เปิดตัวโรสวูด กรุงเทพฯ โรงแรมหรูระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี่ใจกลางกรุงเทพฯ

wipawan khampuwiang 06 September, 2019 at 11.52 am

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


โรสวูด กรุงเทพฯ แลนด์มาร์คดีไซน์สะดุดตาแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ เปิดให้บริการโรงแรมระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี่ ใจกลางย่านศูนย์กลางธุรกิจและช้อปปิ้งบนถนนเพลินจิต นับเป็นโรงแรมแห่งที่ 27 ของแบรนด์โรสวูด โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ซึ่งเดินหน้าขยายตัวทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยโรสวูด กรุงเทพฯ เป็นโรงแรมแห่งที่สองของแบรนด์ภายในประเทศไทย ซึ่งแห่งแรกเปิดไปเมื่อ พ.ศ. 2559 ที่จังหวัดภูเก็ต อีกทั้งยังเปิดประตูให้แก่โรงแรมสุดหรูในเครือโรสวูดอีกสองแห่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ที่ พนมเปญ ประเทศกัมพูชา และหลวงพระบาง ประเทศลาว อีกด้วย โดยได้นำปรัชญา A Sense of Place® ปรัชญาหลักของโรสวูด มาเป็นแรงบันดาลใจในการผสมผสานวัฒนธรรมไทยร่วมกับการออกแบบที่ล้ำสมัยไว้อย่างลงตัว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ของมหานครซึ่งไม่เคยหลับไหลอย่างกรุงเทพมหานคร

“โรสวูด กรุงเทพฯ ได้นำความน่าหลงไหลของกรุงเทพมหานครมาหลอมข้ากับแนวคิดหลักของโรสวูดที่มุ่งสร้างประสบการณ์การเข้าพักที่ทันสมัยระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี่” ซอนย่า เชง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรสวูด โฮเทล กรุ๊ป กล่าว “เรายินดีเป็นอย่างมากที่นักท่องเที่ยวและแขกผู้มาพักจะได้รับประสบการณ์การบริการที่อบอุ่นและนอบน้อมอันเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย พร้อมกับสัมผัสความงดงามของวัฒนธรรมไทยและการผ่อนคลายที่สดชื่น เพื่อประการณ์การเข้าพักที่น่าประทับใจ”

 

ภาพอาคารขนาด 30 ชั้นที่ตั้งตระหง่านแห่งนี้ได้เพิ่มความโดดเด่นให้กับเส้นขอบฟ้าของกรุงเทพฯ โครงสร้างของอาคารเป็นตึกสูงสองฝั่งที่เชื่อมต่อกันอย่างงามสง่า เพื่อสร้างสรรค์สู่การเป็นไอคอนแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ รูปทรงของอาคารได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “การไหว้” สองมือประนมอันเป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์อันอ่อนน้อมของคนไทยที่ใช้ในการทักทายและต้อนรับ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นศูนย์กลางทางด้านความคิดสร้างสรรค์ แฟชั่น และการออกแบบของภูมิภาค

โรสวูด กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ท่ามกลางสถานฑูตนานาประเทศและตึกสำนักงานใหม่ๆ ที่มีดีไซน์ทันสมัย อีกทั้งยังแวดล้อมไปด้วยร้านเสื้อผ้าของแฟชั่นดีไซเนอร์ชาวไทย โดยห่างจากเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ห้างสุดหรูของกรุงเทพฯ เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น

นอกจากนี้ โรงแรมยังมีจุดเชื่อมต่อโดยตรงกับสถานีรถไฟฟ้า BTS เพลินจิต ซึ่งทำให้การเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยว ย่านร้านอาหาร และสถานท่องราตรีชื่อดังของกรุงเทพฯกลายเป็นเรื่องง่าย โดยโรสวูด กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ติดกับทางขึ้นลงทางด่วน ซึ่งเชื่อมต่อกับสนามบินทั้งสองแห่งของกรุงเทพฯ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ภายในกรุงเทพฯ

โธมัส ฮาร์แลนเดอร์ กรรมการผู้จัดการโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ

 

นำเสนอความทันสมัยของกรุงเทพมหานครผ่านการออกแบบที่ล้ำสมัย

ซีเลีย ชู ดีไซน์ แอสโซซิเอทส์ (Celia Chu Design Associates) ผู้รับหน้าที่ออกแบบภายใน ได้สร้างสรรค์การตกแต่งสไตล์ร่วมสมัยที่แฝงไปด้วยความอบอุ่น ราวกับเป็นคฤหาสน์ร่วมสมัยกลางใจเมือง ทั้งนี้ ความสร้างสรรค์ทางด้านการตกแต่งภายในโรงแรม ล้วนแสดงให้เห็นถึงมรดกทางวัฒนธรรมและความล้ำสมัยของกรุงเทพมหานคร

“จิตวิญญาณของความเป็นไทยได้ถูกกลั่นเข้าสู่ทุกอณูของประสบการณ์การเข้าพักที่ โรสวูด กรุงเทพฯ” มร.โธมัส ฮาร์แลนเดอร์ กรรมการผู้จัดการ โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ กล่าว “เราต้องการนำเสนอความสร้างสรรค์แบบร่วมสมัย โดยไม่ละทิ้งวัฒนธรรมไทย ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการต้อนรับที่อบอุ่น เพื่อสร้างมิติที่หลากหลายให้กับโรงแรม และพ้องเข้ากับอัตลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร โดยสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผู้เข้าพักได้รับประสบการณ์การเดินทางแบบที่พวกเขาต้องการ และสัมผัสเสน่ห์และจิตวิญญาณของกรุงเทพฯ ในขณะเดียวกัน”

ทั้งนี้ ผู้เข้าพักสามารถเดินทางสู่ความสงบใจกลางเมืองด้วยถนนส่วนตัวที่นำไปสู่ที่พักอันเงียบสงบ ประหนึ่งว่าห่างไกลความวุ่นวายจอแจของกรุงเทพฯ เพื่อให้สอดคล้องกับแบรนด์โรสวูดที่มีต้นกำเนิดมาจากคฤหาสน์ชั้นสูงแนวร่วมสมัย

 

โรสวูด กรุงเทพฯ นำเสนอการออกแบบซึ่งเน้นย้ำความเป็นไทยที่ผสมผสานความร่วมสมัยไว้ตั้งแต่ทางเข้า ด้วยการจัดแสดงประติมากรรมเหล็กรูปทรงอักษรไทยโบราณซึ่งสะกดคำว่า “ไหว้” รังสรรค์โดยศิลปิน Jiandyin นอกจากนี้ ยังมีน้ำตกอยู่ด้านข้าง ซึ่งเปรยความรู้สึกผ่อนคลายและความสดชื่นที่ผู้เข้าพักกำลังจะได้สัมผัส

โรงแรมได้รับการออกแบบให้สร้างความรู้สึกคุ้นเคยและเป็นส่วนตัวผ่านประสบการณ์ที่ผู้มาพักจะได้รับ เอกลักษณ์ของแบรนด์โรสวูดคือการผสมผสานความสะดวกสบายที่มีสไตล์และการออกแบบที่น่าประทับใจไว้อย่างลงตัว โดยทั้งหมดถูกถ่ายทอดผ่านการตกแต่งภายใน ซึ่งประกอบไปด้วยวัสดุชั้นดีและโทนสีกลางเพื่อให้ดูสบายตา

นอกจากระเบียงกว้างขวางหลากหลายแห่งที่กระจายอยู่ภายใน อีกทั้งแสงจากธรรมชาติที่ให้แสงสว่างอย่างอบอุ่น และมุมมองเส้นขอบฟ้าของเมืองแล้ว โรงแรมยังผสมผสานงานศิลปะไทยร่วมสมัยไว้ภายในอย่างไร้รอยต่ออีกด้วย โดยรวบรวมงานศิลปหัตถกรรม และงานผ้าทอพื้นบ้าน ซึ่งถูกดัดแปลงเป็นงานศิลปะที่หรูหราล้ำสมัย พร้อมสอดแทรกกลิ่นอายของความเป็นเมืองในเขตร้อนไว้อย่างเบาบาง เพื่อเพิ่มบรรยากาศสไตล์รีสอร์ทในเมือง

นอกเหนือจากโครงสร้างสถาปัตยกรรมที่สะกดสายตาและการออกแบบที่เงางามด้านหน้าตึกแล้ว การตกแต่งด้วยน้ำภายในโรงแรม อย่างเช่นน้ำตกในร่มที่มีความสูงถึง 10 ชั้นนั้น ถูกสร้างมาเพื่อให้พ้องเข้ากับความเป็นกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นบนแม่น้ำลำคลอง ทั้งนี้ “น้ำ” ถือเป็นปัจจัยสำคัญตามความเชื่อของวัฒนธรรมไทย โดยมีบทบาทหลักในพิธีสำคัญต่างๆตามประเพณีไทย อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของความสงบร่มเย็น และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งเป็นอรรถบทหลักที่ถูกนำเสนอภายในโรงแรม

 

โรสวูด กรุงเทพฯ ยังได้แสดงผลงานของศิลปินอาชีพและศิลปินหน้าใหม่ของไทย อาทิ อาจารย์ปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติปี 2552 พินรี สัณฑ์พิทักษ์ ศิลปินหญิงระดับแถวหน้าที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดในยุคสมัยของเธอ และ ต่อลาภ ลาภเจริญสุข ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานที่ท้าทายความคิด พร้อมแฝงเอาไว้ซึ่งความหมายอันแยบยล นอกจากนี้ โรงแรมยังได้จัด “Art Connection” โดยได้ความร่วมมือของหอศิลป์ “ศุภโชค ดิ อาร์ต เซนเตอร์” (Subhashok The Art Center) เพื่อจัดพื้นที่สำหรับแสดงผลงานศิลปะหลากหลายแขนงของศิลปินไทยรุ่นใหม่ โดยจะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนการแสดงผลงานทุกสามเดือน โดยประเดิมการจัดแสดงครั้งแรกด้วยผลงานภาพวาดสีน้ำมันของกฤตยา พูลสวัสดิ์

ที่พักระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี่

การตกแต่งภายในสไตล์โมเดิร์นของห้องพักที่โรสวูด กรุงเทพฯ ถูกออกแบบให้ลงตัวกับวิวพาโนรามาของกรุงเทพฯ โรงแรมมีห้องพักทั้งหมด 159 ห้อง โดยแบ่งเป็นห้องสวีทและห้องขนาดสตูดิโอจำนวน 34 ห้อง และห้องสไตล์ ”บ้านพัก” ที่มาพร้อมระเบียงและสระน้ำส่วนตัว จำนวน 3 ห้อง

ห้องแบบดีลักซ์ (Deluxe) มีขนาดเริ่มต้นที่ 42 ตารางเมตร ถูกออกแบบให้มีพื้นที่นั่งพักผ่อนแยกต่างหากจากส่วนของเตียงนอน เพื่อสร้างประสบการณ์การเข้าพักสไตล์คอนโดใจกลางเมือง ส่วนห้องสวีทประกอบไปด้วยแบบ แมเนอร์ สวีท (Manor Suite) ห้องพักสไตล์ลอฟท์ ซึ่งมีหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน และกว้างสุดขอบผนัง เพื่อเปิดให้แสงธรรมชาติเข้าสู่บริเวณห้องพักได้อย่างเต็มที่ พร้อมเผยทิวทัศน์เส้นขอบฟ้าที่สวยงามของกรุงเทพมหานคร ช่วยเพิ่มประสบการณ์การพักผ่อนในเมืองอย่างมีสไตล์

โรงแรมได้รับการออกแบบให้สะท้อนความอบอุ่นของบ้านพักส่วนตัวของครอบครัวคนไทยที่เดินทางมาแล้วทั่วโลก ห้องพักทั้งหมดตกแต่งด้วยหนังสือ งานศิลปะ อุปกรณ์เบ็ดเตล็ด และการเอาใจใส่ด้านการตกแต่งต่างๆ เช่นของเก็บสะสมระหว่างการเดินทางที่เหมือนถูกสะสมโดยครอบครัวดังกล่าว ซึ่งทำให้ผู้เข้าพักรู้สึกเหมือนเป็นแขกพิเศษของครอบครัวนี้

ทั้งนี้ โรสวูด กรุงเทพฯ ต้องการถ่ายทอดความรู้สึกของรีสอร์ทในเมืองและความงดงามแบบไทยประยุกต์ โดยการนำเสนอกลิ่นอายของความเป็นเมืองร้อนด้วยการใช้ไม้ในการตกแต่ง รวมไปถึงลวดลายการออกแบบต่างๆที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากงานหวายสานและงานกรุไม้ โดยใช้สีฟ้าน้ำทะเลและสีเขียวหยกเป็นสีตัดกับพื้นหลังที่เน้นโทนสีขาว ครีม น้ำตาล และทอง

การออกแบบทั้งภายในและภายนอกที่สะดุดตาของโรสวูด กรุงเทพฯ ช่วยก่อให้เกิดห้องพักและห้องสวีทที่มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ โดยแต่ละชั้นมีการออกแบบที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ การออกแบบยังคำนึงไปถึงความอบอุ่น ความสะดวกสบาย และความเป็นส่วนตัวของผู้เข้าพักอีกด้วย จึงทำให้แต่ละชั้นของโรสวูด กรุงเทพฯ มีห้องพักสูงสุดเพียง 12 ห้อง โดยมีบางชั้นที่มีเพียง 1 ห้องเท่านั้น โดยนำเสนอห้องพักที่เป็นเอกลักษณ์ในรูปแบบห้องสวีท ห้องสตูดิโอ และห้องพักสไตล์”บ้านพัก” ที่มีพื้นที่สงบส่วนตัวเหมาะสำหรับการนั่งสมาธิ อีกทั้งยังมีระเบียง และสระว่ายน้ำส่วนตัว เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกสุดพิเศษอีกด้วย

Deluxe Room

Manor Suite_Living Room

Premier Room

Excecutive Room

 

อาหารอันหลากหลายและเครื่องดื่มสุดเก๋

โรสวูด กรุงเทพฯ มีร้านอาหารและบาร์ 4 แห่งไว้พร้อมให้บริการ โดยมี บราสเซอรี่ ร้านอาหารจีน บาร์สไตล์สปีคอีซี่บนชั้นบนสุดของโรงแรม และคาเฟ่ออร์แกนิคสุดหรูภายในโรงแรมแห่งแรกของกรุงเทพมหานคร

Lakorn European Brasserie เป็นร้านอาหารแบบ all-day dining ซึ่งสามารถเลือกนั่งทานอาหารได้ทั้งภายในร้าน หรือด้านนอกบริเวณระเบียงที่เงียบสงบร่มรื่นเต็มไปด้วยแมกไม้เพื่อหลบหลีกความจอแจในเมือง โดยการตกแต่งของร้านได้รับแรงบันดาลใจมากจากประเพณีการรำไทย ทั้งนี้ Lakorn พร้อมบริการตั้งแต่อาหารทานเล่นไปจนถึงจานหลักที่เป็นอาหารจากฝั่งตะวันตก และเมนูอาหารไทยต้นตำหรับที่ขึ้นชื่อ พร้อมรายการไวน์มากมายที่นำเสนอทั้งไวน์โอลด์เวิลด์ (Old World Wine) ซึ่งผลิตจากองุ่นในแถบยุโรป และไวน์นิวเวิลด์ (New World Wine) ซึ่งผลิตจากองุ่นในทวีปอื่นๆ

 

Nan Bei (หนานเป่ย) ซึ่งเป็นภาษาจีนกลาง หมายถึงทิศใต้และทิศเหนือตามลำดับ ซึ่งร้านอาหารแห่งนี้นับเป็นหัวใจหลักของประสบการณ์การรับประทานอาหารที่โรสวูด กรุงเทพฯ เมนูอาหารจีนต้นตำหรับและการตกแต่งที่มีสไตล์ ทำให้หนานเป่ยเป็นร้านอาหารจีนแห่งใหม่ที่น่าจับตามอง โดยพร้อมเสิร์ฟเมนูสุดพิเศษจากทั้งสองภูมิภาคของประเทศจีน และสามารถเพลิดเพลินกับอาหารได้ทั้งในร้านและบริเวณด้านนอกร้านที่เปิดโล่งให้เห็นวิวทิวทัศน์อย่างชัดเจน มีครัวเปิดสำหรับการเตรียมอาหารทะเลที่เลื่องชื่อของจีนตอนใต้ รวมทั้งเมนูดังระดับโลกอย่างเป็ดปักกิ่ง ทั้งนี้ หนานเป่ย แสดงให้เห็นถึงไอเดียและความสร้างสรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์ของโรสวูดในการสร้างแนวคิดร้านอาหารต้นตำหรับสไตล์ร่วมสมัยและนำเสนอความแตกต่าง จึงไม่น่าแปลกใจหาก หนานเป่ย จะโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางร้านอาหารที่โด่งดังในกรุงเทพฯ

การออกแบบที่วิจิตรของ หนานเป่ย ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตำนานจีนเรื่องสาวทอผ้ากับชายเลี้ยงวัว โดยภายในร้านมีประติมากรรมชิ้นเด่นที่ได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อหนานเป่ยโดยเฉพาะ เพื่อสะท้อนถึงสาวทอผ้าที่ทอเมฆขึ้นไปบนท้องฟ้าและการติดตั้งไฟระยิบระยับบนนกกว่า 600 ตัวที่กำลังบินและส่องสว่างเหมือนกับเหล่านกที่โบยบินในเรื่องเล่า  นอกจากนี้ ยังมีห้องอาหารวีไอพีส่วนตัว 2 ห้อง ซึ่งตกแต่งอย่างหรูหราได้เข้ามาเสริมเรื่องราวด้วยผนังกั้นที่ทำด้วยผ้าไหมและกระจกที่เปรียบเหมือนสระน้ำลึกลับที่สาวทอผ้าและชายเลี้ยงวัวในตำนานได้พบกันครั้งแรกและตกหลุมรักกัน

 

ส่วนบาร์ภายในร้านนั้น ต้องการถ่ายทอดเสน่ห์ที่น่าดึงดูดด้วยโทนสีเข้ม พร้อมเพิ่มสีสันด้วยสีโทนอัญมณี เช่นสีฟ้า เขียว ม่วง และส้ม เป็นต้น โดยตัวบาร์ทำมาจากหินลาพิส ลาซูลี่ (Lapis Lazuli) หรือหินไพฑูรย์ ตกแต่งด้วยโคมไฟระย้าเหล็ก และงานศิลปะอาร์ตเดโค ซึ่งบริเวณบาร์จะนำเสนอค็อกเทลในธีมเอเชียเพื่อให้พ้องกับบรรยากาศภายในร้าน โดยมีค็อกเทลเช่น Claypot Tea Negroni หรือ Yoghurt Pisco Sour ที่มาพร้อมสาเกโยเกิร์ตและลิ้นจี่ รวมทั้งเมนูไหมไทยที่ปรุงด้วยเหล้ารัม ผลไม้เมืองร้อน พริกและใบหอมแขก

Lennon’s บาร์สไตล์สปีคอีซี่ บนชั้น 30 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของโรสวูด กรุงเทพฯ โดยเป็นคลังสะสมแผ่นเสียงไวนิลที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยกรออกแบบของบาร์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสตูดิโอบันทึกเสียงในบ้าน มีแผ่นเสียงกว่า 6,000 แผ่นให้เลือก โดยมีทั้งเพลงสไตล์แจ๊ส ป๊อป ร็อค และบลูส์ โดยผู้สนใจสามารถเลือกซื้อแผ่นเสียงที่ชื่นชอบ หรือนำแผ่นเสียงจากบ้านมาให้ดีเจเปิดเล่นด้วยเครื่องเสียงที่เหนือระดับได้ที่นี่

การเข้าไปนั่งดื่มที่ Lennon’s นั้น เป็นไปตามแนวคิดตามสไตล์บาร์สปีคอีซี่ โดยจะต้องเดินผ่านทางเข้าที่ซุกซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแผ่นเสียงในบริเวณโถงด้านหน้า จึงจะพบสถานที่พบปะแห่งใหม่ของมหานครแห่งนี้ ซึ่งมีค็อกเทลตามสไตล์เพลงต่างๆในอดีตไว้บริการ พร้อมฉากหลังของมหานครยามค่ำคืน มารำลึกถึงอดีตผ่านเมนู Old Time ที่ได้นำค็อกเทลสไตล์คลาสสิค เช่น Alexander Tuxedo และ Martini มาผสมด้วยเหล้าสปิริตวินเทจหายากที่ผลิตระหว่างปี 1940 ถึง 1970 สำหรับคอเรโทรตัวยงที่อยากดำดิ่งสู่อดีต ทางร้านมีเหล้าสปิริตในยุค Pre-Prohibition พร้อมเสิร์ฟสำหรับจิบในร้านหรือซื้อกลับบ้าน และยังมีซิการ์จากคิวบาที่ผ่านการเก็บรักษาอย่างดี โดยผู้สนใจสามารถไปลองรสชาติได้ที่เลานจ์ซิการ์

 

G&O (“green and organic”) คาเฟ่ออร์แกนิคสุดหรูภายในโรงแรมลักซ์ชัวรี่แห่งแรกของกรุงเทพมหานคร โดยตั้งอยู่ริมสระว่ายน้ำกลางแจ้งของโรงแรม G&O ได้นำแนวคิด farm-to-table หรือสดจากฟาร์มสู่โต๊ะอาหารมารังสรรค์อาหารเพื่อสุขภาพหลากหลายเมนู โดยเน้นวัตถุดิบที่ผ่านกระบวนการผลิตทางเกษตรท้องถิ่นที่ปลอดสารเคมีทุกชนิด อีกทั้งยังมีเครื่องดื่มอย่าง กาแฟ ชาปรุงสด และไวน์ออร์แกนิคไว้บริการ

 

The Serenity of Sense สปาจากโรสวูด

Sense สปาจากโรสวูด ตั้งอยู่บนชั้น 6 ของโรงแรม โดยใช้พื้นที่ทั้งชั้น ด้วยบรรยากาศการผ่อนคลายที่หรูหราเหมาะสำหรับผู้ที่มองหาความเงียบสงบ ซึ่ง Sense ต้องการนำเสนอการผ่อนคลายที่เป็นส่วนตัว โดยได้แนวคิดการบริการมากจากการบำบัดแผนโบราณที่เป็นมรดกของไทยมาอย่างยาวนาน

บริการปรนนิบัติร่างกายที่เหนือระดับแห่งนี้ ได้นำวิธีการดูแลความงามและรักษาบรรเทาแบบไทยโบราณมาผสมผสานกับนวัตกรรมความงามล่าสุดจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิว EviDenS de Beauté และ Maison Caulières โดยมีห้องสปาแบบเดี่ยว 3 ห้องและ ห้องคู่ 2 ห้อง ไว้บริการ เพื่อการฟื้นฟู และการผ่อนคลายที่แท้จริง

สระน้ำโอเอซิสใจกลางเมือง

บริเวณสระว่ายน้ำระบบเกลือในร่มและกลางแจ้งของโรสวูด กรุงเทพฯ สร้างบรรยากาศสไตล์เซนท่ามกลางความอดุมสมบูรณ์ของพรรณไม้ใจกลางกรุงเทพฯ เสียงน้ำตกภายในโรงแรมแทรกเข้ามาแทนเสียงจอแจของกรุงเทพฯ ช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้กับผู้เข้าพัก นอกจากนี้ยังมีสวนแนวตั้งที่เต็มไปด้วยความเขียวขจีของเหล่าต้นไม้ต่างๆช่วยเพิ่มความสดชื่น และจุดแช่น้ำวนในสระซึ่งเผยทิวทัศน์ของเมืองที่เสมือนเป็นโลกคนละใบ

บริการจัดเลี้ยงสำหรับโอกาสพิเศษ

โรสวูด กรุงเทพฯ มีบริการจัดเลี้ยงที่ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับการประชุม งานฉลองหรืองานเลี้ยงในโอกาสต่างๆ ห้อง เดอะ พาวิลเลี่ยน (The Pavilion) ห้องประชุมที่เป็นเอกลักษณ์ของโรสวูด เป็นห้องขนาด 320 ตารางเมตรในบรรยากาศหรูหราสไตล์ที่พักใจกลางเมือง โดยมีห้องครัวเปิดสำหรับสาธิตการทำอาหารที่สามารถจัดที่นั่งได้สูงสุด 200 ที่นั่ง ส่วนห้องเพลินจิต (Ploenchit) เป็นห้องประชุมขนาด 100 ตารางเมตร สามารถจัดรูปแบบได้ตามต้องการสำหรับงานประชุมที่หรูหราท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นเอง โดยมีหน้าต่างที่เปิดรับแสงสว่างจากธรรมชาติเข้าสู่บริเวณห้อง พร้อมนำเสนอวิวจากชั้น 28 ซึ่งเผยทิวทัศน์อันเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ

ข้อเสนอสุดพิเศษ ตั้งแต่วันนี้จนไปถึงวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ได้แก่ แพคเกจ “Redefining Bangkok” ราคาเริ่มต้น 9,450 บาทต่อคืน และ แพคเกจ “Signature Suites Stay” เริ่มต้น 17,550 บาทต่อคืน ราคาเหล่านี้ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าบริการ ทั้งนี้ ราคาค่าบริการแพคเกจขึ้นอยู่กับอัตราห้องว่างและจำนวนผู้เข้าพัก

ข้อมูลเพิ่มเติมหรือจองที่พัก กรุณาติดต่อโทร. 02 080 0088 หรือทางอีเมล

bangkok@rosewoodhotels.com และเว็บไซต์ rosewoodhotels.com/bangkok

wipawan khampuwiang

wipawan khampuwiang

จบทางด้านภาษาไทยและชอบงานเขียน ชอบอ่านและดูรูปภาพรีวิวบ้าน คอนโดต่างๆ เบื่อกับการอยู่ห้องทั้งวันแบบไม่มีอะไรทำ ฉะนั้นงานอดิเรกก็เลยชอบหาที่เที่ยวและถ่ายภาพ

เว็บไซต์

ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร

โซลเลซ พหลฯ-ประดิพัทธ์

นิว เวิร์ส กรุงเทพกรีฑา

ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาต้องบอกว่าย่านกรุงเทพกรีฑาตัดใหม...

28 February, 2024

นิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น

ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านมาพบกับโครงการคอนโดพร้อมอ...

30 January, 2024

ริธึ่ม เจริญนคร ไอคอนิค

วันนี้จะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับคอนโดมิเนียมสุดฮอตชื่อโ...

29 January, 2024

วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน

Whizdom Craftz Samyan คือโครงการที่มอบ 5 องค์ประกอบพ...

4 December, 2023

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง