หากนึกถึงบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ที่ให้ความสำคัญในการบุกเบิกทำเลใหม่ๆ ที่ยังไม่มี developer ยักษ์ใหญ่รายไหนคิดที่จะทำ และมุ่งเน้นพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์กลุ่มตลาด Niche Market โดยเฉพาะ เชื่อแน่ว่าจะต้องมีชื่อของบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เข้ามาอยู่ใน shortlist ของใครหลายคนแน่ๆครับ… ออริจิ้นฯ นั้นขึ้นชื่อลือชามากในการพัฒนาโครงการคอนโดที่อยู่ในบริเวณทำเลบางนา – แบร์ริ่ง – สมุทรปราการ ครับ เรียกได้ว่าเป็น developer เจ้าถิ่นในบริเวณนั้นอย่างแท้จริง โดยจากข้อมูลล่าสุดพบว่า ออริจิ้นฯ มีโครงการอยู่ใน port folio ถึง 22 โครงการ (ไม่รวม Potential Project ที่ยังไม่เปิดเผยข้อมูลอีก 5 โครงการในปีนี้) และในจำนวน 22 โครงการดังกล่าวมีถึง 18 โครงการที่ตั้งอยู่บริเวณสุขุมวิทตอนปลายเชื่อมต่อกับจังหวัดสมุทรปราการครับ…เมื่อเดือนที่ผ่านมา ออริจิ้นฯ ได้ทำสิ่งที่หลายๆคนประหลาดใจ (พอๆกับการประกาศขายหุ้น IPO ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้) ก็คือการประกาศเปิดตัวคอนโดโครงการใหม่ที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ภายใต้ชื่อโครงการว่า “Knightsbridge The Ocean Sriracha” ครับ

ถ้าไม่นับกรุงเทพฯและหัวเมืองท่องเที่ยวใหญ่ต่างๆ ต้องบอกว่าจังหวัดชลบุรีเป็นจังหวัดที่มีดีกรีความร้อนแรงในการพัฒนาอสังหาฯสูงมากครับ ถึงแม้ว่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาตลาดในเมืองพัทยาจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก แต่ในทางกลับกันศรีราชากลายเป็นโซนเดียวที่มีดีมานท์สูงอย่างต่อเนื่อง จนตอนนี้กลับกลายเป็นว่าคอนโดที่สร้างเสร็จมีไม่เพียงพอต่อความต้องการครับ จากข้อมูลของคุณสุรเชษฐ กองชีพ ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ที่ได้เคยเผยแพร่เกี่ยวกับ ตลาดคอนโดมิเนียมในศรีราชา ณ ครึ่งแรกปีพ.ศ.2558 พบข้อมูลที่ทุกคนในวงการอสังหาฯต้องตาลุกวาวครับว่า”…คอนโดมิเนียมที่เปิดขายในช่วง 1 – 3 ปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การขายให้กับนักลงทุนที่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยเช่าให้กับชาวญี่ปุ่น หรือว่าคนที่เข้ามาทำงานที่ศรีราชา รวมทั้งนักศึกษา ปัจจุบันในศรีราชามีเซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์ โรงแรม รวมทั้งอพาร์ตเม้นต์ระดับสูงที่เน้นกลุ่มลุกค้าชาวญี่ปุ่น หรือคนทำงานอยู่ประมาณ 2,000 ยูนิต แต่ว่ามีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของทั้งหมดอยู่ที่เกือบ 100% โดยที่ในระยะหลังเซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์บางโครงการมีอัตราการเข้าพักเต็ม 100% ทำให้มีคนเล็งเห็นถึงความต้องการในเรื่องของที่พักอาศัยในศรีราชาที่มีอยู่ค่อนข้างมากจึงทำให้อัตราการขายของคอนโดมิเนียมในศรีราชามากถึง 80% แม้แต่ในโครงการที่เพิ่งเปิดขายไม่นาน และอยู่ไกลออกไป โดยที่โครงการที่เปิดขายมามากกว่า 2 ปีจะปิดการขายไปแล้วเป็นส่วนใหญ่…”

วันนี้เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงดังกล่าว ผมจึงขออาสาเข้าไปทำการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกกับคุณพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) ในประเด็นที่ว่า “ทำไมต้องศรีราชา” ครับ

• Knightsbridge The Ocean Sriracha เป็นโครงการที่ไม่เกาะไลน์รถไฟฟ้าโครงการแรกของออริจิ้นฯ และอยู่ต่างจังหวัด…เห็นอะไรในศรีราชาครับ?

ออริจิ้นฯเรามีจุดแข็งที่ชัดเจนในการเฟ้นหาพื้นที่ ที่เราเรียกว่าเป็น “Virgin area” ในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ กล่าวคือเรามักจะมาเร็วกว่าเจ้าใหญ่เสมอ ในหลายๆทำเล อย่างทำเลบางนา-แบร์ริ่ง-สมุทรปราการ นี่ก็เป็นตัวอย่างชัดเจนให้เห็นว่า เรามาก่อนใครและเป็นเจ้าตลาดในแอเรียนี้ จากนั้นจึงมีเจ้าใหญ่ๆทยอยตามเรามา แต่ด้วยการที่เรา “เร็ว” กว่าทั้งในด้านการหาพื้นที่ที่มีศักยภาพ ความเข้าใจในตัว customer insight และการก่อสร้าง ที่ส่วนใหญ่แล้วของเราจะเป็นโครงการ low rise สร้างเสร็จเร็วและหมุนเงินได้ไว ทำให้เรากวาดลูกค้าได้เร็วกว่า เราจึง absorb ตลาดส่วนใหญ่ไปได้ก่อนที่เจ้าใหญ่จะมา…ในมุมมองของผมศรีราชามีความแตกต่างที่ชัดเจนจากเมืองท่องเที่ยวอื่นๆในชลบุรี เช่น พัทยา หรือบางแสน ศรีราชาเป็นเมืองอุตสาหกรรม เป็นศูนย์กลางด้าน Logistic ในภูมิภาคอาเซียน มีโครงการจากภาครัฐฯมากมายตั้งแต่อดีตจนถึงอนาคต เอาแค่ปัจจุบันที่มีอยู่แล้วก็คือท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ที่แหลมฉบัง และมาบตาพุด รวมไปถึงพื้นที่เขตนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มากๆ ทั้ง นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร นิคมอุตสาหกรรมสหพัฒน์ นิคมนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง นิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด นับตั้งแต่เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ก็ส่งผลให้หลายกิจการโดยเฉพาะบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นมองหาพื้นที่บริเวณศรีราชาเป็นลำดับแรก เพราะที่นี่ไม่ได้รับผลกระทบ และยังใกล้กรุงเทพฯมาก…ศรีราชาเป็นเมืองท่าที่สำคัญลำดับ 16 ของโลกทำรายได้ปีละ 2 แสนล้านบาท ปัจจุบันรูปแบบการปกครองยังเป็นระบบเทศบาลซึ่งมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพียงปีละ 600 ล้านบาท แต่หากเป็นเมืองพิเศษก็จะมีส่วนแบ่งรายได้ 1% ของรายได้ทั้งหมด หรือประมาณปีละ 2,000 ล้านบาท และการทำงานต่างๆก็จะทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ

• นี่ยังไม่นับ Mega Project ของรัฐบาลในอนาคต?    

ครับ หลักๆก็จะเป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทั้งการขนส่งทางบก ทางรางและทางอากาศ ตอนนี้ที่จะทำแน่นอนแล้วก็จะมีเส้นทางมอเตอร์เวย์ สายพัทยา มาบตาพุด คาดว่าจะเสร็จในปี 2560 นี้

การเชื่อมทางรถไฟแหลมฉบัง-ทวาย ซึ่งผมมองว่าสำคัญมากๆเพราะว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการขนส่ง ที่จากเดิมถ้าจะไปพม่าต้องขนส่งสินค้าทางเรือไปอ้อมเกาะสิงค์โปร์ก่อน

โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง ซึ่งจะมีสถานีไปลงที่ศรีราชา รวมถึงโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา – ศรีราชา – แหลมฉบัง ที่ก่อสร้างทางรถไฟใหม่คู่ขนานไปกับทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออกในปัจจุบัน จากฉะเชิงเทราไปศรีราชาและสุดปลายทางที่สถานีแหลมฉบัง

และล่าสุดคือการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 เพื่อลดความแออัดของสุวรรณภูมิและดอนเมืองที่เพิ่งอนุมัติไปเมื่อ 3 มิย. ที่ผ่านมา

• หลายคนบอกว่าศรีราชาคือ Little Osaka ทำไมเค้าถึงบอกอย่างนั้นครับ?

ออริจิ้นฯได้ทำการวิจัยตลาดร่วมกับเอเยนซีชั้นนำของญี่ปุ่น และพบข้อมูลที่สำคัญว่าเมื่อปี 2014 มีคนญี่ปุ่นที่เป็น expat เข้ามาทำงานที่ศรีราชาถึง 8,000 คน และคาดว่าในปีนี้จะมีเพิ่มถึง 9,000 คน สาเหตุสำคัญที่มีชาวญี่ปุ่นเข้ามาทำงานเยอะขึ้นเรื่อยๆก็เพราะเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่นิคมในจังหวัดอยุธยาและปทุมธานี การคมนาคมขนส่งที่สะดวก และการขยายกิจการของบริษัทที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ตอนนี้กลายเป็นว่าโรงงานในไทยผลิตเพื่อส่งออกในระดับภูมิภาคมากกว่าใช้งานในประเทศแล้ว

expat กลุ่มนี้จะอยู่ที่คอนโดและ serviced apartment อย่างละ 50% ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยซื้อคอนโดเป็นของตัวเองเพราะวัฒนธรรมของบริษัทญี่ปุ่นส่นใหญ่ จะไม่มีนโยบายซื้ออสังหาฯเพื่อปล่อยเช่าให้กับเหล่าผู้บริหาร ส่งผลให้ serviced apartment ที่ศรีราชามีอัตราการเข้าพักที่เกิน 90% ตลอด งบประมาณค่าที่พักเฉลี่ย 47,628 ต่อเดือน ขนาดห้องพัก 30-40 ตรม. พักคนเดียว..ในขณะที่คอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ที่มีอยู่ในตลาดตอนนี้ก็ไม่เพียงพอกับความต้องการในการเช่า…ปริมาณที่พักในศรีราชายังขาดแคลน โดยเฉพาะทำเลย่านใจกลางเมือง และมีคุณภาพ ชาวญี่ปุ่นในศรีราชามีเยอะถึงขนาดที่ทางสหพัฒน์ฯต้องสร้าง community mall ที่จับกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า J-Park และยังมีสถาบันการศึกษาและสถานบริการเพื่อคนญี่ปุ่นเกิดขึ้นเยอะมาก

Credit ภาพ:jpark.nihonmura

• กลุ่มลูกค้าของ Knightsbridge The Ocean Sriracha คือใคร?

แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือคนที่สนใจในการลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่า กลุ่มที่สองคือคนญี่ปุ่นที่อยู่เองและมองว่าศรีราชาเหมาะที่จะเป็น retirement home และกลุ่มที่สามคือกลุ่มคนท้องถิ่นที่ต้องการขยายครอบครัว…ออริจิ้นฯ มองเห็นศักยภาพของศรีราชาว่าเป็นเมืองที่มี demand การเช่าเยอะมากจริงๆ ที่สำคัญกลุ่มผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่น ที่เป็นผู้บริหารระดับกลาง – สูง เป็นกลุ่มที่มีทั้งศักยภาพในด้านการเงิน และมีวินัยค่อนข้างสูง คอนโดที่มีคุณภาพ เน้นส่วนกลางที่ตอบโจทย์คนญี่ปุ่นโดยเฉพาะก็ยังไม่มีที่นี่ ด้วยการที่ Knightsbridge The Ocean Sriracha มีการสร้าง value creation ในหลายๆด้าน ผมเชื่อว่า yield ในการปล่อยเช่าที่นี่จะสูงกว่า 10% น่าสนใจกว่าการซื้อคอนโดในย่านทองหล่อ หรือการสร้าง serviced apartment เองด้วยซ้ำ…ในส่วนของกลุ่ม retirement home ต้องบอกว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่ทางออริจิ้นฯทำการตลาดทางตรงอยู่ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เราได้มีการไปจัด roadshow seminar ที่ญี่ปุ่นทั้งหมด 14 ครั้ง โดยเน้นไปที่คนญี่ปุ่นที่ต้องการใช้ชีวิตวัยเกษียณในเมืองไทย ไม่ได้เน้นไปที่กลุ่มลงทุนระยะสั้น ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือเราขายได้มากกว่า 300 ยูนิต

• ปัจจัยไหนที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าที่นี่สามารถทำ yield ได้ถึง 10% แน่ๆ?

อย่างแรกก็คือเรื่องของทำเล Knightsbridge The Ocean Sriracha อยู่บนทำเลที่ดีที่สุดของศรีราชา อยู่ติดถนนสุขุมวิท ตั้งอยู่บนเนินเขา มีให้เลือกทั้งวิวทะเลและวิวภูเขา รายล้อมไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งทั้งโรบินสัน ศรีราชา (2.5 KM) ตึกคอม (1.5 KM) ฮาเบอร์ มอลล์ (8 KM) และ J Park (10 KM) อยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง (6 KM) นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (18 KM) และนิคม สหพัฒน์ฯ (10 KM) และยังอยู่ใกล้กับสถาบันการศึกษาอย่าง ม.เกษตรศาสตร์ (3 KM) และโรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา (10 KM)…ที่บอกว่าดีที่สุดเพราะว่าเราเองได้ลงสำรวจพื้นที่และทำการสอบถามกลุ่ม expat ญี่ปุ่นด้วยตัวเอง และพบว่าคนญี่ปุ่นที่เช่า serviced apartment อยู่ค่อนข้างเบื่อหน่ายกับการจราจรที่ติดขัดของถนนสุขุมวิท เค้าต้องนั่งรถจากบริเวณที่พักแถวบางพระผ่านถนนสุขุมวิทมากกว่า 20 กิโล และเผชิญกับรถติดบริเวณแยกโรบินสันและ J Park เพื่อไปทำงานในย่านนิคมปิ่นทอง และแหลมฉบังทั้งไปและกลับทุกวัน…แต่ Knightbridge The Ocean Sriracha ตั้งอยู่ในจุดที่รถค่อนข้าง flow ขาไปทำงานก็ใช้เวลาแปปเดียว ขากลับอยากจะไปช้อปปิ้งก็แวะเข้าคอนโดก่อน แล้วค่อยเรียกใช้บริการ Shuttle bus service ของทางโครงการเพื่อไปย่านช้อปปิ้งก็ได้ สะดวกมาก

และจากการที่โครงการของเราตั้งอยู่บนเนินเขา มีระยะห่าง 930 เมตรจากทะเล และ 200 เมตรจากแนวทิวเขา ทำให้จุดนี้เป็นจุดที่ take view ได้อย่างสวยงามที่สุด ผมมองว่าไม่มีความจำเป็นที่จะไปอยู่โครงการที่ตั้งอยู่ริมทะเล เนื่องจากทะเลที่ศรีราชาเป็นทะเลลึก ชายหาดไม่ค่อยเหมาะกับการเล่นน้ำ ต่างจากพัทยาหรือบางแสน

ภาพถ่ายวิวจากสถานที่จริง ทิศตะวันตกติดถนนสุขุมวิทหันเข้าหาทะเล

ทิศตะวันออกเป็นวิวทิวเขา

ทิศเหนือหันไปทางโรบินสัน ศรีราชา

ทิศใต้ไปทางเขตนิคมอุตสาหกรรม

• ในแง่ของตัวผลิตภัณฑ์ Knightsbridge The Ocean Sriracha มีจุดขายที่เป็น functional benefits อะไรบ้าง?

เริ่มที่ design ของเราที่ค่อนข้างจะโดดเด่นกว่า design ของเจ้าอื่นๆ เราออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจมากจาก การผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันตกและตะวันออก ภายใต้แนวคิด “Elegance as Art Deco” ตัว facade ของอาคารก็ได้นำเอาเส้นสายของศิลปะในยุคสมัยของ Art Deco มาใช้ในการตกแต่ง โดยตัดทอนให้ดูเรียบหรู และทันสมัย ตัวตึกออกแบบเป็นรูปทรงบูมเมอแรง มีส่วนกลางเล่นระดับหลายชั้น เพื่อวิวที่แตกต่างกันในแต่ละห้อง

พื้นที่ส่วนกลางของเราก็มีถึง 3 โซนเป็น Triple Facilities ที่ชั้น Ground ชั้น 4 และชั้นดาดฟ้า มีสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลายมาก ทั้งสวน ลานพัตกอล์ฟ ร้านอาหาร สนามเด็กเล่น ห้องดูภาพยนตร์ Golf Simulator room สระว่ายน้ำ ฟิตเนต สวนญี่ปุ่น และห้อง Tatami

นอกจากนี้โครงการนี้จะเป็นโครงการที่เราผสานเอาจุดเด่นที่จับใจคนญี่ปุ่นเข้าไปไว้ด้วย ด้วยการที่ออริจิ้นฯมีประสบการณ์ในการทำงานกับคนญี่ปุ่นมายาวนาน ทำให้เรารู้ว่าคนญี่ปุ่นต้องการอะไรในชีวิตประจำวัน เรามีแผนกวิจัยที่คอยตรวจสอบถึง customer need & pain อยู่ตลอดเวลา และนำเอาผลวิจัยที่ได้นี้มาพัฒนารูปแบบของตัวผลิตภัณฑ์ให้ถูกใจลูกค้าญี่ปุ่นมากที่สุด ใช้งบประมาณไปกับเรื่องการวิจัยพัฒนา มากกว่าการทุ่มงบโฆษณา หรือไปเน้นทำการตลาดกลุ่มนักเก็งกำไร…สิ่งที่ตามมาก็คือการบอกแบบปากต่อปากกันระหว่างกลุ่มคนที่อยู่อาศัยจริง ว่าออริจิ้นฯเป็นเจ้าแรกที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าผู้อาศัยอย่างแท้จริงมากกว่าการลด แลก แจก แถม

รูปแบบการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ Knightsbridge The Ocean Sriracha มีให้ถือว่าอยู่ในเกรดที่เหนือกว่า serviced apartment ทุกโครงการในศรีราชา เรามีอ่างน้ำแบบจากุซซี่ พร้อมที่นั่งอาบน้ำแบบญี่ปุ่นให้ทุกห้อง/ มีระบบ Hi Speed Internet broadband ไว้รองรับ/ มีเคเบิลทีวีที่เป็นช่องรายการญี่ปุ่น/ ตู้เสื้อผ้าพร้อมตู้เซฟ/ ระบบ lighting แบบมี sleep mode พร้อมปุ่มขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน/ ห้องพักผ่อนสไตล์เสื่อ Tatami/ ร้านอาหารทีมีทั้งแบรนด์เนม และ Home Made kitchen/ บริการ concierge ระดับโรงแรม/ บริการรับฝากขาย-เช่าโดยทีมงานชาวญี่ปุ่น

• พูดถึงบริการหลังการขาย ออริจิ้นฯพิเศษกว่านิติบุคคลเจ้าอื่นอย่างไรครับ?

เรามีแม่บ้านเป็นของตัวเอง ต่างกับเจ้าอื่นที่มักจะใช้บริการ outsource เรามีการ training พนักงานของเราตลอดเวลาในเรื่อง service mind ลงลึกไปถึงขั้นเอารูป เอาชื่อของลูกบ้านมาให้ดูเพื่อที่จะจำชื่อได้ พวกนี้ทำให้ลูกบ้านของเรา โดยเฉพาะคนต่างชาติรู้สึกว่าเค้าเป็น somebody ไม่ใช่ nobody…การบริหารแบบโรงแรมผมว่ามัน tough กว่างานบริหารนิติฯธรรมดาเยอะ ต้องทำให้ผู้อยู่อาศัยรับรู้ให้ได้ถึง service ทุกอย่างที่เรามีให้ เราใส่ใจกับจุดนี้มาก ต่างกับ developer บางรายที่รีบขายเสร็จแล้วก็รีบไป

ตลอดระยะเวลา เกือบ 2 ชั่วโมงในการสัมภาษณ์คุณพีระพงศ์ จรูญเอก นั้น ทำให้ผมได้รู้ถึงสภาพการณ์ของตลาดอสังหาฯศรีราชาในมุมมองของ developer ที่ถนัดมากในเรื่องของการเป็น pioneer ดินแดนใหม่ๆ… ผมเชื่อว่าที่นี่จะเป็นตลาดที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากในอนาคตครับ และยิ่งถ้าได้ทราบว่าตอนนี้ที่ดินแปลงสวยๆ ในศรีราชาได้ถูกจับจองโดยเหล่าบรรดามหาเศรษฐีแลนลอร์ดชื่อดังของไทยหลายๆคนจนแทบจะไม่เหลือแล้ว บวกกับสีหน้าที่แสดงถึงความมั่นใจในตัวโครงการของคุณพีระพงศ์ ทำให้ตัวผมเองก็ชักอยากที่จะไปลงสำรวจตลาดศรีราชาด้วยตัวเองแล้วล่ะครับ ว่าจะหาห้องดีๆเช่ายากมาก และมี waiting list รอข้ามปี ในแบบที่หลายๆฝ่ายบอกกันหรือเปล่าครับ…ผลตอบรับ และยอดขายของโครงการ Knightsbridge The Ocean Sriracha ที่ออริจินส์ฯวางไว้ว่าจะเปิดพรีเซลล์ในช่วงเดือนกันยายนก็คงจะเป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนครับ

รายละเอียดโครงการ Knightsbridge The Ocean Sriracha

พื้นที่โครงการ                                                        4-0-4.5 ไร่

จำนวนชั้น                                                                       36 ชั้น

จำนวนยูนิต                                                                722 ยูนิต

มูลค่าโครงการ                                               2,500 ล้านบาท

จำนวนที่จอดรถ                          261 คัน (316 รวมซ้อนคัน)

จำนวนลิฟท์ส่วนพักอาศัย                                                 3 ตัว

จำนวนลิฟท์ขนของ                                                           1 ตัว