ข่าวดีเดือนตุลาคมนี้! รัฐบาลไทยปล่อยตัว Special Tourist Visa ที่อนุมัติให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในไทยได้ยาวถึง 90 วัน โดยคาดหวังให้การท่องเที่ยวไทยกระเตื้องขึ้น ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของการท่องเที่ยวไทยครั้งนี้ คือ นักท่องเที่ยวกลุ่ม High-end ที่จะเข้ามาอยู่แบบ Long Stay ได้นานถึง 270 วัน โดยทุกคนจะต้องถูกกักตัวใน Alternative Quarantine Hotel และทำตามมาตราการการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทุกข้ออย่างเคร่งครัด ซึ่งข้อแม้ทั้งหมดนี้ก็ทำให้นักท่องเที่ยวสายแบกเป้ รักธรรมชาติต้องผิดหวังอย่างแรง ด้วยความที่นักท่องเที่ยวกลุ่มหลังเป็นกลุ่มที่ไม่ได้อยากจ่ายในราคาที่สูงลิบลิ่ว เนื่องจาก Special Tourist Visa นั้นมีเงื่อนไขแบบพิเศษซึ่งแตกต่างจาก Tourist Visa ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมการต่อวีซ่าแบบพิเศษและการเดินทางแบบ Private Jet หรือเหมาเครื่องบินเข้ามานั่นเอง
นอกจาก Special Tourist Visa ที่ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวของประเทศไทยแล้ว ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างระมัดระวังด้วยความตั้งใจเดียวกันที่จะกู้สถานการณ์การท่องเที่ยวให้กลับมาสดใสอีกครั้งหลังการปลดล็อกดาวน์จากการระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งเราจะนำเคสที่น่าสนใจมานำเสนอ
โรงแรมที่น่าสนใจที่ตั้งอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติในบาร์เยิร์นนั้นก็มีอยู่ไม่น้อย ซึ่งเราได้คัดสรรค์มาเฉพาะโรงแรมระดับ 5 ดาวเท่านั้น ได้แก่ RIVA – DAS HOTEL AM BODENSEE (Constance, Germany), Klosterhof Premium Hotel & Health Resort และ Parkhotel Adler (Black Forest)
3. UNDER ภัตตาคารใต้มหาสมุทรแห่งแรกของยุโรปและใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่นอร์เวย์นี่เอง!
ภัตตาคาร Under ที่โผล่พ้นมหาสมุทรออกมาเพียงครึ่งเดียว www.thatscandinavianfeeling.com
โรงแรมสุดหรูที่ได้ใกล้ชิดธรรมชาติอย่างจุใจในดินแดนแห่งทะเลทรายนี้ได้แก่ Jumeirah Dar Al Masyaf, Atlantis (The Palm) และ Al Maha, a Luxury Collection Desert Resort & Spa เป็นสุดยอดโรงแรมที่เราคัดมาเพื่อผู้อ่าน Propholic reader โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมกลางทะเลทรายที่มอบความเป็นอาหรับราตรีเหมือนดั่งเทพนิยายไว้สมบูรณ์แบบและโรงแรมติดชายหาดสุดเก๋ที่มี Aquarium ในห้องพักส่วนตัวแบบ exclusive
5. The Kelpiesอาชา ศิลปะ และการบอกเล่าความเป็นสกอตติชผ่านเหล็กกล้าที่หลอมขึ้นอย่างปราณีต
The Kelpies ภาพจาก www.thehelix.co.uk
The Kelpies คือ ชื่อเท่ๆของงานศิลปะม้า ที่เป็นสัตว์สัญลักษณ์ของสก็อตแลนด์มาอย่างยาวนานและเป็นสัญลักษณ์ที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักดีเมื่อนึกถึงสก็อตแลนด์ อีกทั้งยังใช้เหล็กกล้าที่เป็นอุตสาหกรรมหลักตั้งแต่แรกเริ่มการพัฒนาอุตสาหกรรมของสก็อตแลนด์มาใช้เป็นวัสดุในการสร้าง The Kelpies 100% ซึ่งทั้ง 2 องค์ประกอบนี้ คือ 2 สิ่งแสดงอัตลักษณ์และความภูมิใจของชาวสกอตติชได้อย่างชัดเจนและลงตัว
ภายใน The Kelpies เปิดให้คนเข้าชมได้ ซึ่ง Sculpture ทั้ง 2 ตัวนี้มีรูที่เปิดรับแสงธรรมชาติให้สอดส่องเข้ามาภายในได้ ซึ่งหากมองช่องรับแสงต่างๆจากภายในก็จะบรรยากาศภายนอกและได้สัมผัสแสงแดดจากด้านนอกได้เช่นกัน ซึ่งนี่ถือเป็นไฮไลท์ที่น่าสนใจและยังเป็นการสร้างสเน่ห์ดึงดูดความสนใจได้อีกด้วย นับว่าเป็นเอกลักษณ์ของ The Kelpies ที่ถูกออกแบบมาให้ต่างจาก Sculpture อื่นๆที่ไม่คนไม่สามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะได้เลย จึงไม่แปลกที่จะเห็นคนชอบเข้ามาถ่ายรูปเก๋ๆอวดเพื่อนได้หลากหลายมุมเลยล่ะ แถมด้วยอสภาพอากาศที่ปลอดโปร่งด้านนอกที่มีลมโกรกตลอดเวลา จึงหายห่วงเรื่องเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี เพราะมีอากาศถ่ายเทหลุนเวียนอยู่เรื่อยๆ ยิ่งไปกว่าความสวยงามคือความกลมกลืนกันระหว่าง The Kelpies ธรรมชาติรอบตัว อย่าง ลำธารน้ำใสแจ๋ว และแสงแดดอุ่นๆประกายทอง
เรือท่องเที่ยวลำธารบริเวณใกล้ The Kelpies www.thehelix.co.uk
นอกจากการได้ออกมาผ่อนคลายด้านนอกแล้วก็ยังมี Exhibition และร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวกับ The Kelpies ให้นักสะสมได้ช้อปปิ้งกันอีกด้วย โดยรวมแล้วก็ถือว่ามีกิจกรรมที่หลากหลายให้ทำกันให้หายอยากหลังจาก Lock Down จนจุใจเลยทีเดียว
โรงแรมที่น่าสนใจและตอบโจทย์คนรักธรรมชาติในสกอตแลนด์ ได้แก่ Trigony House Hotel & Garden Spa (Dumfries And Galloway), Gleneagles Hotel (Perthshire) และ The Cabin (Isle of Skye)