รวม 5 สุดยอด Eco-Architects น่าทึ่ง ที่ห้ามพลาดหลังปลดมาตราการ Lock Down
ในช่วงเวลาที่การท่องเที่ยวซบเซานี้ถือเป็นโอกาสของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่จะได้เก็บเงินเที่ยวกันเพิ่มอีกหน่อยและยังสามารถวางแผนเที่ยวได้อีกยาวๆเลยล่ะ ยิ่งขาเที่ยวที่ชอบเที่ยวธรรมชาติด้วยแล้วคงยิ่งอึดอัดจากการ Lockdown กันพอสมควร เราจึงมานำเสนอ ECO–Architect ใหม่ๆรอบโลกที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างและ Landmark สุดเด็ดที่จะทำให้ทุกคนได้ใกล้ชิดธรรมชาติจนหายคิดถึงกันไปเลย
ข่าวดีเดือนตุลาคมนี้! รัฐบาลไทยปล่อยตัว Special Tourist Visa ที่อนุมัติให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในไทยได้ยาวถึง 90 วัน โดยคาดหวังให้การท่องเที่ยวไทยกระเตื้องขึ้น ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของการท่องเที่ยวไทยครั้งนี้ คือ นักท่องเที่ยวกลุ่ม High-end ที่จะเข้ามาอยู่แบบ Long Stay ได้นานถึง 270 วัน โดยทุกคนจะต้องถูกกักตัวใน Alternative Quarantine Hotel และทำตามมาตราการการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทุกข้ออย่างเคร่งครัด ซึ่งข้อแม้ทั้งหมดนี้ก็ทำให้นักท่องเที่ยวสายแบกเป้ รักธรรมชาติต้องผิดหวังอย่างแรง ด้วยความที่นักท่องเที่ยวกลุ่มหลังเป็นกลุ่มที่ไม่ได้อยากจ่ายในราคาที่สูงลิบลิ่ว เนื่องจาก Special Tourist Visa นั้นมีเงื่อนไขแบบพิเศษซึ่งแตกต่างจาก Tourist Visa ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมการต่อวีซ่าแบบพิเศษและการเดินทางแบบ Private Jet หรือเหมาเครื่องบินเข้ามานั่นเอง
สามารถอ่านเงื่อนไขอย่างละเอียดได้ที่ www.atta.or.th/?p=16422
นอกจาก Special Tourist Visa ที่ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวของประเทศไทยแล้ว ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างระมัดระวังด้วยความตั้งใจเดียวกันที่จะกู้สถานการณ์การท่องเที่ยวให้กลับมาสดใสอีกครั้งหลังการปลดล็อกดาวน์จากการระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งเราจะนำเคสที่น่าสนใจมานำเสนอ
1. อังกฤษ
ธุรกิจการบินเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาในส่วนของการบินภายในประเทศ และยังต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างดี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่บินเข้าอังกฤษมากที่สุดในเวลานี้ นั่นเพราะนักท่องเที่ยวชาวจีนนั้นเป็นกลุ่มที่ทำรายได้ให้การท่องเที่ยวของอังกฤษมากที่สุดนั่นเอง ทั้งนี้นักท่องเที่ยวทุกคนต้องทำตามมาตราการการป้องกันการแพร่ระบาดต่างๆอย่างเคร่งครัด เพราะหากผ่าผืนการกักตัว(self-isolation) 14 วัน จะต้องถูกปรับ £10,000 และยังมีค่าปรับสำหรับผู้ที่ไม่ทำตามมาตราการต่างๆที่กำหนดไว้ขั้นต่ำ £200 โดยการมอบอำนาจให้การตวจตรานี้ให้ตำรวจท้องถิ่น ซึ่งมาตราการการกักตัวและลงโทษมีความแตกต่างออกไปหากนักท่องเที่ยวมาจาก ไอแลนด์เหนือ สกอตแลนด์ และเวลส์ ขณะนี้มี 75 ประเทศที่ได้รับการอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศได้ อีกทั้งทางการอังกฤษก็มีแนวโน้มว่าจะลดจำนวนวันกักตัวให้น้อยลลง เพื่อเอื้อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะบินเข้ามาในเร็วๆนี้ ซึ่งประกาศล่าสุดจากรัฐบาลนั้นยังคงให้ปิดไนท์คลับ บาร์ และสถานบันเทิงต่างๆต่อไป แต่ก็อนุโลมให้ร้านค้าทั่วไป ร้านอาหาร โรงละครและโรงหนังเปิดบริการได้ถึง 5 โมงเย็นเท่านั้นโดยเฉพาะในพื้นที่เฝ้าระวัง
สามารถอ่านรายละเอียดและตรวจสอบพื้นที่เฝ้าระวังได้ที่ www.gov.uk/government/collections/local-restrictions-areas-with-an-outbreak-of-coronavirus-covid-19
2. จีนและไต้หวัน
จีนที่เป็นประเทศแรกที่เริ่มมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างแสนสาหัสนั้นเพิ่งจะเปิดให้ต่างชาติเดินทางเข้าประเทศได้เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยอนุญาตให้ผู้ที่จะเดินทางจาก 36 ประเทศในยุโรปเดินทางเข้าประเทศจีนได้ด้วยข้อแม้เพียงอย่างเดียวคือต้องมีที่อยู่อาศัยในประเทศจีนเป็นหลักแหล่ง อีกทั้งการเดินทางภายในประเทศก็เริ่มฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นหลังปลดล็อกดาวน์ตามเมืองต่างๆ รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวระดับท้องถิ่นหลายแห่งทยอยเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปได้แล้วด้วย อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การทำ Travel Bubble Partnership ระหว่างเกาหลีใต้และสิงคโปร์เพื่อเอื้อให้นักธุรกิจและนักท่องเที่ยวได้เดินทางสัญจรกันได้สะดวกมากขึ้น
ส่วนใต้หวันนั้นก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวดในการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จึงได้เริ่มเปิดให้ชาวต่างชาติเข้ามาได้ตั้งแต่สิ้นเดือนมิถุนายนด้วยการใช้วีซ่านักท่องเที่ยวแบบปกติและวีซ่านักเรียน อย่างไรก็ตาม มาตราการการควบคุมการแพร่ระบาดของที่นี่ก็ยังคงเคร่งครัดอยู่ เพราะผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทุกคนจะต้องได้รับการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ก่อนที่จะเดินทางเข้ามาเกาะใต้หวัน โดยจะต้องมีผลตรวจเป็น Negative หรือไม่ติดเชื้อไวรัส ซึ่งทุกคนจะต้องตรวจก่อนการเดินทาง 3 วัน และกักตัวเอง (self-quarantine)ทันทีที่มาถึง 14 วัน