บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการปี 2562 สร้างรายได้รวมกว่า 15,039 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา 191.8% และมีกำไรสุทธิรวม 3,071 ล้านบาท เติบโตกว่า 211.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผล 2.20 บาทต่อหุ้น

นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โนเบิลเตรียมประกาศจ่ายเงินปันผลประจำปี 2562 ในอัตรา 2.20 บาทต่อหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้น ตอกย้ำเสถียรภาพทางการเงินที่และผลประกอบการของบริษัทฯ ที่แข็งแกร่ง”

โดยปัจจัยสำคัญของผลประกอบการและการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากรายได้ที่เติบโตอย่างโดดเด่นของการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จ พร้อมอยู่ เช่น โนเบิล เพลินจิต, โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา, โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2, โนเบิล รีโคล สุขุมวิท 19 และ โนเบิล บี เทอร์ตี้ทรี ที่มียอดโอนตามเป้าหมาย รวมถึงความสำเร็จจากการสร้างยอดขายและยอดโอนใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ในช่วงปี 2563 ถึงปี 2566 บริษัทฯ ยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 17,000 ล้านบาท และมีโครงการที่พร้อมรอการขายอีกกว่า 15,000 ล้านบาท ซึ่งรวมแล้วบริษัทฯ จะมีการรับรู้รายได้ทั้งหมดมูลค่ากว่า 32,000 ล้านบาทภายใน 3 ปีข้างหน้า ทำให้บริษัทฯ มีความมั่นใจในการรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ต่อปี ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป

โดยในไตรมาสแรกของปี 2563 บริษัทฯ เตรียมพร้อมเปิดโครงการ NUE ตัวใหม่บุกทำเลย่านงามวงศ์วาน ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีด้วยทำเลศักยภาพใกล้รถไฟฟ้าหลากสายในอนาคต อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้เตรียมรับมือกับสภาวะปัจจุบันของตลาดเพื่อปรับกลยุทธให้สอดรับกับสถานการณ์ต่อไปในอนาคต

ด้วยผลประกอบการ และผลการดำเนินงานที่เป็นไปตามเป้าหมาย คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติจากที่ประชุมครั้งที่ 1/2563 วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 ประกาศจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการครึ่งปีหลังประจำปี 2562 จำนวน 2.20 บาทต่อหุ้น  โดยกำหนดจะนำเสนอเข้าที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 29 เมษายน 2563 เพื่อทำการอนุมัติและกำหนดจ่ายเงินปันผลในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้”

“โดยในปีนี้บริษัทฯ ยังมีโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งเพื่อพัฒนาโครงการใหม่บนทำเลศักยภาพภายในปีนี้อีกอย่างน้อย 2 โครงการ รวมถึงการรุกตลาดต่างประเทศที่บริษัทฯ ได้เตรียมลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพสูงทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อสร้างรายได้ และขยายฐานธุรกิจต่อไป” นายธงชัยกล่าวสรุป