ตลาดสัตว์เลี้ยงภายในประเทศกำลังเติบโต โดยเวปไซต์ Jing Daily แนะนำ 3 กลยุทธ์ที่จะช่วยให้ชนะใจผู้ปกครองสัตว์เลี้ยงรุ่นเยาว์ รูปภาพ : Courtesy of Moncler x Poldo Dog Culture

– เจ้าของสัตว์เลี้ยงกลายเป็นกลุ่มผู้ซื้อที่มีกำลังมาก : มีการคาดการณ์ว่าตลาดภายในประเทศจะสูงถึง 66.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นถึงสองเท่าจากปี 2013 อ้างอิงจากการวิจัยของบริษัท Frost & Sullivan

– ด้วยตัวเลขของบ้านที่รับสุนัขและแมวมาเลี้ยงที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศจีน เจ้าของสัตว์เลี้ยงจึงมองหาสถานที่ที่เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยงของพวกเขา

– Local Gen Zers ได้รับรู้ถึงความสนใจที่เปลี่ยนไปจากสัตว์เลี้ยงปกติไปเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยพบเห็นมากนัก เช่น เป็ด หมู และ อัลปาก้า ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกเพิ่มลงไปในรายการสัตว์เลี้ยงที่ผู้คนต้องการ

ชานเน็ตได้มีการนำเสนอว่าการมีไลฟ์สไตล์ที่หรูหราของพวกเขาบนโซเชียลแฟลตฟอร์มท้องถิ่นนั้นไม่ใช้เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด แต่รูปภาพที่ถูกเผยแพร่บน Weibo ที่ทำให้เทรนด์ดีดขึ้นนั้นไม่รูปเซลฟี่: มันคือรูปภาพสัตว์เลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่หรูหรา อย่างเช่นสุนัขกำลังกินอาหารราคาแพงในชามข้าวยี่ห้อ Hermès หรือแมวที่กำลังเดินเล่นโดยที่มีการใส่ปลอกคอของ Goyard แต่ที่สุดของที่สุดก็คือ มีชาวเน็ตรายหนึ่งได้ทำการโพสต์รูปกระต่ายของเขาที่กำลังจะขึ้นเครื่องบินโดยอยู่ในกระเป๋าสัตว์เลี้ยงของ Louis Vuitton

ที่ไม่ค่อยน่าแปลกใจเท่าไหร่นัก แฮชแท็ก #Doglivingbetterthanhuman (“人不如狗系列”) ถูกใช้ในโพสต์จากผู้ใช้งานมากกว่า 550 000 รายบนแพลตฟอร์มยิดนิยมอย่าง Little Red Book ผู้ปกครองสัตว์เลี้ยงขนปุกปุยเหล่านี้กำลังกลายเป็นผู้ซื้อที่ทรงพลังอีกกลุ่มหนึ่ง ด้วยการเพิ่มขึ้นของจำนวนการเป็นเจ้าของสุนัขและแมวมากกว่า 300 เปอร์เซ็น ตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งนั่นทำให้เศรษฐกิจสัตว์เลี้ยงเติบโตขึ้นถึง 400 เปอร์เซ็น

ผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม Little Red Book มีการอวดไลฟ์สไตล์อันหรูหราของเหล่าสัตว์เลี้ยงของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทคาเวียร์ไปจนถึงการใส่เครื่องประดับจากดีไซน์เนอร์ดังๅ รูปภาพ: Screenshots, Little Red Book

มีการคาดการณ์ว่าตลาดภายในประเทศจะสูงถึง 66.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นถึงสอบเท่าจากปี 2013 อ้างอิงจากการวิจัยของบริษัท Frost & Sullivan ซึ่งไม่ได้เพียงแค่ความหมายที่ว่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงขนปุยมีการอุทิศเวลาจำนวนมากให้กับลูกสุนัขของเขา แต่มันหมายความว่าพวกเขาพร้อมที่จะใช้เงินจำนวนมากในการซื้อสินค้าหรูหราให้แก่สัตว์เลี้ยงของพวกเขาได้ใช้ และสำคัญที่สุด คือการอวดโฉมพวกมันด้วย

ต่างจากคนรุ่นก่อนๆ เหล่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงในปัจจุบันถือว่าสิ่งมีชีวิตที่พวกเขาเป็นเจ้าของอยู่นั้นคือเพื่อน สมาชิกในครอบครัว หรือในบางกรณีเป็นลูกของพวกเขานั่นเอง และนอกจากนี้ การลดลงของอัตราการเกิดของประชากรในประเทศจีนซึ่งส่งผลให้แนวโน้นความเหงาที่เกิดจากเทรนด์ “การอยู่คนเดียว” เพิ่มมากยิ่งขึ้น การเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดและความต้องการที่มีมหาศาลนี้ทำให้เหล่าแบรนด์หรูสามารถมองเห็นถึงโอกาสที่พวกเขายังไม่ได้นำมาใช้เลย

นี่คือ 3 กลยุทธ์ที่ Jing Daily นำเสนอว่าเหล่าแบรนด์หรูสามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ในระบบเศรษฐกิจของ ‘Chongwu’ ในประเทศจีนได้ (宠物经济)

การจะขายเครื่องประดับ ทางแบรนด์เองต้องไม่ลืมการบอกเล่าเรื่องราว

เมื่อพูดถึงเสื้อผ้าและเครื่องประดับสำหรับสัตว์เลี้ยง –  เพื่อไม่ให้สับสนกับความพิเศษเพิ่มเติมจากสัตว์เหล่านั้น – บ้านแบบดั้งเดิมเหล่านี้ต้องคำนึงถึงคุณค่าของมันมากกว่าตัวผลิตภัณฑ์เอง เหล่าเจ้าของไม่ได้เพียงซื้อมาเพราะเป็นงานฝีมือชั้นยอดของแบรนด์หรูเหล่านั้น แต่พวกเขายังมองหาสิ่งที่จะมีความหมายสำหรับการตามใจสิ่งมีชีวิตที่พวกเขาเป็นเจ้าของอยู่ด้วย

แม้จะยังอยู่แค่ในช่วงเริ่มต้น แต่ตลาดสัตว์เลี้ยงมูลค่าสูงถึง 300 พันล้านหยวนในท้องถิ่นก็เต็มไปด้วยสินค้ามากมายอย่างเช่น เสื้อขนสำหรับสุนัขของ Moncler’s Poldo ชามข้าวสำหรับแมวที่เป็นเอกลักษณ์ของ Tiffany และ กระเป๋าสะพายหลังสำหรับใส่สุนัขของ Re-Nylon – ทั้งหมดคือความพยายามล่าสุดจากเหล่าบริษัทหรูทั้งหลาย อย่างไรก็ตาม แบรนด์หรูอย่าง Goyard ก็ยังคงพอใจกับจุดยืนสุดพิเศษในภาคส่วนดังกล่าวนี้ ซึ่งต้องขอบคุณความสัมพันธ์อันดีงามที่มีมายาวนานกับเหล่าสัตว์ขนปุยต่างๆ

Tiffany & Co. มีการนำเสนอปลอกคอสัตว์เลี้ยง ป้ายชื่อ และชามข้าวที่มีสไตล์ด้วยสีน้ำเงินอย่างมีเอกลักษณ์ รูปภาพ: Courtesy of Tiffany & Co.

ตามจริงแล้ว ผู้ผลิตเครื่องหนังชาวปารีสคือหนึ่งในแบรนด์รายแรกๆที่เริ่มพัฒนาอุปกรณ์เสริมต่างๆสำหรับสัตว์เลี้ยงในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ไลน์ผลิตภัณฑ์ “Chic du Chien” ของโรเบิร์ต โกยาร์ด ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับบูลด็อกฝรั่งเศสอันเป็นที่รักของเขาเอง ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในทันที และกลายเป็นสิ่งที่ ‘ต้องมี’ สำหรับสัตว์เลี้ยงสุดชิคในยุคนั้นๆ  ซึ่งในทุกวันนี้ เหล่าผู้บริโภคก็ยังคงชื่นชมบรรยากาศดังกล่าวอยู่ ซึ่งทำให้ Goyard กลายเป็นนักออกแบบเครื่องประดับสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง

การที่สถานประกอบการณ์ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากภาคส่วนดังกล่าวนี้ไม่ควรที่จะมองว่าอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยงนั้นเป้นหมวดหมู่ที่แตกแยกออกไป แต่จริงๆแล้ว มันควรถูกมองให้เป็นหมวดหมู่แบบบูรณาการ โดยเฉพาะการพิจารณาถึงเทรนด์ของการจับคู่สัตว์เลี้ยง-และ-เจ้านายให้เข้ากันอาจจะช่วยกระตุ้นการพัฒนาแผนกเสื้อผ้าสำเร็จรูปได้ต่อไป

ทำให้ร้านของคุณเป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยง

ด้วยตัวเลขครัวเรือนในจีนที่รับสุนัขและแมวมาเลี้ยงนั้นเพิ่มขึ้นเป้นจำนวนมาก (ทะลุ 100 ล้านครัวเรือนในเขตตัวเมืองในปี 2020) เหล่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงจึงต้องการที่จะให้มีร้านค้าที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงที่พวกเขาสามารถที่จะพาเพื่อนขนปุยของพวกเขาไปด้วยได้ ร้านกาแฟทั้วๆไปไม่ได้เป็นตัวเลือกอันดับแรกสำหรับผู้บริโภครุ่นเยาว์อีกต่อไป แต่พวกเขาให้ความสนใจกับคาเฟ่สัตว์เลี้ยงมากกว่า ซึ่งเป้นที่ที่พวกเขาสามารถที่จะพาเพื่อน 4 ขาของพวกเขาไปด้วยและยังสามารถที่จะเล่นกับพวกมันในนั้นด้วยได้

สตาร์บัคคือผู้บุกเบิกในปี 2018 เมื่อเขาได้เปิดร้านที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงในเมืองเฉิงตูและเซินเจิ้น และต่อมาในเมืองใหญ่อื่นๆอีกหลายเมือง หลังจากนั้น Hey Tea ก็ตามมาติดๆโดยการเปิดตัวร้านคาเฟ่สุนัขเป็นที่แรกของพวกเขาในเมืองเซินเจิ้นเมื่อปีที่แล้ว และตอนนี้ โรงแรมหรูยักษ์ใหญ่อย่าง Mandarin Oriental, The W Hotel และ The Intercontinental Hotel ก็มีการอนุญาตให้สัตว์เลี้ยงเข้าพักกับเจ้าของได้ด้วย  จากมุมมองตรงนี้ การสร้างพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆไว้ภายในร้านบูติกของพวกเขาเพื่อที่จะรองรับเหล่าเพื่อนขนปุยของลูกค้าได้อาจจะกลายเป็นวิธีที่มีศักยภาพที่จะสามารถดึงดูดความสนใจจากเหล่าผู้ปกครองของสัตว์เลี้ยงได้ไม่ยาก

ร้าน Hey Tea ที่มีการร่วมมือกับ Tyakasha ซึ่งเป็นบริษัทในเซี่ยงไฮ้ในการเปิดตัวสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงในคาเฟ่ที่มีความเป็นมิตรกับสัตว์ในเมืองเซินเจิ้นเมื่อปีที่ผ่านมา รูปภาพ: Hey Tea’s Weibo

Gloria Gan, นักวิเคราะห์วิถีชีวิตของหน่วยงานการวิจัยตลาดของ Mintel อธิบายว่าในขณะนี้เหล่าผู้บริโภคกำลังค้นหาวิธีต่างๆที่จะสามารถแบ่งปันความสุขในชีวิตของเขาให้กับสัตว์เลี้ยงด้วย ไม่ใช่แค่กับเพื่อนหรือคนรัก “การเปิดตัวร้านค้าระดับหรูที่เป็นมิตรกับสัตว์จะต้องกลายเป็นเรื่องร้อนแรงอย่างแน่นอน” เธอกล่าว ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของเจ้าของสัตว์เลี้ยง เหล่าบ้านแบบดั้งเดิมยังสามารถที่จะก้าวไปได้ไกลกว่าการเปิดตัวอุปกรณ์เสริมต่างๆสำหรับสัตว์เลี้ยงแบบเดิมๆด้วยการเปิดร้านคาเฟ่ป๊อปอัพใหม่ๆสำหรับสัตว์เลี้ยงได้

เข้าถึงเจ้าของสัตว์เลี้ยงบนโซเชียลมีเดียต่างๆ

ในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ได้มีดาวดวงใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายจากการถ่ายทอดสดต่างๆ  ซึ่งนั่นรวมถึง แมว Puppet, สุนัขชิบะ  และกระต่าย Angora อ้างอิงจากข้อมูลของ “2020 Kuaishou Pet Ecology Report” การถ่ายทอดสดสัตว์เลี้ยงมีความยาวรวมทั้งหมดมากถึง 16 000 ชั่วโมงภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน ซึ่งหมายความว่าทุกๆ 5.4 วินาที จะมีการถ่ายทอดสดเพื่อนสี่ขาหนึ่งครั้ง

บันดาผู้มีอิทธิพลขนฟูเหล่านี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากชาวเน็ตท้องถิ่นและยังสามารถช่วยให้บริษัทต่างๆสามารถเผยแพร่เรื่องราวของพวกเขาไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อีกด้วย อ้างอิงจาก Topclout มากกว่า 83 เปอร์เซ็นของเหล่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงมีการใช้งานโซเชียลมีเดียที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงเพื่อที่จะเรียนรู้วิธีการดูแลเหล่าเพื่อนขนปุยของพวกเขา เพจ WeChat ก็ได้รับความสนใจมากเช่นกัน ในขณะที่ 25 เปอร์เซ็นติดตามเนื้อหาต่างๆบน Weibo และ Douyin

โดยทั่วไปแล้ว คนที่เกิดในยุค 90 จะเป็นผู้ชมหลักของเนื้อหาเกี่ยวกับสัตว์บนโลกออนไลน์ – ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีสัตว์เลี้ยงเป้นของตัวเองก็ตาม แต่บ่อยครั้งที่พวกเขาเห็นแบรนด์ต่างๆมีความเกี่ยวข้องกับเหล่าสิ่งมีชีวิตที่น่ารักๆ มันจะเพิ่มความอยากเรียนรู้เกี่ยวกัลแบรนด์ๆนั้นได้ดีขึ้น “สำหรับผู้บริโภครุ่นเยาว์ การแชร์วิดีโอหรือภาพถ่ายเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงลงบนโซเชียลมีเดียหรือแพลตฟอร์มการถ่ายทอดสดได้กลายเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในการสร้างความบันเทิงไม่ต่างอะไรจากการคลายเครียดเลย” คุณ Gan กล่าวเสริมโดยอ้างอิงจากข้อมูลจากบริษัทวิจัย Mintel

นอกจากนี้ Gen Zers ในท้องถิ่นก็มีการปรับเปลี่ยนความสนใจไปจากสัตว์เลี้ยงทั่วไป อย่างสุนัขและแมว ไปเป็นสัตว์ที่ได้รับความน้อยลงมาอย่างเช่น เป็ด หมู และอัลปาก้า ด้วยการร่วมมือกับเหล่าสัตว์เลี้ยงทรงอิทธิพลที่ไม่ค่อยคุ้นเคยเหล่านี้ก็สามารถที่จะช่วยให้ทางแบรนด์ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้นจากผู้ชมที่ต้องการอีกด้วย

แม้จะเป็นตัวแทนของกลุ่มสัตว์เลี้ยงเฉพาะกลุ่ม แต่ทาง Gen Zers ก็ยังคงมีความสุขกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหมายถึงการก้าวออกนอกกรอบในการเลือกสัตว์เลี้ยง และมันจะกลายเป็นช่วงเวลาที่แบรนด์ต่างๆคงต้องทำด้วยเช่นเดียวกัน

ที่มา : https://jingdaily.com/china-luxury-pet-economy-goyard-starbucks/