ถอดรหัสความสำเร็จของอนันดาสู่ความเป็นเจ้าตลาดคอนโดบนทำเลจุฬา – สามย่าน กับการสานต่อตำนานบทใหม่ที่ COCO PARC
อาจกล่าวได้ว่าถนนพระราม 4 คือเส้นเลือดใหญ่ของย่าน CBD กรุงเทพมหานคร และเป็นถนนสายแรกๆของกรุงเทพฯที่มีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์การค้ามาอย่างยาวนาน ด้วยลักษณะทางกายภาพที่เป็นถนนเส้นตรง เชื่อมต่อไปยังศูนย์กลางทางธุรกิจสำคัญหลายแห่งในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ เยาวราช-หัวลำโพง, สามย่าน-จุฬา, สีลม-สุรวงศ์-ศาลาแดง, สาทร-วิทยุ, คลองเตย – กล้วยน้ำไท ตัดพระโขนง, รัชดา-อโศก ไปจนถึงถนนสุขุมวิท ผ่านย่านธุรกิจทำเลทองมากมายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งโครงการอสังหาฯ ขนาดใหญ่จำนวนมากทั้งธุรกิจและที่อยู่อาศัยในย่านนี้ก็เติบโตอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเฉพาะโครงการคอนโดที่พักอาศัยทั้ง Freehold & Leasehold บนทำเลจุฬา – สามย่าน ที่ล้วนพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนอง Demand การอยู่อาศัยจากคนทำงานบนอาคารสำนักงานสมัยใหม่ ทั้งบนถนนพระราม 4, สีลม, สาทร จึงทำให้ถนนพระราม 4 เป็นถนนที่มีความสำคัญไม่แพ้ถนนเส้นหลักอย่างสุขุมวิท สาทร และสีลมแต่อย่างใด
หากเรานึกถึงถนนพระราม 4 ย่านหลักที่หลายๆคนมักจะคุ้นเคยกันดีก็คงจะเป็นช่วงสี่แยกสามย่าน อันเป็นที่ตั้งของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถานศึกษาที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับ 100 ปี อีกทั้งเมื่อหลายสิบปีก่อนที่นี่ยังนับว่าเป็นศูนย์รวมของสถาบันกวดวิชาหลายแห่ง จนนับว่าเป็นจุดกำเนิดของธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาที่มีมากมายในยุคปัจจุบันก็ได้ ดังนั้นภาพรวมของย่านนี้ในอดีตจึงมีความผสมผสานกันระหว่างความเป็น Education Area และย่านอาคารพาณิชย์ในรูปแบบ Traditional Trade ที่มีเรียงรายอยู่ตามสองฟากฝั่งถนน…แต่ด้วยวันเวลาที่ผ่านไป พื้นที่บริเวณสามย่านแห่งนี้จะถูกพัฒนาไปสู่บริบทใหม่แห่งการเป็น Multi Lifestyle District ที่ผสมผสานความเป็นพื้นที่การศึกษา พื้นที่พาณิชย์ พื้นที่อาคารสำนักงาน พื้นที่อยู่อาศัย และพื้นที่ส่วนราชการ เข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้การนำของ Landlord อย่างสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับบริษัทอสังหาฯชั้นนำอื่นๆบนพื้นที่ตลอดแนวถนนพระราม 4 นอกจากนี้ในบริเวณอื่นๆของพื้นที่ตามแนวถนนพระราม 4 ก็มีการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องมายาวนานกว่า 20 ปี และเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทุกประเภท ด้วยความที่พื้นที่ตามแนวถนนพระราม 4 อยู่ในพื้นที่ที่เชื่อมต่อกับย่าน CBD อื่นๆในปัจจุบันเกือบตลอดทั้งเส้นทาง อีกทั้งเป็นพื้นที่ที่มีเส้นทางรถไฟฟ้า BTS และรถไฟใต้ดิน MRT ผ่าน จนเกิดสถานี Interchange ของทั้ง 2 เส้นทางในพื้นที่นี้ในบริเวณช่วงแยกศาลาแดง และยังเป็นที่ตั้งของสวนลุมพินี จึงทำให้พื้นที่นี้เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงที่สุดของกรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ ด้วยปัจจัยเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินที่พื้นที่ทางตะวันออกของถนนพระรามสี่ ตั้งแต่บริเวณสามย่านไปจนถึงแยกคลองเตยบริเวณซอยไผ่สิงโตเกือบ 100% เป็นกรรมสิทธิ์ของหน่วยงานราชการ หรือมหาวิทยาลัย เช่น สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สภากาชาดไทย กรมธนารักษ์ บางแห่งก็เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนประมูลเพื่อลงทุนพัฒนาโครงการในรูปแบบของการเช่าที่ดิน จึงส่งผลให้โครงการขนาดใหญ่ใดๆที่มีกรรมสิทธิ์ขายขาดในตัวที่ดินในบริเวณนี้เป็นของหายาก ที่พร้อมทวีมูลค่าเพิ่มมหาศาลในระยะยาว
ดังนั้นทำเล จุฬา – สามย่าน สามารถเรียกว่าเป็น Ultra CBD ของกรุงเทพก็ว่าได้ ด้วยจุดเด่นที่มอบสีสันและความหลากหลายของการใช้ชีวิตที่มากกว่า มีทั้งมหาวิทยาลัย โรงพยาบาล ย่านธุรกิจออฟฟิศ สวนสาธารณะและห้างสรรพสินค้า ที่สามารถใช้ชีวิตเดินทางเชื่อมต่อกันได้ จนเรียกได้ว่าเป็น Good Walk District ที่สามารถเดินไปยังย่าน Lifestyle & Recreation Park & Street Food Attraction ได้ในเพียงมี่กี่อึดใจ จึงช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น สุขภาพดีขึ้น และโครงการคอนโดในทำเลนี้ยังนับว่าเป็น Campus คอนโดที่ตั้งอยู่บน Prime Area ของกรุงเทพฯมากที่สุด การันตีถึงมูลค่าที่เพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง Developer อสังหาฯ ที่ได้ชื่อว่าเป็นที่ 1 และประสบความสำเร็จมากที่สุดในทำเลนี้ ก็คือ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน)
ทำไมอนันดา ถึงได้กลายเป็นเจ้าตลาดคอนโดทำเลจุฬา–สามย่าน? เพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจนที่สุด ผู้ที่จะมาตอบคำถามนี้ก็คือผู้บริหาร 2 ท่านที่คลุกคลีกอยู่กับทุกโครงการคอนโดของอนันดาในย่านนี้ตั้งแต่เริ่มพัฒนาโครงการแรกครับ ทั้ง คุณมณีรัตน์ ธนัชญ์เศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด(มหาชน) สายงานคอนโดมิเนียม และ คุณอัณณพ วงศ์ชุมพิศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิเอเจ้นท์ (พรอพเพอร์ตี้ เอ็กซ์เพิร์ท) จำกัด (The Agent) มาร่วมติดตามคำตอบและข้อมูลที่น่าสนใจอื่นๆไปพร้อมกันได้ในบทความนี้เลยครับ
Q: ทำไมอนันดาถึงมองตรงนี้เป็น Strategic Location การเริ่มใช้ชื่อจุฬามาตั้งชื่อโครงการเป็นโครงการแรกในย่านนี้เลย สร้าง Impact อย่างไร?
A: เรามองว่าด้วยดีมานด์ของกลุ่ม จุฬาฯ เป็นอะไรที่ไม่มีวันหมด กลุ่มผู้ปกครองยอมที่จะให้ลูก ๆ ได้อยู่ในทำเลที่เดินทางไปมหาลัยได้สะดวก ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แทนที่จะต้องเสียเวลาในการเดินทาง ดังนั้นพี่รัตน์มองว่า การเอาคำว่า “จุฬา” มาใช้ในชื่อโครงการ แน่นอนว่า จะทำให้กลุ่มจุฬาฯ เข้าใจได้ง่าย และมั่นใจว่าเราออกแบบโครงการมาเพื่อเค้าจริงๆ เพื่อให้ครอบครัวของเค้าอยู่ได้อย่างมีคุณภาพ
Q: ถ้านับรวม COCO PARC ก็นับเป็นโครงการที่ 5 บนทำเลพระราม 4 แล้ว อนันดามีสูตรสำเร็จอะไรในการพัฒนาโครงการบ้างไหม?
A: ต้องบอกว่า COCO PARC แม้จะไม่ได้อยู่ใกล้ จุฬาฯ – สามย่านโดยตรง แต่กลับเป็นทำเลที่เดินทางไปสามย่านได้สะดวกมาก ๆ เพียง 3 สถานี ซึ่งรถไฟฟ้าใต้ดินอยู่ติดหน้าบ้านเลย มันเป็นอีก Insight นึงที่เราได้ระหว่างการพัฒนาก็คือ จะมีกลุ่มผู้ปกครองอีกกลุ่มที่เค้ามองว่า อยากให้ความ Privacy กับลูก อยากให้อยู่ในที่ ๆ ไม่จอแจเกินไป และยังได้รับบริการจากทีมบริหารที่มีคุณภาพ อย่างดุสิตฯ ซึ่งมันก็พิสูจน์แล้วว่า ลูกค้าที่มาซื้อตอนนี้ก็ซื้อให้ลูกที่เรียน แพทย์, ทันต, บัญชี ซึ่งเค้าก็คาดหวังความเป็นอยู่ที่ดีให้กับลูก เพื่อให้เค้าโฟกัสการเรียนได้อย่างเต็มที่นั่นเอง และที่สำคัญในอนาคต หากจบการศึกษา เค้ายังสามารถอยู่อาศัยได้ในช่วงชีวิตของการทำงาน ด้วยทำเล 0 เมตร ที่สามารถเดินทางไปแต่ละโซนได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้พี่รัตน์ก็มั่นใจว่า โครงการโคโค่ พาร์ค มันมี Valued พอที่จะปล่อยเช่า หรือขายต่อในอนาคตได้ดีกว่า เพราะเราก็เป็นโครงการเดียวที่ติด MRT และเป็น Free hold ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของลูกค้าจริงๆ
จากเหตุผลในการพัฒนาโครงการที่เริ่มต้นจากการตั้งคำถาม และเชื่อมั่นในสมมติฐาน บวกกับข้อมูลตัวเลข Demand & Supply ของตัวเอง จึงเป็นที่มาของการปักหลักพัฒนาคอนโดในย่านนี้จนขึ้นแท่นเป็นเจ้าตลาดในปัจจุบัน โดย Key to Success หลักๆ ที่ช่วยให้อนันดาสามารถพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ใหม่ขึ้นมาบนย่านเดียวกันได้เรื่อยๆ ก็คือการเลือกพัฒนาโครงการบนคอนเซปท์ที่แตกต่างกันไปเพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่มี Insight ใหม่ๆ รวมไปถึงสร้างความอยากซื้อให้กับกลุ่มลูกค้าปัจจุบัน ที่มองหาทำเลที่อยู่ที่มีครบตอบโจทย์ทั้ง Lifestyle & Recreation Park & Street Food Attraction ซึ่งเป็นบริบทของการใช้ชีวิตใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในย่านนี้
Q: ในมุมมองของนักลงทุน แม้ว่าย่านนี้จะได้ชื่อว่ามีราคาขายคอนโดที่สูง ยิ่งถ้าใครที่ชอบซื้อ Campus Condo มาเพื่อการลงทุน อาจจะมองว่าได้ Rental Yield ที่ไม่มากถ้าเทียบกับ Campus Condo บนทำเลมหาวิทยาลัยชานเมือง แต่อะไรคือแรงดึงดูดสำคัญที่ทำให้คอนโดในย่านนี้ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีมาตลอด?
A: เรามองเป็นเรื่อง Valued ของที่ดินละกันในช่วงเวลาก็แล้วกัน
ที่ดินชานเมืองมันจะมีที่ดินให้พัฒนาตลอด เราจะมั่นใจได้ยังไงว่า ในอนาคตจะไม่มีที่ใหม่ๆ พัฒนา และเราจะรักษา Yield ที่ดีได้ตลอดได้อย่างไร มันไม่มีอะไรรับประกัน ในขณะที่จำนวนนักศึกษาในแต่ละปี มันก็อาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นตามขนาดนั้นด้วย
ในทางกลับกัน ที่ดินใจกลางเมืองซึ่งเป็นศูนย์รวมของทุกอย่างทั้งในเรื่องการทำงาน การใช้ชีวิต และการทำธุรกรรมต่างๆ ยิ่งเป็นทำเล 0 เมตร ติดรถไฟฟ้า มันยิ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ทำเลเมืองมันมีความต้องการที่ไม่มีวันหมด และ Valued ของมันยิ่งจะเพิ่มขึ้นในอนาคต เพราะแทบไม่มีที่ดินให้พัฒนาแล้ว เพราะฉะนั้น หากมองระยะสั้น Campus Condo ชานเมืองอาจจะมี Yield ที่ดูดีกว่าไม่มาก แต่ถ้ามองในเชิง Valued หรือ Capital Gain ต่าง ๆ พี่รัตน์ยังเชื่อมั่นในทำเลเมืองแน่นอน ซึ่งเป็น DNA ของอนันดา ที่เรามองการพัฒนาเพื่อชีวิตคนเมืองจริงๆ
อีกเหตุผลคือการเลือกทำเลของอนันดา เพราะความเป็น Prime Area ของ จุฬา-สามย่านทำให้ได้ Capital Gain สูง และเป็นตลาดเช่าที่เหมาะกับกลุ่มคนทำงาน Expat ไปจนถึงผู้บริหารระดับกลาง โดยเฉพาะจากอาคารสำนักงานใหม่ในย่านพระราม 4 และโครงการอสังหาฯระดับ Mega อย่าง ONE Bangkok ก็ใกล้จะเปิดให้บริการแบบ full function ในอีกไม่ช้า
แน่นอนว่าความสำเร็จในการขึ้นเป็นเจ้าตลาดในทำเลจุฬา – สามย่านนั้นคงเป็นไปไม่ได้ ถ้าผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนไม่หอมหวานน่าจูงใจสำหรับเหล่านักลงทุน และคนที่สนใจจะหาที่พักในทำเล Ultra CBD บนถนนพระราม 4 ตัวเลข Capital Gain & Rental Yield ของโครงการคอนโดของอนันดาฯ เป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จที่ชัดที่สุด
Q: พี่เอ อัณณพ ช่วยแจกแจง รายละเอียดเกี่ยวกับ Capital Gain & Rental Yield ที่ทางทีม The Agent ทำได้หน่อย?
A: จากข้อมูลของทางทีม The Agent พบว่า Capital Gain โซนจุฬา และ Gross Rental Yield เฉลี่ยจะอยู่ที่ 4% ต่อปี ครับ ตลาดเช่าถือว่าดีมากๆเพราะบางโครงการแทบจะไม่มีห้องบาง Type เหลือให้ปล่อยเช่าแล้ว ต้องให้ลุกค้าแจ้งเป็น Waiting List ก็มี
โดยโครงการ Ideo Q จุฬา – สามย่าน ตอนนี้ราคาเฉลี่ย 209,000 บ./ตร.ม. มี Capital Gain เฉลี่ย 4.4% ต่อปี และได้ Gross Rental Yield เฉลี่ย 4.0% ต่อปี ส่วนค่าเช่าเฉลี่ย 696 บ./ตร.ม./เดือน
ต่อไปเป็น Ashton จุฬา – สีลม ราคาเฉลี่ย 250,000 บ./ตร.ม. ได้ Capital Gain เฉลี่ย 4.1% ต่อปี และมี Gross Rental Yield เฉลี่ย 4.1% ต่อปี ส่วนค่าเช่าเฉลี่ย 859 บ./ตร.ม./เดือน
ตามมาด้วยโครงการล่าสุดอย่าง Ideo จุฬา – สามย่าน ช่วงนี้ราคาเฉลี่ย 165,000 บ./ตร.ม. ได้ Capital Gain เฉลี่ยประมาณ 4.0% ต่อปี
ส่วนโครงการ Coco Parc ได้ Gross Rental Yield อยู่ที่ประมาณ 5% ค่อนข้างสูงเพราะว่าจะได้ Benefits กับ Value Added ในเรื่องของการบริหารงานที่จะได้รับ Extra Services จากกลุ่มดุสิตฯเข้ามาด้วย ซึ่งรูปแบบการให้บริการสไตล์นี้ลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่ม Expat จะชอบมาก เพราะแทบจะไม่ต่างอะไรกับ Service Apartment เลย อีกทั้งถ้าเราดูเส้นถนนใหญ่พระราม 4 ตอนนี้แทบจะหาโครงการ Service Apartment ไม่ได้เลย ต้องไปหาบนถนนรอง และถนนใกล้เคียง ที่นี่เรียกได้ว่าเป็น Serviced Residences ที่ใกล้ ONE Bangkok มากที่สุดในชั่วโมงนี้แล้ว
นอกจาก Capital Gain & Rental Yield ที่ค่อนข้างดีมากๆแล้ว ทางอนันดาฯ ได้พัฒนาโครงการมาต่อเนื่องรวมถึง 5 โครงการในทำเลจุฬา – สามย่าน บนถนนพระรามสี่ ซึ่งล้วนได้รับผลตอบรับที่ดี แสดงให้เห็นได้จากยอดขายและราคา Resale ที่ตอกย้ำความสำเร็จการเป็นเจ้าตลาดของอนันดาฯ
โดยปี 2013 เราทำ Ideo Q จุฬา – สามย่าน รวม 1,598 ยูนิต SOLD OUT ราคา Resale เริ่ม 180,000 บ./ตร.ม.
หลังจากนั้นช่วงปี 2015 ก็เปิดตัวโครงการ Ashton จุฬา – สีลม ซึ่งสร้างเสร็จแล้ว มียูนิตรวม 1,180 ยูนิต ตอนนี้ขาย SOLD OUT และราคา Resale เริ่มประมาณ 250,000 บ./ตร.ม.
เมื่อถึงปี 2019 ก็มี Ideo จุฬา – สามย่าน รวม 773 ยูนิต SOLD OUT ราคา Resale เริ่ม 290,000 บ./ตร.ม.
และช่วงปี 2021 ก็เปิดตัว Coco Parc รวม 444 ยูนิต ตอนนี้ขายไปกว่า 40% แล้ว มีราคาขาย Resale เริ่ม 230,000 บ./ตร.ม.
และในช่วงปี 2022 Culture Chula ก็เปิดตัวรวม 612 ยูนิต โครงการ World Class Service กำลังก่อสร้างและจะพร้อมอยู่ในช่วงปี 2025 ราคาเริ่มต้นดีมากๆที่ราวๆ 200,000 บ./ตร.ม.
สำหรับประเด็นในเรื่องการเปรียบเทียบความคุ้มค่าระหว่างคอนโด Freehold กับคอนโด Leasehold สำหรับลูกค้าจำนวนมากหลายคนก็ยังมีประเด็นในใจถึงเรื่องสิทธิและความคุ้มค่าในการซื้ออยู่อาศัยหรือซื้อลงทุนเองที่เป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจ โดยเฉพาะบนทำเลทอง Ultra CBD จุฬา – สามย่าน ที่มีการแข่งขันของโครงการคอนโดที่สูงและตัวเลือกจำนวนมาก ทางพี่เอก็ให้คำตอบมาดังนี้ครับ
Q: คอนโด Freehold ดีกว่าคอนโด Leasehold ในย่านนี้ยังไง เพราะตอนนี้มีลูกค้าหลายรายที่เป็นผู้ปกครองนักศึกษาเริ่มที่จะไปมองหาคอนโดที่ทางจุฬาฯพัฒนาเองด้วยราคาที่ค่อนข้างถูกกว่าและอยู่ติดกับรั้วมหาวิทยาลัย และ Facilities โดยรอบเลย?
A: ข้อดีของการซื้อคอนโด Freehold นอกจากจะถือครองได้ตลอดกาลแล้วยังสามารถส่งต่อให้กับลูกหลานโดยไม่จำกัดอายุคอนโดด้วยครับ หรือถ้าในอนาคตมีการเปลี่ยนแพลนจะขยับขยายหรือขายต่อ ก็ยังมีโอกาสได้มูลค่าที่สูงขึ้น ทำกำไรได้ ไม่เหมือนกับคอนโด Leasehold ที่จะมีมูลค่าการลดลงในอนาคตที่ระยะเวลาถือครองเหลือน้อยลง
อีกปัจจัยหนึ่งคือเรื่องการยื่นขอสินเชื่อ ที่ผู้กู้จะกู้ได้เต็ม 100% โดยที่ใช้เงินสดน้อยกว่าคอนโด leasehold ถ้ามองกันยาวๆ คอนโด Freehold ยังไงก็คุ้มกว่าโดยเฉพาะในทำเลที่ล้อมรอบไปด้วยที่ดิน Leasehold ที่อาจจะหาซื้อแบบ Freehold ไม่ได้อีกแล้ว จ่ายเพิ่มนิดหน่อย แต่คุ้มทั้งเรื่องการส่งต่อเป็นมรดก และการขายต่อทำกำไรในอนาคตครับ
Q: ในมุมมองของอนันดา มองว่าทำเลจุฬา – สามย่าน ตรงนี้เริ่มมี Supply เพิ่มมากขึ้นเกินไปหรือเปล่า โดยเฉพาะบนทำเลใกล้เคียงอย่างสะพานเหลือง บรรทัดทอง ไปจนถึงสี่พระยา และถ้ามองดีๆ จะเห็นว่าอนันดาก็มีคอนโดพร้อมอยู่อีกแห่ง อย่าง COCO PARC ที่อยู่ใกล้ๆกันเลย แต่ถัดออกไปแค่ 3 สถานีเท่านั้น ทางพี่รัตน์ หรือพี่เอ มองว่าโครงการนี้พอจะมีจุดเด่นในแง่ไหนที่ช่วยทดแทนคอนโดของอนันดาที่ขายหมดไปแล้วได้รึเปล่า?
A: อยู่ที่โจทย์ของลูกค้าเลย ปฏิเสธไม่ได้ว่าวันนี้ผู้ปกครองอาจจะมองแค่ทำเลที่อยู่ใกล้จุฬาฯ ก็จริง แต่ก็ต้องยอมรับว่า ทำเลจุฬาฯ – สามย่านวันนี้ มันคือการขยายออกไปในแนวรอบๆ อาจจะไม่ได้อยู่ใกล้ขนาดนั้น ดังนั้นพอมองไปที่การเดินทางที่เดินไกลขึ้น เจอรถติด หรือต้องนั่งวิน เจอมลภาวะของจราจรที่มันหนาแน่น มันก็อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์แล้วหรือเปล่า
พี่รัตน์เลยอยากจะให้มองเห็นถึงทางเลือกที่เราอาจจะขยับมาอีกนิด แต่เดินทางได้สะดวกด้วย MRT ที่ติดกับโครงการ เผลอๆ นับเวลาในการเดินทางแล้ว อาจจะเร็วกว่าการไปอยู่แถวจุฬา – สามย่าน เสียอีก แล้วมันไม่ใช่คอนโดแค่ในตอนเรียน แต่ COCO Parc เป็นคอนโดที่ตอบโจทย์สำหรับทุกช่วงชีวิตของการอยู่ในเมือง เรียกง่ายๆว่าเป็น Product for All Gen ซื้อครั้งเดียวอยู่ได้ยาวๆ ตั้งแต่เรียน ทำงาน จนส่งต่อให้ลูกหลาน เป็น one-time purchase และถึงไม่ได้อยู่เอง ก็สามารถปล่อยเช่า หรือขายต่อได้ง่ายในอนาคต
โครงการ โคโค่ พาร์ค – COCO PARC เป็น Branded Residence แห่งแรกของอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่เกือบ 3 ไร่ บนถนนพระรามสี่ฝั่งขาเข้า 0 เมตรจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีคลองเตย ใกล้ทางขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานคร ด่านพระราม 4 เป็น High-Rise Condominium มีจำนวนห้องพักอาศัย 444 ยูนิต พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ COCO Lobby ล้อบบี้ขนาดใหญ่เพดานสูงโปร่ง บรรยากาศโรงแรม 5 ดาว ท่ามกลางวิวสวน, สระว่ายน้ำส่วนกลาง COCO LAP POOL, ห้องฟิตเนสสุดหรู COCO FIT & STUDIO ห้องสำหรับให้ลูกบ้านทำการจองเพื่อเป็นห้องแต่งหน้า ทำผม ทำเล็บ อีกทั้งยังมีสามารถใช้บริการสปาจากทางดุสิต COCO SPA & SALON, COCO STUDIO, พื้นที่สีเขียวรอบโครงการ COCO YARD, และบริการครบครันจากพาร์ทเนอร์สำคัญอย่างโรงแรมดุสิตธานี ที่พร้อมมอบประสบการณ์การเข้าพักแบบโรงแรมระดับ 5 ดาว
พิกัดที่ตั้งโครงการ COCO PARC https://maps.app.goo.gl/nVxLTPxTTRe8waqW6