อาคารออฟฟิศใจกลางกรุงนิวยอร์ค ออกแบบจากบริษัทสถาปนิกระดับโลก OMA

Tiffany & Co. เป็นห้างสรรพสินค้าค้าปลีกและเป็นไอคอนของเมืองนิวยอร์ค ที่มีบริการสินค้าตั้งแต่เครื่องเขียน สินค้าทั่วไปที่ใช้ในชีวิตประจำวัน จนไปถึงสินค้าระดับหรูประเภทเครื่องประดับเพชร พลอย Jewelry

Tiffany’s flagship ตั้งอยู่บนถนน 727 Fifth Avenue มานานกว่า 80 ปี สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะห้างประจำในเมืองนิวยอร์ค ซึ่งแต่เดิมพื้นที่ Flagship ของแบรนด์จะอยู่แค่เพียงตำแหน่งของพื้นที่ชั้นล่างอาคารเท่านั้น ซึ่งพื้นที่ชั้นล่างอาคารแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เคยถ่ายทำภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง ในการปรับปรุงหรือการ Reimagines ของอาคาร Flagship ในครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนโปรแกรมใหม่ๆในอาคาร โดยที่ยังให้ความเป็น Flagships เหมือนเดิม แต่มีการออกแบบเชิงพื้นที่แบบใหม่

727fifth Avenue เป็นที่ตั้งของอาคารสูง 10 ชั้น มีฟังก์ชันของความเป็นพื้นที่ร้านค้าปลีก Retail โดยเฉพาะ ซึ่งขนาดของอาคารที่เป็นอยู่ไม่ใช่ลักษณะปกติของ Department store ทั่วไป ซึ่งโดยปกติห้างสรรพสินค้าจะประกอบไปด้วยร้านค้าหลากหลายแบรนด์ แต่อาคารแห่งนี้มีแบรนด์เดียวที่ครอบครองพื้นที่หลายชั้น ดังนั้นจึงเกิดคำถามมากมายว่าจะทำอย่างไรให้การปรับปรุงใหม่ สามารถสร้างความน่าสนใจในการซื้อผลิตภัณฑ์ของ Tiffany? จะเพิ่มศักยภาพของการมอบประสบการณ์ได้อย่างไร? ความเป็นประวัติศาสตร์ของอาคารควรสื่อสารออกมาอย่างไร? และจะทำอย่างไรให้แขกที่เข้ามาในอาคารสามารถเข้าถึงได้ในทุกส่วนของอาคาร?

โดยการเปลี่ยนแปลงอาคารเริ่มต้นจากการจัดโครงสร้างใหม่(reorganize) และการปรับโซน(zoning) ของโปรแกรมร้านค้าปลีก เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อ circulation ตั้งแต่ชั้นพื้นที่ดิน Ground Floor จนไปถึงชั้น 10 โดยการจะเพิ่มพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จะใช้วิธีการการย้ายตำแหน่งโครงแกนกลางอาคารเดิม ปรับย้ายให้อยู่ในตำแหน่งใหม่ที่เหมาะสม และเพิ่มตำแหน่งโถงลิฟท์เข้าไปเพื่อทำให้เกิดการเชื่อมต่อที่สะดวกสู่พื้นที่ด้านบนมากขึ้น และไฮไลท์สำคัญคือการพัฒนาพื้นที่สำหรับลูกค้าด้านบนสุดของอาคาร ที่มีการปรับเปลี่ยนพื้นที่รองรับการจัด exhibition การจัด event เพื่อเผยแพร่เอกลักษณ์ของแบรนด์

สถาปัตยกรรมอาคารสร้างขึ้นมาจากแนวคิดที่เน้นความหรูหรา แต่ยังต้องสร้างความสมดุลระหว่างความสวยงาม สุนทรียภาพ และฟังก์ชันการใช้งานเอาไว้อยู่ โดยการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ในการแก้ปัญหา ด้านโปรแกรมและความดูเป็นทางการของรูปทรงอาคารเดิม ซึ่งการแก้ปัญหาทางผู้ออกแบบ ได้ทำการออกแบบโดยใช้กล่องกระจกใส(Glass box) วางซ้อนกัน 2 ชั้นไว้ด้านบนอาคารซึ่งพื้นที่ภายในจัดให้เป็นพื้นที่ Exhibition และ Event ซึ่งจะดูมีความเป็นหนึ่งเดียวแต่สามารถรองรับ 2 โปรแกรมที่สามารถทำงานร่วมกันได้ หรือแยกกันได้ โดยการที่พัฒนาเป็น Glass box ช่วยให้เกิดการเปิดมุมองให้เห็น Panoramic view ของเมือง นอกจากนั้นยังได้ทำการร่นระยะอาคาร Set back จากขอบอาคารเดิมเพื่อให้เกิดเป็นพื้นที่ระเบียง(Terrace) ทำให้พื้นที่ในบริเวณนี้สามารถมองเห็นวิวเมือง และ Central park ได้อย่างชัดเจน

โดยพื้นที่เหนือจากชั้นที่ระเบียงยื่นออกมา 2 ชั้นนี้ จะมีการทำยื่นอาคารเป็นตัวกระจกโค้งที่มีความพิเศษแตกต่างจากกระจกโค้งแบบดั้งเดิม โดยพื้นที่หน้าอาคารจะมีการผสมผสานกระจก 2 รูปแบบคือ 1.กระจกแบน flat และกระจกโค้ง Slumped glass เพื่อสร้างความแตกต่างของคุณภาพตัวกระจก โดยข้อดีที่แตกต่างกัน คือกระจกโค้ง slumped glass เป็นตัวที่มีความแข็งแรง โครงสร้างดี ใช้ตัวค้ำยันในทางตั้งน้อย รวมทั้งตัวกระจกสามารถสร้างความเป็นส่วนตัว Privacy จากภายนอกอาคารได้ ในส่วนของตัวกระจก flat low-e เป็นกระจกที่ช่วยประหยัดพลังงาน แต่ยังสามารถมองเห็นวิวเมืองภายนอกได้ชัดเจน

ส่วนภาพรวมภายนอกของอาคารจะมีลักษณะคล้ายกับผ้าม่านทำให้ตัวอาคารมีมิติดูนุ่มนวลตั้งตระหง่านเหนือ Landmark เป็นการสร้างพื้นผิวที่แตกต่างให้กับตัวอาคารดั้งเดิมที่มีหน้าตาเงียบขรึมของอาคารวัสดุหินปูน ที่มีการเพิ่มกล่องกระจก หรือ เปรียบเสมือนกล่องเครื่องประดับชิ้นใหม่ (กล่องสีน้ำเงิน) ซึ่งลอยอยู่เหนืออาคารโครงสร้างเดิมเป็นการเริ่มต้นเชิงสัญลักษณ์ของการสร้างเอกลักษณ์ใหม่ให้กับแบรนด์เรือธงอย่าง Tiffany ได้เป็นอย่างดี

อ้างอิง:

Tiffany Landmark / OMA | ArchDaily

Tiffany’s Makes Unprecedented Move Next Door to Flagship Store on Fifth Avenue – Untapped New York (untappedcities.com)