“ซิซซา กรุ๊ป” อัดโปรเด็ด “Pay Less Get TRIPLE” โครงการ “วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต” กระตุ้นนักลงทุน “คัมแบ็ค”
บิ๊ก “ซิซซา กรุ๊ป” เผย “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ยังไม่เอื้อภาคธุรกิจอสังหาฯโดยตรง แนะรัฐทุ่มงบดันภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ระบบราชการปรับตัวเป็นอินเตอร์ฯ ตัดวงจรกลุ่มขูดรีดให้สิ้นซาก เปิดโอกาสการร่วมทุนกับภาครัฐ ทั้งแก้กฎหมายเช่าที่ดินเป็น 90 ปี ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์คอนโดฯได้ 100% พร้อมให้วีซ่าเกิน 30 ปี กับกลุ่มที่ลงทุนเกิน 30 ล้านบาทขึ้นไป ล่าสุดนำโครงการ “วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต” อัดโปรโมชั่น “Pay Less Get TRIPLE” ซื้อ 1 ได้ถึง 3 ต่อ นำเสนอดีลเร้าใจนักลงทุนเพียบ
นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนรูปแบบ “Investment Property” (IP) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ภาครัฐทำการเปิด “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” (Phuket Sandbox) เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งช่วงระยะเวลาเกือบ 1 เดือนนั้น ยังไม่สามารถตอบได้ว่าโมเดลดังกล่าวช่วยเหลือผู้ประกอบการภูเก็ตได้มากน้อยเพียงใด เพราะยังไม่มีการประเมินจากภาครัฐ แต่ทราบมาว่าในภาคธุรกิจท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวเข้ามาวันละประมาณ 1,000 คน จากโรงแรมทั้งหมดเกือบ 500,000 ห้อง ซึ่งต้องเป็นโรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA Plus ถือเป็นประโยชน์ในภาพที่เล็กมาก
สำหรับในส่วนของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น แทบจะไม่เกิดประโยชน์ เพราะชาวต่างชาติหวังเข้ามาท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว ไม่มีเจตนาเข้ามาลงทุนแต่อย่างใด ในขณะที่ชาวต่างชาติบางส่วน ที่ซื้อบ้านหลังที่ 2 ไว้ที่ภูเก็ตก่อนหน้านี้ ก็ไม่สามารถเข้าพักได้ทีเดียว เนื่องจากต้องไปกักตัวในโรงแรมในระบบที่ภาครัฐจัดเตรียมไว้ให้ก่อน 14 วัน จึงเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ชาวต่างชาติไม่อยากเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในช่วงนี้ ซึ่งมองว่าภาครัฐยังขาดความพร้อมและการวางแผนที่รัดกุม
ทั้งนี้การเปิด “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” มีข้อดีคือได้ทดลองเปิดดู หากผลเสียมีมากกว่า ธุรกิจทั่วไปยังไม่ได้รับผลประโยชน์ และนักท่องเที่ยวยังถูกจำกัดการทำกิจกรรมอยู่ ก็ยังรู้สึกไม่เกิดผลดีกับภาพรวมของภูเก็ต ซึ่งมองว่า ต้องหยุดเรื่องการติดเชื้อ
ให้ลดน้อยลงที่สุดก่อน หากนำวัคซีนที่มีคุณภาพเข้ามาได้ ก็จะสามารถเปิดทุกกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ ทั้งนี้ภาครัฐต้องแก้ไขปัญหา ประเมินข้อดี ข้อเสียก่อน เพื่อให้ทุกอย่างรัดกุมมากกว่านี้
“นักท่องเที่ยวพอมาถึงประเทศไทยและได้ยินข้อมูลด้านลบ เพราะในภูเก็ตยังมีการติดเชื้ออยู่ ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับการติดเชื้อไปด้วย ทำให้บรรยากาศรู้สึกไม่ปลอดภัย และนักท่องเที่ยวเกิดความกังวล ทำให้รีบเดินทางกลับประเทศ ส่วนคนที่กำลังจะมาภูเก็ตก็รอดูท่าทีก่อน โมเดลนี้ไม่ถือว่าล้มเหลว ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น เพื่อเริ่มทดลองและได้เห็นปัญหา ซึ่งก็ต้องนำปัญหานั้นมาแก้ไข แต่ไม่ทราบว่าภาครัฐมีการแก้ไขมากน้อยเพียงใด หากเปิดประเทศไม่ได้ แต่สามารถเปิดภูเก็ตได้ เพราะช่วงไฮซีซั่นก็ต้องมีชาวต่างชาติกลับมาอย่างแน่นอน ซึ่งควรแก้ปัญหาด้วยการหาวัคซีนมาฉีดให้คนในภูเก็ตให้หมด และคลายกฎให้นักท่องเที่ยว รวมไปถึงทำประชาสัมพันธ์ระดับโลกว่าภูเก็ตมีอัตราการติดเชื้อต่ำ ซึ่งภาครัฐอาจมองในมุมที่ต่างจากผู้ประกอบการ เพราะประเทศไทยไม่ได้ใช้ระบบการทำการตลาดไปทั่วโลก ให้ชาวต่างชาติรับรู้ว่าภูเก็ตมีความพร้อมแล้ว แต่สิ่งที่รัฐขาดคือความเป็นอินเตอร์เนชั่นแนล ทำให้การประชาสัมพันธ์การเปิด ‘ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์’ ไม่เป็นไปในทิศทางที่จะเป็น แต่ก็ยังมีเวลาที่จะแก้ไขได้ก่อนที่จะถึงช่วงไฮซีซั่น ซึ่งเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวกลับมาภูเก็ตอย่างแน่นอน” นายอรรถนพ กล่าว