นางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารสินทรัพย์

บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (www.plus.co.th)

กระแสคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) นั้นได้เข้ามาในไทยและค่อนข้างเป็นที่คุ้นหูในแวดวงการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมาซักระยะหนึ่งแล้ว ซึ่ง “คริปโต” นั้นคือสกุลเงินดิจิทัล เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่งที่มีการเข้ารหัสในการซื้อขาย ซึ่งคริปโตไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานใด ๆ และไม่มีใครเป็นเจ้าของ โดยจะทำงานอยู่บนระบบที่สามารถควบคุมได้ด้วยตัวเองที่เรียกว่าบล็อกเชน (Blockchain) สำหรับในวงการตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทย ในปีนี้ก็เริ่มมีกระแสความฮือฮาที่ผู้ประกอบการค่ายใหญ่หลายค่าย มีการประกาศนำคริปโตมาใช้ในการซื้อขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งก็นับว่าเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันที่แนวโน้มของความสนใจคนรุ่นใหม่ ๆ มีกระแสการลงทุนใน Digital Asset กันอย่างกว้างขวาง

การเข้ามาของคริปโตในวงการอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นการพลิกภาพสินทรัพย์ดิจิทัล ให้สามารถแลกเปลี่ยนใช้จ่ายเพื่อซื้อขายโครงการที่อยู่อาศัยได้จริง ตลอดจนไม่จำกัดอยู่เพียงการซื้อขายโครงการอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น ยังสามารถใช้จ่ายเพื่อการบริหารโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งก็คือ การจ่ายค่าส่วนกลางด้วยคริปโตได้อีกด้วย ยกตัวอย่างของบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในธุรกิจบริหารจัดการโครงการที่พักอาศัย ได้เปิดรับชำระค่าส่วนกลางทั้งสำหรับโครงการคอนโดมิเนียมและหมู่บ้านจัดสรรที่พลัสฯ ดูแล โดยสามารถชำระได้ด้วยคริปโต 4 สกุลเงินดิจิทัล ได้แก่ บิตคอยน์ (Bitcoin – BTC), อีเทอเรียม (Ethereum – ETH), เทเทอร์ (Tether USD – USDT) และ USD Coin – USDC โดยการชำระค่าส่วนกลางด้วยคริปโต ปัจจุบันสามารถทำได้เฉพาะลูกค้าคนไทยเท่านั้น และเงื่อนไขขึ้นกับการพิจารณาของคณะกรรมการในโครงการนั้น ๆ ด้วย ซึ่งการจ่ายค่าส่วนกลางด้วยคริปโตนี้ มองว่าก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการทำธุรกรรมด้านบริการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่เข้ากับเทรนด์การลงทุนในยุคนี้ และยังเป็นการปรับตัวในสถานการณ์เศรษฐกิจท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 เช่นนี้ด้วย เพราะสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอยอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก ดังนั้นหากสามารถแลกเปลี่ยนผลตอบแทน หรือนำสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโตเคอร์เรนซีที่มีในพอร์ตการลงทุนมาแปลงเป็นเงินสดเพื่อการชำระค่าใช้จ่าย ก็จะช่วยแบ่งสรรปันส่วนทางการเงินได้อีกช่องทางหนึ่ง

โดยจากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แสดงให้เห็นว่าตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในไทยเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยข้อมูลในช่วง 6เดือนแรกของปี 2564 พบว่ามีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 2,894 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,105% เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของปีก่อน ในขณะที่ทรัพย์สินผู้ลงทุนมีมูลค่าสูงถึง 43,794 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 264% ซึ่งเรียกได้ว่าร้อนแรงทีเดียว ซึ่งสิ่งที่ทำให้การลงทุนในคริปโตนั้นฮิตติดลมบนขึ้นมา ก็เพราะผลตอบแทนที่สูงน่าดึงดูดใจ ได้กำไรรวดเร็ว จนได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ สามารถเริ่มลงทุนได้โดยใช้เงินจำนวนไม่มาก และนอกจากผลตอบแทนแล้ว คนยังให้ความมั่นใจเพิ่มขึ้นในเรื่องของบล็อกเชน ซึ่งเป็นระบบจัดการที่มีความคล่องตัวและเชื่อว่าปลอดภัยสูง อย่างไรก็ตามก็ยังคงต้องเฝ้าติดตามมาตรการการกำกับนโยบายและหลักเกณฑ์ควบคุมของคณะกรรมการก.ล.ต. และธนาคารแห่งประเทศไทยอีกครั้ง เนื่องจากสินทรัพย์ประเภทนี้มีความเสี่ยงจากการผันผวนของมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัล และความเสี่ยงจากการโจรกรรมทางไซเบอร์ แต่จากการที่ผู้ประกอบได้มีการยอมรับให้สามารถใช้คริปโตแทนเงินสดหรือสามารถนำมาแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการได้แล้ว ก็แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและโอกาสในความสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนของสกุลเงินนี้ในอนาคต

คริปโตเคอร์เรนซีแม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่นัก โดยเฉพาะในต่างประเทศที่มีการใช้กันอย่างกว้างขวาง แต่สำหรับวงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศนั้น ก็นับว่าคริปโตเพิ่งเริ่มเข้ามามีบทบาทในปีนี้เอง โดยในช่วงระยะแรกอาจจะยังไม่มีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ผ่านคริปโตอย่างแพร่หลายเท่าไหร่นัก แต่มองว่าระยะยาวในอนาคต การทำธุรกรรมด้วยคริปโตจะมีโอกาสเป็นเรื่องปกติของการซื้อขายก็เป็นได้ค่ะ