แสนสิริ ลงทุน 80 ล้านดอลล่าร์ ใน 6 แบรนด์ชั้นนำของโลก สะท้อนวิสัยทัศน์ระดับโลกเพื่อการใช้ชีวิตในอนาคต Standard International – One Night – Hostmaker – JustCo – Farmshelf – Monocle

เกริก บุณยโยธิน 08 November, 2017 at 11.21 am

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


แสนสิริ ก้าวล้ำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยแผนการลงทุนมูลค่า 80 ล้านดอลล่าร์ หรือ 2,800 ล้านบาทใน 6 ธุรกิจด้านเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ชั้นนำของโลก ซึ่งเป็นการขยายฐานการลงทุนในธุรกิจอื่นครั้งสำคัญเพื่อสร้างพันธมิตรในประเภทธุรกิจอันหลากหลาย โดยทั้ง 6 ธุรกิจล้วนมีอัตราการเติบโตสูงในตลาดโลกซึ่งจะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ของแสนสิรินอกประเทศไทย เร่งเดินหน้ากลยุทธ์โมเดลธุรกิจแบบ asset light ในยุคปฏิวัติดิจิทัลเพื่อสร้างโอกาสจากการผนึกกำลังร่วมและโอกาสการเติบโตที่รวดเร็ว โดยมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของบริษัททั้งหกจากการเข้าถือหุ้นของแสนสิริจะส่งผลดีต่อธุรกิจหลักของแสนสิริ การลงทุนครั้งนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของแสนสิริที่มุ่งให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตในอนาคต ครอบคลุมทั้งแนวทางการดำเนินชีวิต การทำงาน การพักผ่อนหย่อนใจ และการเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีและสื่อรูปแบบใหม่ ๆ

 

ธุรกิจที่แสนสิริร่วมลงทุนครั้งนี้ประกอบด้วย Standard International แบรนด์ที่ทรงพลังที่สุดในธุรกิจบูติกโฮเทลซึ่งพลิกโฉมหน้าวงการโรงแรมระดับไฮเอนด์แบบใหม่ไปสู่อีกรูปแบบ One Night แอพพลิเคชั่นจองโรงแรมที่ปฎิวัติวิธีการจองภายในวันเข้าพักในโรงแรมที่คัดสรรมาอย่างดีจากทั่วโลกให้เลือก Hostmaker บริษัทผู้บริหารจัดการอสาหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งจากลอนดอนให้ Airbnb  JustCo ผู้ให้บริการโคเวิร์คกิ้ง  สเปซสุดสร้างสรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Farmshelf นวัตกรรมฟาร์มอัจฉริยะเพื่อการปลูกผักสดสะอาดในที่พักอาศัย และ Monocle แบรนด์สื่ออันทรงอิทธิพลระดับโลก ครอบคลุมทั้งสิ่งพิมพ์ ออนไลน์ วิทยุ ภาพยนตร์ รีเทล และธุรกิจบริการ

 

แสนสิริคือผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย โดยก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2527 และเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรรายเดียวของประเทศซึ่งมีมูลค่ายอดขายโครงการมากกว่า 40,000 ล้านบาทต่อปี อีกทั้งยังมีชื่อเสียงอันแข็งแกร่งในต่างประเทศ ทั้งจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และญี่ปุ่น ด้วยเป้าหมายยอดขายในตลาดต่างประเทศในปี 2560 ที่ 12,000 ล้านบาท

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย สอดคล้องกับการเติบโตของจีดีพี ซึ่งการเติบโตในระดับที่ไม่สูงนัก  แต่แสนสิริวางเป้าหมายการเติบโตในระดับสูง และการลงทุนครั้งนี้นับเป็นการพัฒนาที่อยู่นอกเหนือธุรกิจหลักของเราเป็นครั้งแรก เรากำลังขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกและมุ่งลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพที่ดีในการสร้างรายได้ใหม่ ๆ จากธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และอาศัยพันธมิตรในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเราไปพร้อม ๆ กัน”

“ก้าวสำคัญต่อไปของเราคือการมุ่งตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคโดยการสร้างสรรค์แพลตฟอร์มระดับโลกที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะผลักดันให้แสนสิริก้าวสู่ความเป็นแบรนด์ระดับโลก เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งการผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรที่หลากหลายยังนับเป็นการพลิกโฉมแสนสิริเพื่อสร้างการเติบโตสู่อนาคต โดยให้ความสำคัญใน 3 ด้านคือ 1. การลงทุนเชิงกลยุทธ์ในแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก 2. การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการพักอาศัย หรือ PropTech ร่วมกับผู้พัฒนาเทคโนโลยีชั้นนำ และ 3. การเสริมสร้างบทบาทความเป็นผู้นำและขยายฐานกลุ่มเป้าหมายผ่านสื่อไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม”  นายเศรษฐาเสริม

Standard International (สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล)

The Standard (เดอะ สแตนดาร์ด) เป็นแบรนด์ที่ทรงพลังที่สุดในธุรกิจบูติกโฮเทล มีโรงแรมในเครือทั้งหมด 5 แห่ง ในนิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส และไมอามี และโรงแรมแห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดเร็วๆ นี้ในลอนดอน The Standard คือผู้บุกเบิกในธุรกิจโรงแรมแบบไลฟ์สไตล์และสร้างประสบการณ์การเข้าพักในโรงแรมที่ใหม่หมดทุกรายละเอียด ตั้งแต่รายละเอียดของการออกแบบ ไปจนถึงการเป็นจุดหมายสุดสร้างสรรค์เพื่อสัมผัสกับชุมชนและวัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด โดยโรงแรมทุกแห่งมีภัตตาคาร ไนท์ไลฟ์ และร้านค้าที่มีคุณภาพเป็นเลิศ และมีช่องทางการสื่อสารออนไลน์ที่โดดเด่นเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้ทำงานในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ซึ่งเป็นลูกค้าเป้าหมาย ทั้งในเมืองที่ตั้งของโรงแรมและที่อื่น ๆ ด้วยการลงทุนมูลค่า 58 ล้านดอลล่าร์ แสนสิริจะเป็นผู้ถือหุ้น 35% ในสี่กลุ่มธุรกิจของ Standard International ประกอบด้วย The Standard Hotel Operations and Management, Bunkhouse Group, แอพพลิเคชั่น One Night และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของโรงแรม

แผนการลงทุน การลงทุนครั้งนี้จะใช้เป็นเงินลงทุนในโรงแรมใหม่ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มใหม่ และในการพัฒนานวัตกรรมแอพพลิเคชั่น One Night สำหรับการจองโรงแรมแบบนาทีสุดท้าย (Last minute booking) เพื่อเข้าพักในวันเดียวกันโดยมีโรงแรมไลฟ์สไตล์ที่คัดสรรมาแล้วจากทั่วโลกให้เลือก

มร. อามาร์ ลาลวานี่ ซีอีโอและ Managing Partner สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “The Standard มีชื่อเสียงในฐานะผู้บุกเบิกด้านบริการโรงแรมที่พัก การเดินทาง อาหารชั้นเลิศ ไนท์ไลฟ์ และอื่น ๆ ด้วยแนวคิดที่แหวกขนบเดิม ๆ และแฝงความสนุกสนาน สร้างความละเมียดละไมด้วยการออกแบบ การเพิ่มเติมรายละเอียด และการบริการที่สุดพิถีพิถัน การจับมือกับแสนสิริจะช่วยให้เราเข้าถึงโอกาสใหม่ ๆ ในการพัฒนานวัตกรรมจากเทคโนโลยีและโรงแรมใหม่ ๆ ทั้งในเอเชีย และภูมิภาคอื่นทั่วโลก”

 

One Night (วัน ไนท์)

One Night เป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับการจองโรงแรมที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล กลุ่มบริษัทเจ้าของบริษัท เดอะ สแตนดาร์ด โฮเท็ล กรุ๊ป และเป็นแพล็ตฟอร์มการจองโรงแรมระบบแรกซึ่งออกแบบโดยบริษัทโรงแรมเอง One Night คือแพล็ตฟอร์มที่ใช้งานบนเครือข่ายโมบายซึ่งสร้างรายได้จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของการจองโรงแรมบนเครือข่ายโมบาย ความต้องการในโรงแรมที่พักที่สร้างประสบการณ์อันน่าจดจำ ตลอดจนไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่งของกลุ่มลูกค้าผู้บริโภครุ่นใหม่ One Night จึงเกิดขึ้นเพื่อนำเสนอแนวความคิดใหม่ในธุรกิจโรงแรม ซึ่งไม่มองคู่แข่งเป็นคู่แข่ง แต่มองคู่แข่งเป็นพันธมิตรที่มีศักยภาพในการทำอะไรร่วมกันได้เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษให้ลูกค้าและเสริมสร้างธุรกิจไปด้วยกัน

แผนการลงทุน แสนสิริจะช่วยส่งเสริมให้ One Night พัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพและเติบโตในตลาดนานาชาติ โดยเฉพาะในเอเชีย

มร. จิมมี่ ซูฮ์ ประธานบริหาร One Night กล่าวว่า “การลงทุนจากแสนสิริช่วยให้เรามีเงินทุนในการพัฒนาธุรกิจอย่างเต็มศักยภาพและเติบโตในระดับนานาชาติ อีกทั้งยังทำให้เราเข้าถึงทรัพยากรต่าง ๆ จากการลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ ของแสนสิริ ซึ่งจะช่วยให้เราเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง”

 

Hostmaker (โฮสต์เมกเกอร์)

 

Hostmaker คือบริษัทผู้ให้บริการบริหารการเช่าที่พักอาศัยและผู้บริหารการจองที่พักอันดับหนึ่งของ Airbnb ที่ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพมาแล้ว แสนสิริเล็งเห็นถึงเทรนด์ home-sharing หรือการแบ่งที่พักอาศัยให้เช่ากำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลให้บริการด้านบริหารที่พักอาศัยเติบโตขึ้นตามไปด้วย Hostmaker ดำเนินธุรกิจในลอนดอน โรม ปารีส และบาเซโลน่า โดยให้บริการลูกค้าผู้พักอาศัยมาแล้วกว่า 150,000 คนทั่วโลก

แผนการลงทุน Hostmaker จะขยายธุรกิจสู่เอเชียภายใต้การสนับสนุนของแสนสิริ ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างรายได้ใหม่ ๆ จากตลาดนอกประเทศไทยให้กับแสนสิริ

มร. นกุล ชาร์มา ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอ Hostmaker กล่าวว่า “เราคือบริษัทด้าน PropTech ที่มุ่งสร้างโซลูชั่นด้านการพักอาศัยในยุคเศรษฐกิจแห่งการแบ่งปัน (sharing economy) เพื่อตอบสนองความคาดหวังด้านบริการที่สูงขึ้นของผู้บริโภคเจเนอเรชั่นใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เงินทุนจากแสนสิริจะเปิดโอกาสใหม่ให้เราเติบโตด้วยบริการใหม่ ๆ และเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ เช่นเดียวกับการนำเอาความเชี่ยวชาญในตลาดนานาชาติของเรามาช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าของแสนสิริ และพลิกโฉมแวดวงอสังหาริมทรัพย์ไทยสู่การเป็นธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม”

 

JustCo (จัสท์โค)

 

JustCo คือ ผู้ให้บริการโคเวิร์คกิ้งสเปซที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันเปิดให้บริการทั้งหมด 11 แห่ง และมีแผนจะเปิดสาขาใหม่อีก 20 แห่งในในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2561 แสนสิริเล็งเห็นว่าในอนาคตองค์กรขนาดใหญ่จะหันมาใช้สถานที่ทำงานแบบโคเวิร์คกิ้งสเปซมากขึ้นเพื่อส่งเสริมให้พนักงานเกิดพลังสร้างสรรค์ การผสมผสานทางความคิด และพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดี แสนสิริวางเป้าหมายให้ JustCo ขยายการเติบโตอย่างรวดเร็ว

แผนการลงทุน แสนสิริและ JustCo ร่วมกันวางแผนเปิดตัว JustCo สาขาใหม่ 4 แห่งในกรุงเทพฯ ในปี 2561 รวมทั้งขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในเอเชีย

มร. วัน ซิง คง ซีอีโอ และผู้ก่อตั้ง JustCo กล่าวว่า “JustCo สร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์มาอย่างต่อเนื่องในเมืองต่าง ๆ ความร่วมมือกับแสนสิริจะช่วยเปิดประตูให้เราขยายธุรกิจสู่กรุงเทพฯ นับเป็นเงินทุนที่มาในช่วงเวลาอันเหมาะสม เพราะเรากำลังพร้อมขยายธุรกิจสู่เมืองหลักอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น จาการ์ต้า กัวลาลัมเปอร์ โฮจิมินซิตี้ และมะนิลา ด้วยรากฐานอันแข็งแกร่งและการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากแสนสิริ เราคาดว่าจะสามารถขยายโคเวิร์คกิ้งสเปซได้ครบ 30 แห่งทั่วเอเชียแปซิฟิกภายในปี 2561 ซึ่งแสนสิริเองก็สามารถเข้าถึงฐานสมาชิกของเราซึ่งเป็นผู้บริโภคที่มีศักยภาพสูงกว่า 12,000 คนเช่นกัน”

 

Farmshelf (ฟาร์มเชลฟ์)

 

Farmshelf คือผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมการเพาะปลูกแบบอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ทุกคนสามารถปลูกผักเพื่อการบริโภคได้ง่ายดายภายในบ้านหรือที่ทำงาน แสนสิริลงทุนใน Farmshelf เนื่องจากเล็งเห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจด้านสุขภาพ และแนวโน้มของผู้บริโภคที่มีความต้องการอาหารคุณภาพที่สดใหม่ รวมทั้งปรากฏการณ์การพักอาศัยแบบร่วมมือแบ่งปันกัน (collaborative living)

แผนการลงทุน Farmshelf มีโอกาสทางธุรกิจอันมหาศาลเพื่อการนำไปใช้ในโครงการที่พักอาศัยต่าง ๆ ของแสนสิริ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกบ้าน การร่วมเป็นพันธมิตรครั้งนี้คือโอกาสสำคัญในการขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วสู่ทั่วภูมิภาคเอเชีย

มร. แอนดรู เชียเรอร์ ซีอีโอ Farmshelf กล่าวว่า “เราเชื่อในเรื่องการผลิตอาหารเพื่อบริโภคด้วยตัวเอง ซึ่งแม้แต่คนเมืองที่มีชีวิตอันรีบเร่ง และมีพื้นที่อาศัยจำกัดก็สามารถทำได้ Farmshelf ช่วยให้ทุกคนปลูกพืชผักเป็นอาหารในที่พักอาศัย หรือที่ทำงาน โดยใช้แอพพลิเคชั่นและเทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) ที่ทันสมัย ด้วยเงินทุนจากแสนสิริ เราสามารถต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนำวัฒนธรรมใหม่นี้มาสู่ประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตรวดเร็วแห่งหนึ่ง อีกทั้งยังมีผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัยและเชื่อมั่นในการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนและมีสุขภาพดี”

 

Monocle (โมโนเคิล)

 

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ของอุตสาหกรรมสื่อในระหว่างทศวรรษที่ผ่านมา Monocle กลับสามารถสร้างความสำเร็จด้วยการนำเสนอประสบการณ์แบบลักชัวรี่ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ผสมผสานกับการเป็นผู้บุกเบิกในการใช้สื่อเสียง ร้านค้ารีเทล และบริการโรงแรมที่พัก  ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงคุณค่าของแบรนด์และการสื่อสารอย่างเปี่ยมคุณภาพของ Monocle ได้กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ของอุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์ทั่วโลกไปแล้ว

แผนการลงทุน Monocle จะทำหน้าที่ส่งเสริมแบรนด์แสนสิริและพันธมิตรให้โดดเด่นยิ่งขึ้น โดยช่วยกำหนดและวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เชื่อมโยงสู่กลุ่มลูกค้าของ Monocle ในตลาดนานาชาติโดยอาศัยฐานธุรกิจที่มีอยู่ทั่วโลก และยังเล็งเห็นถึงโอกาสสำคัญในการพัฒนาธุรกิจที่ใช้ชื่อแบรนด์ร่วมกันในเซกเตอร์ใหม่ในอนาคต นอกจากนี้แสนสิริยังมีแผนในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยแบบมิกซ์ยูสแนวคิดใหม่ร่วมกับ Monocle ในกรุงเทพฯ ในปี 2561

มร. ไทเลอร์ บรูเล่ ผู้ก่อตั้ง Monocle กล่าวว่า “แสนสิริและ Minocle มีความสัมพันธ์ต่อกันมายาวนาน และด้วยธุรกิจของเราที่เติบโตมากกว่าการเป็นเพียงสื่อ เราจึงเห็นความสำคัญของการร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทที่มีแนวคิดสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของเราซึ่งกำลังมุ่งสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชุมชนเมือง รีเทล และแนวคิดด้านบริการใหม่ ๆ มากขึ้น”

“ธุรกิจหลักของเรายังคงเป็นการพัฒนาและสร้างสรรค์ที่พักอาศัย แต่จุดมุ่งหมายของเราขยายกว้างขึ้นสู่ความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คน ตั้งแต่บ้านที่เราพักอาศัย สู่วิถีในการเดินทาง และอาหารการกินที่สดใหม่ที่สุด แสนสิริและพันธมิตรของเราจะมุ่งมั่นร่วมกันสรรสร้างวิถีแห่งการใช้ชีวิต การทำงาน การเรียนรู้ และการพักผ่อนหย่อนใจเพื่อวันข้างหน้าที่ดีขึ้น” นายเศรษฐากล่าวปิดท้าย

 

เกี่ยวกับ The Standard

 

เดอะ สแตนดาร์ด (The Standard) เป็นแบรนด์โรงแรมที่เปลี่ยนโฉมและพลิกธุรกิจโรงแรมไปสู่ทิศทางที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ซึ่งสามารถเห็นความคิดแบบขบถที่ต้องการฉีกแนวทางเดิมๆ ได้จากโลโก้ของ The Standard ที่วางแบบกลับหัว ทั้งนี้ The Standard Hotel แห่งแรกได้เปิดขึ้นใน พ.ศ.2542 ที่เวสต์ ฮอลลีวู้ด สหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นมา The Standard ได้สร้างประสบการณ์การเข้าพักในโรงแรมรูปแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบดีไซน์เพื่อเป็นสถานที่แห่งความคิดสร้างสรรค์และเอารูปแบบการใช้ชีวิตของชุมชนและวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่ที่โรงแรมตั้งอยู่รวมไว้ด้วย

 

The Standard ยังมีจุดมุ่งหมายในการสร้างพื้นที่ที่เป็นเหมือนฮับของพลังสร้างสรรค์และการจับมือร่วมกันทำอะไรสนุกๆ กับหลายภาคส่วนในแต่ละเมืองที่โรงแรมเข้าไปเปิดทำการ โดย มุ่งเน้นการคิดและทำอย่างครบวงจรด้วยเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร และพร้อมที่จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้เข้าพักที่เป็นทั้งคนที่ชอบเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ และผู้ที่ต้องการหลีกหนีจากความธรรมดามาพบกับสิ่งใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อน

 

ปัจจุบัน The Standard มีโรงแรมในเครือทั้งหมด 5 แห่งใน ลอสแอนเจลิส นิวยอร์ก และไมอามี่ โดยยังมีโรงแรมแห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดทำการเร็วๆ นี้ในลอนดอน และซานฟรานซิสโก นอกเหนือจากโรงแรม The Standard แล้ว บริษัท สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล ยังเป็นเจ้าของเครือโรงแรม Bunkhouse ซึ่งเป็นรงแรมในสไตล์บูติคโฮเท็ลที่เปิดดำเนินธุรกิจอยู่ในแคลิฟอเนีย เท็กซัส และเม็กซิโก

 

The Standard ยังมีร้านอาหารที่เลื่องชื่อและเป็นสถานที่พบปะปาร์ตี้ยามค่ำคืนที่เป็นที่นิยมเช่นเดียวกันโรงแรมจึงมีแขกที่ไปใช้บริการไม่ได้จำกัดเฉพาะนักท่องเทียว แต่เป็นคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้นๆ ด้วย ความพิเศษอีกประการหนึ่งของ The Standard คือร้านค้าของโรงแรมมีจำหน่ายสินค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่เป็นผลงานพิเศษของศิลปิน รวมไปถึงหนังสือ เสื้อผ้า และงานดีไซน์ประเภทต่างๆ ที่จะมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับผู้เข้าพัก นอกจากนี้ The Standard ยังมีสิ่งที่เรียกว่า “Standard Culture” ซึ่งเป็นเหมือนสำนักพิมพ์ที่พิมพ์ทั้งหนังสือเล่มและการทำสำนักพิมพ์ในรูปแบบออนไลน์ที่เชื่อมทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็น The Standard ทั้งในเรื่องของอาหาร เครื่องดื่ม ดนตรี และการพบปะสังสรรค์กับคนใหม่ๆ ให้ทุกคนได้เต็มอิ่มกับความเป็น The Standard ด้วย

 

เกี่ยวกับ One Night

 

One Night เป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับการจองโรงแรมในวันเดียวกับการเข้าพักที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่น-แนล กลุ่มบริษัทเจ้าของบริษัท เดอะ สแตนดาร์ด โฮเท็ล กรุ๊ป ซึ่งสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นนี้ขึ้นด้วยความเชื่อที่ว่า ค่ำคืนที่พิเศษไม่ควรถูกใช้อย่างผ่านเลยไปในที่ที่ไม่มีอะไรพิเศษ ด้วยการนำเสนอทางเลือกที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการวางแผนและจองที่พักในวันเดียวกับที่พัก โดยผู้ใช้เพียงกดบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือเพียงครั้งเดียวก็สามารถจองห้องพักได้ทันที

 

หลังเวลา 15.00 น.ของแต่ละวัน ผู้ใช้แอพสามารถเข้าไปจองห้องพักในโรงแรม 150 แห่งในเมืองใหญ่ทั่วโลก 13 เมือง อาทิ ลอนดอน นิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส และไมอามี ฯลฯ ด้วยราคาพิเศษแบบนาทีสุดท้ายสำหรับการเข้าพักในวันนั้นๆ นอกเหนือจากการจองที่พักของโรงแรมที่ดีที่สุดในราคาที่ดีที่สุดแล้ว แอพ One Night ยังนำเสนอข้อมูลพิเศษแบบชั่วโมงต่อชั่วโมง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์ในการเข้าพักได้อย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น เช่น การให้คำแนะนำว่าต้องไปทำอะไร ดูอะไร หรือรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ไหนที่ผู้ใช้ไม่ควรพลาดในโรงแรมแต่ละโรงแรมรวมถึงในพื้นที่ใกล้เคียง โดยข้อมูลนี้มีให้โดยไม่จำเป็นว่าผู้ใช้จะจองโรงแรมนั้น ๆ หรือไม่

 

นอกจากนี้ One Night ยังสร้างเแนวความคิดใหม่ในธุรกิจโรงแรม ซึ่งไม่มองคู่แข่งเป็นคู่แข่ง แต่มองคู่แข่งเป็นพันธมิตรที่มีศักยภาพในการทำอะไรร่วมกันได้ สามารถเพิ่มรายได้แล้ว การร่วมมือกันระหว่างโรงแรมต่างเครือผ่านแอพยังช่วยยกระดับคุณค่าของแบรนด์โรงแรมแต่ละแห่งด้วย

 

เกี่ยวกับ Hostmaker (โฮสต์ เมกเกอร์)

 

Hostmaker คือผู้ให้บริหารจ้ดการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่าและอยู่อาศัยสำหรับ Airbnb โดยได้รับรางวัล
การันตีคุณภาพในระดับโลก ซึ่ง Hostmaker ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ.2557 โดยดำเนินธุรกิจด้านการจองที่พักโดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการการจองที่พักระยะสั้นให้ง่ายขึ้น ปัจจุบัน Hostmaker ดำเนินธุรกิจให้บริการการจัดการเช่าที่พักในหลายประเทศและหลายเมือง อาทิ ลอนดอน โรม ปารีส และบาร์เซโลนา

 

ธุรกิจของ Hostmaker เกิดขึ้นจากการมองเห็นความต้องการของลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ กลุ่มที่ต้องการเปิดรับประสบการณ์การเข้าพักอย่างสะดวกสบายและมีสไตล์ จากประสบการณ์ในการเปิดบ้านให้ลูกค้าได้เข้ามาพักแล้วกว่า 150,000 คน Hostmaker พบว่าจุดเด่นที่ทำให้ลูกค้าประทับใจในการทำงานก็คือ ประสบการณ์โฮมสเตย์ระดับพรีเมี่ยมที่ Hostmaker มอบให้ในแบบที่สามารถตอบความต้องการเฉพาะบุคคลของลูกค้าผู้เป็นนักสำรวจโลกอย่างอิสระรวมไปถึงคนในครอบครัวของเขาได้อย่างตรงใจ Hostmaker ไม่ได้ต้องการสร้างประสบการณ์การพักอาศัยในแบบเดียวกับมาตรฐานโรงแรม แต่ Hostmaker ต้องการเฉลิมฉลองความพิเศษของการได้รับประสบการณ์การท่องเที่ยวเหมือนได้กลืนตัวเองเข้าไปเป็นคนในท้องถิ่น ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในที่ที่แม้ไม่ใช่บ้านแต่ให้ความรู้สึกไม่ต่างกับเป็นบ้านของพวกเขา

 

 

Hostmaker นำเสนอบริการการจัดการการจองบ้านพักแบบครบวงจรสำหรับเจ้าของบ้านที่ต้องการเพิ่มศักยภาพในการทำรายได้ของบ้าน โดยรายละเอียดของการจัดการเชิงธุรกิจนั้นได้มีการตระเตรียมไว้ให้อย่างครบครัน ลูกค้าที่เลือกจองที่พักของ Hostmaker สามารถเดินทางด้วยความอุ่นใจว่าจะได้เข้าพักในที่พักที่สะดวกสบาย มีสไตล์ และได้รับการดูแลอย่างดีตลอดการเข้าพัก Hostmaker ยังดูแลแขกผู้เข้าพักอย่างพิถีพิถัน ทั้งในเรื่องการติดต่อสื่อสาร และการส่งตัวแทนไปคอยต้อนรับ ดูแลเรื่องการเช็คอินและการส่งมอบกุญแจบ้าน โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไปมอบให้ ทั้งหมดนี้ช่วยต่อยอดให้เกิดคำแนะนำที่ดีต่อ Hostmaker การกลับมาพักซ้ำอีกครั้ง และการได้รับรีวิวระดับห้าดาว

 

 

Hostmaker ยังแตกต่างไปจากผู้ให้บริการการเช่าที่พักรายอื่นตรงการให้บริการการออกแบบตกแต่งภายในให้กับลูกค้าด้วย เพราะประสบการณ์ที่พิเศษแบบเฉพาะบุคคลที่เกิดจากการตกแต่งภายในห้องพักคือปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจจองมากพอๆ กับราคาและโลเคชั่นของที่พัก และถ้าลูกค้าต้องการ Hostmaker ยังมีบริการถ่ายภาพแบบมืออาชีพพร้อมตกแต่งพื้นที่ห้องพักใหม่ เพราะภาพคุณภาพสูงนั้นมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้คนเข้ามาชมรูปโปรไฟล์เพิ่มขึ้นถึง 35% และเพิ่มอัตราการจองห้องพักได้มากขึ้นถึง 4 เท่า

 

เกี่ยวกับ JustCo

 

จัสท์โค (JustCo) เป็นผู้ให้บริการพื้นที่ในลักษณะของโคเวิร์คกิ้ง สเปซระดับพรีเมี่ยมที่ใหญ่ที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีพื้นที่เปิดดำเนินการอยู่ทั้งหมด 11 แห่ง ทั้งนี้  JustCo ได้ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ.2558 จากวิสัยทัศน์ที่มองว่าการทำงานของคนปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไป คนไม่ได้ต้องการแค่การนั่งอยู่กับที่หน้าคอมพิวเตอร์ในสำนักงานแบบห้องสี่เหลี่ยมเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา ตลอดจนป้จจุบันมีความต้องการขององค์กรขนาดใหญ่ที่จะสร้างพลังการทำงานให้กับพนักงานผ่านการจัดพื้นที่การทำงานในรูปแบบใหม่ที่จะช่วยผลักดันให้เกิดการผสมผสานไอเดียและการสร้างคอนเนคชั่นใหม่ๆเกิดขึ้น โดยพนักงานไม่จำเป็นต้องทำงานในพิ้นที่เช่าสำนักงานระยะยาวแบบเดิมๆอีกต่อไป ในขณะที่คนทำงานฟรีแลนซ์ก็ไม่จำเป็นต้องทำงานอยู่กับบ้านเท่านั้น ทุกคนสามารถออกมาใช้พื้นที่โคเวิร์คกิ้ง สเปซเพื่อทำงานได้เมื่อต้องการและสามารถแชร์พื้นที่การทำงานกับคนอื่น ๆ หรือบริษัทอื่น ๆ ที่มีความต้องการแบบเดียวกันได้เช่นกัน ซึ่งโคเวิร์คกิ้ง สเปซในลักษณะนี้ นอกจากจะใช้พื้นที่ร่วมกันแล้ว ยังอาจนำไปสู่การทำงานร่วมกันเพื่อต่อยอดธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้าได้อีกด้วย

 

หัวใจสำคัญของ JustCo คือ การนำเสนอพื้นที่การทำงานร่วมกันในรูปแบบที่สร้างสรรค์กว่าที่เคยมี และเป็นพื้นที่ที่ให้มากกว่าบรรยากาศการทำงานที่สวยงามและความเป็นระบบในการทำงาน เพราะสิ่งที่ทำให้ JustCo แตกต่างไปจากผู้ให้บริการโคเวิร์คกิ้งสเปซรายอื่น คือ เครือข่ายอันแข็งแกร่งและการสร้างพันธมิตรระยะยาวจากการที่สมาชิกสามารถเข้าถึงตลาดระดับภูมิภาค รวมทั้งข้อมูลเชิงลึกด้านธุรกิจ รวมทั้งสามารถเลือกแพคเกจการใช้บริการ JustCo ที่เหมาะสมกับธุรกิจของตนเองได้อย่างหลากหลาย โดยปัจจุบัน มีบริษัทชั้นนำที่ใช้บริการพื้นที่โคเวิร์คกิง สเปซของ JustCo มากมาย อาทิ PwC’s Venture Hub, Drop Box และ Salesforce นอกจากนั้น JustCo ยังมีการจัดกิจกรรมพิเศษสำหรับสมาชิกอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างความร่วมมือกันระหว่างสมาชิกที่จะนำไปสู่การเกิดนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยกิจกรรมพิเศษครอบคลุมหัวข้อที่หลากหลาย ทั้งด้านการเงิน เทคโนโลยี ทักษะด้านการดำเนินธุรกิจและไลฟ์สไตล์ อันรวมถึงสิทธิ์ในการเข้าร่วมคลาสออกกำลังกายเพื่อให้สมาชิกได้พักผ่อนหย่อนใจหลังจากทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน

 

พื้นที่โคเวิร์คกิ้ง สเปซที่โดดเด่นของ JustCo และการมีลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนโคเวิร์คกิ้ง สเปซรายอื่นๆ ทำให้ JustCo ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มพนักงานของบริษัทชั้นนำระดับโลกที่เดินทางทำงานในต่างประเทศเป็นประจำและอยากทำงานในพื้นที่ที่ให้บรรยากาศเหมือนสำนักงานในประเทศที่ตนเดินทางไปทำธุรกิจ ซึ่งโคเวิร์คกิ้ง สเปซของ JustCo ในแต่ละประเทศได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่กว้างขวาง มีแสงธรรมชาติส่องถึง โดยโต๊ะทำงานถูกออกแบบให้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ดูทันสมัยในสไตล์สแกนดิเนเวียน กำแพงอิฐ และไฟนีออนที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ทั้งยังมีการจัดพื้นที่โล่งที่ให้สมดุลระหว่างการเป็นพื้นที่ทำงานและพื้นที่พบปะสังสรรค์ที่เป็นกันเองได้อย่างพอเหมาะพอดี โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสำนักงานอย่างครบครัน รวมทั้งพื้นที่สำหรับความบันเทิงที่เปิดโอกาสให้สมาชิกสามารถเล่นปิงปอง ฟุตบอล หรือเล่นเกมกับเครื่องเล่นแบบอาร์เคท

 

เกี่ยวกับ Farmshelf

 

Farmshelf เปิดตัวครั้งแรกใน พ.ศ.2558 โดยมีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์ก ด้วยวัตถุประสงค์ที่ต้องการทำให้การปลูกผักสวนครัวของผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองเป็นเรื่องง่าย เสมือนยกไร่จากชนบทเข้ามาไว้ในเมือง Farmshelf คือ เครื่องปลูกผักไฮดรอโปนิกในร่มขนาดเท่าชั้นหนังสือที่พลิกคำจำกัดความของการรับประทานผักสด จากที่ต้องเก็บจากแปลงให้กลายเป็นเก็บได้ง่ายๆ ภายในบ้าน วิธีการปลูกผักแบบใหม่นี้เป็นการผสมผสานการออกแบบอุตสาหกรรมที่เรียบง่ายเข้ากับวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมทางพฤกษศาสตร์ที่ทันสมัย จนเกิดเป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้ผู้คนสามารถปลูกพืชผักต่างๆ อย่างยั่งยืนได้ด้วยตัวเอง โดยแทบไม่ต้องอาศัยทักษะทางการเกษตรใดๆ อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องใช้ดินในการปลูก เนื่องจากพืชจะสามารถเติบโตในน้ำที่อุดมไปด้วยสารอาหาร

Farmshelf เกิดจากไอเดียของผู้ก่อตั้งที่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบบอาหารของโลก ท่ามกลางการใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องและอุปสรรคด้านการผลิตอาหารที่รุนแรงขึ้นทั่วโลก Farmshelf จะทำให้การปลูกพืชผักกินเองในรั้วบ้านเป็นเรื่องง่ายอีกครั้ง แถมคราวนี้ยังประหยัดเวลามากขึ้น ผักที่ปลูกด้วย Farmshelf จะเจริญเติบโตเร็วกว่าสองเท่าและใช้น้ำน้อยกว่าพืชผักที่ปลูกด้วยวิธีการเกษตรแบบดั้งเดิมประมาณร้อยละ 90

 

เทคโนโลยีชั้นสูงของ Farmshelf ทำงานภายใต้เซ็นเซอร์และโปรแกรมที่จะทำหน้าที่เป็นกลไกควบคุมให้เกิดสภาพที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชโดยระบบยังมาพร้อมกับแอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบค่า pH สภาพอากาศ และการถ่ายเทของอากาศได้ อีกทั้งยังช่วยแจ้งเตือนผู้ใช้งานเมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวอีกด้วย

 

โมโนเคิล (Monocle) คือ สื่อไลฟ์สไตล์ที่ได้รับการยอมรับระดับโลก รวมทั้งยังมีชื่อเสียงในด้านร้านค้าในรูปแบบรีเทลและการเป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อเทรนด์และสไตล์สไตล์ของคนในปัจจุบัน  ทั้งนี้ Monocle ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ.2550 โดย มร. ไทเลอร์ บรูเล่ และมีสำนักงานทั้งในลอนดอน โตเกียว นิวยอร์ก ฮ่องกง ซูริค โตรอนโต และสิงคโปร์ โดย Monocle ถือกำเนิดขึ้นจากความเชื่อที่ว่ามีกลุ่มผู้อ่านที่มีโลกทัศน์เปิดกว้างและโหยหาการเสพรูปแบบของประสบการณ์ต่างๆ จากทั่วโลกที่นอกเหนือจากพรมแดนของประเทศตัวเองอยู่ ปัจจุบัน Monocle เติบโตและได้รับเสียงตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง จากการยึดมั่นในหลักการง่ายๆ ที่ว่า โลกใบนี้ยังมีพื้นที่สำหรับสิ่งพิมพ์ที่ยึดมั่นในการนำเสนอเรื่องราวใหม่ๆเสมอ

 

Monocle เป็นที่รู้จักในฐานะสื่อผู้ทรงอิทธิพลที่พลิกโฉมวงการสิ่งพิมพ์ด้วยการนำเสนอเรื่องราวข่าวสารต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบโลก ทั้งธุรกิจ ชีวิตความเป็นอยู่สำหรับคนเมือง วัฒนธรรม และดีไซน์ โดยเป็นนิตยสารรายเดือนและจัดจำหน่ายไปยังกว่า 65 ประเทศ นอกจากนี้ Monocle ยังมีนิตยสารในเครือที่ตีพิมพ์เป็นประจำทุกปีอย่าง The Forecast และ The Escapist อีกด้วย ทั้งนี้ ปัจจุบัน Monocle คือ สื่อครบวงจรที่มีทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อทางเสียง และสื่อออนไลน์

 

การที่ทีมงานของ Monocle มุ่งมั่นในการสร้างฐานลูกค้าที่มีความภักดีต่อแบรนด์ ผ่านการมีส่วนร่วมและสร้างอิทธิพลในการดึงดูดลูกค้ารายอื่นๆ เข้ามา ทำให้ Monocle ไม่ได้ประสบความสำเร็จเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์เท่านั้น แต่ยังสามารถขยายขอบข่ายของธุรกิจภายใต้เครือ Monocle ไปสู่การทำวิดีทัศน์ การประชุมเสวนา สื่อออนไลน์ และสถานีวิทยุ 24 ชั่วโมง รวมทั้งครอบคลุมไปถึงธุรกิจไลฟ์สไตล์กลุ่มใหม่ ๆ อาทิ คาเฟ่ในลอนดอนและโตเกียว รวมทั้งแผงหนังสือที่ทำเป็นร้านขายกาแฟดั่งเช่นตัวอย่าง Kioskafé ในลอนดอน ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับการมานั่งอ่านนิตยสาร Monocle ฉบับใหม่

เกริก บุณยโยธิน

เกริก บุณยโยธิน

ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ

เว็บไซต์

ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร

โซลเลซ พหลฯ-ประดิพัทธ์

นิว เวิร์ส กรุงเทพกรีฑา

ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาต้องบอกว่าย่านกรุงเทพกรีฑาตัดใหม...

28 February, 2024

นิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น

ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านมาพบกับโครงการคอนโดพร้อมอ...

30 January, 2024

ริธึ่ม เจริญนคร ไอคอนิค

วันนี้จะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับคอนโดมิเนียมสุดฮอตชื่อโ...

29 January, 2024

วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน

Whizdom Craftz Samyan คือโครงการที่มอบ 5 องค์ประกอบพ...

4 December, 2023

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง