‘อนันดา’ เคาะผลตอบแทนหุ้นกู้ฯ 1 ปี 6 เดือน ดอกเบี้ย 4.40% และ 2 ปี 6 เดือน ดอกเบี้ย 5.20% ต่อปี เสนอขายระหว่างวันที่ 5-6 และ 9-10 สิงหาคม ผ่าน 6 สถาบันการเงิน
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เคาะดอกเบี้ยหุ้นกู้ฯ รุ่นอายุ 1 ปี 6 เดือน อยู่ที่ 4.40% ต่อปี และรุ่นอายุ 2 ปี 6 เดือน อยู่ที่ 5.20% ต่อปี เตรียมเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน ผ่าน 6 สถาบันการเงินระหว่างวันที่ 5-6 และ 9-10 สิงหาคมนี้ เชื่อนักลงทุนมั่นใจในโอกาสและศักยภาพการเติบโตในฐานะผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าของบริษัทฯ ขณะที่โครงสร้างทางการเงิน ทั้งการบริหารจัดการสภาพคล่องเงินสด และการรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนตามเป้าหมาย สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของกิจการ
นายเสริมศักดิ์ ขวัญพ่วง ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทฯ ได้ยื่นข้อมูลขอเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน จำนวน 2 รุ่น ล่าสุด บริษัทฯ ได้กำหนดอัตราผลตอบแทนหุ้นกู้ฯ ดังนี้ หุ้นกู้ฯ อายุ 1 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 4.40% ต่อปี และหุ้นกู้ฯ อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5.20% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยจะเสนอขายในระหว่างวันที่ 5-6 และ 9-10 สิงหาคมนี้ ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 6 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด
หุ้นกู้ฯ ดังกล่าว ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2564 ในระดับที่ลงทุนได้ (Investment Grade) ที่ BBB- เช่นเดียวกับอันดับความน่าเชื่อถือขององค์กร โดยมีแนวโน้ม “คงที่” (Stable)
“เป็นที่น่ายินดีที่หุ้นกู้ฯ ของบริษัทฯ ยังคงได้รับความสนใจจากผู้ลงทุน ที่สอบถามรายละเอียดการจองซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งต้องยอมรับว่า ปัจจัยสนับสนุนส่วนหนึ่งมาจากการระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้ครั้งที่ผ่านๆ มา สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนได้ ทำให้ผู้ลงทุนให้การสนับสนุนเรามาโดยตลอด นอกจากนี้ ผู้ลงทุนยังมั่นใจในศักยภาพของบริษัทฯ ในฐานะผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดแนวรถไฟฟ้าที่ยังเป็นที่ต้องการและมีกำลังซื้อ รวมถึงเชื่อมั่นในการบริหารงาน ทั้งเรื่องโครงสร้างทางการเงิน เช่นการรักษาสภาพคล่องเงินสด และการรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนไว้ภายใต้เป้าหมายระยะยาวที่ 1:1 ที่จะช่วยตอกย้ำความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงการบริหารโครงการร่วมทุน เป็นต้น” นายเสริมศักดิ์ กล่าว