการเป็นผู้นำ ก็ต้องเลือกจับมือกับเบอร์หนึ่งของโลก “The Ascott Limited (ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด)”

 

จากคอนโดมาเป็นเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ได้ยังไง? ผมมองว่าสองอย่างนี้กำลังจะถูกเชื่อมเข้าหากันนะ เราปะติดปะต่อกัน จากการที่มองว่าธุรกิจของคอนโดเหมือนกับเป็นฮาร์ดแวร์ โดยที่เราต้องใส่ซอฟท์แวร์ Integrated เข้าไป ต่อไปเราเชื่อว่าอสังหาขายฮาร์ดแวร์อย่างเดียวไม่ได้แล้ว เราต้องเรียนรู้วิธีการ Integrated ซอฟท์แวร์จากเบอร์หนึ่ง เพื่อให้เป็น Business Platform ที่สามารถต่อรองกับ Chain ใหญ่ๆ ได้ ในส่วนของธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ พันธมิตรอย่างแบรนด์ Ascott โดย CapitaLand เป็นเบอร์หนึ่งของโลก คนพักเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ทั่วโลกส่วนใหญ่คุ้นเคยกับแบรนด์นี้ ในบรรดาโครงการทั้ง 5 โครงการจาก 3 แบรนด์มีกลุ่มลูกค้าที่ค่อนข้างต่างกัน แต่ละแห่งเป็น Strategic Locations ที่เรามองไปถึงอนาคตของแต่ละแห่งว่าจะเป็นอย่างไรจนออกมาซึ่งคอนเซปท์ และ Business Model ที่โดดเด่น เพราะเราเชื่อว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่มีแนวโน้ม ที่อยากจะครอบครองน้อยลง model SAS (Subscription As a Service) กำลังมาแรงในหมู่คนเหล่านี้ อีกทั้งถ้าเปรียบเทียบกับบริการจากโรงแรม 5-6 ดาวอื่นๆ เราตัดเอา Nice To Have Factors ออก แต่เอา Must Have ใส่เข้ามาเพื่อให้ทำราคาได้ ให้ Lean มากที่สุดแต่ไม่เท่ากับ พวก Branded Residences ที่เรากำลังจะทำกับกลุ่ม Dusit ที่ COCO Parc…คุณโก้พูดบรรยายถึงที่มาที่ไปของการรุกเข้าสู่ตลาดเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ว่าชั่วโมงนี้ประสบการณ์ในด้านของการพัฒนาโครงการอสังหาฯเพื่อขายมาตลอดอาจจะใช้ได้เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นในเรื่องของการมองทำเล หากต้องการที่จะขึ้นแท่นสู่ความเป็นผู้นำในตลาดเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ ที่เป็นตลาดสำหรับกลุ่มผู้พักทั่วโลกจึงจำเป็นที่จะต้องมีพันธมิตรเป็นเบอร์หนึ่งของโลกอย่างดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด อีกทั้งตัวบริษัทฯ เองยังต้องเตรียมพร้อมในการที่จะพัฒนาโครงการรูปแบบใหม่ในอนาคต เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์ในการมองหาที่อยู่อาศัยของกลุ่มกำลังซื้อหน้าใหม่ที่ส่วนหนึ่งมักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญในเรื่องของการถือครองทรัพย์สินมากเท่าไหร่นัก ดังนั้นการจับมือในครั้งนี้ก็น่าจะเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการพัฒนาโปรเจคอื่นๆ ต่อไปในอนาคตได้เช่นกัน

 

ในขณะที่ฟากของคุณ Brian Tan ซึ่งเป็น Country General Manager Thailand & Laos The Ascott Limited กล่าวว่าทาง Ascott ซึ่งมีบริษัทแม่เป็นกลุ่ม CapitaLand Investment จากสิงค์โปร์ เป็นเจ้าของแบรนด์โรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ บนทำเลและคอนเซปท์ที่ แตกต่างกันทั่วโลกถึง 15 แบรนด์ จาก 35 ประเทศ 200 เมืองทั่วโลก ด้วยจำนวนยูนิตมากกว่า 128,000 ยูนิต โดยแบรนด์ Ascott เองมี Value Propositions หลายอย่าง โดยเฉพาะในเรื่องของ Strong Sales Drivers ที่มีฐานลูกค้า Corporate Clients มากถึง 94,000+ บริษัท มียอด Booking จาก OTA และ Direct Sales มากถึง 79% และมีลูกค้าปัจจุบันที่เป็นสมาชิก Loyalty Program ถึง 1.8 ล้านรายที่แวะเวียนมาเข้าพักซ้ำเสมอ เช่นเดียวกับการเป็นแบรนด์ Top of Mind ของคนทั่วโลกเวลาที่นึกถึงเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ ที่สำคัญคืออนันดาเป็นพันธมิตรที่สำคัญ และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งทาง Ascott เองมีฐานลูกค้าและโครงการที่พัฒนาอยู่เยอะในกรุงเทพ ชลบุรี และระยอง รวมทั้งหมด 24 โครงการ เกือบ 5,000 ยูนิต

 

ความร่วมมือกับอนันดาฯ และมิตซุย ฟุโดซัง รวดเดียวถึง 5 โครงการในครั้งนี้ เป็น Strategic Partnership ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็น Top 5 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

The Ascott Limited กับ 3 แบรนด์ดังที่พร้อมเปิดให้เข้าพักในช่วงต้นปีหน้า

สำหรับ The Ascott Limited นั้นมีแบรนด์เซอร์วิสเรสซิเดนซ์ และโรงแรมที่มีการวางคอนเซปท์ เอกลักษณ์ และจับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันไปถึง 15 แบรนด์ กระจายตัวกันอยู่ถึง 35 ประเทศ 200 เมืองทั่วโลกครับ

 

โดยมีแบรนด์ในกลุ่มเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ ถึง 7 แบรนด์ ได้แก่ Ascott, The Crest Collection, Somerset, Citadines, Quest, Lyf และ Domitys

 

และมีแบรนด์ในกลุ่มโรงแรมอีก 8 แบรนด์ ที่ยังไม่ได้มาเปิดตลาดในประเทศไทย

โดยโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ 5 โครงการ รวม 1,809 ยูนิต มูลค่า 12,000 ล้านบาท ที่เปิดตัวในครั้งนี้ ได้แก่ Somerset Rama (ซัมเมอร์เซ็ท รามาไนน์ แบงค็อก) Ascott Embassy Sathorn Bangkok (แอสคอทท์ เอ็มบาสซี่ สาทร บางกอก) Ascott Thonglor Bangkok (แอสคอทท์ ทองหล่อ บางกอก) Lyf Sukhumvit 8 Bangkok (ไลฟ์ สุขุมวิท 8 บางกอก) และ  Somerset Pattaya (ซัมเมอร์เซ็ต พัทยา) เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงาน (Expatriates)  ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมีความจำเป็นต้องการที่พักอาศัยระยะยาว และต้องการความสะดวกสบายระดับโรงแรม หรือระดับมาตรฐานชั้นนำ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยว ที่อาจเป็นกลุ่มคณะขนาดเล็ก หรือกลุ่มคณะขนาดครอบครัวที่มีความต้องการที่หลากหลายมากไปกว่าการพักอาศัยในโรงแรมทั่วไป (Travelers)

โดยแบรนด์หลักที่นำมาใช้จะเป็น 3 Flagship Brands ที่เป็นที่รู้จักกันดีจากค่ายแอสคอทท์ คือแบรนด์ที่เน้นกลุ่มลูกค้าธุรกิจอย่าง ASCOTT แบรนด์ที่เน้นกลุ่มลูกค้าครอบครัวอย่าง SOMERSET และแบรนด์ที่เปี่ยมไปด้วยสีสันแหล่งไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่าง Lyf

จะเห็นได้ว่าทั้ง 5 โครงการล้วนแล้วแต่มีทำเลที่มีความโดดเด่น อยู่ในย่าน Super Prime Area ที่เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติทั้งนั้น โดยโครงการแรกที่อนันดาสร้างเสร็จก่อนใครเพื่อนเลยก็คือ

 

Somerset Rama 9: หนึ่งเดียวบนทำเลที่ดีที่สุดของ New CBD พระรามเก้า

โครงการ ซัมเมอร์เซ็ท พระราม 9 แบรนด์เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ที่ได้รับการยอมรับและมีชื่อเสียงระดับโลก และยังเป็นเซอร์วิสเรสซิเดนซ์และโรงแรมระดับสากลแห่งแรกในโซนรัชดาฯ รูปแบบโครงการเป็นอาคาร High-Rise 1 อาคาร สูง 35 ชั้น จำนวน 445 ห้องพัก พร้อมการตกแต่งที่ครบครัน ตั้งแต่ห้องพักโรงแรมขนาดเริ่มต้นที่ 33 ตร.ม. ไปจนถึงห้องพักอาศัย 3 ห้องนอนขนาดที่ 123 ตร.ม.

ห้องพักภายในโครงการ มีให้เลือกหลายแบบ ไม่ว่าคุณจะพักแบบ 2 คน หรือแบบครัวใหญ่ ก็มีห้องที่ตอบโจทย์การพักผ่อนของคุณได้อย่างเต็มที่

ครัวขนาดใหญ่ และโต๊ะที่นั่งทานอาหารร่วมกันได้

ห้องแบบเตียง Twin ได้วิวอาคารสูงย่านพระรามเก้า

ห้องแบบเตียงคิงส์ไซส์ ให้คุณและคนรักได้ดื่มด่ำกับการพักผ่อนอย่างมีความสุข

โดยมีตัวเลือกอาหารและเครื่องดื่มอันหลากหลายพร้อมโซนพักผ่อนแบบบูรณาการตั้งแต่ห้องซาวน่า ห้องอบไอน้ำ ฟิตเนส โยคะสตูดิโอ เลานจ์เรสซิเดนซ์ สระว่ายน้ำลอยฟ้า และห้องเล่นสำหรับเด็ก พร้อมห้องประชุม และจัดงานสัมมนาขนาดกลาง โครงการตั้งอยู่ริมถนนใหญ่รัชดาภิเษก ไม่ไกลจากแยกพระรามเก้า ซึ่งเป็นย่านธุรกิจแห่งใหม่ (New CBD) รายล้อมไปด้วยแหล่งอาคารสำนักงาน เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, สถานทูตจีน,  AIA capital center, G Tower, Fortune Town, และ The 9th tower พร้อมห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น Central Rama9, Esplanade Cineplex, The Street Ratchada, และรพ.พระราม 9, รพ.ปิยะเวท เป็นต้น สามารถเดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดิน โดยห่างจาก MRT พระราม 9 และ MRT ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพียง 450 เมตร และเพียง 1 สถานีไปยัง Airport Rail Link สถานีมักกะสัน ที่สามารถเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิได้

 

บริหารร่างกายในฟิตเนสของโครงการ ที่มีอุปกรณ์ให้คุณเลือกเล่นได้ตามใจชอบ

 

สระว่ายน้ำลอยฟ้า ที่ว่ายน้ำและชมวิวย่านพระรามเก้าไปด้วยได้

 

บรรยากาศของสระว่ายน้ำช่วงค่ำก็ดีไม่แพ้ช่วงกลางวัน

 

คาดว่า Somerset Rama 9 จะมียอด Occupancy ประมาณ 40 – 50% ในปี 2022 และน่าจะดึงดูดกลุ่ม Expat ในระดับผู้บริหารระดับกลางขึ้นไปที่เป็นชาวยุโรป อเมริกัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และชาวจีน รวมถึงฮ่องกง ที่ทำงานในย่านพระรามเก้า รัชดาภิเษก รวมไปถึงอโศก และยังรวมไปถึงกลุ่ม Business Traveler ที่เป็น Shortstayได้เป็นอย่างดี

 

Ascott Embassy Sathorn Bangkok: อยู่สบายกว่าท่ามกลางย่าน Financial District รายล้อมด้วยสถานทูตชั้นนำ

 

หากจะถามว่าย่าน CBD ไหนที่มีจำนวนพื้นที่สำนักงานมากที่สุด จนแทบจะหาพื้นที่ขนาดใหญ่ราคาเหมาะสมในการพัฒนาโครงการประเภทที่อยู่อาศัยไม่ได้ก็คือ ย่านสีลม-สาทร ซึ่งจากจำนวนพื้นที่อาคารสำนักงานทั่วกรุงเทพฯ กว่า 10 ล้านตารางเมตรนั้น กว่า 2.1 ล้านตารางเมตร คือพื้นที่อาคารสำนักงานที่ตั้งอยู่ในย่านนี้ ยังไม่รวมโครงการขนาดใหญ่อื่นๆ บริเวณริมถนนพระรามสี่ ที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอย่าง One Bangkok และ Dusit Central Park ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นภาพของผู้คนวัยทำงานจำนวนมหาศาลที่หมุนเวียนเข้าออกเพื่อที่จะมาทำงานในย่านสาทรตลอดทั้งวัน โดยเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ในพื้นที่นี้เป็นที่สนใจของชาวต่างชาติที่ทำงานในย่านนี้มากกว่าการเช่าคอนโด หรือโรงแรม เพราะอยู่ในย่าน CBD ใกล้สถานทูตต่างๆ เดินทางไปทำงานได้ง่าย ไม่ต้องห่วงเรื่องสภาพการจราจร และยังมีราคาที่ไม่แพงมากเหมือนกับในย่านอื่นๆ อย่าง Mid Sukhumvit

Ascott Embassy Sathorn Bangkok เป็นอาคาร High Rise สูง 37 ชั้น ริมถนนใหญ่สาทร โดยมีห้องพักทั้งสิ้น 393 ห้องพัก ตั้งแต่ห้องพักโรงแรมขนาดเริ่มต้นที่ 35 ตร.ม. ไปจนถึงห้องพักอาศัย 3 ห้องนอนขนาดที่ 150 ตร.ม. โดยที่ส่วนใหญ่เป็นห้องขนาด 35 ตารางเมตร ที่มีจำนวนมากถึง 180 ห้อง เพื่อรองรับกลุ่มนักธุรกิจ และผู้บริหารต่างชาติในระดับ Middle Management ที่มองหาที่พักในระยะยาวในย่านสาทร ในส่วนของ Facilities ก็มีให้ครบครัน ทั้งบริหารอาหารและเครื่องดื่มให้เลือกมากมาย พร้อมร้านอาหารตลอดทั้งวัน บาร์ริมสระ สกายเลานจ์ และบาร์บนชั้นดาดฟ้าที่นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุด Hang Out บรรยากาศดีในยามค่ำคืน ที่น่าจะเป็นหมุดหมายการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของย่านสาทรได้ไม่ยาก นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมสระว่ายน้ำอินฟินิตี้ ห้องรับรองพิเศษ และห้องฟิตเนสที่มองเห็นเส้นขอบฟ้าของเมือง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการประชุมและการจัดงานกิจกรรม

 

Ascott Embassy Sathorn Bangkok พร้อมเปิดให้บริการในช่วงกลางปี 2022

สระว่ายน้ำอินฟินิตี้ขนาดใหญ่ สนุกไปกับการว่ายน้ำ ที่ให้คุณว่ายได้ไม่เบื่อ พร้อมบาร์ริมสระ

สกายเลานจ์ ให้คุณได้เพลินเพลินไปกับบรรยากาศใจกลางย่านสาทร

ความโดดเด่นของที่ตั้งโครงการนั้นเรียกได้ว่ามีจุดเด่นตรงที่รายล้อมไปด้วยสถานทูตชั้นนำต่างๆ จนถูกนำมาตั้งเป็นชื่อโครงการ ไม่ว่าจะเป็น Singapore Embassy ที่ใกล้มากๆ เพียงแค่ 250 เมตร, Malaysia Embassy, Germany Embassy, Japan Embassy, US Embassy, Netherlands Embassy และ Australia Embassy นอกจากนั้นยังอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าทั้ง BTS ช่องนนทรี และ BTS ศาลาแดง รวมไปถึง MRT ลุมพินี ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้โครงการยังสามารถเชื่อมต่อไปยังย่าน CBD ใกล้เคียงกันอย่างสีลมได้ง่ายทางถนนคอนแวนท์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ หากใครที่ไม่ชอบกับความเร่งรีบ เป็นทางการของย่านสาทร ก็สามารถเลือกเดินชิลๆ ไปพักผ่อนที่ย่านไลฟ์สไตล์ยามค่ำคืนของสีลม หรือผ่อนคลายอิริยาบทได้ที่สวนลุมพินีได้ในระยะเดินเท้าที่ใกล้มากๆ…กลุ่มเป้าหมายที่มาแรงมากๆ ของที่นี่คือกลุ่ม Medical Tourist ชาวจีน และกลุ่ม Expat ชาวเอเชีย และอเมริกัน ที่คุ้นเคยกับย่านสาทรเป็นอย่างดี

 

ห้องพักที่มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 35 – 150 ตารางเมตร ห้องแบ่งเป็นสัดส่วน สามารถใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มที่

Living Room ขนาดใหญ่ ใช้เวลาว่างตรงส่วนนี้ได้ทั้งวัน

ห้องนอนที่ทำให้คุณหลับสบายเหมือนกับอยู่ที่บ้าน

หรือจะเป็นห้องนี้ ที่สามารถเทควิวย่านสาทรได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ต้อนรับเช้าวันใหม่ที่สดใส

 

Ascott Thonglor Bangkok: ให้โลกของการทำงานกับพักผ่อนเป็นหนึ่งเดียวบนย่านไลฟ์สไตล์ที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ

 

แม้อาจจะดูไม่ใช่เรื่องยากเลยในการหาโรงแรม คอนโด หรือเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์สักแห่งในย่านไฮเอนด์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่างทองหล่อ แต่กับคนที่ต้องทำงานอยู่ในอาคารสำนักงานอย่าง T-ONE และอีกหลายอาคารในย่านพระรามสี่อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายอย่างที่คิด เนื่องจากโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ส่วนใหญ่มักตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 55 ซึ่งเป็นใจกลางของแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในยามค่ำคืนของทองหล่อ ส่วนการที่จะไปเช่าคอนโดในย่านเดียวกันก็ดูจะเป็นปัญหาหนักของคนที่ไม่ชอบการดูแลรักษา ทำความสะอาดห้อง อีกทั้งคอนโดส่วนใหญ่ในย่านนี้ก็มักจะมีห้องเริ่มต้นที่มีขนาดใหญ่ เสียค่าเช่าต่อห้องแพงทั้งๆ ที่ยังมีผู้เช่าหลายๆ คนที่มีความต้องการในขนาดห้องที่ไม่ใหญ่มากอยู่เช่นกัน บางที่ Ascott Thonglor Bangkok อาจเป็นตัวเลือกที่ใช่สำหรับคุณ

Ascott Thonglor Bangkok เป็นเซอร์วิสเรสซิเดนซ์และโรงแรมหรูระดับแนวหน้าย่านทองหล่อ ที่พกพาเอาจุดเด่นในแง่ของแบรนด์และการบริการที่เหนือกว่าโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ทั่วไปที่อยู่รายล้อมย่านทองหล่อ โครงการมีความสูงมากที่สุดในบรรดาเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์เปิดใหม่ทั้ง 5 แห่ง ของอนันดาฯ ด้วยความสูงถึง 41 ชั้น มีห้องพักทั้งหมด 451 ห้องพัก ตั้งแต่ห้องพักขนาดเริ่มต้นที่ 35 ตร.ม. ไปจนถึงห้องพักอาศัย 3 ห้องนอนขนาด 140 ตร.ม. โดยที่นี่ยังเป็นโครงการที่มีห้องพักขนาด 35 ตร.ม. ให้ได้เลือกเข้าพักมากถึง 225 ห้อง ซึ่งเท่าที่ดูเลย์เอ้าท์ห้อง เฟอร์นิเจอร์ที่มีให้ รวมถึงบริการที่เทียบเท่ามาตรฐานโรงแรม 5 ดาว จึงมั่นใจได้ว่าการเช่าห้องพักที่นี่ในระยะยาวจะคุ้มค่า น่าอยู่ สะดวกสบาย กว่าการเช่าคอนโดในย่านนี้อย่างแน่นอน อยากให้เพื่อนๆ ลองมาใช้บริการที่นี่กันจริงๆ สักครั้งแล้วจะรู้สึกว่าไม่อยากออกไปไหนเลย โดยพื้นที่ส่วนกลางที่นี่ก็ยังคงจัดเต็มไม่แพ้ที่อื่นๆ ทั้งบาร์ริมสระและห้องอาหารสุดหรูที่เปิดให้บริการตลอดทั้งวัน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อสุขภาพ ห้องซาวน่า ห้องอบไอน้ำ ฟิตเนส โยคะสตูดิโอ เลานจ์ สระว่ายน้ำอินฟินิตี้ และห้องเล่นสำหรับเด็ก โดยที่มีการแยกชั้นสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการประชุมและจัดงานโดยเฉพาะ

 

Lobby บริเวณชั้น G รองรับคนได้เยอะ มีเพดานสูง ทำให้ดูกว้างและโปร่งกว่าเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ทั่วไป

สระว่ายน้ำอินฟินิตี้ พร้อมบาร์ริมสระ และห้องอาหารสุดหรูที่เปิดให้บริการตลอดทั้งวัน

Kids Room ให้เด็กๆ ได้เพลิดเพลินไปกับพื้นที่ในส่วนนี้

ฟิตเนสที่มีอุปกรณ์ให้คุณเลือกเล่นได้ตามใจชอบ พร้อมเทควิวย่านทองหล่อ – เอกมัย

สกายเลานจ์ ที่รองรับกิจกรรมของคุณได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน อ่านหนังสือ หรือนั่งแฮงค์เอ้าท์กับกลุ่มเพื่อน

โครงการตั้งอยู่ริมถนนใหญ่สุขุมวิทบริเวณปากซอยสุขุมวิท 59 ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อเพียงแค่ 200 เมตร หรือถ้าอยากจะเดินไปทำงานย่านเอกมัยก็ง่ายมากๆ เพียงระยะทาง 650 เมตรถึงปากซอยเอกมัย ที่สำคัญคืออยู่ฝั่งตรงข้ามกับอาคาร T-ONE ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานเปิดใหม่ที่ทันสมัยที่สุดในย่านทองหล่อเลย จึงเหมาะมากกับทั้ง Expat และพนักงานทั่วไปที่ทำงานในอาคารนี้ อีกทั้งยังสามารถเดินทางไปถนนพระรามสี่ได้ง่ายมากๆผ่านทางซอยสุขุมวิท 40 ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หรือทำงานเหนื่อยๆ เพลียๆ จะเข้าไปแฮงค์เอ้าท์ในทองหล่อ หรือนั่งรถไฟฟ้าไปช้อปปิ้งเพลินๆ ที่ The EmQuartier ก็ทำได้สบายมาก

 

ตรงข้ามกับโครงการฯ เป็นอาคารสำนักงานให้เช่าขนาดใหญ่ คือ T-One และซอยสุขุมวิท 40 ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนพระรามสี่ได้

มุมมองจาก T-One มายังโครงการ Ascott Thonglor Bangkok

Ascott Thonglor Bangkok ติดกับบันไดบีทีเอสสถานีทองหล่อประมาณ 200 เมตร ฝั่งซ้ายมือติดกับโครงการ คือ โรงแรม บางกอก แมริออท โฮเต็ล สุขุมวิท

สำหรับ Expat ชาวญี่ปุ่นที่ทำงานในย่านสมุทรปราการ หรือต้องไปทำงานในย่าน EEC ก็สะดวกสบายพอสมควร เพราะนั่งรถไฟฟ้าต่อเดียวยาวไปถึงสมุทรปราการ หรือจะขับรถขึ้นทางด่วนไปภาคตะวันออกอย่าง ฉะเชิงเทรา ระยอง ชลบุรี หรือ ศรีราชา แบบเป็นครั้งคราวนานๆ ไปที ออกจากที่พักตอนเช้า ตกค่ำกลับมานั่งชิลที่ทองหล่อแล้วก็ยังได้ ที่สำคัญคือโครงการจัดอ่างอาบน้ำมาให้ทุกห้องด้วยครับ

 

เนื่องจากทางอนันดาเค้าจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการกันที่นี่ เราเลยขอเอาภาพบรรยากาศห้องจริงของแต่ละ Type มาฝากกันครับ โดยภายในโครงการ Ascott Thonglor Bangkok มีห้องให้เลือกทั้งหมด 5 Type ด้วยกัน ไม่ว่าคุณจะมา 2 คน หรือมาแบบกลุ่มครอบครัวใหญ่ ก็สามารถเลือกห้องพักได้ตามความต้องการเลย โดยมีห้องดังนี้

 

ห้องแบบ Standard ขนาด 35 ตารางเมตร โดยมีราคาค่าเช่าต่อวันที่คาดว่าจะอยู่ประมาณ 3,500 บาท และค่าเช่าต่อเดือนคาดว่าประมาณ 65,000 บาท

 

ห้องแบบเตียง Twin ไม่มีครัว แต่มีเคาน์เตอร์สำหรับชงกาแฟไว้ให้

มีมุมทำงานอยู่ติดกับโต๊ะทีวี

ห้องน้ำแบบผนังติดกระจก สามารถมองเห็นด้านนอกได้ แต่มีม่านให้

ห้องแบบ Studio ขนาด 45 ตารางเมตร โดยมีราคาค่าเช่าต่อวันที่คาดว่าจะอยู่ประมาณ 4,000 – 4,500 บาท และค่าเช่าต่อเดือนคาดว่าประมาณ 65,000 – 70,000 บาท

ส่วนครัว และทางเข้าห้องน้ำอยู่ด้านหน้าห้อง

Walk-in Closet อยู่ด้านหลังทีวี

ห้องนอนกว้าง เป็นเตียงแบบคิงส์ไซส์

ห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 55 ตารางเมตร โดยมีราคาค่าเช่าต่อวันที่คาดว่าจะอยู่ประมาณ 5,000 – 5,500 บาท และค่าเช่าต่อเดือนคาดว่าประมาณ 75,000 – 85,000 บาท

ห้อง 1 ห้องนอน ขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่ Living Room กว้าง เชื่อมต่อกับส่วนครัวและโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง

เคาน์เตอร์ครัวรูปตัว U พร้อมเก้าอี้นั่งหน้าบาร์

ห้องนอนกว้าง พร้อมอ่างอาบน้ำในห้องน้ำ

ห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 100 ตารางเมตร โดยมีราคาค่าเช่าต่อวันที่คาดว่าจะอยู่ประมาณ 6,500 – 7,000 และค่าเช่าต่อเดือนคาดว่าประมาณ 95,000 – 110,000 บาท

ห้องแบบ 3 Bedroom ขนาด 140 ตารางเมตร โดยมีราคาค่าเช่าต่อวันที่คาดว่าจะอยู่ประมาณ 15,000 บาท และค่าเช่าต่อเดือนคาดว่าประมาณ 150,000 บาท

ห้องกว้างมาก จัดเป็นครัวอยู่ติดกับหน้าห้อง พร้อม Island และเก้าอี้หน้าบาร์สำหรับเตรียมอาหาร มี Living Room ขนาดใหญ่ และโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง วางอยู่ส่วนหลัง Living Room

ฝั่งซ้ายมือจากหน้าห้องเป็น Master Bedroom มีอ่างอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ

ฝั่งขวามือด้านในสุดเป็นเตียง Twin สำหรับผู้เข้าพักที่มากันหลายคน

Lyf Sukhumvit 8 Bangkok: ปฎิสัมพันธ์กับคนรอบข้างให้มากขึ้น กับ Co-Living Service Residences แห่งแรกของกรุงเทพฯ

 

สุขุมวิทซอย 8 หรือย่านนานา เป็นย่านที่กำลังจะถูกเปลี่ยนถ่ายจากย่าน Nightlife ไปสู่ย่าน CBD ด้วยโครงการอาคารสำนักงานใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นทั้ง 2 ฝั่งถนนของย่านนี้ ซึ่งก็แน่นอนว่าทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมนำมาซึ่งบรรยากาศใหม่ๆ ผู้คนที่มากหน้าหลายตามากขึ้น โดยในปัจจุบันย่านนานานับว่าเป็นอีกหนึ่งสวรรค์ของนักเดินทางที่มองหาที่พักในราคาที่ไม่แพงมากนัก เนื่องจากตัวทำเลเองค่อนข้างมีความสะดวกในการเดินทางเชื่อมต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในย่าน Mid Sukhumvit อื่นๆอย่าง อโศก – พร้อมพงษ์ – ทองหล่อ ได้โดยง่ายด้วยรถไฟฟ้า

Lyf Sukhumvit 8 Bangkok เป็นโครงการเซอร์วิสเรสซิเด้นซ์ภายใต้คอนเซ็ปต์ Co-living หรือการแบ่งปันพื้นที่ส่วนกลาง ที่ตอบโจทย์เทรนด์ของกลุ่มลูกค้าชาวมิลเลนเนียล ดังนั้นคอนเซ็ปต์และรูปแบบของการเข้าพักจะค่อนข้างมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากแบรนด์อย่าง Ascott หรือ Somerset ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของ การเข้าถึงพื้นที่ส่วนกลาง หรือขนาดของห้องพัก ที่ได้มีการนำระบบดิจิทัลมาใช้งานเพื่อให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสประสบการณ์ดิจิทัลผ่านการใช้งานแอป Lyf ซึ่งสามารถจองห้องพัก ชำระเงิน และผ่านเข้าที่พักแค่เพียงเลื่อนหน้าจอมือถือ โดยมีพันธมิตรระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค เช่น Ted Talks Forbes 50 Under 50 Social Scoota Tours Pub Crawls และ Iron Chef เข้ามาร่วมสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ตามสไตล์เศรษฐกิจแบบแบ่งปันระบบนิเวศน์ของเหล่าผู้ประกอบการสตาร์ทอัพทั่วโลกที่นิยมทำกันในการเข้าพัก

 

สะดวกต่อผู้พักอาศัยที่สามารถจองห้องพัก ชำระเงิน และผ่านเข้าที่พักแค่เพียงเลื่อนหน้าจอมือถือเท่านั้น

Lobby ถูกตกแต่งด้วยสีเหลืองที่สะดุดตาใครต่อใคร และยังเป็นเอกลักษณ์ของ Lyf Sukhumvit 8 Bangkok อีกด้วย

หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบในการทำกิจกรรม และมี Passon ในการมองหาประสบการณ์ที่แปลกใหม่ในการเดินทางอยู่เสมอ lyf คือแบรนด์เซอร์วิสเรสซิเด้นซ์แห่งแรกในเครือแอสคอทท์ที่นำเสนอด้วยรูปแบบผสมผสาน ที่อยู่อาศัย–การทำงาน–การพักผ่อน ไว้ในแห่งเดียว โดยจัดกิจกรรมทุกสัปดาห์ และแวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ที่บริหารงานโดยคนยุคมิลเลนเนียล เพื่อคนวัยมิลเลนเนียล ด้วยจิตใจแบบมิลเลนเนียล โดยโครงการ lyf จะมีบทบาทสำคัญในการสร้างโซเชียลฮับ หรือแหล่งรวมของผู้คนเข้าไว้ด้วยกันเพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงเป็นแหล่งในการสร้างสรรค์นวัตกรรมของคนในภูมิภาคนี้

 

อาคารถูกตกแต่งแบบมีเอกลักษณ์

โครงการนับว่าเป็นโครงการที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดา 5 โครงการใหม่ โดยตั้งอยู่บนพื้นที่เพียงแค่ 352 ตารางวา เป็นอาคารขนาด 8 ชั้น มีทั้งหมด 196 ห้องพัก โดยเป็นห้องพักแบบสตูดิโอ 15 ตารางเมตรล้วนๆ ซึ่งแม้จะดูเล็กแต่ก็มีดีไซน์ภายในห้องที่ไม่ธรรมดา และผู้เข้าพักยังได้มีโอกาสแบ่งปันแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กันได้ผ่านทาง co-working space ห้องครัวส่วนกลาง ห้องซักรีด ฟิตเนส และพื้นที่สีเขียวบนชั้นดาดฟ้า

 

ห้องพักขนาด 15 ตารางเมตร แต่ถูกตกแต่งให้มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีลายกราฟฟิกบนผนัง และมีสีสันสดใสแบบไทยๆ

ไม่ต้องกลัวว่าห้องจะมืดหรือห้องไม่ระบายอากาศ เพียงคุณเปิดหน้าต่างด้านหลังก็สามารถสูดอากาศที่สดชื่นด้านนอกได้แล้ว

พื้นที่สีเขียวบนชั้นดาดฟ้า ไม่ว่าจะใช้ปาร์ตี้กับกลุ่มเพื่อน หรือแท็คทีมกันมาโยคะในช่วงเย็นก็ดีไม่น้อย

ห้องครัวส่วนกลาง ให้คุณเพลิดเพลินไปกับการทำอาหารและได้รู้จักเพื่อนใหม่จากทั่วโลก

ฆ่าเวลาด้วยการเล่นเกมสนุกๆ กับเพื่อนๆ ระหว่างรอผ้าที่กำลังซัก

Lyf Sukhumvit 8 Bangkok ตั้งอยู่ใจกลางย่านไลฟ์สไตล์กรุงเทพฯ เพียง 50 เมตรจากสถานีรถไฟฟ้านานา ซึ่งเป็นแหล่งรวมของร้านค้า ร้านอาหาร ศูนย์การค้า และที่พบปะสังสรรค์ยามค่ำคืนที่น่าสนใจ เหมาะกับผู้ที่ต้องการมาพักผ่อน นักธุรกิจ  ชาวต่างชาติทั่วโลก หรือชาวต่างชาติที่ทำงานในกรุงเทพ รวมถึงคนทำงานผ่านระบบดิจิทัล (digital nomad) ในแบบ Short Term Stay

 

Somerset Pattaya: สัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของพัทยากลางในแบบใกล้ชิดกว่าที่เคย

 

ในบรรดาย่าน EEC ทั้งหมด เมืองพัทยาดูจะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีความครบเครื่องทั้งในแง่ของการทำงาน การอยู่อาศัย และการท่องเที่ยวมากที่สุด ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากรุงเทพฯ มีเส้นทางการเดินทางที่หลากหลาย จำนวนคนต่างชาติมหาศาลที่มาอยู่ประจำที่นี่ ทำให้เมืองพัทยามีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพอย่างรวดเร็ว เราได้เห็นโครงการที่พักอาศัยมากมาย เคียงคู่กับแหล่งท่องเที่ยวเกิดใหม่ โครงการสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ขยายตัวตามกันไป ด้วยเม็ดเงินลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาจากทั้งฟากรัฐบาลเอกชน จนส่งผลให้พัทยากลายเป็นเมืองชายทะเลที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและมีคุณภาพชีวิตดีมากกว่าเดิม

 

ทำเลพัทยากลางเป็นย่านที่มีผู้คนพลุกพล่าน คึกคักไปด้วยสถานบันเทิงและแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืน รวมถึงร้านอาหารและที่พัก มีให้เลือกตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงแบบหรูหราระดับ 5 ดาว โดยมี Landmark ที่สำคัญในย่านนี้คือ Central Festival Pattaya และมีแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อคือ Pattaya Walking Street และ Pattaya Night Bazaar โครงการ Somerset Pattaya เป็นเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ สไตล์รีสอร์ทระดับพรีเมียมใจกลางพัทยา ที่พกพาจุดเด่นทั้งในเรื่องของทำเลที่อยู่ใจกลางย่านไลฟ์สไตล์ที่คึกคักที่สุดของพัทยากลาง สามารถเดินไปยังหาดพัทยา เล่นกีฬาทางน้ำ นั่งชิลล์ที่ร้านอาหาร ผับ บาร์ แหล่งพักผ่อนหย่อนใจ และแหล่งช้อปปิ้ง โดยที่ยังได้รับวิวทะเลแบบพาโนรามาในแบบที่ยากจะหาได้ในเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์แห่งอื่นๆ

โครงการเป็นอาคารสูง 24 ชั้น จำนวน 321 ห้อง ห้องพักส่วนใหญ่มาพร้อมวิวทะเลแบบพาโนรามา มีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 35 ตร.ม. ถึง 115 ตร.ม. ที่นี่พร้อมมอบบรรยากาศการผ่อนคลายขั้นสุดในสไตล์รีสอร์ท ตอบโจทย์กลุ่มนักท่องเที่ยวแบบครอบครัวทั้งชาวไทย จีน รัสเซีย อินเดีย และเกาหลีใต้ ที่ต้องการเข้าพักในระยะสั้น โดยที่ต้องการความสะดวกสบายในแบบมาตรฐานโรงแรม แต่ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า ให้คุณได้เปิดประสบการณ์พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว กับสวนน้ำบนดาดฟ้า และสระว่ายน้ำอินฟินิตี้สำหรับผู้ใหญ่ อิ่มเอมไปกับบาร์ริมสระน้ำและห้องอาหารตลอดทั้งวัน พร้อมเอ็กเซ็กคูทีฟคลับเลานจ์ ห้องรับรอง ห้องฟิตเนส และห้องเล่นสำหรับเด็ก

 

Somerset Pattaya มีห้องให้เลือกหลายแบบ หลายขนาด ตั้งแต่ 35 – 124 ตรม. ซึ่งขนาด 124 ตรม.จะเป็นห้องแบบ connecting room โดยห้องขนาด 2 ห้องนอนที่ใหญ่ที่สุดจะเป็นขนาด 80 ตรม. ให้คุณได้เลือกพักตามความต้องการ ทั้งมากับคนรักหรือมาพร้อมครอบครัวก็มีห้องไว้รองรับทุกรูปแบบ

ห้องแบบเซ็กซี่บาธรูม ที่ผนังห้องน้ำเป็นกระจกทั้งหมด ให้คุณได้แช่น้ำพร้อมดูทีวีด้านนอกได้

จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างของโครงการ คือ สวนน้ำบนดาดฟ้า และสระว่ายน้ำอินฟินิตี้สำหรับผู้ใหญ่

ให้คุณว่ายน้ำพร้อมชมวิวเมืองพัทยาและทะเลพัทยาได้อย่างจุใจ

พร้อมทั้งมีบริการ Concierge ที่รอต้อนรับผู้พักอาศัย

Lobby ที่ถูกตกแต่งแบบหรูหรา มีระดับ

ห้องรับรอง ที่สามารถจัดประชุม สัมมนา หรืองานพิธีต่างๆ ได้

Somerset Pattaya พร้อมเปิดบริการในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2022 ซึ่งน่าจะเป็นจังหวะที่ดีสำหรับใครหลายๆคนที่วางแผนจะไปพักผ่อน ที่พัทยาในช่วงเวลานั้น และก็คาดหวังว่าเราจะได้พบกับบรรยากาศของความคึกคักจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่น่าจะทยอยกลับเข้ามาท่องเที่ยวอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนานเกือบ 2 ปี

 

แม้อนันดาฯ จะเพิ่งเริ่มก้าวเข้าสู่ธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์อย่างเต็มตัว แต่เชื่อได้เลยว่าเทรนด์ของการลงทุนในธุรกิจ Recurring Income ของแต่ละดีเวลลอปเปอร์จะเทไปที่ธุรกิจเซอร์วิสอพาร์เมนท์มากกว่าอาคารสำนักงาน โรงแรม หรือพื้นที่ค้าปลีก ด้วยปัจจัยบวกในส่วนของดีมานท์ที่ยัง Underserve และมีจำนวน Supply ที่ค่อนข้างน้อยกว่าธุรกิจที่คาบเกี่ยวกันอย่างโรงแรม ในขณะที่ดีมานท์จาก Expat กลับมีมากขึ้นเรื่อยๆในระดับที่เพิ่มประมาณ 16% ต่อปี โดยกรุงเทพอย่างเดียวก็จะโตประมาณปีละ 3% โดยตัวเลข Expat เดิมในช่วงก่อน Pandemic จะอยู่ที่ปีละ 90,000 คน ส่วนในช่วง Pandemic ก็ตกลงไปไม่มากเท่ากับจำนวนนักท่องเที่ยวแบบ Short Stay โดยอยู่ที่ 80,000 คน จึงเชื่อแน่ว่าตลาดนี้น่าจะมีผู้เล่นหน้าใหม่เตรียมเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดที่ยังมีเหลืออีกมากในอนาคตแน่นอนครับ

 

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://anan.ly/30fzIma

 

#AnandaDevelopment  #ServicedApartments

เกริก บุณยโยธิน

เกริก บุณยโยธิน

ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ

เว็บไซต์

โซลเลซ พหลฯ-ประดิพัทธ์

นิว เวิร์ส กรุงเทพกรีฑา

นิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น

ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านมาพบกับโครงการคอนโดพร้อมอ...

30 January, 2024

ริธึ่ม เจริญนคร ไอคอนิค

วันนี้จะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับคอนโดมิเนียมสุดฮอตชื่อโ...

29 January, 2024

วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน

Whizdom Craftz Samyan คือโครงการที่มอบ 5 องค์ประกอบพ...

4 December, 2023

นาวว์ เมกา

หากจะพูดถึง NOWW MEGA (นาวว์ เมกา) ในพื้นที่ของ Maga...

14 November, 2023

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง