Chaina Evergrande Group และ Country Garden มีความสามารถในการต่อรองให้ได้กําไร หากยอดการยืมที่สูงขึ้นสามารถรองรับความกระตือรือร้นในการซื้อได้
ผู้พัฒนาโครงการจากจีนแผ่นดินใหญ่ 2 รายกำลังเผชิญหน้ากับบทเรียนราคาแพงจากความล่าช้า
ในปีที่ผ่านมา Chaina Evergrande Group และ Country Garden ได้จ่ายเงินก้อนโตในการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่พักอาศัยในพื้นที่ใหม่ แต่คู่หูยังฮ่องกงก็ได้คว้าเอาที่ดินที่คล้ายๆกันมาเมื่อไม่น้อยกว่า 3 ปีที่แล้ว
ในตอนนี้ธนาคารในฮ่องกงกำลังเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นอาจจะทำให้ความต้องการและราคาบ้านลดลง บริษัทจีนแผ่นดินใหญ่กำลังเผชิญกับโอกาสที่ไม่แน่นอนในการทำกำไรหรือแม้แต่ขาดทุนในขณะที่คู่แข่งอย่างฮ่องกงยังคงมีความหวังในการกอบโกยต้นทุนที่ลงทุนไป บริษัทจีนแผ่นดินใหญ่ยังคงมีความประนีประนอมในการกำหนดราคาที่ต่ำเพื่อสู้กับราคาอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลง เหมือนกับที่นักวิเคราะห์หลายๆรายทำนายไว้
“ผู้พัฒนาบนแผ่นดินใหญ่ (กำลัง) อยู่ในจุดที่อ่อนแอต่อการแก้ไขราคาตลาดที่พักอาศัยในฮ่องกง โครงการต่างๆของพวกเขาในฮ่องกงอาจจะต้องมีการต่อสู้เพื่อการอยู่รอดหรืออาจจะขาดทุน หากราคายังคงลดลงมากกว่า 15 หรือ 20 เปอร์เซ็นต์” Condy Huang นักวิเคราะห์จาก S&P Global Ratings กล่าว
UBS ได้คาดการณ์ไว้ว่าราคาที่พักอาศัยในฮ่องกงจะลดลงมากถึง 10 เปอร์เซ็นต์จากเดือนนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2019 ในขณะที่ทาง Citibank พยากรณ์ว่าจะมีการลดลง 7 เปอร์เซ็นต์ในครึ่งปีหลังของปีนี้
กล่าวคร่าวๆคือทาง Evergrande และ Country Garden วางแผนที่จะเริ่มขาย Unit จำนวนหลักพันที่ในตอนนี้ยังคงอยู่ระหว่างการก่อสร้างใน Tuen Mun และ Ma On Shan
ในเดือนมกราคม Evergrande Group ได้จ่ายเงินราคาต่อตารางฟุตที่แพงที่สุดประมาณ 8,300 เหรียญดอลลาร์ฮ่องกง เท่าที่มีการลงสถิติมาใน Tuen Mun ในการซื้อที่ดินที่คาดหวังไว้ว่าจะพัฒนาเป็นโครงการจำนวน 1,982 ยูนิต บนถนน Kwun Chui 8 จาก Henderson Land Developmen t ด้วยเงินจำนวน 6.5 พันล้านเหรียญดอลลาร์ฮ่องกง ( 830 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ) Henderson ได้รับกำไรมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ในการทำสัญญาที่ดินที่เขาซื้อไว้ในเดือนมิถุนายน 2015
เพิ่มค่าใช้จ่ายในการสร้างและค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ราคาการลงทุนรวมทั้งหมดสำหรับโครงการ Evergrand Tuen Mun จะอยู่ที่ประมาณ 14,410 เหรียญดอลลาร์ฮ่องกงต่อตารางฟุต
นั่นหมายความว่า Everygrande จำเป็นต้องขายห้องชุดในการพัฒนาโครงการนี้ด้วยราคาประมาณ 16,600 เหรียญดอลลาร์ฮ่องกงต่อตารางฟุตเพื่อที่จะทำกำไรให้ได้ 15 เปอร์เซ็นต์ตามที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตามบ้านมือสองที่อยู่ใกล้ๆกับโครงการ Wheelock Propperties’ Napa ได้ขายไปด้วยราคา 14,200 เหรียญดอลลาร์ฮ่องกงต่อตารางฟุต ซึ่งหมายความว่า Evergrande มีความอ่อนแอกว่าในเรื่องของราคาที่กำลังไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ
Wheelock Propperties ผู้พัฒนาสัญชาติฮ่องกงได้กำไรจากการซื้อที่ดินมาแล้วในปี 2013 พวกเขาจ่ายไป 1.39 พันล้านเหรียญดอลลาร์ฮ่องกง หรือเพียงแค่ 3,683 เหรียญดอลลาร์ฮ่องกงต่อตารางฟุต สำหรับเว็บไซต์ของ Napa ในปี 2017 ราคาขายเฉลี่ยสำหรับห้องชุดอยู่ที่ 11,500 เหรียญดอลลาร์ฮ่องกงฟุต ทำให้ Wheelock ได้กำไรไปมากกว่า 67% หลังจากที่เพิ่มค่าใช้จ่ายการก่อสร้างและอื่นๆ
หนึ่งในบรรดาผู้พัฒนาโครงการจากแผ่นดินใหญ่อาจจะไม่เผชิญกับ “ผลจากการล่าช้า” Vanke Property (Hong Kong) ซื้อเนื้อที่ในราคา 3.8 พันล้านเหรียญดอลลาร์ฮ่องกงในปี 2015 หรือ 4,541 เหรียญดอลลาร์ฮ่องกงต่อตารางฟุต นั่นก็ยังคงสามารถช่วยให้มีโอกาสที่จะทำกำไรต่อไปหากำไรนั้นลื่นไหลตามที่ต้องการ การที่จะบรรลุการทำกำไรให้ได้ 15% Vanke จำเป็นเพียงแค่ทั้งราคาห้องชุดของโครงการ Le Pont ของพวกเขาที่ประมาณ 11,790 เหรียญดอลลาร์ฮ่องกงต่อตารางฟุตเท่านั้นเอง
“Vanke Property (Hong Kong) ซื้อที่ดินได้ค่อนข้างเร็วในช่วงที่ที่ดินแถวนั้นถูกขายทอดตลาดในราคาประมาณ 4,000 เหรียญดอลลาร์ฮ่องกงต่อตารางฟุต“ Alvin Lam ผู้อำนวยการของ Midland Surveyors ผู้ที่เพิ่มการพัฒนาเพื่อช่วยให้บริษัทผ่านปัญหาเรื่องการชะลอตัวของตลาดเนื่องจากราคาที่ดินตกต่ำลง
โครงการของ Vanke สามารถเพิ่มแรงกดดันให้กับ Evergrande ได้โดยการคว้าเอาเหล่าผู้ซื้อไว้ได้ เดือนตุลาคมที่ผ่านมา Vanke ได้นำ 1,000 ยูนิตของโครงการ LePont ที่ So Kwun Wat ที่ถูกพัฒนาขึ้น มาปล่อยขายแบบ Pre-sale ส่วน Evergrande Country Garden ได้เข้ามาในส่วนนี้ค่อนข้างช้า
เดือนกันยายนที่แล้ว Country Garden จ่ายเงินมูลค่า 2.44 ล้านเหรียญดอลลาร์ฮ่องกง ล้านเหรียญดอลลาร์ฮ่องกง หรือจำนวน 10.498 เหรียญดอลลาร์ฮ่องกงต่อตารางฟุต ในการประมูล 60 เปอร์เซ็นต์ของที่ดินใน Ma On Shan ที่มี Wang On Group เป็นเจ้าของ
สำหรับการทำกำไรให้ได้ 15% ของ Country Garden พวกเขาจึงจำเป็นต้องขายห้องชุดจำนวน 547 ยูนิตของพวกเขาในราคา 18,219 เหรียญดอลลาร์ฮ่องกงต่อตารางฟุต
ในทางตรงกันข้าม Henderson Land ก็ได้ประสบความสำเร็จในการทำกำไรมากถึง 68 เปอร์เซ็นต์สำหรับโครงการใกล้เคียงอย่าง Double Cove เพียงแค่ขายห้องชุดในราคาประมาณ 15,000 เหรียญดอลลาร์ฮ่องกงต่อตารางฟุต ซึ่งพวกเขาได้ซื้อที่ดินมาในราคาเพียงแค่ 3,253 เหรียญดอลลาร์ฮ่องกงต่อตารางฟุตในปี 2009
“ เหล่านักพัฒนาโครงการที่จีนแผ่นดินใหญ่ได้มีการตอบโต้ความท้าทายนี้โดยการชะลอการซื้อที่ดินในฮ่องกงในปีนี้ และคาดหวังที่จะทำกำไรและกำหนดเงื่อนไขการเงินให้รัดกุมมากขึ้น” Huang จาก S&P Global กล่าว “แรงกดดันของการทำรีไฟแนนซ์ยังคงขัดขวางเหล่านักพัฒนาจากจีนแผ่นดินใหญ่ เรทการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ที่ยังต่ำอยู่ก็คงต่ำลงไปเรื่อยๆในฮ่องกง”
เจาะจุดแข็ง Siamese Asset ทำไมถึงประสบความสำเร็จกับโครงการย่านสุขุมวิทได้อย่างรวดเร็ว พร้อมพรีวิวโปรโมชั่นวันงาน SIAMESE SUKHUMVIT DEALS ครบ คุ้มที่สุดในรอบปี ลดจริง แจกจริง 1 ล้านบาท!
ถ้ากำลังอยากได้คอนโดมิเนียมตามแนวถนนสุขุมวิทอยู่แล้วละก็ รีบเคลียร์คิวให้ว่างแล้วกำเงิน... อ่านต่อ
10 เหตุผลที่ทำให้ Noble BE19 และ Noble BE33 เป็น 2 โครงการที่คุ้มค่ามากกว่าใคร จนต้องหาเงินมาซื้อให้ได้กับแคมเปญ Noble D Day
ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2561 ที่ผ่านมา ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่เกือบทุกรายต่างพากันออกแคมเปญกระตุ... อ่านต่อ
อยากซื้อความสะดวกสบายใจกลางเมือง โดยไม่มีภาระให้ลูกหลาน ที่ Triple Y Residence คอนโดแนวคิดใหม่ ทำเลสามย่าน-สีลม-พระราม 4 คือคำตอบ
ปัจจุบันคอนโด Leasehold ส่วนใหญ่กระจายตัวอยู่ในย่านดังๆ อย่างราชดำริ หลังสวน ศูนย์สิริก... อ่านต่อ
10 Must Have Items จาก 3 ร้านเครื่องสำอางมัลติแบรนด์ที่สาวๆต้องมีไว้ประดับโต๊ะเครื่องแป้งรับปี 2019
สำหรับสาวๆ โต๊ะเครื่องแป้ง คือมุมหนึ่งของห้องที่เราต้องใช้งานอยู่ทุกวัน ซึ่งคงจะดีไม่น้... อ่านต่อ
“โตโต้” อวดโฉมโรงงานผลิตสุขภัณฑ์แห่งที่ 2 จังหวัดสระบุรี หลังทุ่มงบลงทุนกว่า 2,800 ล้านบาท รองรับยอดผลิตปีละ 420,000 ชิ้น ชูเทคโนโลยีอัตโนมัติที่แม่นยำ มีประสิทธิภาพสูง และ Greenovation ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมรุกเปิดตัวสุขภัณฑ์อัจฉริยะสุดหรู NEOREST Series ใหม่ 3 รุ่น และฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET+ อีก 4 รุ่น ปฏิวัติวงการสุขภัณฑ์ด้วยฟังก์ชันการใช้งานสุดล้ำ ตอกย้ำผู้นำสุขภัณฑ์ระดับไฮเอนด์อันดับ 1 ที่ผสานดีไซน์และนวัตกรรมระดับโลกไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบที่สุด
คุณกอล์ฟ ธนากร ธนวริทธิ์ Super CEO ของ All Inspire Development กล่าวในงานเปิดตัวโครงการ Impression Ekkamai - Sukhumvit 61 ซึ่งเป็นโครงการ Flagship โครงการแรกที่มีพันธมิตรชั้นนำจากญี่ปุ่นถึง 2 รายร่วมทุนกันพัฒนาคือ Hoosier Holdings และ JR Kyushu
บริษัทไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) นำโดย ศาสตราจารย์ ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย (ที่ 4 จากขวา) ประธานกรรมการ ไลโอเนล ลี (ที่ 3 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมคณะผู้บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) (RML) ร่วมกันในโอกาสสำคัญ ในพิธีวางศิลาฤกษ์การพัฒนาโครงการ “One City Centre” อาคารสำนักงานเกรดเอ ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าสูง 52 ชั้น ตั้งอยู่ตรงข้ามเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ มีพื้นที่รวมกว่า 6 ไร่ และมีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 65,000 ตารางเมตร มูลค่าโครงการกว่า 11,500 ล้านบาท โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566 โดยมีกฤษณ์ และกรณ์ ณรงค์เดช เข้าร่วมถ่ายภาพ เมื่อเร็วๆนี้