“LPN Wisdom” ชี้ 3 Mega Trends ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยหลังโควิด-19
บริษัท ลุมพีนี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด หรือ LPN Wisdom ระบุการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลังการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส 2019 (โควิด-19) ให้ความสำคัญใน 3 ประเด็นหลัก (3 Mega Trends) ในเรื่อง สุขภาพ (Wellness) การออกแบบที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างสมดุล (Work-Life Balance) และเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการใช้ชีวิต (Virtual Livable Connect)
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพีนี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom) บริษัทด้านการวิจัยและที่ปรึกษาในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะการอยู่อาศัยที่ให้ความสำคัญในเรื่องของสุขอนามัย (Wellness) และรูปแบบการทำงานที่ต้องการความสมดุลในการใช้ชีวิต (Work-Life Balance)ปรับเปลี่ยนจากการทำงานที่สำนักงาน ไปสู่การทำงานที่บ้าน (Work From Home) หรือการทำงานในที่อื่น ๆ ในแบบ Anytime Anywhere ในขณะที่รูปแบบการทำงาน และการใช้ชีวิตในปัจจุบันผู้บริโภคสามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Virtual Livable Connect) มาตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้มากขึ้นผ่านแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตให้กับผู้บริโภค จนกลายเป็นวิถีปกติใหม่ (New Normal) ในการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน
รูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปโดยคำนึงถึง 3 ปัจจัยสำคัญที่เราเรียกว่า 3 Mega Trends ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยซึ่งประกอบด้วย การให้ความสำคัญในเรื่องของสุขอนามัย (Wellness) ซึ่งเป็นเรื่องที่มาพร้อม ๆ กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 การออกแบบที่อยู่อาศัยและการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ต้องคำนึงถึงเรื่องของสภาพแวดล้อมและสุขอนามัยที่ดีต่อผู้อยู่อาศัย ลดการสัมผัส (Touchless) ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทั้งในพื้นที่โครงการที่พักอาศัยและเชิงพาณิชย์ เป็นโจทย์ใหม่ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันและในอนาคต
นอกจากเรื่องของสุขอนามัยที่เป็นโจทย์หลักของผู้บริโภคในปัจจุบันแล้ว การออกแบบที่คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยที่สร้างสมดุลให้กับการใช้ชีวิตในรูปของการทำงานและการใช้ชีวิตที่ต้องดำเนินไปอย่างสมดุล (Work-Life Balance) ทำให้การออกแบบที่อยู่อาศัยต้องคำนึงถึงการจัดสรรพื้นที่ที่ลงตัวตอบทุกโจทย์ของการใช้ชีวิตไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยในแนวราบ หรืออาคารชุดที่มีขนาดเล็ก ต้องมีการจัดฟังก์ชั่นการใช้งานที่มีความหลากหลายและสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งาน (Multi-Function) เพื่อรองรับกับรูปแบบการใช้ชีวิตและการทำงานที่บ้านได้ การเว้นระยะห่างในพื้นที่ส่วนกลาง การปรับเปลี่ยนแนวคิดจากสังคมแบ่งปันในรูปแบบของ Co-Working Space มาสู่แนวคิดการใช้พื้นที่ส่วนกลางในรูปแบบของ Co-Separate Space เป็นการใช้พื้นที่ร่วมกันแบบมีระยะห่าง ทำให้การออกแบบการใช้พื้นที่ส่วนกลางในโครงการทั้งแนวราบและอาคารชุดต้องเปลี่ยนแนวคิดในการออกแบบเช่นเดียวกับการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัล (Virtual Livable Connect) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบโครงการ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยในโครงการ ตอบโจทย์กับแนวคิดการใช้ชีวิตวิถีปกติใหม่ภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19