Source - ฐานเศรษฐกิจ (Th) Saturday, August 01, 2015  04:07 ดีเวลอปเปอร์พาเหรดงัดกลยุทธ์ลดความเสี่ยงครึ่งปีหลัง เหตุเศรษฐกิจชะลอตัว หนี้ครัวเรือนพุ่ง ส่งผลยอดขายครึ่งแรกปีต่ำเป้า พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ปรับเพิ่มเงินดาวน์/พรีแอพพรูฟก่อนทำสัญญาจอง เตรียมเข็ญแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปี สัมมากร เล็งเก็บเงินดาวน์แนวราบ 5% จากข้อมูลของสมาคมอาคารชุดไทยระบุว่า ในปี 2558 จะมีอสังหาริมทรัพย์รอโอนกรรมสิทธิ์คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.2 แสนล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 1.9 แสนล้านบาท คิดเป็นจำนวน 7.14 หมื่นหน่วยและโครงการแนวราบ 1.43 แสนล้านบาท ขณะที่ข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ณ สิ้นไตรมาส 1/2558 โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ พบว่า มียอดโอนกรรมสิทธิ์ทั้งสิ้น 4.08 หมื่นหน่วย เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 ซึ่งมีจำนวนรวมประมาณ 4 หมื่นหน่วย   โดยเป็นที่อยู่อาศัยประเภทห้องชุดประมาณ 1.47 หมื่นหน่วย คิดเป็นสัดส่วน 36% ของหน่วยที่โอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด ทาวน์เฮาส์ประมาณ 1.34 หมื่นหน่วย คิดเป็นสัดส่วน 33% บ้านเดี่ยว 7,500 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 18% อาคารพาณิชย์พักอาศัยประมาณ 3,600 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 9% และที่เหลือเป็นบ้านแฝดประมาณ 1,600 หน่วย อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ชะลอตัวมาตั้งแต่ต้นปี 2558 ประกอบกับปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ยอดขายใหม่ของบรรดาดีเวลอปเปอร์พลาดเป้า ในขณะที่ความกังวลเรื่องการรับรู้รายได้ก็ยังคงเป็นปัญหาสำคัญของผู้ประกอบการ ดังนั้นในช่วงครึ่งหลังปี 2558 ผู้ประกอบการจึงต้องหามาตรการป้องกันยอดขายใหม่ในปี 2558 เนื่องจากจะกระทบต่อยอดรับรู้รายได้ในอนาคต จากการสำรวจของ "ฐานเศรษฐกิจ" พบว่า ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำหลายรายมีการปรับแผนในการเพิ่มรายได้และยอดขายเพื่อลดความเสี่ยง มีทั้งปรับเงินดาวน์เพิ่มขึ้น ขยายฐานลูกค้าหากลุ่มใหม่ๆเข้ามาเสริม ด้วยสร้างสินค้าใหม่จับลูกค้าในตลาดบนเพิ่มขึ้น หรือจัดกิจกรรมการขายในต่างประเทศ เป็นต้น นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต รองประธาน เจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการปรับเพิ่มเงินดาวน์ในโครงการคอนโดมิเนียมจากเดิม 10% เป็น 15% เพื่อลดความเสี่ยงของการทิ้งดาวน์ รวมทั้งยังได้จัดมาตรการพรีแอพพรูฟลูกค้าก่อนทำสัญญาจอง จากเดิมลูกค้าสามารถทำสัญญาจองได้ทันที จากนั้นจึงยื่นเรื่องขออนุมัติสินเชื่อ ส่งผลให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อในกลุ่มคอนโดมิเนียมต่ำ 2 ล้านบาท และบ้านราคาต่ำ 3 ล้านบาท สูงถึง 20-25% จากเดิมไม่เกิน 20% ในปี 2557 คิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ของยอดยกเลิกการจอง ที่เหลือ 30% มาจากลูกค้ายกเลิกเอง หลังบริษัทปรับแผนการลดความเสี่ยง ยอดปฏิเสธสินเชื่อจากลูกค้าในกลุ่มนี้ลดเหลือประมาณ 15% สำหรับยอดขายในครึ่งแรกปี 2558 บริษัทมียอดขายอยู่ที่ 5.7 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้เดิม 6.8 พันล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วนที่ลดลงประมาณ 10-15% ในส่วนของเป้ารายได้ครึ่งปีถือว่ายังต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่ง ทั้งปีบริษัทตั้งเป้ารับรู้รายได้ทั้งปีในส่วนของบริษัทที่ 1.6 หมื่นล้านบาท โดยในครึ่งปีหลังบริษัทจะจัดแคมเปญใหญ่ เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของบริษัท เพื่อกระตุ้นยอดโอนและยอดขายใหม่ให้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ ด้านนายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทประสบปัญหาการเพิ่มขึ้นของยอดปฏิเสธสินเชื่อจากปกติ 7-8% มาเป็น 20-35% โดยเป็นยอดปฏิเสธสินเชื่อจากโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ เอส เก้า สูงถึง 33-35% และโครงการแนวราบ 22-33% ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงมีแนวคิดที่จะให้มีการวางเงินดาวน์โครงการแนวราบ 5% ในส่วนของโครงการที่ยังไม่ได้ก่อสร้าง โดยเฉพาะสินค้าในระดับ 2.5-7 ล้านบาท เพื่อดูความสามารถในการผ่อนชำระของลูกค้า จากเดิมที่จะให้วางมัดจำ 2-5 หมื่นบาท "เดิมบริษัทเป็นการพัฒนาสินค้าพร้อมอยู่ที่ใช้เพียงการวางมัดจำก่อนโอน แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้บริษัทต้องปรับแผนการดำเนินงานมาเป็นบ้านสั่งสร้าง เพื่อลดปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อ" สำหรับยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 530 ล้านบาท จากเป้ายอดขายทั้งปี 1.15 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าที่ปรับลดลงจากเดิม 1.3 พันล้านบาท ในส่วนของเป้ารับรู้รายได้ปี 2558 อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท โดยจะมาจากยอดโอนคอนโดฯ 500 ล้านบาท และรายได้จากค่าเช่า 250 ล้านบาท ที่เหลือเป็นรายได้จากการโอนบ้านเดี่ยว 1.05 พันล้านบาท Credit ภาพ: s9condominium