เอสซีจี ผนึกพันธมิตร และผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ เดินหน้ามอบ ‘ห้องปลอดเชื้อความดันอากาศบวก’ รุกกลุ่มคลัสเตอร์ ยกระดับความปลอดภัย
จากสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ มีการเกิดหลายคลัสเตอร์แพร่กระจายทั่วทิศในปัจจุบัน ทำให้พบพื้นที่จุดเสี่ยงที่มากขึ้นทุกวัน เอสซีจี โดยบริษัทสยามไฟเบอร์ซีเมนต์กรุ๊ป จำกัด ในฐานะผู้ผลิตฝ้า ผนัง สมาร์ทบอร์ด ไม้สังเคราะห์ และวัสดุตกแต่ง ได้นำความรู้ ความชำนาญการของบุคลากรพัฒนายุทธภัณฑ์ทางการแพทย์เพื่อตอบโจทย์การช่วยเหลือการปฏิบัติงานกับโรคอุบัติใหม่ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ โดยที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับพันธมิตรในเครือเอสซีจี พัฒนาและปรับปรุงนวัตกรรม ‘ห้องปลอดเชื้อความดันอากาศบวก’ (Positive Pressure Room) ซึ่งได้ต่อยอดพัฒนาจากความต้องการการช่วยเหลือที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบัน พร้อมเดินหน้าช่วยเหลือในเชิงรุก เน้นการเข้าถึงพื้นที่คลัสเตอร์ที่มีการแพร่กระจายสูง อาทิ ทัณฑสถาน, โรงพยาบาลในภาคใต้, สนามบินบุรีรัมย์, โรงพยาบาลในภาคอีสาน สนามกีฬาจังหวัด สนามธูปะเตมีย์ ศูนย์การแพทย์ และ กรมควบคุมโรค เป็นต้น ล่าสุดได้ส่งมอบไปแล้วกว่า 451 ห้อง ทั่วประเทศ
ผนึกกำลังพัฒนาและส่งมอบยุทธภัณฑ์ทางการแพทย์สู้โควิด-19
นางอัญชลี ชวนะลิขิกร Managing Director Ceiling and Wall Business บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด เปิดเผยว่า เอสซีจี นำโดยบริษัท สยามไฟเบอร์ซีเมนต์กรุ๊ป จำกัด ในฐานะผู้ผลิต ฝ้า ผนัง สมาร์ทบอร์ด ไม้สังเคราะห์ และวัสดุตกแต่ง ได้พัฒนาห้องความดันอากาศบวกต้นแบบ ร่วมกับทางสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) และสถาบันบำราศนราดูรมาตั้งแต่ต้นปี 2563 ซึ่งปรับปรุงและพัฒนาเรื่อยมาจนสำเร็จเป็น ‘ห้องปลอดเชื้อความดันอากาศบวก’ ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคในขณะที่บุคลากรทางการแพทย์สามารถปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัยในการตรวจรักษา โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรบริษัทในเครือเอสซีจี ได้แก่ บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด, บริษัท เอสซีจีโลจิสติกส์ แมนเนจเม้นต์ จำกัด, บริษัท ซีแพค คอนสตรัคชั่น จำกัด, บริษัท สยามไฟเบอร์กลาส จำกัด และ ผู้แทนจำหน่ายร้านค้าวัสดุก่อสร้างเอสซีจี, ร้านโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศ ได้ร่วมส่งมอบห้องความดันอากาศบวก ไปยังโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ขาดแคลนงบประมาณและต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน รวมถึงการเข้าถึงพื้นที่ในเชิงรุก กลุ่มคลัสเตอร์ที่มีการแพร่กระจายสูง เพื่อลดความรุนแรง และช่วยเหลือให้ได้มากที่สุด อาทิ โรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ, ทัณฑสถาน, โรงพยาบาลในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้, สนามบินบุรีรัมย์, เขตคัดกรองเฉพาะกิจ อาทิ พื้นที่สนามกีฬาประจำจังหวัด และสนามธูปะเตมีย์, ศูนย์การแพทย์ และ กรมควบคุมโรค ตลอดจนประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังเผชิญวิกฤตเดียวกัน