“ย้อนกลับไปปี 2020 เราอยู่ในเฟสที่เรียกว่า Survive เราเอาตัวรอดมาได้ เรารักษาสถานะทางการเงินมาได้ พอมาปี 2021 เรามาอยู่ในเฟสที่เรียกว่า Align ซึ่งเป็นปีที่เราภูมิใจกับพนักงานทุกคนในองค์กรมาก ผลประกอบการอยู่เหนือความคาดหมาย พอมาถึงปีนี้ 2022 เรามาอยู่ในเฟส Thrive ซึ่งเป็นแผนที่มาก่อนกำหนดแรกถึง 1 ปี ซึ่งนี่คือแผนในการเติบโตเข้าสู่โลกวิธีใหม่ที่ทุกสิ่งในโลกเชื่อมต่อกันหมด จาก Pandemic มาสู่ Politics และมาสู่ Economics ดังนั้นการเติบโตในโลกยุคใหม่ การมองจากกำไรอย่างเดียวมันล้าสมัยแล้ว แต่ต้องมองทั้ง Profit, People, Planet ซึ่งเน้นในเรื่องของการสร้างคุณค่า ก่อนสร้างกำไร เพื่อให้คุณค่านั้นมาเชื่อมต่อ Solutions สู่ผู้คนและส่างแวดล้อม ซึ่งใน 4 ปีนี้ SC จะ Thriving ผ่าน 3 ยุทธศาสตร์สำคัญ คือ เติบโต – เชื่อมต่อ – ยั่งยืน ซึ่งใน 4 ปีต่อจากนี้เราจะเติบโตต่อเนื่องไปถึงแสนล้านบาท ผ่าน Engine ถึง 2 อย่าง ซึ่งเฉพาะโครงการแนวราบจะไปแตะที่ 20,000 ล้านบาทในปี 2025 ในขณะที่ Engine 2 ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่จะเติบโตต่อเนื่องทุกปีจากธุรกิจใหม่ทั้งการลงทุนอพาร์ทเมนท์ในสหรัฐอเมริกา โรงแรมใหม่ อาคารสำนักงานรูปแบบใหม่ และเทคโนโลยีแพลตฟอร์มอย่างรู้ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Q4 ปีนี้ลูกค้าและพนักงานทุกคนจะถูกเชื่อมต่อ Ecosystem กันด้วย SC Morning Coin เพื่อสร้างคุณค่าต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด” คุณณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวนำถึงยุทธศาสตร์หลักที่จะใช้กำหนดทิศทางของบริษัทในการที่จะก้าวเดินต่อไปอย่างแม่นยำมากขึ้นในปีนี้ หลังจากที่ได้เริ่มต้นงานแถลงข่าวด้วยการพาทัวร์โลก Metaverse ของ SC Asset ในแบบกระชับด้วย XR Technology ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจได้ไม่น้อยเลย ต่างกันงานแถลงข่าวผ่าน ZOOM ที่เราเห็นกันจนชินตาตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

สำหรับโรดแมปสี่ปี ‘SC Thriving for Good’ การเติบโตอย่างยั่งยืน บนวิถีโลกใหม่ เกิดขึ้นหลังจากการปรับตัวอย่างรวดเร็วในช่วงปี 2020-2021 ที่ทางบริษัทรอดผ่านวิกฤตอย่างแข็งแกร่งและสะสมเสบียงอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ “SC ได้วางโรดแมป 4 ปี (2022-2025) ‘SC Thriving for Good’ เติบโต เชื่อมต่อ ยั่งยืน บนวิถีโลกใหม่ เป็นองค์กรที่สร้างคุณค่า เชื่อมต่อ solutions สู่ผู้คนและสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างรายได้เติบโตต่อเนื่อง 4 ปี รวมกว่า 100,000 ล้านบาท

โดยโรดแมป “SC Thriving for Good” มี 3 ยุทธศาสตร์หลักและเป้าหมาย ดังนี้

ยุทธศาสตร์ 1: Thriving

‘เติบโต บนสมรภูมิเดิม และน่านน้ำใหม่’

– แนวราบสร้างรายได้ 20,000 ล้านบาท ในปี 2025 และเป็นแบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1 ในใจผู้คน

– แนวสูงจะเป็นแบรนด์คอนโดอันดับ 1 สำหรับคน Gen Y พร้อมกับเปิดโครงการใหม่รวม 20,000 ล้านบาท ในปี 2022-2025

– สร้าง Growth Engine ที่สอง เพื่อเพิ่มสัดส่วนของกำไรจากโอกาสใหม่ๆ เช่นโรงแรมใหม่ภายใต้ชื่อ YANH (ย่าน) ที่ย่อมาจาก Your Average Neighborhood Hotel, Hybrid Workplace, Rui Jai Solutions และอพาร์ทเมนท์ใหม่ที่สหรัฐอเมริกา

– รักษาสถานะการเงินมั่นคงแข็งแกร่ง พร้อมรับทั้งโอกาสและวิกฤตใหม่

ยุทธศาสตร์ 2: Connecting

‘เชื่อมต่อ ทุกสิ่งถึงกัน สร้างคุณค่าที่มากกว่า’

– ส่งมอบคุณภาพชีวิตดีให้ลูกค้า ด้วยนวัตกรรมที่เชื่อมต่อถึงสินค้าและบริการ ภายใต้วิธีคิดแบบลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Human-centric)

– ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์หลากหลาย จากการเชื่อมต่อ Solutions จากหลากหลาย Ecosystems ผ่าน Blockchain Technology

– ทีมงานทั้งองค์กรกว่า 1,200 คนทำงานได้อย่างคล่องตัว รวดเร็ว แม่นยำ ผ่านข้อมูลทั้งหมดที่เชื่อมต่อถึงกันด้วยเทคโนโลยี และการสื่อสารที่สม่ำเสมอและทั่วถึง

ยุทธศาสตร์ 3: Sustaining

‘ยั่งยืน สร้างคุณค่า สู่ผู้คนและสิ่งแวดล้อม’

– แบรนด์ SC เป็นแบรนด์ผู้นำที่มีความน่าเชื่อถือสูงเพราะรักษามาตรฐานคุณภาพสูงสม่ำเสมอ

– SC เป็นองค์กรอสังหาฯที่น่าทำงานอันดับ 1 ด้วยนโยบาย “สมดุลดี สังคมดี และอนาคตดี” เพื่อทุกคนในองค์กร

– ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) ลง 20% ภายในปี 2025 เป็นองค์กรที่เติบโตควบคู่กับความใส่ใจสิ่งแวดล้อม

สำหรับในเรื่องของแผนธุรกิจ และจำนวนการเปิดโครงการใหม่ทางคุณพงษ์เปิดเผยแผนธุรกิจในปี 2022 ว่า “SC ตั้งเป้าหมายรายได้และยอดขายสำหรับปี 2022 ที่ 22,000 ล้านบาท โดยมีการเปิดโครงการใหม่สูงเป็นสถิติใหม่ 27 โครงการ มูลค่า 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 25 โครงการ มูลค่า 33,500 ล้านบาท ซึ่งมากกว่า 70% เป็นบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 10 ล้านบาท และ SC เป็นผู้นำในตลาดนี้ โดยจะมีแบรนด์หลักที่ใช้ในการทำตลาดคือ Grand Bangkok Boulevard, Bangkok Boulevard, The Gentry, Pave, Venue และอีกแบรนด์ใหม่ที่มีระดับราคาเกินกว่าหลังละ 50 ล้านบาท ส่วนคอนโดมิเนียมเปิด 2 โครงการใหม่ มูลค่า 6,500 ล้านบาท บนทำเล รถไฟฟ้า BTS 2 สถานี คือ วงเวียนใหญ่ ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่เน้นจับกลุ่มลูกค้า Gen Y และ ทองหล่อ กับโครงการ SCOPE ทองหล่อ จำนวน 20 ยูนิต เริ่มต้นยูนิตละ 140 ลบ.

ปีนี้จะมีการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่หลากหลาย ที่พร้อมสร้างคุณค่าและเชื่อมต่อ Solutions สู่ผู้คนและสิ่งแวดล้อมสำหรับบ้านทุกหลังในโครงการเปิดใหม่ เช่น นวัตกรรม Active Airflow & Air Quality Control, EV Charger, RueJai App 3.0 รวมถึงการเปิดตัว Prototype แบบบ้านใหม่ ‘บ้านสำหรับ Gamers’ และ ดีไซน์ซีรีส์ใหม่ของฟังก์ชั่น ‘Work from Home’ เป็นต้น

สำหรับในส่วนของความท้าทายหลักในปีนี้ว่าวิกฤตจะยังไม่จบลงแต่คงก้าวข้ามคำว่าโควิดไปแล้ว แต่เป็นเรื่องของการบริหารจัดการต้นทุน ที่ต้นทุนทุกอย่างพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาขายสินค้าสำหรับโครงการใหม่ต้องปรับตัวสูงขึ้นตาม เช่นเดียวกับระดับหนี้ครัวเรือนที่ประเทศไทยมีข้อเสียเปรียบในเรื่องของการที่คนไทยมีหนี้สูงแต่ว่าระดับรายได้ไม่ได้สูงตาม ทำให้มีปัญหาในเรื่องของการพัฒนาโครงการในระดับที่มีราคาสูง ส่วนสถานการณ์เงินเฟ้อในปีนี้คิดว่าในไตรมาสที่สามจะเริ่มดีขึ้น และประเด็นในเรื่องของ SC Morning Coin ทางบริษัทฯมองว่าทุกเทคโนโลยีใหม่เมื่อเข้าสูงช่วง Mass Adoption ก็ย่อม Regulation ตามมาอยู่แล้ว ซึ่งทางบริษัทฯก็ไม่ได้กังวล เพราะเราอยากจะทำเพื่อให้ทางบริษัทไม่เสียเปรียบในการทำธุรกิจ มันเหมือนกับเป็นการนำ Utility Token มาใช้แทนในเรื่องของ Loyalty Program ในแบบเดิมๆซึ่งมันเกี่ยวข้องกับเพียงแค่ลูกค้าของเราเท่านั้น แต่เทคโนโลยี Blockchain จะสามารถสร้างความเชื่อมโยงไปได้มากกว่านั้นเยอะ

โดยสรุป ทั้งปี 2022 นี้ SC และบริษัทในกลุ่ม มีโครงการพัฒนาเพื่อขายรวมทั้งสิ้น 78 โครงการ มูลค่า 69,000 ล้านบาท (ยังไม่ได้มีการ JV กับใคร) มีสัดส่วนแนวราบและแนวสูง 70:30 พร้อมเตรียมงบลงทุนที่ดินใหม่ในปีนี้ 11,500 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องไปถึงปี 2025

คุณณัฐพงศ์ กล่าวสรุปปิดท้ายว่า “องค์กรที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนบนวิถีโลกใหม่ ต้องเริ่มต้นที่เข้าใจว่าทุกสิ่งบนโลกเชื่อมต่อถึงกัน มีผลกระทบต่อกัน วิกฤตโควิดที่ผ่านมาสอนบทเรียนนี้แก่เราอย่างลึกซึ้ง คนไม่สบาย 1 คนจากประเทศหนึ่ง สามารถส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจของทั้งโลก ในขณะเดียวกันก็นำมาซึ่งนวัตกรรม และวิถีพฤติกรรมใหม่อีกหลากหลาย เศรษฐกิจวิ่งช้าลง 3 ปี แต่นวัตกรรมบนโลกวิ่งเร็วขึ้น 10 ปี องค์กรที่ยั่งยืนจะสร้างคุณค่าสู่ทั้งผู้คนและโลก คุณค่านี้จะเป็นผู้สร้างกำไร และกำไรจะกลับมาสร้างคุณค่าต่อไปอย่างยั่งยืน และนี่คือทิศทางการเติบโตยั่งยืนของ SC บนวิถีโลกใหม่ SC Thriving for Good เติบโต เชื่อมต่อ ยั่งยืน”