แสนสิริยอดวิ่งฉิว ปิดขายรวด 21 โครงการใน 6 เดือน มูลค่ารวมกว่า 34,500 ล้านบาท ล่าสุดปิดขาย เดอะ เบส สุขุมวิท 50 – เดอะ ไลน์ พหลฯ-ประดิพัทธ์ จ่อคิวโอนเดอะ เบส อีก 2 โครงการ มั่นใจดันยอดโอนรวมสิ้นปีตามเป้า 39,000 ล้านบาท
– แสนสิริ จุดพลุประกาศความสำเร็จยอดขายวิ่งฉิว ปิดการขายรวด 21 โครงการในรอบ 6 เดือน มูลค่ารวมกว่า34,500 ลบ.
– ล่าสุด Sold Out อีก 2 คอนโดมิเนียมพร้อมกัน เดอะ เบส สุขุมวิท 50 คอนโดมิเนียมภายใต้ความร่วมมือกับโตคิว คอร์ปอเรชั่น มูลค่าโครงการ 1,320 ลบ. และ เดอะ ไลน์ พหลฯ-ประดิพัทธ์ ภายใต้ความร่วมมือกับ บีทีเอส กรุ๊ป มูลค่าโครงการ 5,640 ลบ. ตอกย้ำความแข็งแกร่ง ในการเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงในทุกระดับราคาและสะท้อนความเชื่อมั่นในการเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน ด้วยมาตรฐานการออกแบบและคุณภาพโครงการ ตลอดจนบริการหลังการขาย
– รักษายอดขายและยอดโอนคอนโดมิเนียม เตรียมเดินทัพส่งมอบ “เดอะ เบส สะพานใหม่ ” คอนโดมิเนียมภายใต้ความร่วมมือกับบีทีเอส กรุ๊ป และ “เดอะ เบส เซ็นทรัล – ภูเก็ต” มั่นใจสร้างรายได้เพิ่มอีก 4,460 ลบ.
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในระยะเวลา 6 เดือน ที่ผ่านมาของปีนี้ นับว่าแสนสิริประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างสูงจากกลุ่มลูกค้า โดยได้เดินหน้าปิดการขายโครงการที่อยู่อาศัยไปแล้วถึง 21 โครงการ แบ่งเป็นโครงการบ้าน 7 โครงการ โครงการทาวน์โฮม 6 โครงการ และคอนโดมิเนียมอีกถึง 8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 34,500 ล้านบาท ตอกย้ำความแข็งแกร่งของแสนสิริ แบรนด์ที่เข้าถึงทุกคนในทุกระดับราคา สะท้อนความเชื่อมั่นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน ด้วยมาตรฐานการออกแบบและคุณภาพโครงการ ตลอดจนบริการหลังการขาย โดยล่าสุดบริษัทยังได้ปิดการขายโครงการ เดอะ เบส สุขุมวิท 50 คอนโดมิเนียมภายใต้ความร่วมมือกับโตคิว คอร์ปอเรชั่น มูลค่าโครงการ 1,320 ล้านบาท ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ ด้วยศักยภาพด้านทำเลที่ตอบโจทย์เรียลดีมานด์ของชุมชนที่มีการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง ทำให้มีลูกค้าซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือเรียลดีมานด์คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 80% นอกจากนี้ บริษัทยังปิดการขายโครงการ เดอะ ไลน์ พหลฯ-ประดิพัทธ์ คอนโดมิเนียมภายใต้ความร่วมมือกับบีทีเอส กรุ๊ป มูลค่าโครงการ 5,640 ล้านบาท ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของครอบครัว โดยมีกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ในสัดส่วนสูงถึง 90% ซึ่งนับเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จ ที่ตอกย้ำการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพ ตอบรับทุกระดับราคา และเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงทุกคน นอกจากนี้กลุ่มลูกค้ายังให้การตอบรับในความ โดดเด่นโครงการ ไปจนถึงบริการหลังการขาย หรือแสนสิริ เซอร์วิส ที่ครอบคลุมอีกด้วย
“บริษัทยังเตรียมเดินหน้าโอนโครงการ เดอะ เบส ถึง 2 โครงการ ได้แก่ “เดอะ เบส สะพานใหม่” ภายใต้ความร่วมมือระหว่างแสนสิริและบีทีเอส กรุ๊ป จำนวน 820 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 2,800 ล้านบาท พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด MY BASE REVEALS NEW PERSPECTIVES (มาย เบสมีหลายมุม) ผสมผสานองค์ประกอบของความแตกต่างอย่างลงตัวภายใต้คอนเซ็ปต์ความย้อนแย้ง (Irony) สะท้อน ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าจับตามองในอนาคต เพียง 0 เมตรจากสถานีสายหยุด ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เปิดให้บริการแล้วในปัจจุบัน และรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ พร้อมเชื่อมต่อถนนหลายสายหลักอย่างวิภาวดีรังสิต พหลโยธิน และสนามบินดอนเมือง ทั้งยังตั้งอยู่ใกล้โรงพยาบาล มหาวิทยาลัยและสถานที่ราชการหลายแห่ง เต็มอิ่มกับการใช้ชีวิตด้วยพื้นที่ส่วนกลางเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน ซึ่งมีพื้นที่รวมสูงถึง 4,800 ตารางเมตร จากพื้นที่โครงการทั้งหมด 4 ไร่ พร้อมโดดเด่นด้วย Rooftop Facilities เต็มพื้นที่ชั้นดาดฟ้าของโครงการ ที่รวบรวมทั้งสวนสวย พื้นที่ดูดาว ลู่วิ่ง และสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ และ Panoramic Gym ที่ชั้น 14เข้าไว้ด้วยกันพร้อมเชื่อมต่ออาคาร 2 ฝั่งด้วยทางเชื่อมแบบ Spiral Bridge ซึ่งออกแบบขึ้นด้วยหลัก Universal Design รองรับการใช้งานของคนทุกวัย นอกจากนี้ยังนำเสนอประสบการณ์ใหม่ของการอยู่อาศัยแนวสูงด้วยยูนิตแบบลอฟท์ (Loft Unit) เพดานสูง 4.55 เมตร ที่ชั้น 14 ช่วยเพิ่มพื้นที่การใช้งานให้มากขึ้นกว่าเดิมโดยมีพื้นที่ใช้สอยให้เลือกสรรหลายขนาดตามความต้องการ พร้อมเปิดขายแบบแต่งครบ (Fully Furnished) ที่พร้อมส่งมอบให้แก่ลูกค้าภายในเดือนสิงหาคมนี้” นายอุทัย กล่าว