การก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจากแบริ่งไปยังสถานีสุดท้ายที่สถานีเคหะสมุทรปราการเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น โดยเส้นทางนี้มีกำหนดแล้วเสร็จในปีพ.ศ.2561 ซึ่งการก่อสร้างยิ่งคืบหน้ายิ่งส่งผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่ตลอดแนวเส้นทางการก่อสร้างมีการขยายตัวค่อนข้างมาก ผู้ประกอบการหลายรายเข้าไปจับจองที่ดิน และเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมกันหลายโครงการในปีที่ผ่านมา

พื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย แบริ่ง – สมุทรปราการ เป็นอีกพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในปีพ.ศ.2557 ที่มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายค่อนข้างมากคือประมาณ 8,997 ยูนิตจากทั้งหมด 7 โครงการ (แต่มี 1 โครงการที่มีจำนวนมากกว่า 5,000 ยูนิต) ซึ่งเป็นปีที่มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมากที่สุด

โครงการไมอามี บางปู

ซึ่งจากจำนวนคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในช่วง 3 – 4 ปีที่ผ่านมาพบว่าตลาดคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้มีการขยายตัวมากอย่างเห็นได้ชัด และได้รับความสนใจไม่มากคือมีอัตราการขายเฉลี่ยประมาณ 56% โครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ในบริเวณนี้จะเปิดขายในปีพ.ศ.2557 และ 2558 อาจจะเป็นเพราะว่าเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายนี้มีความชัดเจนมากขึ้น และปัจจุบันราคาคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้ยังมีราคาขายเฉลี่ยต่ำกว่าในเขตกรุงเทพมหานครชั้นใน ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้ยังอยู่ที่ประมาณ 58,000 บาทต่อตารางเมตร หรือยูนิตละประมาณ 2 ล้านบาทสำหรับขนาด 35 ตารางเมตร ซึ่งถือว่ายังอยู่ในระดับราคาที่คนส่วนใหญ่ยังสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้และยังคงไม่ได้สูงกว่าราคาขายของบ้านในโครงการจัดสรรในบริเวณนั้น ทำให้คอนโดมิเนียมยังมีความน่าสนใจอยู่ แต่ในช่วงปีพ.ศ.2558 อาจจะมียอดขายที่น้อยลงหรือขายได้ช้าลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจอาจจะไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นในระยะยาวให้กับคนซื้อ อัตราการขายเฉลี่ยของพื้นที่นี้อยู่ที่ประมาณ 65%

ผู้ซื้อส่วนใหญ่ในบริเวณนี้คือคนที่ทำงานในเขตกรุงเทพมหานครชั้นใน แต่ว่าไม่สามารถซื้อคอนโดมิเนียมที่มีราคาสูงได้รวมทั้งคนที่ทำงานในพื้นที่ที่อาจจะเช่าอพาร์ทเม้นท์อยู่อาศัยมาก่อน ดังนั้น กำลังซื้อจึงไม่สูงมาก ผู้ประกอบการจึงพยายามควบคุมราคาขายไม่เกิน 2 ล้านบาท โครงการใดที่มีราคาขายสูงกว่า 70,000 บาทต่อตารางเมตรจะขายได้ช้ามากไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร คอนโดมิเนียมสะสมทั้งหมดที่เปิดขายมาในช่วง 5 – 6 ปีนี้อยู่ที่ประมาณ 15,274 ยูนิต

โครงการไอดีโอ เอส 115

พื้นที่ในบริเวณนี้ยังคงมีความน่าสนใจอยู่ และยังมีผู้ประกอบการหลายรายให้ความสนใจพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมอีกอย่างต่อเนื่องถ้าเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายมีความคืบหน้ามากขึ้น คอนโดมิเนียมโดยส่วนใหญ่ทีเปิดขายในช่วง 1 – 2 ปีนี้จะอยู่ในพื้นที่รอบๆ สถานี 3 สถานีแรก (สำโรง ปู่เจ้าฯ และเอราวัณ) ซะเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากมีศูนย์การค้า ตลาด ชุมชน และเป็นบริเวณที่มีอพาร์ทเม้นท์ รวมทั้งโรงงานอุตสาหกรรมก็ไม่ไกลจากพื้นที่นี้มากนักทำให้ผู้ประกอบการเลือกเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้ นอกจากนี้ยังสะดวกในการเดินทางเข้าไปทำงานในกรุงเทพมหานครชั้นในโดยรถไฟฟ้า นอกจากนี้ที่สถานีสำโรงก็จะกลายเป็นจุดเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว – สำโรง) ในอนาต

โครงการแอสปาย เอราวัณ

โครงการเดอะ ทรัสต์ เอราวัณ

ราคาที่ดินในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก โดยราคาขายของที่ดินเฉลี่ยรอบๆ สถานีสำโรงจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 – 250,000 บาทต่อตารางวา ในขณะที่พื้นที่ไกลออกไปก็จะลดหลั่นลงไปตามระยะทางที่ไกลออกไปจากเขตกรุงเทพมหานคร เช่น รอบๆ สถานีเอราวัณจะอยู่ประมาณ 100,000 – 150,000 บาทต่อตารางวา เป็นต้น ราคาที่ดินในบริเวณนี้มีการปรับขึ้นมา 10 – 30% จากช่วง 2 – 3 ปีก่อนหน้านี้ ซึ่งอาจจะมีผลให้ราคาขายคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้ในอนาคตมีการปรับขึ้นในอัตราเดียวกันได้ เพราะที่ดินราคาสูงขึ้นคอนโดมิเนียมที่จะเปิดขายใหม่ในอนาคตก็ต้องขายแพงขึ้น ประกอบกับความคืบหน้าในการก่อสร้างก็มากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน