ปัญหาห้องเล็ก ไม่มี Space เก็บของ จะหมดไป Self-storage ตู้เซฟคนกรุงฯ ตอบโจทย์คนไทย 4.0
ในปัจจุบันธุรกิจรับฝากของดูจะไม่ใช่ของใหม่แล้วสำหรับชาวกรุงเทพฯ แต่ในต่างประเทศ เรามักได้เห็นตู้ Locker รับฝากของตามที่สาธารณะต่างๆไม่ว่าจะเป็นสถานีรถไฟ ห้าง อาคารสำนักงาน ซึ่งรูปแบบการให้บริการก็มักจะเป็นแบบหยอดเหรียญหรือตัดผ่านบัตร IC Card เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักเดินทางหรือ Business Traveler ที่ไม่ต้องการแบกสัมภาระหนักๆไว้ในขณะที่ตัวเองต้องไปทำธุระในละแวกใกล้เคียง ยกตัวอย่างในประเทศใหญ่ๆ ที่เริ่มมีธุรกิจ Self-Storage มานานและเริ่มแพร่หลายมากขึ้นในปี 2014 ทั้งในทวีปยุโรป อเมริการวมถึงเอเชีย เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่นที่มีบริการรับฝากของในหลายๆเมืองของประเทศญี่ปุ่น อันเนื่องจากเป็นประเทศญี่ปุ่นมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาพักผ่อนจำนวนมากต่อปี อีกทั้งจำนวนประชากรของประเทศมีจำนวนมากประมาณ 127 ล้านคน ซึ่งยังไม่รวมกับชาวต่างชาติที่ย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากที่ญี่ปุ่น ส่งผลให้พื้นที่อาศัยของคนที่นี้ค่อนข้างเล็กไม่มีพื้นที่เก็บของ ธุรกิจ Self-Storage จึงกลายเป็นที่นิยมในหมู่คนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติที่มาเยือนเป็นอย่างมาก ทำให้เรามักจะพบห้องรับฝากของได้เกือบทุกจังหวัดของประเทศญี่ปุ่น
นี่เป็นตัวอย่างห้องเก็บของแบบ Hi-End ของบริษัท Inaba โดยส่วนใหญ่แล้วคนญี่ปุ่นมักจะใช้ห้องฝากห้องเมื่อต้องย้ายจากบ้านหลังใหญ่ไปอาศัยในห้องคอนโดขนาดเล็กใจกลางกรุงโตเกียว
สำหรับในเมืองไทย แม้ว่าธุรกิจประเภทนี้จะเพิ่งเป็นกระแสได้ไม่นานแต่ปัจจุบัน Self-Storage ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ที่อาศัยในคอนโดขนาดเล็กตามย่านCBDและนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยข้อมูลจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจได้ระบุว่าในปี 2560 มีจำนวนผู้เล่นในธุรกิจ Self-Storage เพียง 5 รายเท่านั้น ผ่านมา 1 ปี พบว่า มีผู้เล่นหน้าใหม่เพิ่มขึ้นมาเป็น 11 ราย เห็นได้ชัดเลยว่าธุรกิจกำลังมากและมีผู้ให้ความสนใจกับสิ่งนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งที่เห็นมีอยู่ก็จะเป็นแบรนด์ Box24 และ LockBox โดยทั้ง 2 แบรนด์จะเป็นรูปแบบตู้ล็อกเกอร์สำหรับฝากของตั้งตามจุดต่างๆทั่วกรุงเทพฯ