ส่องศักยภาพของทำเลห้าแยกลาดพร้าว ศูนย์รวม Mega Project ในอนาคตจากทุกภาคส่วน พร้อมพรีวิว THE LINE PHAHONYOTHIN PARK

ต่อทอง ทองหล่อ 21 October, 2018 at 15.29 pm

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


ว่ากันว่า…ทำเลห้าแยกลาดพร้าวมีศักยภาพ…จริงไหม?

เรื่องราวที่พูดๆ กันมาระยะหนึ่งว่า “อนาคตของย่านห้าแยกลาดพร้าวจะเป็น The New CBD” เชื่อว่าขณะนี้หลายคนก็ยังคงไม่อยากจะเชื่อสนิทใจเพราะยังไม่เห็นอะไรเป็นรูปเป็นร่างมากนักนอกจากมีแต่โครงการคอนโดมิเนียม มาพาเหรดเปิดขายกันมากมาย แต่ถ้าวิเคราะห์ดูจากข่าวการลงทุนของกลุ่มทุนใหญ่ที่และภาครัฐที่จะมีแผนการลงทุนกันใหญ่โตในทำเลนี้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่อยู่บนฝั่งถนนพหลโยธินช่วงก่อนถึงแยกลาดพร้าวที่มีทั้ง Mochit Complex, Bangkok Terminal, ศูนย์คมนาคมพหลโยธิน รวมถึงการเกิดของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ และ Mega Project ที่จะกลายเป็นโครงการใหญ่ของภาคเอกชนโดยความร่วมมือกันของกลุ่ม BTS และ กลุ่ม GLAND เดิม  เพื่อพัฒนาที่ดิน 48 ไร่ให้กลายเป็นเป็นโครงการ Mixed-use มีอสังหาฯ หลากหลายแบบอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ขณะนี้กำลังเคลียร์พื้นที่เพื่อเตรียมสร้างถนน 8 เลนความกว้าง 30 เมตร เชื่อมระหว่างพหลโยธินกับวิภาวดีรังสิต รวมไปถึงแผนการสร้าง Oasis Tower ที่เป็นที่สุดของห้าแยกลาดพร้าวโดย Singha Estate และประกอบกับคาแรกเตอร์ของย่านห้าแยกลาดพร้าวเดิมก็มีศักยภาพดีอยู่แล้ว มีโครงการอาคารสำนักงานมากมายเช่น ธนาคารทหารไทย, Sun Tower, SJ Infinite, One Business Complex, ไทยรัฐ Bangkok Airways ส่วนอีกฝั่งก็เต็มไปด้วยแหล่งจับจ่ายทั้ง Central Plaza ลาดพร้าว, Union Mall, Tesco Lotus ข้อมูลทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้ทำให้เราปฏิเสธได้ยากว่าห้าแยกลาดพร้าวคือทำเลที่มีศักยภาพ

 

Oasis Tower

สถานีกลางบางซื่อ (Bang Sue Grand Station) หนึ่งในโครงการของศูนย์คมนาคมพหลโยธิน

เมื่อใดก็ตามที่โครงการของกลุ่มทุนเอกชนและหน่วยงานรัฐต่างๆ เสร็จสมบูรณ์ ทำเลนี้จะมีครบทุกอย่าง ทั้งแหล่งงาน แหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งบันเทิง สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และการคมนาคมที่เชื่อมต่ออย่างสะดวก เป็นทำเลในฝันในจินตนาการของหลายๆ คน อยู่อาศัยในเมือง เดินทางสะดวกไม่ถึงกี่นาทีถึงที่ทำงาน เลิกงานไปวิ่งในสวนสาธารณะเพิ่มความ Healthy แล้วกลับมาแวะห้างกินข้าว เดินย่อยอาหารชิลๆ กลับคอนโด จะทำอะไรก็สะดวกไปหมด เรียกได้ว่าห้าแยกลาดพร้าวเป็นทำเลในฝันเลยทีเดียว

 

แต่ในฝันมีดีก็ย่อมมีฝันร้าย หนทางกว่าจะถึงวันที่ Project ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์เป็นสวรรค์ชั้น CBD แห่งกรุงเทพทิศเหนือ เราอาจจะต้องฝ่าด่านอรหันต์อีกหลายชั้นจากการก่อสร้างที่เกิดขึ้นทุกหนทุกแห่งในละแวกโดยรอบ ทั้งฝุ่นควัน เสียงจากไซต์ก่อสร้าง การปิดช่องทางการจราจรในเส้นทางต่างๆ เพื่อสร้างรถไฟฟ้า การจราจรติดขัดตลอดเวลา มลพิษจากท่อไอเสีย น้ำท่วมขังรอระบายทุกครั้งที่ฝนตก หลังจากโครงการต่างๆ เสร็จเมื่อใด ทำเลนี้จะกลายเป็นทำเลทองเป็น Hub ของทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาก็จะมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ ความสงบที่มีน้อยแล้วก็ยิ่งหายไปกลายเป็นย่านที่คึกคักมากกว่าเดิม ร้านอาหารที่จะฝากท้องทุกวันก็จะเปลี่ยนแปลงไปอัพเกรดทั้งหน้าตาร้านและราคา  ค่าครองชีพในย่านห้าแยกลาดพร้าวอาจจะต้องแพงขึ้นและบางทีก็สวนทางกับรายได้ในกระเป๋าอยู่บ้าง สวนสาธารณะที่จะไปวิ่งชิลๆ ก็มีแต่ผู้คนแน่นมากขึ้น สิ่งที่พูดมานี้ก็เป็นเพียงภาพจินตนาการผลกระทบทั้งทางบวกและลบที่จะเกิดขึ้นในย่านห้าแยกลาดพร้าวซึ่งเราในฐานะผู้ซื้อที่อยู่อาศัยจะต้องคำนึงปัจจัยต่างๆ และเตรียมพร้อมกับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของย่านในอนาคตได้อย่างดี

 

ในอนาคตย่านห้าแยกลาดพร้าวจะต้องเผชิญกับผลกระทบเรื่องความหนาแน่นและจำนวน traffic ของผู้คนที่ผ่านไปมาเพิ่มขึ้น ดังนั้นสิ่งที่จะกลายมาเป็นทรัพย์สมบัติอันมีค่าและมีผู้คนในย่านห้าแยกลาดพร้าวให้คุณค่าจะไม่ใช่อะไรนอกจากสิ่งที่เรียกว่า “ความสงบและความเป็นส่วนตัว” เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัยมากที่สุด

BTS หนึ่งในเจ้าถิ่นใหญ่แห่งย่านพหลโยธินที่มีแผนลงทุนมากมายหลายโครงการ

สำหรับกลุ่มทุนในอาณาจักร BTS  ถือว่าย่านถนนพหลโยธินทั้งเส้นถือเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของกลุ่ม BTS มาตลอดเส้นทาง เริ่มตั้งแต่ย่านพญาไทกับโครงการ The Unicorn Phayathai บนพื้นที่ 7.3 ไร่ติดบีทีเอสสถานีพญาไท มูลค่าโครงการ 9,500 ล้านบาท พัฒนาเป็นโครงการมิกส์ยูสสูง 51 ชั้น มีสำนักงานเกรดเอ จำนวน 12 ชั้น โรงแรม 5 ดาว 14 ชั้น จำนวน 397 ห้อง พื้นที่รีเทล 1,600 ตร.ม. และพรีเมี่ยม เซอร์วิสเรสซิเดนท์ จำนวน 118 ยูนิต มีกำหนดเสร็จปี 2564

กระโดดมาถึงรอบสถานีหมอชิตที่มีทั้งอาคารสำนักงานของ BTS เองและมีแผนสร้าง Mochit Complex ในอนาคตเพื่อเชื่อมต่อกับ Skywalk หมอชิตในปัจจุบัน โดยโครงการ Mochit Complex มีกำหนดการสร้างเสร็จในช่วงกลางปี 2023

ที่มา: http://u.listedcompany.com/misc/presentation/20180425-u-general-presentation-apr.pdf

จากหมอชิตมาสู่สถานีห้าแยกลาดพร้าวที่ BTS เคยทำโครงการคอนโดภายใต้แบรนด์ Abstract อยู่ และอีกย่านของพหลโยธินที่จะเป็นยุทธภูมิเต็มไปด้วยโครงการยักษ์ใหญ่ของกลุ่ม BTS ร่วมกับ CPN (GLAND เดิม) ก็คือย่านรอบสถานีพหลโยธิน 24 ที่มีการตัดถนนใหม่เพื่อเชื่อมระหว่างพหลโยธินกับวิภาวดีรังสิต รองรับการพัฒนาโครงการอสังหาฯ Mixed Use อีกหลายโครงการในอนาคตซึ่งเป็น Interchange ของรถไฟฟ้า BTS 2 สายได้แก่สายสีเขียวที่กำลังก่อสร้างและสายสีเหลืองส่วนต่อขยายที่กำลังศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการอยู่

 

อ่านบทความ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองจะต่อจากรัชดาลาดพร้าวไปถึงตรงไหน จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในอนาคต

ถ้ามองภาพรวมแล้วก็ถือว่า BTS ถือว่าเป็นเจ้าถิ่นใหญ่เจ้าหนึ่งในอาณาจักรพหลโยธิน ดังนั้นการได้เลือกอยู่อาศัยภายใต้การบริหารของเจ้าถิ่นใหญ่ก็ถือว่าเป็นผลดีของผู้บริโภคเพราะว่าไม่มีเจ้าถิ่นคนไหนจะมาทำให้ถิ่นของตัวเองตกต่ำลงกว่าเดิมแน่นอน มีแต่จะพัฒนาให้ดีขึ้นๆ อยู่ตลอด แม้ว่า BTS จะโดนข่าวดราม่าต่างๆ มากมายที่ประชาชนร้องเรียนเรื่องด้านการให้บริการรถไฟฟ้า แต่ถ้าเมื่อเทียบผลงานการให้บริการเดินรถไฟฟ้าของรัฐอย่างรฟท. ที่รับผิดชอบเดินรถไฟฟ้า Airport Link แล้วก็ถือว่า BTS ยังมีผลงานดูดีกว่าหลายเท่าครับ และเชื่อว่า BTS ก็จะปรับปรุงการให้บริการให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ในราคาค่าบริการที่เหมาะสมมากกว่าเดิมในอนาคตเมื่อมีโครงข่ายรถไฟฟ้าหลายสายเชื่อมโยงกันแล้ว เรื่องแบบนี้ต้องให้เวลากันสักหน่อยเพราะยังไงแล้วธุรกิจก็ต้องมีกำไร ถ้าไม่กำไรใครจะทำ

 

แล้วแผนการลงทุนโครงการต่อไปของ BTS ต่อไปคืออะไร…สามารถอ่านในบทความนี้ครับ “BTS บริษัทที่ไม่ได้มีแต่รถไฟฟ้า แต่เตรียมขึ้นแท่นเจ้าพ่ออสังหาในอนาคตอันใกล้”

 

แต่สำหรับในปี 2018 นี้โครงการอสังหาฯ ที่ BTS ลงทุนเพิ่มคือ…คอนโดมิเนียมแบรนด์ THE LINE โครงการใหม่ครับ

 

ความสำเร็จที่ผ่านมาของแบรนด์ THE LINE เพราะความร่วมมือกันระหว่างคนเก่งสองคน

THE LINE แบรนด์ซีรีส์นี้นี้คุ้นหูสำหรับแฟนคลับคอนโดมิเนียมและถือว่าเป็นหนึ่งในคอนโดมิเนียมในฝันของใครหลายๆ คน THE LINE เป็นโครงการที่พัฒนาโดยบริษัทอสังหาผู้มีรสนิยมทางศิลปะดีอย่างแสนสิริและเจ้าพ่อรถไฟฟ้าอย่างบีทีเอสร่วมทุนกันสร้างสรรค์โครงการที่ตอบโจทย์ผู้พักอาศัยทั้งทางด้านทำเลเดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้า การออกแบบอาคาร Facility ภายในที่สวยงามเหนือกว่า และมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ตรม.ละ 139,000 บาท

 

ตลอดเวลาที่ผ่านมาจากการเปิดตัวโครงการภายใต้แบรนด์ THE LINE มาแล้ว 6 โครงการ คือ THE LINE Sukhumvit 71, THE LINE Ratchathewi, THE LINE Jatujak-Mochit, THE LINE Asoke Ratchada, THE LINE Sathorn และ THE LINE Wongsawang  โดยในปีนี้สำหรับแบรนด์ THE LINE แล้ว จะอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวเนื่องจากมีห้องที่ยังอยู่ในระหว่างการโอนกรรมสิทธิ์กันอยู่ และดูเหมือนว่าในปีนี้แสนสิริจะทุ่มเทกับการเปิดโครงการภายใต้แบรนด์ใหม่อย่าง XT และแบรนด์ The Base ซีรีส์ใหม่มากกว่า โดยตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน 2018 มีการร่วมทุนกันอย่างต่อเนื่องระหว่างแสนสิริผู้ยิ่งใหญ่ในตลาดอสังหาฯกับ BTS ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการคมนาคมของกรุงเทพ ทั้งสองบริษัทจับมือกันประสบความสำเร็จกับคอนโดมิเนียมแบรนด์ THE LINE มาแล้วหลายโครงการ ทำให้ปีนี้เราจึงได้เห็น THE LINE โครงการใหม่ส่งท้ายปลายปีกับโครงการ THE LINE PHAHONYOTHIN PARK (เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค) ซึ่งเป็นทำเลใหม่สำหรับแสนสิริที่โตมาจากสุขุมวิท แต่เป็นทำเลเดิมของ BTS เรามาดูกันว่ามีรายละเอียดอย่างไรกันบ้าง

 

โครงการ THE LINE PHAHONYOTHIN PARK เริ่มเปิดตัวโครงการออกสื่อต่างๆ แล้ว

 

เตรียมพบกับ THE LINE ทำเลใหม่ ตึกสูง สวนใหญ่ เงียบสงบ ใกล้เซ็นทรัลลาดพร้าว รถไฟฟ้า 3 สถานี ที่ THE LINE PHAHONYOTHIN PARK

 

Magical Tree หนึ่งเดียวในย่านพหลโยธิน-ห้าแยกลาดพร้าว

THE LINE PHAHONYOTHIN PARK (เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค) มาพร้อมสโลแกน “Imagination is Everything” เนรมิตอาคารที่อยู่อาศัยในคอนเซปต์ต้นไม้ยักษ์ในเทพนิยาย (Magical Tree) กลางเมืองแหล่งพักพิงที่สงบสุขร่มเย็น

 

“Imagination is Everything” สโลแกนที่แสนสิริเลือกใช้ในการพัฒนาโครงการ THE LINE PHAHONYOTHIN PARK ที่เป็นไปได้ทุกจินตนาการ จากการนำพื้นที่อาคารเดิมของคอนโด Abstracts Phahonyothin Park มาปัดฝุ่นสร้างใหม่ ชูความได้เปรียบ เพราะตอบรับทุกการเดินทาง การทำงาน การอยู่อาศัย และการใช้ชีวิต ทำเลที่ตั้งที่สะดวก เป็นจุดศูนย์กลางการคมนาคมหลายรูปแบบ ทั้งรถไฟฟ้า 2 สาย, ทางด่วนสายสำคัญ, สถานีขนส่งผู้โดยสารฯ, และท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง เชื่อมต่อคุณไปยังทุกจุดหมายที่ต้องการ อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมสถานศึกษาชั้นนำ ห้างสรรพสินค้าหลากหลายไลฟ์สไตล์ และสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เปรียบเสมือนปอดของคนกรุงเทพฯ

Location ของ THE LINE PHAHONYOTHIN PARK

THE LINE PHAHONYOTHIN PARK ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร อยู่เยื้องกับ Central Plaza Ladprao ตำแหน่งในแผนที่ Google Maps https://goo.gl/maps/PxuZjg1Ndf62 พิกัด GPS 13.818058, 100.564835

 

THE LINE PHAHONYOTHIN PARK คอนโดมิเนียมสูง สิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย

THE LINE PHAHONYOTHIN PARK ตั้งอยู่บนที่ดินเนื้อที่โครงการประมาณ 2 ไร่ เป็นอาคารพักอาศัย สูง 32 ชั้น 1 อาคาร มีจำนวนห้องชุดทั้งหมด 881 ยูนิต แบ่งเป็นห้องชุดเพื่อการพักอาศัย 880 ยูนิต และห้องชุดเพื่อการพาณิชย์ 1 ยูนิต

 

สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการแบ่งเป็นส่วนที่เป็นพื้นที่ได้แก่ พื้นที่โถงต้อนรับ, สวนหย่อมชั้น1, ชั้น 2 และ ชั้น 22 ,พื้นที่ทำงานส่วนกลาง, พื้นที่ถ่ายภาพอเนกประสงค์ ,พื้นที่กิจกรรมเวิร์คชอป ,พื้นที่ครัวส่วนกลาง ,พื้นที่สันทนาการสำหรับเด็ก และ ส่วนที่เป็นสิ่งอำนวยความสะดวก ได้แก่ สระว่ายน้ำและจากุซซี่, สระเด็ก, ห้องออกกำลังกาย พร้อมอุปกรณ์, ห้องประชุม, ห้องพักผ่อนอเนกประสงค์, สวนและสนามเด็กเล่น ชั้น 32, ห้องซักผ้า, อินเตอร์เน็ตไร้สายบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง, จุดบริการชาร์ตแบตเตอรี่ สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และที่จอดรถชั่วคราว

 

นอกจากนี้โครงการยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นทรัพย์ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกัน 3 อาคารชุด คือ สวนขนาดใหญ่กว่า 8 ไร่และสวนหย่อมรอบอาคาร, อาคารจอดรถยนต์ 16 ชั้น, ถนนภายในโครงการ, อาคารพาณิชย์และสำนักงาน (อาคารอเนกประสงค์), สวนหย่อมและทางเท้าของอาคารพาณิชย์และสำนักงาน และทางเลี้ยวทางเข้า-ออก

 

ความพิเศษด้านการออกแบบของ THE LINE PHAHONYOTHIN PARK

โครงการนี้มีทรงอาคารที่โดดเด่นแผ่ไปในแนวยาว และมีพื้นที่สวนกว่า 8 ไร่ ภายในโครงการ ใหญ่ที่สุดในย่านห้าแยกลาดพร้าว และมีส่วนกลางที่หรูหรา แฝงไปด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยตามแบบฉบับของ THE LINE

มาเริ่มดูที่งาน Architect & Landscape ทีมออกแบบโครงการ THE LINE PHAHONYOTHIN PARK  ใช้จุดเด่นจากสวนส่วนกลางที่มีขนาดใหญ่ถึง 8 ไร่เป็นแรงบันดาลใจและคอนเซปต์หลักในการออกแบบ โดยออกแบบให้ตัวอาคารเปรียบเสมือนเป็นต้นไม้ยักษ์ในเทพนิยาย (Magical Tree) โดยแบ่งโซนของงานออกแบบออกเป็น 4 ส่วน

ส่วนแรกส่วนชั้นล่าง ซึ่งจะเกี่ยวเนื่องกับรากไม้ ถ้ำ ก้อนหิน ส่วนที่สองคือ ส่วนกลางอาคาร ซึ่งจะเชื่อมโยงไปถึงลักษณะของลำต้นของต้นไม้ หรือกิ่งก้าน ส่วนที่สาม คือ ส่วนบนชั้น 22 ซึ่งจะเชื่อมโยงกับโพรงบนต้นไม้ เปรียบเสมือนที่อยู่ของสัตว์ และส่วนสุดท้ายส่วน Rooftop ซึ่งจะเป็นลักษณะของยอดไม้ โปร่งโล่งสบายเปิดรับวิวกว้าง ซึ่งคอนเซปต์ที่กำหนดมานี้เป็น Universal Concept ที่ใช้ร่วมกันกับงานออกแบบภูมิทัศน์และงานออกแบบภายใน เพื่อให้งานที่ออกแบบมากลมกลืนเป็นเรื่องราวเดียวกันทั้งโครงการ

 

ความเป็นต้นไม้ยักษ์ในเทพนิยายยังได้ถูกจำลองออกมาเป็นรูปธรรมโดยการออกแบบ Facade อาคาร โดยใช้ แถบ Precast Concrete ตามแนวนอนที่บิดไปมาเป็นจังหวะซึ่งเมื่อดูจากระยะไกลจะเห็นแถบเหล่านี้รวมกันเป็นภาพโครงร่างของต้นไม้ ซึ่งจะมีลักษณะทางกายภาพแตกต่างกันไปตามระยะ หรือมุมที่มอง และสภาพของแสงธรรมชาติที่จะ ก่อให้เกิดแสงและเงาที่แตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงเวลาของวัน

สำหรับงานภูมิสถาปัตย์ของ THE LINE PHAHONYOTHIN PARK ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “ธรรมชาติคือบ้านที่ดีที่สุดของมนุษย์”  แล้วจะดีแค่ไหนหากว่า เราจะมีบ้านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีเพื่อนบ้าน เป็นต้นไม้นานาพรรณ มีห้องนอนอยู่ในต้นไม้ใหญ่ เป็นสถานที่พักผ่อนที่มีความสงบ ร่มรื่นน่าอยู่อาศัย ตัดขาดจากความ วุ่นวายภายนอก เป็นสถานที่พักผ่อนอย่างแท้จริง” ซึ่งข้อแตกต่างตรงนี้เองที่ทำให้ THE LINE PHAHONYOTHIN PARK แตกต่างจากคอนโดมิเนียมโครงการอื่นๆ ในย่านห้าแยกลาดพร้าวที่อาจจะสะดวก ติดถนนใหญ่ ชิดรถไฟฟ้า แต่จอแจวุ่นวาย ไม่เหมาะกับการเป็น Sanctuary เพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง

 

เริ่มที่ชั้น 1 หรือ Ground Floor ใช้คอนเซปต์  Root + Buttress + Earth หากบ้านของเราคือต้นไม้ พื้นที่โถงต้อนรับบริเวณชั้น 1 จึงเปรียบเสมือนพื้นที่ด้านล่างส่วนของรากที่พยุงลำต้นไว้ มีพืชพรรณต่างๆ เจริญเติบโตแทรกอยู่ตามรากไม้ มีสัตว์ต่างๆอาศัยอยู่ โดยออกแบบให้สวนบริเวณรอบโครงการ เชื่อมกับสวนส่วนกลางขนาดใหญ่ สร้างความมีชีวิตชีวาและความน่าสนใจโดยการแทรก Highlight ตามจุดต่างๆ เช่น Tree Sculpture, Fox Sculpture, Vertical Green ให้ผู้ใช้รู้สึกตื่นตาตื่นใจ สร้างจินตนาการ เกิดความรู้สึกเบิกบานและมีชีวิตชีวา และ มีไม้ดอกสีสันเป็น Flower Garden เป็น Planting Concept

 

ชั้น 2 ออกแบบให้พื้นที่สวนริมอาคารเกิดความต่อเนื่องกับสวนขนาดใหญ่กว่า 8 ไร่ ให้สามารถชมวิวทอดยาวไปกับระเบียง อาคาร  หรือที่เรียกว่า Scenic Garden เชื่อมความรู้สึกของเรากับสวนส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 8 ไร่ที่อยู่ตรงหน้า

 

นอกจากนี้ยังมี Design Feature หลักอีกประเภทหนึ่งคือ แถบอลูมิเนียมดัดโค้งที่ชั้น 22 และ 32 ด้วยแนวความคิด ส่วนลำต้นของต้นไม้และยอดไม้ ซึ่งในธรรมชาติมักเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต ทีมผู้ออกแบบจึงนำเสนอ Animal Habitat (ชั้น 22) ในรูปแบบใหม่ ซึ่งถ้ามองในระยะใกล้จะเห็นเป็นพื้นผิวโค้งที่ลื่นไหลเป็น 3 มิติ แต่หากมองจากระยะไกลจะ สังเกตเห็นได้ว่าสิ่งนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับโพรงที่อยู่บนกิ่งไม้

 

โดยชั้นนี้ยังเป็นที่ตั้งของสิ่งอำนวยความสะดวกขนาดใหญ่ที่เปรียบเสมือนเป็น Animal Habitat ที่ออกแบบให้พื้นที่ใช้งานภายในทั้งส่วน Co-living Lounge, Co-Playing Space, Co-Cooking Studio, Co-working space ประกอบด้วย 3 โซน คือ Working Area, Photo Studio และ Meeting & Workshop Zone และพื้นที่พักผ่อนภายนอก

 

และชั้น Rooftop ในส่วนของชั้น 32 ออกแบบให้ล้อกับ Concept “Branch” โดยแบ่งการออกแบบเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่ง Ozone Park และ ฝั่ง Sky Active ซึ่งในฝั่ง Ozone Park จะออกแบบให้เสมือนพักผ่อนบนยอดตึก เป็นส่วนที่สามารถสัมผัสการพักผ่อนภายใต้ร่มไม้ ด้วยการสร้างพื้นที่พักผ่อนให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ อีกทั้งยังมี Natural Playground สนามเด็กเล่นที่ให้เด็กเติบโตและเรียนรู้กับธรรมชาติเพื่อสร้างประสบการณ์และการใช้งานที่หลากหลาย ส่วนในฝั่ง Active Well Being จะประกอบไป ด้วย Twinkle Sky Pool เป็นสระว่ายน้ำที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชายฝั่งตามธรรมชาติ  และยังสามารถชมวิวได้ 180 องศา พร้อม Feature tunnel ที่มีดีไซน์ที่น่าสนใจ เพื่อเชื่อมระหว่างทั้ง 2 ฝั่ง

ทั้งหมดนี้เป็นการออกแบบในแนวคิดของ Phenomenal Design ซี่งเป็นงานออกแบบที่ได้รับการเติมเต็มโดยสภาวะแวดล้อมของโครงการ เช่น ต้นไม้ในสวน หรือแสงแดดและเงา รวมถึงจินตนาการของผู้มองเอง พร้อมที่จะสร้าง ประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างกันตามระยะของการมอง เวลา และจินตนาการ ซึ่งสอดคล้องกับคำว่า “ Imagination is Everything

 

Nature + Urban อยากใกล้ธรรมชาติ แต่ยังอยู่ในเมือง

จากที่เล่ามาทั้งหมดจะเห็นได้ว่า ในส่วนการออกแบบ Architect & Landscape ของโครงการ THE LINE PHAHONYOTHIN PARK พยายามที่จับ Insight ของคนเมืองในปัจจุบันที่ใฝ่ฝันอยากอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ แสวงหาความสงบร่มรื่น แต่ก็ไม่อยากทิ้งความเป็นเมืองความหรูหราและทันสมัย ซึ่งค่อนข้างเป็นอะไรที่ย้อนแย้งกันและไม่ค่อยจะไปด้วยกันได้แต่ด้วยประเด็นหลักของทางโครงการที่ว่า “Imagination is Everything ” ทำให้จินตนาการยังไม่จบและทุกอย่างเป็นไปได้ นอกจากนี้ความสวยงามนั้นมีแต่ภายนอกไม่ได้ ต้องมาพิจารณาดูกันที่ข้างในด้วย

 

ในส่วนของ Interior การวางคอนเซ็ปต์โดยรวมของโครงการ “MAGICAL FOREST” พร้อมสอดแทรกแนวความคิดของการอยู่อาศัยที่ใส่ใจถึงสภาพแวดล้อม (Eco-Luxury Living) โดยสื่อออกมาทางประโยชน์ การใช้สอย (Functions) การวัสดุที่รักษ์ธรรมชาติ (Eco-Material) หรือ วัสดุที่นำกลับมาใช้ที่มีลักษณะโดดเด่น (Recycle Material) และการประหยัดพลังงานในรูปแบบของการออกแบบแสงสว่าง Sub-concept โดยพื้นที่ของส่วน Common Area ประกอบไปด้วย

 

ชั้นที่ 1 Lobby : The Natural Sanctuary สร้างบรรยากาศของทั้งพื้นที่ให้มีลักษณะคล้าย โพรงใต้ต้นไม้ใหญ่ ด้วยฟอร์มของฝ้าเพดาน (Feature Ceiling) คลุมทั้ง พื้นที่ ด้วยรูปทรงถ้าที่ลดทอนด้วยความลาดเอียง แทนที่ด้วยวัสดุไม้สีอ่อนที่อบอุ่นไม่ดูไม่หนัก ต่อเนื่องไปกับ เสาอาคารเดิมที่มีขนาดใหญ่ถูกลดทอนด้วยอลูมิเนียมเส้นตั้งสีน้ำตาลเข้ม เพื่อเน้นโครงฝ้าให้เด่นชัดขึ้น พื้นหินที่ มีลวดลายที่ชัดเจน หรูหราภูมิฐาน การจัดวางพื้นที่หลักเป็นส่วนนั่งพักคอย ซึ่งมีทิศทางหันไปทางสวน การเลือกใช้เฟอร์เจอร์แบ่งออกเป็น ชุดโซฟา และ โซฟาลักษณะพิเศษ (Feature seating)

ชั้นที่ 22 มีบรรยากาศโดยรวมที่ถูกสร้างให้เป็นพื้นที่ของที่อยู่พื้นที่ชุมนุมของเหล่าสัตว์ป่า (Wild Life Habitat) มีความอบอุ่น สนุก อุดมสมบูรณ์แต่ยังคงความลึกลับ ปลอดภัย และน่าค้นหา

 

Co-Cooking Studio ที่วางเคาน์เตอร์ครัวกึ่งบาร์ ใช้เป็นโต๊ะรับประทานอาหาร พร้อมตู้อุปกรณ์ครัว และ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่สื่อถึงการ ประหยัดพลังงาน และ การ Recycle (Eco Full-Function Kitchen) โดยออกแบบให้ห้องมีความต่อเนื่องไปถึงส่วน ของ Co-living Lounge จัดเป็นห้องดู TV รูปทรงกลมกึ่งส่วนตัว และมีม่านสำหรับเปิดปิดเพื่อสร้างความเป็น ส่วนตัวได้ ทำให้พื้นที่ของ Co-Living ใช้สำหรับรับประทานอาหาร และ ดูหนังเพื่อความหย่อนใจได้ในเวลาเดียวกัน หรือสามารถแยกให้เป็นส่วนตัวได้ ส่วนของ Co-Kitchen ออกแบบให้ได้พื้นที่อยู่หลังเสามีลักษณะคล้ายช่องหลืบของหน้าผา โดยหน้าบานจะเป็นวัสดุ Stone Veneer Surface ซึ่งลดการใช้หินธรรมชาติ แต่ยังได้ผิวสัมผัสประกายเหลือบของแร่หินเพื่อความรู้สึกแอบซ่อน ความมีค่า มีเวทมนต์และลึกลับ

 

ส่วน ของ Co-living Lounge จัดเป็นห้องดู TV รูปทรงกลมกึ่งส่วนตัว และมีม่านสำหรับเปิดปิดเพื่อสร้างความเป็น ส่วนตัวได้ ทำให้พื้นที่ของ Co-Living ใช้สำหรับรับประทานอาหาร และ ดูหนังเพื่อความหย่อนใจได้ในเวลาเดียวกัน หรือสามารถแยกให้เป็นส่วนตัวได้ ส่วนของ Co-Kitchen ออกแบบให้มีลักษณะคล้ายช่องหลืบของหน้าผา โดยหน้าบานจะเป็นวัสดุ Stone Veneer Surface ลดการใช้หินธรรมชาติ ทำให้ได้ผิวสัมผัสประกายเหลือบของแร่หินเพื่อความรู้สึกแอบซ่อน ความมีค่า มีเวทมนต์และลึกลับ

Co-Working Space (Meeting Room & Workshop, Photo Studio, Working Area) ออกแบบเกิดความอยากรู้อยากเห็น ดูลึกลับเหมือนถ้ำหน้าผา การจัดเฟอร์นิเจอร์ส่วนทำงาน คำนึงถึงการนั่งทำงานหลากหลายรูปแบบ เช่น บาร์ริมหน้าต่าง โต๊ะแบบ Brainstorm Pod ทำงานส่วนตัว โต๊ะขนาดเล็กสำหรับคุยงาน 1-2 คน และ โต๊ะทำงานแบบ Co-Working จริงจัง ที่ สามารถจัดเป็น workshop กลุ่มย่อยได้ รวมไปถึงห้องประชุมขนาด 8-10 คน

 

Co-Playing Space ตั้งอยู่ในพื้นที่มุมของอาคาร สร้างบรรยากาศให้ห้องเด็กเป็นโลกของของแมลงตัวน้อย (Bug’s Life) แบ่งพื้นที่ ออกเป็น 3 ส่วนหลัก คือ ส่วนพัฒนาสมอง ส่วนเล่น และส่วนที่ผู้ปกครองสามารถนั่งรอได้ วัสดุโดยรวม พื้นเป็น rubber floor ผนังกรุหนังเทียมกันกระแทก และ โดมเห็ด Fiberglass สีสัดสดใส

 

ชั้น 32 Starry Gym เป็นพื้นที่อยู่ติดริมสระว่ายน้ำ เปิดกว้างรับ วิวและลมยอดตึก ออกแบบแสงสว่าง ให้เป็นแสง Black light การเลือกใช้วัสดุสะท้อนแสง และ วัสดุเรืองแสงเวลากลางคืน (Glow on the dark) ฝังลงใน ส่วนพื้น Rubber floor โทนสีเทา และเทาเข้ม ให้กำหนดพื้นที่สำหรับกิจกรรมตามประเภทของการออกกำลังกาย แบ่งออกเป็น 3 โซน คือ 1. Multipurpose พื้นที่ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจ ไม่ว่าจะเล่น Yoga หรือ Reax Light ก็ได้ พร้อมกระจก Smart Mirror 2. Cross Fit พื้นที่ใช้วัสดุเรืองแสงฝังลงในพื้น เพื่อทำให้คุณสามารถกระโดด Cross Fit ไปยังโซนต่าง ๆได้ พร้อมลู่วิ่ง และ 3. Weight Training พื้นที่สำหรับผู้ที่ชอบออกกำลังกายแบบเน้นกล้าม พร้อมอุปกรณ์ครบครัน

 

นวัตกรรมใหม่ในจินตนาการที่ THE LINE PHAHONYOTHIN PARK

ต้องบอกก่อนเลยว่านวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงานและมีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจของคนรุ่นใหม่ในยุคนี้ สวยแต่ไม่ฟังก์ชั่น ฟังก์ชั่นแต่ดูแลยากนั้นหมดยุคแล้ว โครงการนี้จึงเอาใจผู้บริโภคโดยการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วย

 

ที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็น Earth Blox (บล็อกคอนกรีตรีไซเคิล) ที่ช่วยลดปริมาณการใช้ Natural grinded-stone (หินฝุ่นหรือซีเมนต์จากธรรมชาติ) ลงไปถึง 30%  ซึ่ง Earth Blox เป็นวัสดุที่แสนสิริพัฒนาขึ้นมาและได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขัน Architizer A+ Award สาขาการออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product) ประเภทหินและคอนกรีต (Stone and Concrete) ซึ่งโครงการ THE LINE PHAHONYOTHIN PARK นี้นำมาใช้ในงานส่วน Outdoor

 

นวัตกรรมในส่วนของวัสดุ นอกจาก Earth Blox แล้วโครงการใช้ Marble tiles เป็นวัสดุหินที่นำเศษหินเหลือใช้จากการตัด slap มาวางเรียงสลับให้เกิดความสวยงามและลงตัว Green Material ถูกใช้ทำพื้นของสระว่ายน้ำโดยเลือกใช้เศษหิน แล้วนำมาตัด slap วางเรียงให้สวยงาม และในพื้นที่ Co-Working Space โดยใช้เศษหินอัดให้เป็น Terrazo ส่วน Wooden Deck นำเศษไม้มาอัดให้แข็งเป็นวัสดุสำหรับ ฝ้า ผนังและพื้น วัสดุที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ เช่น การทำชุดครัว Stone-veneer Cupboard เลือกใช้วัสดุที่ทำลายธรรมชาติน้อยที่สุด โดยการลอกเฉพาะหน้าหิน ซึ่งเป็นส่วนที่บางที่สุด แต่ยังได้ผิวสัมผัสเหมือนเดิม และ Plastic Net ตาข่ายที่นั่ง Floating Nest ที่ทำมาจากเศษพลาสติก

 

นวัตกรรมด้านการประหยัดพลังงาน

โครงการติดตั้ง EV Charger เครื่องเติมประจุไฟฟ้าในรถยนต์ สำหรับรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการ เดินทาง และไฟฟ้าไม่เกิดการเผาไหม้ ทำให้ไม่ก่อให้เกิดมลพิษใด ๆ ตรงทางเดินใช้ LED Motion sensor จับความเคลื่อนไหว เปิดปิดอัตโนมัติ ไฟติดเมื่อเดินผ่าน ระยะ 5 – 8 เมตร เพื่อการประหยัดไฟ ด้านขนติตั้ง Solar Cell Rooftop เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์มาเป็นพลังงานไฟฟ้าด้วยแผง Solar Cell โดยนำพลังงานไฟฟ้าที่ ได้มาใช้ในส่วนกลางของโครงการ ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น และมี Solar Charger ชาร์จโทรศัพท์ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ยังเน้นการใช้ Natural Ventilation ในบริเวณต่างๆ ของพื้นที่ส่วนกลาง คือ ให้มีหน้าต่างเพื่อช่วยในการถ่ายเทระบายอากาศได้ดี

 

นวัตกรรมด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมและลดมลพิษ

ในด้านนี้สำคัญเพื่อให้เข้ากับคอนเซปต์ธรรมชาติ โครงการใช้ Landscape Pollution Absorption Plant คือ พืชพรรณไม้ที่ช่วยกรองก๊าซเสียจากมนุษย์ ลดสารพิษจากวัสดุสังเคราะห์ จุลินทรีย์ เชื้อโรคบางชนิดในอากาศ

 

เพิ่มพื้นที่สีเขียวแนวตั้ง เรียกว่า Vertical Green เพื่อช่วยกรองความร้อนในการเข้าสู่อาคาร ดูดซับสารพิษ และผลิตออกซิเจน จัดทำสวน Rain Garden เป็นสวนชั้นล่างเป็นพื้นที่ดูดซับน้ำฝนลดพื้นที่ Hard Scape เลือกใช้ พืชปกคลุม(Coverage Planting) เพื่อลดความร้อนที่จะลงบนพื้นที่ใช้งานโดยตรง ที่ช่วยเพิ่มออกซิเจนในบริเวณโครงการ และใช้บล็อกปลูกหญ้าพลาสติก (Turf Cell) ช่วยในการดูดซึมน้ำได้ดีและลดการกระจายแสง

 

ในด้านการจัดการขยะโครงการได้จัดทำ จุดบริเวณแยกขยะส่วนกลาง (Common area recycling corner) มีเครื่อง Refund  Machine เปลี่ยนขยะให้เป็นเงิน เพื่อช่วยลดค่าส่วนกลางให้กับลูกบ้าน ในพื้นที่ Co-Cooking Studio เครื่องกำจัดเศษอาหาร (Food Recycler) ย่อยเป็นสารอินทรีย์ เพื่อให้ลูกบ้านสามารถนำปุ๋ยมาปลูกต้นไม้ในโครงการต่อได้

 

Unit ยูนิตห้องในจินตนาการ ที่ THE LINE PHAHONYOTHIN PARK

เมื่อดูจินตนาการและนวัตกรรมทันสมัยและรักษาสิ่งแวดล้อมของโครงการ THE LINE PHAHONYOTHIN PARK ที่ได้สรรค์สร้างทั้งภายนอกและภายในอาคารแล้ว ตอนนี้ก็ต้องมาดูในส่วนภายในห้องแต่ละยูนิต

 

โครงการนี้มีห้องชุด หลายขนาดตั้งแต่ แบบห้อง 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาดพื้นที่ 31.75 – 41.25 ตร.ม. แบบห้อง 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 58.75 – 66.75 ตร.ม.  และแบบห้อง 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ (Duplex) 79.50 – 82.25 ตร.ม. 

ภายในห้อง วัสดุที่ใช้ในการตกแต่งยังคงรักษาคอนเซปต์ คือ รักษาสิ่งแวดล้อมและลดการใช้พลังงาน โดยใช้ Hard coat Low-E glass กระจกป้องกันความร้อนที่มาจากดวงอาทิตย์เสมือนฉนวนกันความร้อน และให้ค่าในการสะท้อนความร้อนที่ต่ำรวมถึงค่าในการถ่ายเทความร้อนที่ต่ำอีกด้วย มี ผนัง 2 ชั้น (Double Skin)ช่วยระบายอากาศได้ดี และ Fin Façade ที่ยื่นออกมาจากบาง Unit ช่วยลดความร้อนของห้องพักอาศัยได้ดี

 

นอกจากนี้เพื่อคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยที่ดียิ่งขึ้น โครงการเลือกใช้ Eco-friendly Painting คือ ใช้สีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ Non-Toxic และยังมีระบบ Well air ระบบตรวจวัดและควบคุมคุณภาพอากาศภายในห้อง ที่มีระบบ Smart Control ในการควบคุมความชื้น อุณหภูมิ ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ และ VOCs ให้อยู่ในปริมาณที่ดีต่อสุขภาพ และเพื่อการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ ทางโครงการก็ได้ติดตั้ง In-room recycle bin ถังขยะแยกประเภทภายในห้อง เพื่อให้ลูกบ้านสามารถแยกประเภทขยะตั้งแต่ภายในห้องพักอาศัย

 

บทสรุป THE LINE PHAHONYOTHIN PARK

 

THE LINE PHAHONYOTHIN PARK นั้นทุ่มทุนด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีและการจัดสิ่งแวดล้อมของโครงการให้ตอบโจทย์ต่อผู้บริโภคที่ต้องการอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติท่ามกลางความเจริญทันสมัยและสะดวกสบายของทำเลพหลโยธิน-ห้าแยกลาดพร้าวที่กำลังจะเป็น New CBD ของกรุงเทพในอนาคตอย่างแท้จริง

 

ซึ่งหาก Developer แสนสิริกับ BTS ร่วมมือกันสามารถเปลี่ยนจากจินตนาการในความฝันมาเป็นความจริงได้และรักษาคุณภาพได้มาตรฐานตามคอนเซปต์ที่วาดไว้ก็นับว่า THE LINE PHAHONYOTHIN PARK เป็นอีกโครงการหนึ่งที่จะทำให้ลูกค้าพอใจและภาคภูมิใจสุดๆ ที่ได้มีโอกาสถือครองและหลงใหลไม่อยากจากไปไหนเพราะทำเลศักยภาพที่ดีครบด้านและกลายเป็นที่พักอาศัยหนึ่งในใจผู้บริโภคได้ไม่ยากแน่นอน

ต่อทอง ทองหล่อ

ต่อทอง ทองหล่อ

บรรณาธิการสื่อเกี่ยวกับการศึกษา และ Blogger ผู้มีผลงานการวิเคราะห์ด้านอสังหาฯ มามากกว่าร้อยบทความ ยังเป็นผู้สนใจลงทุนคอนโดมิเนียม ชอบใช้ชีวิตแบบ Digital Nomad รักการเดินเท้าและเลือกใช้ขนส่งมวลชนสำรวจความเปลี่ยนแปลงของทำเลสถานที่ผ่านมุมมองการเข้าใจมนุษย์ นอกจากนี้ยังเป็น Active Citizen ช่วยขับเคลื่อนพัฒนาเมืองผ่านงานเขียนและเครื่องมือสื่อสารที่เชื่อมรัฐกับประชาชน เป้าหมายระยะยาวต้องการเห็นคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นของทุกคนในสังคม ติดตามผลงานได้ที่ https://matttortong.weebly.com

เว็บไซต์

โซลเลซ พหลฯ-ประดิพัทธ์

นิว เวิร์ส กรุงเทพกรีฑา

นิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น

ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านมาพบกับโครงการคอนโดพร้อมอ...

30 January, 2024

ริธึ่ม เจริญนคร ไอคอนิค

วันนี้จะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับคอนโดมิเนียมสุดฮอตชื่อโ...

29 January, 2024

วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน

Whizdom Craftz Samyan คือโครงการที่มอบ 5 องค์ประกอบพ...

4 December, 2023

นาวว์ เมกา

หากจะพูดถึง NOWW MEGA (นาวว์ เมกา) ในพื้นที่ของ Maga...

14 November, 2023

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง