Source:www.propertychannelnews.com

Date: 26/1/2016

ฮาริสัน ได้จังหวะอสังหาฯจีนตกต่ำ ดึงนักลงทุนจีนจับมือนักพัฒนาที่ดินไทย เตรียมผุดคอนโดย่านใจกลางเมืองมูลค่ากว่า หมื่นล้าน ตั้งเป้าปี 59 กวาดรายได้ 25,000 ล้านบาท

นายหลิน กว่าง จุงอลัน ประธานกรรมการบริหาร ซีอีโอ บริษัท ฮาริสัน ประเทศไทย กล่าวว่าจากภาวะธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีนอยู่ในช่วงการชะลอตัวอย่าง มาก ดังนั้เนการจะพัฒนาที่ดินของจีน จะหาแหล่งที่ดินใหม่ๆได้ยากขึ้นสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งยากที่จะแข่งขันในช่องทางการตลาดของต่างประเทศ ในขณะที่ราคาที่ดินของไทยยังถูกกว่า 20 % เมื่อเทียบกับจีนและไทยยังถูกว่า 60 % เมื่อเทีบกับสิงคโปร์

สำหรับประเทศที่นักลงทุนจีนสนใจเข้าไปลงทุนคือ อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอเมริกา ในขณะที่ในเอเชีย ประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆที่จีนสนใจเข้ามาลงทุน  โดยกลุ่มนักลงทุนจากจีน เป็นกลุ่มธุรกิจก่อสร้าง พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และกองทุน กลุ่มผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง โดยปีที่ผ่านมามีกลุ่มลงทุนจากจีนติดต่อหาผู้ร่วมทุนผ่านบริษัท 5-6 บริษัท  แต่ในปีนี้มีติดต่อเข้ามาแล้ว 7-8 บริษัท โดยนักลงชาวจีนที่สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ส่วนใหญ่มาจาก ปักกิ่ง เสฉวน เจียงซี เซี่ยงไฮ้ และฉางซา โดยสนใจร่วมลงทุนพัฒนาโครงการประเภทคอนโดมิเนียมที่อยู่ใจกลางเมือง ส่วนรอบนอกยังไม่เป็นที่รู้จักของนักลงทุนจีน

นายหลิน กว่าง จุงอลัน กล่าวต่อไปว่าขณะนี้บริษัทกำลังเป็นตัวกลางในการเจรจาร่วมทุนระหว่างบริษัท พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรพัย์ของไทยกับบริษัทที่จด ทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของจีน เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท ใกล้สถานีรถไฟฟ้าในย่านใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งการเจรจาจะสรุปได้ภายในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยขณะนี้การเจรจาร่วมทุนคืบหน้าไปแล้วกว่า 70 %

โครงการที่เกิดจากการร่วมทุนกับกลุ่มทุนจากจีน จะมีข้อได้เปรียบตรงที่สามารถกู้เงินจากแบงก์จีนผ่านแบงก์ของไทยในอัตรา ดอกเบี้ย 4 %  ทำให้ต้นทุนในการพัฒนาโครงการต่ำลง อีกทั้งกลุ่มทุนจากจีนยังมีเครือข่ายในการนำโครงการไปขายให้กับประชาชนชาว จีนที่สามารถนำเงินออกไปนอกประเทศได้รายละ 50,000 ดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งเมื่อรวม 1 ครอบครัวที่มีสมาชิก 3 คน จะสามารถซื้อคอนโดได้ในราคา 4,000,000 กว่าบาท โดยราคาคอนโดฯที่ชาวจีนนิยมซื้อราคาอยู่ที่ 2-3 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 58  บริษัทเติบโตขึ้น 20 % ส่วนปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 25,000 ล้านบาท โตขึ้น 30 %  แบ่งเป็นรายได้จากการขายที่ดิน  4,000-5,000 ล้านบาท ธุรกิจการร่วมทุน 5,000 ล้านบาท  และ การบริหารโครงการ 5,000-6,000 ล้านบาท โดยมีโครงการที่รับบริหารอยู่ 10 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท  และการขายโครงการที่อยู่ใจกลางลอนดอนที่ประเทศอังกฤษ 7,000 ล้านบาท ที่บริษัทได้พาบริษัท Polaris Capital Public  และยังมีอีก 1 โครงการในอนาคตที่เมือง Kent  บนที่ดินขนาด 70 ไร่ ซึ่งจะทำเป็นหมู่บ้านเดี่ยวพักอาศัย โรงแรม และรีสอร์ท จำนวน 200 หลังมูลคาประมาณ 6,000 ล้านบาท