Source - ประชาชาติธุรกิจ (Th) Wednesday, July 15, 2015  02:51 การกลับมาสร้างธุรกิจใหม่อีกครั้งของ บมจ.เอเชีย คอร์ปอเรท ดีเวลลอปเมนท์ (ACD) ของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ นำโดย "สนั่น ศิริพนิชสุธา"ที่รั้งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ ACD โดยบริษัทนี้ แปลงร่างมาจาก "บมจ.ไมด้า-เมดดาลิสท์ เอ็นเธอร์เทนเมนท์" (MME) ของ "เสี่ยโต้ง- กมล เอี้ยวศิริกุล" และติดลิสต์หุ้นปั่น เมื่อหลายปีก่อน การเข้ามารับช่วงกิจการของบริษัท ที่แทบไม่มีธุรกิจให้สร้างรายได้เลย ถือเป็นโจทย์หนัก แต่ "ซีอีโอ" ก็ไม่หวั่น เพราะมั่นใจประสบการณ์ทำงานด้านแก้หนี้เสียที่สั่งสมมาจากบริษัทลูกของแบงก์ใหญ่อย่างไทยพาณิชย์ยาวนาน "สนั่น" ให้สัมภาษณ์ถึงการใส่ธุรกิจใหม่ด้าน "อสังหาฯ" ในระยะสั้น จะสร้างรากฐานให้เติบโต ในข้างหน้าดังนี้ "วันนี้ผมขอเน้นธุรกิจอสังหาฯก่อน"เป็นคำกล่าวสั้น ๆ ของเขาที่เข้ามา บริหาร ACD ได้เพียง 5 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องแก้ปัญหาและบริหารจัดการภายใน ที่สำคัญ เร่งสร้างฐานธุรกิจให้สามารถสร้างรายได้เข้าบริษัท ต่อเนื่อง ซึ่งสเต็ปแรกที่จะเป็นไปได้เร็วสุด คือ "การเพิ่มทรัพย์สินใหม่ ๆ" ด้วยการ "ซื้อโครงการคอนโดมิเนียม" ใส่เข้ามา ผ่านการใช้แหล่งเงินด้วยสูตร "แลกหุ้น" กับ "พันธมิตรใหม่" ที่จะเข้ามา ช่วงที่ผ่านมา ACD ได้เพิ่มทุนขายให้ แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) ทำให้บริษัทมีเงิน ส่วนนี้ประมาณ 500 ล้านบาทเข้ามา ส่วนผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 นี้ เขายอมรับว่ายังย่ำแย่ เพราะโครงการอสังหาฯ ในมือ ที่จะสร้างรายได้จริง ๆ ได้แก่ โครงการวิสดอม 1 และ 2 ซึ่งเป็นการรับจ้างบริหารโครงการ คาดจะรับรู้รายได้เข้ามาประมาณ 30 ล้านบาท ในไตรมาส 3 เป็นต้นไป เรียกว่า จะเห็นบริษัท "เทิร์น อะราวนด์" หรือฟื้นตัว และจะไปเห็นชัดเจนก็ไตรมาส 4 ที่มีโครงการคอนโดมิเนียม Roccia จังหวัดมหาสารคาม ที่จะทยอย รับรู้รายได้ และอีกโครงการที่กำลังเจรจา ซื้ออยู่ คือ "ออริจินส์ คอนโดฯ" ย่านพระราม 2 มีมูลค่าประมาณ 620 ล้านบาท และมียอดขายไปแล้ว 90% แต่โครงการนี้มีหนี้สินอยู่ราว 300 กว่าล้านบาท ขณะนี้ อยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน (ดิวดิลิเจนซ์) โดยโครงการดังกล่าวเป็นของ"กลุ่มวิริยะเมตตากุล" ที่ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 4.13% ติดอันดับ 2 รองจาก "สนั่น" คาดว่า จะเซ็นสัญญาตกลงซื้อขายได้ในไตรมาสนี้ ถ้าสำเร็จตามแผนนี้ ก็จะทำให้บริษัททยอยโอนและรับรู้รายได้จากคอนโดฯเพิ่มเข้ามา ซึ่งคาดว่าจะทำให้ทั้งปีนี้มีรายได้ปิดทันงบการเงินสิ้นปีนี้ ราว 900 ล้านบาท กำไรสุทธิราว 95-100 ล้านบาท สเต็ป 2 ที่ผมเตรียมไว้ในไตรมาส 4 นี้ คือ บริษัทมีแผนจะเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 170 ล้านหุ้น ขายราคาหุ้นละ 4.50 บาท ซึ่งน่าจะได้เงินทุนกว่า 700 ล้านบาท มาใช้ลงทุนโครงการคอนโดฯอื่นที่เล็ง ๆ อยู่ 4-5 แห่ง ซึ่งจะเป็นช่วงที่เห็นภาพธุรกิจชัดเจนขึ้น "ผมกำลังพยายามเดินหน้าโปรเจ็กต์ต่าง ๆ เพื่อให้ตลาดรับรู้ว่าบริษัทเริ่มมีรายได้เข้ามาแล้ว จากช่วง 4-5 ปีก่อนที่ไม่มีอะไรเลย สิ้นปีนี้จะมีโปรเจ็กต์งานเข้ามามูลค่ารวมใกล้ ๆ 1,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เราจะเดินไซซ์เล็ก ๆ และมีหลายส่วนอยู่ระหว่างการทำดิวดิลิเจนซ์ อย่าง โรงแรมที่ภูเก็ตแถวป่าตอง  และจะพยายามเน้นโครงการที่เริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาฯ แล้ว เพราะบริษัทต้องการ มีรายได้ที่เสถียรและให้ผลตอบแทนดี จะได้จ่ายเงินปันผลได้ทุกปี ผู้ถือหุ้นน่าจะแฮปปี้มาก หากบริษัทรับรู้รายได้ต่อเนื่องทุกปี" "สนั่น" บอกว่า ปีนี้บริษัทมีผลกำไร เข้ามาแน่นอน และจะเดินหน้าล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 33 ล้านบาท ซึ่งตั้งเป้าใช้เวลา 2 ปี โดยเริ่มจากปีนี้ที่มีกำไรก็จะทยอยลดขาดทุนสะสมส่วนหนึ่ง แต่เมื่อถามว่าปีถัด ๆ ไปจะมีรายได้เติบโตเท่าไหร่ เขาก็ยังตอบไม่ได้ แต่บอกว่า ขึ้นกับ การซื้อโครงการคอนโดฯที่มียอดจองซื้อแล้วเข้ามา แต่ผมจะพยายามทำให้บริษัทมี รายได้ทุกปี และน่าจะล้างขาดทุนได้หมด เราจะไม่ใช้วิธีลดทุนและลดพาร์แน่ "เขา" ยังวาดสตอรี่ด้านอสังหาฯอีกว่า จะดึงพันธมิตรต่างประเทศเข้ามาร่วมถือหุ้น ACD เพิ่มเติม 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มทุนจากตะวันออกกลาง (ประเทศกาตาร์) ซึ่งมีโครงการอสังหาฯอยู่ในไทยมูลค่ารวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย 2 โครงการคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ และ 2 โครงการที่เป็นโรงแรมในภูเก็ตแถวป่าตองและเกาะพีพี อีกกลุ่มทุน เป็นจีน ที่กำลังเจรจาร่วมลงทุนกันอยู่เป็นโครงการอสังหาฯใจกลางเมือง อาทิ คอนโดมิเนียม, ออฟฟิศ, ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ หรือคอมมิวนิตี้มอลล์ ส่วนแผนลงทุนระยะยาว โครงการอสังหาฯ ในต่างประเทศ มีทั้งคอนโดฯ โรงแรม คอมมิวนิตี้มอลล์แถวเวียงจันทน์ สปป.ลาวกัมพูชา ซึ่งจะเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรใหม่เช่นกัน และหากลุ่มทุนในประเทศด้วย "ทั้งหมดนี้จะอยู่ในแผนเพิ่มทุนแบบ PP ที่เริ่มต้นจากโครงการไซซ์เล็ก ๆ ก่อน เพื่อเติมเชื้อ แล้วค่อย ๆ ขยับขึ้นมา คาดว่าธุรกิจอสังหาฯใน 3 ปีข้างหน้า บริษัท จะมีมูลค่าทรัพย์สินไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากทำได้ตามแผนก็จะทำให้ถึงเวลานั้น บริษัทมีมาร์เก็ตแคปเพิ่มเป็น 2-3 หมื่นล้านบาท" แต่เนื่องด้วยโครงสร้างธุรกิจอสังหาฯของ ACD ไม่ได้เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาฯ เสียทีเดียว ดังนั้น "ซีอีโอ" จึงมีแผนขยายธุรกิจสร้างรายได้จากธุรกิจอื่น อีกทาง จึงได้ศึกษาธุรกิจพลังงานทดแทน ที่คาดจะเริ่มได้ในช่วงปีหน้า แต่เรื่องนี้ต้องขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นก่อน เพราะใช้เงินลงทุนหลายพันล้านบาท นอกจากนี้ที่ดู ๆ อยู่อีกธุรกิจ คือ ธุรกิจเทรดดิ้งที่อยากจะทำเพิ่ม แต่ก็เป็นแผนระยะ 3 ปีข้างหน้า "ผมวางอนาคต ACD อาจเปลี่ยนเป็นโฮลดิ้งคอมปะนี และมีบริษัทย่อยออกไป หากบริษัทไหนใหญ่ก็ออกไปเติบโตเอง" และนี่คือสตอรี่หุ้น ACD ที่ "ซีอีโอ" หวังว่า จะเรียกความเชื่อมั่นต่อปัจจัย พื้นฐานของหุ้นที่ต้องพิสูจน์ฝีมือกันต่อไป ว่าจะผลักดันหุ้น ACD กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้งได้หรือไม่ ท่ามกลางความเสี่ยงเศรษฐกิจและธุรกิจอสังหาฯที่ชะลอตัว ขณะที่ปลายปีมีแผนขายหุ้นเพิ่มทุน PP ที่ราคาหุ้น 4.50 บาท สูงกว่าราคาหุ้นตอนนี้ ที่อยู่แถว 2.52 บาท (13 ก.ค. 58)