มาดู 9 วิธีเนรนิตห้องนอนให้กลายเป็นออฟฟิศในบ้าน(หรือในคอนโด) แบบง่ายๆ ตามขั้นตอนเหล่านี้
1. สร้างบรรยากาศให้น่าทำงาน
กฎข้อแรกเมื่อต้องการสร้างห้องนอนให้กลายเป็นออฟฟิศ คือ การพยายามคุมบรรยากาศไม่ให้เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งมากจนเกินไปไม่ว่าจะห้องนอนหรือห้องทำงาน ให้พยายามหาจุดที่พอดีระหว่างสองสิ่งนี้แล้วดึงมันออกมาใช้ ด้วยการสร้างบรรยากาศให้รู้สึกอบอุ่น น่าใช้สอย น่าทำงาน น่าพักผ่อนเมื่อต้องรองรับแขกหรือนอนพักผ่อน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องสามารถจุดประกายความคิดและสร้างพลังในการทำงานได้ระหว่างวันได้ด้วย
2. เลือกเตียงให้เล็กลง
การมีเตียง King Size ตั้งเด่นหราอยู่กลางห้องจะให้ความรู้สึกถึงการเป็นห้องนอนมากกว่าห้องทำงาน ดังนั้นให้ลองมองหาทางเลือกอื่นๆ เช่น Murphy bed หรือเตียงที่พับซ่อนขึ้นไปเป็นชั้นเก็บของหรือกำแพงได้ในขณะที่ไม่ใช้งานและกางออกมาเมื่อต้องการนอนหลับพักผ่อน หรือจะเป็นโซฟาที่สามารถปรับออกมาเป็นเตียงนอนได้ อีกทั้งการมีโซฟายังมีข้อดีในเวลาที่ต้องการนั่งพักอ่านหนังสือหรือใช้เป็นพื้นที่สำรองเมื่อมีแขกมาเยี่ยมเยือน
3. ใช้โต๊ะและเก้าอี้ง่ายๆ ไม่หวือหวา
อย่าทำให้ห้องต้องกลายเป็นคอกทำงานในบริษัทที่ตึงเครียดจริงจังด้วยการมีโต๊ะตัวใหญ่และเก้าอี้ล้อเลื่อนรุงรัง ลองเปลี่ยนมาเป็นโต๊ะที่ขนาดพอดีกับการวางแล็ปท็อปและอุปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานเท่านั้นและเก้าอี้ที่สบายพอสำหรับการนั่งทำงานได้ทั้งวัน เลือกตัวที่การออกแบบมีลักษณะโปร่งก็ช่วยเพิ่มความรู้สึกว่าห้องโล่งขึ้นได้เช่นกัน ในส่วนของเครื่องพรินเตอร์และแฟ้มเก็บเอกสารก็ควรวางให้เข้าที่เข้าทางอย่างมุมห้องหรือบนชั้นวางที่ให้ความรู้สึกถึงการเป็นส่วนหนึ่งของของตกแต่งมากกว่าการเป็นแค่ตู้เหล็กทึบๆ ไม่น่ามอง
4. เพิ่มโทรทัศน์สักหน่อย
การติดตั้งโทรทัศน์ไว้ในบริเวณพื้นที่ทำงานอาจจะฟังดูไม่เข้าท่าแต่มันสามารถช่วยให้คุณผ่อนคลายได้ในเวลาที่หัวตื้อระหว่างวัน เลือกขนาดสัก 24 นิ้วก็ถือว่าเกินพอและอย่าลืมใช้เป็นแบบติดผนังเพื่อหลีกเลี่ยงความเทอะทะด้วยล่ะ
5. จัดระเบียบด้วยชั้นวางของ
จัดเก็บสิ่งต่างๆ ให้เป็นระเบียบในพื้นที่แนวตั้งก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้รู้สึกว่าห้องมีพื้นที่กว้างขึ้น เก็บอุปกรณ์เครื่องใช้และหนังสือขึ้นตู้ไปให้หมดแล้วคุณจะเหลือพื้นว่างบนพื้นไว้ใช้ทำอย่างอื่นได้ สำหรับท่านที่มีเอกสารลับสำคัญที่ต้องจัดเก็บก็ไม่ควรลืมใส่กุญแจล็อคให้มิดชิด
6. อย่าให้พื้นที่ดูแน่นมากเกินไป
ที่จริงแล้วสิ่งสำคัญหลักๆ สำหรับการตกแต่งออฟฟิศในบ้านนั้นมีเพียง 5 อย่างเท่านั้น ได้แก่ เตียง โต๊ะ เก้าอี้ ชั้นวางหนังสือ และตู้จัดเก็บเอกสาร หากพื้นที่มีจำกัดก็ไม่ควรฝืนยัดสิ่งใดเข้าไปเพิ่มอีก
7. เลือกไฟส่องสว่างให้เป็น
บางคนอาจนิยมติดตั้งไฟที่ให้แสงสว่างจ้าอยู่เหนือพื้นที่นั่งทำงานแต่ไฟในลักษณะนี้ไม่เป็นมิตรต่อบรรยากาศการนอนเสียเท่าไร หากมีไฟชนิดนี้แล้วอย่าลืมเพิ่มโคมไฟเล็กๆ สักตัวไว้ที่หัวเตียงหรือข้างโซฟาเพื่อใช้งานในเวลากลางคืนแทนไฟตัวหลัก หรือติดตั้งเป็นโคมไฟพัดลมติดเพดานที่มีรีโมทสำหรับปรับการใช้งานได้แม้ในขณะที่นอนอยู่บนเตียง
7. สบายๆ เข้าไว้
รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในการตกแต่งอย่างพรม หมอนอิง หรือต้นไม้เล็กๆ สามารถช่วยเพิ่มความรู้สึกอบอุ่นและสะดวกสบายได้ในแบบของคุณ แต่ข้อควรระวัง คือ ไม่ควรใส่ของที่เป็นความชอบแบบเฉพาะตัวมากๆ จนอาจทำให้แขกผู้มาเยือนรู้สึกเหมือนอยู่คนละโลกกับคุณอย่างการวางอวดชุดตุ๊กตาโบราณหรือของสะสมแปลกพิสดาร
8. รักษาความเรียบร้อยอยู่เสมอ
เมื่อมีการใช้งานถึงสองลักษณะภายในห้องเดียวดังนั้นการจัดเก็บข้าวของต่างๆ ให้เรียบร้อยอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องสำคัญ ออฟฟิศในบ้านควรเอื้อให้คุณทั้งสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในตอนกลางวันและเป็นที่ที่ทำให้หลับสบายได้ในตอนกลางคืน ควรเก็บโต๊ะให้เรียบร้อยทุกครั้งหลังใช้งาน หากระดานไม้มาแขวนไว้ที่ผนังสักแผ่นสำหรับแปะกระดาษโน๊ตต่างๆ ให้เข้าที่เข้าทาง อุปกรณ์เครื่องใช้อย่างลวดเย็บกระดาษ ปากกา ไม้บรรทัด ควรเก็บไว้ในกล่องให้เรียบร้อยทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จ
เพียงเท่านี้ห้องนอนธรรมดาก็สามารถกลายเป็นออฟฟิศได้ง่ายๆ
ได้เวลาสวมวิญญาณนักออกแบบตกแต่งภายในแล้วไปลุยกันได้เลย!
#DigitalNomad #GigEconomy
แหล่งข้อมูลและภาพ
https://gigworker.com/home-office-guest-room/
https://unsplash.com/search/photos/home-office