ผลกระทบของโควิด19 ทำให้ปี 2020 ที่ผ่านมานี้มีการจัด MIT World Real Estate Forum แบบ Virtual ขึ้นเป็นครั้งแรก เปิดโอกาสให้ผู้คนจากหลากประเทศทั่วโลกมาเข้าร่วมมากกว่าปีที่ผ่านมา จากหัวข้อในงานที่ทุกทีเป็นเรื่องกว้างๆ อย่างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีไปจนถึงภาวะโลกร้อน แต่กลับมีหัวข้อที่พิเศษกว่าที่เคยนั่นคือ “วงการเกมจะเปลี่ยนโฉมหน้าวงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตอย่างไร”

ปัจจุบันมีคนกว่า 2.5 พันล้านคนอยู่บน Virtual Economy หรือระบบเศรษฐกิจเสมือนจริง หากใครมีลูกหลานก็อาจเคยได้ยินชื่อเกมออนไลน์อย่าง Minecraft www.minecraft.net ที่มีผู้เล่นกว่า 126 ล้านคนต่อเดือน เกม Fortnite www.epicgames.com/fortnite อีก 350 ล้านคน ซึ่งทั้งสองเกมต่างมีระบบเศรษฐกิจเป็นของตัวเอง ผู้เล่นสามารถซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการบนระบบเสมือนจริงนี้ ส่วนเกม Second Life secondlife.com ก็เป็นอีกหนึ่งในเกมออนไลน์ที่เก่าที่สุดตัวหนึ่งบนโลกเสมือนจริงที่ยังคงมีผู้เล่นอยู่จนถึงทุกวันนี้

ภาพจาก https://www.minecraft.net/

ภาพจาก http://go.secondlife.com/landing/business

ภาพจาก https://community.secondlife.com/knowledgebase/english/buying-land-r14/

บทบาทเกมของออนไลน์ที่นอกเหนือจากการให้ความบันเทิง ยังทำหน้าที่เสมือนตลาดทางเศรษฐกิจ เป็นสังเวียนกิจกรรม และเป็นศูนย์รวมทางสังคมขนาดใหญ่ที่ผู้คนเข้ามาเล่น ทำงานและใช้ชีวิตอยู่บนนั้น

โลกเสมือนจริงคือแพลตฟอร์มหรือพื้นที่ที่ให้คนเข้ามาทำอะไรก็ได้อย่างที่คนบนโลกแห่งความเป็นจริงทำกัน แต่ไร้ซึ่งข้อจำกัดทางด้านภูมิศาสตร์

เช่นบนแพลตฟอร์มของ Second life ที่ให้ผู้เล่นเข้าไปสร้างอะไรก็ได้บนที่ดินและเชิญชวนผู้คนเข้าไปทำกิจกรรมบนที่ดินนั้นๆ บางคนก็สร้างมหาวิทยาลัยขึ้นมาและมีนักเรียนกว่า 10,000 คนเข้าไปเรียนวิชาที่แตกต่างกัน ดังนั้นผู้คนจึงไม่ได้ก้าวเข้าสู่โลกเสมือนจริงเพื่อความบันเทิงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น บางคนก็เข้าไปเพื่อทำเงิน และไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องชนะการแข่งขันเงินรางวัล 3 พันล้านดอลลาร์ตอนอายุ 13 ปี หรือว่าต้องเก่งขนาดเป็นนักสตรีมเกมที่มีชื่อเสียงถึงจะทำเงิน 35 ล้านดอลลาร์ได้ เด็กๆ หลายคนมีวิธีหารายได้ของตัวเอง บางคนเริ่มสร้างอาคารสำนักงาน ปล่อยเช่าและนำไปขายบนตลาด สร้างกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ

ในขณะที่คนบนโลกแห่งความเป็นจริงมองหาพื้นที่ที่มีคนหนาแน่นน้อยเพื่อความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มขึ้น โลกเสมือนจริงอย่างบนเกม Decentraland  decentraland.org กลับอยู่ในทางตรงกันข้าม ยิ่งทำเลไหนเป็นที่นิยมและมีผู้คนเข้าไปทำกิจกรรมเยอะเท่าไหร่ ที่ดินก็ยิ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเท่านั้น เช่นในเกม Second life ที่มีทั้งย่านคาสิโน ย่านแฟชั่น ย่านพิพิธภัณฑ์ ซึ่งย่านพิพิธภัณฑ์ก็จะมีมูลค่าน้อยกว่าย่านคาสิโน เพราะตามหลักแล้วย่านเหล่านี้จะทำเงินได้น้อยกว่านั่นเอง

และเมื่อทุกอย่างมาถึงจุดนี้ เทคโนโลยีทั้งด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของระบบเศรษฐกิจเสมือนจริงในอนาคต ระบบเสมือนจริงอยู่บนสิ่งที่เรียกว่า Server และบน Server ก็มีสิ่งที่เรียกว่า Simulator ที่คอยสร้างโลกเสมือนจริงของผู้ใช้งานแต่ละคนอยู่บนนั้นอีกที ซึ่งโดยมากแล้วจะเป็นที่ดินที่ใช้ซื้อ-ขายกันในเกม แต่ระบบสามารถรองรับผู้เล่นให้เข้าไปอยู่บนพื้นที่เสมือนจริงในเวลาเดียวกันเพียงแค่ 1-200 ผู้เล่นเท่านั้น การจะให้ผู้เล่นหลักหมื่นหรือหลักแสนคนขึ้นไปอยู่บนพื้นที่โลกเสมือนจริงพร้อมกันในเวลาเดียวกันยังคงเป็นปัญหาทางเทคนิคที่ไม่ได้รับการแก้ไข ด้วยข้อจำกัดนี้ทำให้ช่วงปี 2008-2010 มีคนถอนตัวออกไปจากวงการนี้อยู่จำนวนนึง เหลือไว้แต่ผู้ที่หลงใหลในคอนเซ็ปต์ของโลกเสมือนจริงหรือไม่ก็ผู้ที่ไม่ได้ตั้งใจจะเริ่มธุรกิจในโลกแห่งความเป็นจริง

เราจะเห็นว่าแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จบนโลกเสมือนจริงจะไม่ใช่แบรนด์เดียวกันกับแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จบนโลกจริง เพราะพวกเขาเชี่ยวชาญในการจับจุดและสร้างสิ่งที่ต้องอยู่บนโลกเสมือนจริงเท่านั้นจึงจะได้ผล แต่ทุกวันนี้เรามีคอมพิวเตอร์ที่เร็วขึ้น อินเตอร์เน็ตที่แรงขึ้น การจะพัฒนาและหาโอกาสใหม่ๆ บนโลกเสมือนจริงนี้จึงมีความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Facebook เองก็ส่ง Horizon VR แพลตฟอร์มที่ให้คนเข้าไปสร้างตัวตนบนโลกเสมือนจริง เข้าสู่วงการนี้เช่นกัน

การมาของ Covid-19 ทำให้ยอดการเติบโตของโลกเสมือนจริงที่ถูกทำนายไว้ว่าจะเกิดขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า เกิดขึ้นแล้วทั้งหมดภายในปี 2020 ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Verizon บริษัทผู้ให้บริการสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์รายใหญ่ในอเมริกาพบยอดความเคลื่อนไหวในวิดีโอเกมเพิ่มขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ มีการทำธุรกรรมทางการเงินในเกมเพิ่มขึ้น 200 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต Comcast ก็มียอดการดาวน์โหลดเกมเพิ่มขึ้น 35 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน

เกมออนไลน์รุ่นแรกๆ อย่าง Second Life ก็กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง เมื่อเด็กรุ่นใหม่หันมาใช้เวลาอยู่บนโลกเสมือนจริงมากกว่าโลกความเป็นจริงของพวกเขา

อีกสิ่งที่น่าสนใจของโลกเสมือนจริง คือ การใช้มันเป็นสนามทดลองในการวางแผนและออกแบบการใช้งานของสถานที่ใหญ่ๆ ก่อนลงมือสร้างอะไรต่อมิอะไรในโลกแห่งความเป็นจริง หากคุณจะสร้างสนามบินขึ้นมาสักแห่ง คุณคงอยากรู้ว่าธรรมชาติของการเคลื่อนฝูงชนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งเป็นอย่างไร คุณสามารถจำลองเส้นทางการเคลื่อนที่ของฝูงชนบนโลกเสมือนจริงและแก้ไขมันก่อนที่จะไปทำพลาดในโลกความเป็นจริง ผู้ใช้บางคนใช้ Second life จำลองการสร้างห้องสมุดมหาวิทยาลัยก่อนที่จะลงมือก่อสร้างในโลกแห่งความเป็นจริง

อีกด้านหนึ่งโลกเสมือนจริงก็ทำหน้าที่เหมือนตัวช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่มีอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงได้เบาๆ สิ่งที่อาจทำให้คนบางกลุ่มมีความได้เปรียบเหนือคนอีกกลุ่มอย่าง เชื้อชาติ เพศ ภูมิลำเนา อายุ ถูกตัดออกไปหมดเมื่ออยู่บนโลกเสมือนจริง

ทุกคนบนโลกเสมือนจริงสามารถเป็นอะไรจากที่ไหนก็ได้ตามใจต้องการเหลือไว้วัดกันที่ทักษะและความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จล้วนๆ กลุ่มคนที่มีข้อจำกัดในโลกแห่งความเป็นจริง เช่น ผู้พิการไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจ คนอายุน้อย หรืออื่นๆ ได้มีโอกาสปลดปล่อยความสามารถที่แท้จริงของพวกเขาได้เต็มที่เมื่ออยู่บนโลกเสมือนจริง หากคุณมีความสามารถและเวลาที่มากพอก็มีความเป็นไปได้ที่จะเริ่มธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้แล้ว สิ่งที่ CEO ของ Second life, Ebbe Altberg พูดไว้ว่าบางครั้ง Second Life ก็อาจเป็น First life สำหรับใครบางคน จึงไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริงเลย

แหล่งที่มาข้อมูลและภาพ

https://medium.com/un-real-estate/parallel-worlds-how-the-video-gaming-industry-reimagines-real-estate-e885f3102396

https://medium.com/un-real-estate/un-real-land-fa7e33e87345

https://medium.com/un-real-estate/un-real-land-fa7e33e87345

https://secondlife.com/land/?lang=en-US